[นิยายแปล] บุตรีขุนนาง VS สตรีศักดิ์สิทธิ์ 7

Now you are reading [นิยายแปล] บุตรีขุนนาง VS สตรีศักดิ์สิทธิ์ Chapter 7 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

พอปล่อยตัวตามสบายก็เผลอนึกเรื่องของแอนขึ้นมาทันที ฉันเป็นแบบนั้นมาหลายวันแล้ว สมาธิที่มีโดนเป่ากระจุยไม่มีเหลือ

แม้จะจับปากกาอยู่ แต่พอรู้ตัวในหัวก็มีแต่เรื่องของเด็กคนนั้น สะบัดภาพรอยยิ้มที่เหมือนกับเหยียดหยามคนอื่นนั่นไม่ออก ลืมสัมผัสของมือที่ลูบไล้ฉันไม่ลง เป็นอย่างนั้นซ้ำๆ ――

ตอนนั้นเอง ฉันสะบัดหัวไปแล้วไม่รู้กี่รอบ เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว ทั้งที่ใกล้จะสอบแล้วแท้ๆ

ฉันใช้นิ้วเคาะโต๊ะขณะจ้องไปที่สูตรยาเวทมนตร์ วนอยู่อย่างนั้นซ้ำๆ

―― ตั้งสมาธิสิ ฉันเรียกสติตัวเองแบบนั้นอยู่ในหัว ตอนนี้ต้องไล่เรื่องของแอนออกไปจากหัวก่อน

ฉันสูดหายใจลึกๆ แล้วปล่อยลมหายใจออกมา สายตากลับไปมองรายละเอียดของยาที่เขียนอยู่ในสูตร

จะว่าไปแล้ว ฉันเคยออกไปเก็บวัตถุดิบกับเด็กคนนั้นในคลาสอยู่ครั้งนึง ตอนนั้นเธอใช้เวทมนตร์ได้อย่างชำนาญพอๆ กับฉันแล้ว เธอจูงมือฉัน พาฉันเดินไปตามทางและช่วยป้องกันอันตราย ราวกับอัศวินที่คอยปกป้องฉันยังไงยังงั้น

แต่ฉันไม่คอยชอบใจเท่าไหร่ เพราะถึงเธอจะใช้เวทเก่งขึ้นแล้วก็เถอะ คิดจะว่าเก่งกว่าฉันแล้วรึยังไง ตอนนั้นฉันจึงคิดว่าฉันปกป้องตัวเองได้น่า แล้วเดินนำหน้าออกไปด้วยใจคิดแข่งขัน

จริงอยู่ที่ท่วงท่าของแอนมันเท่มากจริงๆ เธอดูละเมียดละไมเหมือนถูกขัดเกลามาแล้ว ฉันเคยเลียนแบบท่าทางการใช้เวทมนตร์ของเธอแบบลับๆ ด้วยแหละ

 

เมื่อเตรียมวัตถุดิบชนิดหนึ่งตามปริมาณที่เขียนไว้เสร็จแล้ว ในหัวก็ถูกแอนครอบงำอีกครั้ง

 

เพราะเป็นแบบนั้น ผลการสอบจึงออกมาแย่ตามสภาพ

แม้เนื้อหาจะยากกว่าปกติและคะแนนของทุกคนในภาพรวมก็ต่ำ ทำให้ฉันได้อันดับสองมาอย่างหวุดหวิด แต่ฉันไม่รู้สึกภูมิใจกับผลลัพธ์เลย

คะแนนที่ปกติจะต่างกับแอนแค่เล็กน้อย ครั้งนี้จึงห่างชั้นกันอย่างมาก

ข้อสอบจะยากขึ้นหรือคะแนนเฉลี่ยจะต่ำลง เรื่องเหล่านั้นเอามาใช้เป็นข้ออ้างไม่ได้หรอก

เพราะแอนยังคงรักษาคะแนนได้เกือบเต็มเหมือนอย่างทุกที นั่นหมายความว่าฉันฝีมือตกลงอย่างชัดเจน พูดได้แค่ฉันพลาดเองเพราะสมาธิหลุด

 

ฉันไม่กล้ามองหน้าแอนที่ยืนดูตารางผลสอบอยู่ด้วยกันข้างๆ ถ้าเธอทำหน้าผิดหวังหรือสิ้นหวังขึ้นมาล่ะ ―― แค่เด็กคนนี้เท่านั้น ฉันไม่อยากให้เธอเห็นฉันในสภาพแบบนี้เลยแท้ๆ พูดแก้ตัวดีรึเปล่านะ ลองตวาดออกไปว่าถึงวันนี้ผลจะออกมาดูไม่ได้ แต่ครั้งหน้าต้องชนะคุณแน่ เพราะงั้นไม่ต้องมาสิ้นหวังกับฉันนะ แบบนี้ดีรึเปล่า

หรือว่าจะอ้างออกไปว่า เป็นเพราะคุณนั่นแหละ เพราะคุณทำให้ฉันไม่มีกะจิตกะใจจะอ่านหนังสือเลย ถ้าอ้างเหตุผลผิดประเด็นที่ดูแพ้แล้วพาลออกไปแบบนั้นคงจะน่าสมเพชน่าดู ฉันไม่มีทางพูดออกไปแน่

ฉันค่อยๆ เลื่อนสายตาแอบมองสีหน้าของแอนที่ยืนอยู่ข้างๆ โดยไม่ขยับร่างกาย

แอนเองก็ใช้สายตามองมาที่ฉันอยู่เหมือนกัน ฉันสัมผัสได้ว่านัยน์ตานั่นฉายแววสนุกสนานอยู่นิดๆ

ฉันผิดหวังเล็กน้อยที่ปฎิกริยาของเธอต่างไปจากที่คาดไว้ ระหว่างที่สบตากันนั้น แอนก็ยิ้มอย่างลุ่มลึก

คิดอะไรอยู่นะ พอเห็นรอยยิ้มที่เหมือนจะมาจากก้นบึ้งของจิตใจนั่นแล้ว ฉันก็เดาใจเธอไม่ถูก

แต่ก็พอจะรู้แล้วแหละ ว่าเธอไม่ได้ยิ้มเพราะผิดหวังในตัวฉันหรือเพราะคะแนนออกมาต่ำแต่อย่างใด

หรือไม่ก็ คงเป็นเพราะดีใจที่ชนะฉันได้ตามปกติละมั้ง ――

「เชื้อเชิญฉันอยู่เหรอคะ?」

เธอพูดแบบนั้นออกมาอย่างกะทันหัน ราวกับจะชำแหละความคิดฉัน

「หา?」

ขณะที่ฉันหลุดอุทานออกมาเพราะไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูด แอนก็จับมือฉันแบบไม่คิดอะไรเป็นพิเศษ

คงเพราะถูกกุมมือแรงกว่าปกติรึเปล่านะ หัวใจถึงได้เด้งกระดอนโดยไม่รู้ตัว ฉันรู้สึกได้ถึงความร้อนบนฝ่ามือ อุณหภูมินั่นเป็นของฉันหรือของเด็กคนนี้กันนะ

ระหว่างที่ฉันกำลังสับสน เธอก็จูงมือฉันอย่างไม่เกรงใจแล้วเริ่มก้าวเดิน ทั้งที่ถูกเด็กคนนี้จับมือมาแล้วไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ แต่ทำไมครั้งนี้ถึงมีบรรยากาศต่างออกไปก็ไม่รู้

แอนก้าวเท้าเร็วอย่างประหลาดโดยไม่สนสายตาคนรอบข้าง เธอดึงมือฉันไปราวกับมีอะไรต้องทำเดี๋ยวนี้เลย เดินมาได้สักพักก็รู้ได้ทันทีว่ากำลังมุ่งหน้าไปยังสวนด้านหลังตามปกติ เธอดูดึงดันกว่าปกติ จะเรียกว่ากึ่งบังคับก็ได้ ถึงฉันจะพยายามก้าวเท้าตามเธออย่างเต็มที่แต่ก็ยังรู้สึกลำบากนิดๆ

พอมาถึงสวนด้านหลัง แอนก็ให้ฉันนั่งลงบนม้านั่ง รู้สึกได้ถึงความชื้นของไม้ที่เป็นวัสดุผ่านผิวกระโปรง พอส่งสายตาระแวดระวังให้แอน เธอก็นั่งยองๆ ตรงหน้าฉัน

「ท่านลอร่า ถึงจะเห็นอย่างนี้ ฉันก็รู้จักคำว่าอดทนนะคะ」 แอนพูดขณะแหงนมองมาที่ฉัน 「ทั้งที่ฉันพยายามควบคุมตัวเองเพราะท่านลอร่าบอกว่าไม่ได้รู้สึกแบบนั้น」 เธอเว้นช่วงระยะหนึ่ง 「ขืนทำแบบนี้ ฉันก็อยากถลำลึกกว่าเดิมสิคะ」

แอนลุกขึ้นนั่ง แล้วทาบริมฝึปากลงมาบนต้นคอของฉัน มือของเธอแนบอยู่ที่หน้าอกฉัน ตำแหน่งที่ถูกสัมผัสด้วยริมฝีปากร้อนระอุ เปรี๊ยะๆ กระแสไฟฟ้าที่ชวนให้พึงพอใจไหลมาตามแผ่นหลัง

พอสูดลมหายใจก็ได้กลิ่นน่าหลงใหลหอมขึ้นจมูก ถึงขนาดที่เผลอคิดว่าจะมอบกายและใจให้เลยก็ได้ แต่ก็ปฏิเสธความคิดนั้นทันที จะไหลไปตามสถานการณ์ไม่ได้

「ทะ ทำอะไรน่ะคะ!」 ฉันพูดแล้วดันแอนออกไป 「ยังไงก็สงบจิตสงบใจก่อนเถอะค่ะ」 พอพูดจบฉันก็หายใจเข้าลึกๆ

แม้จะคิดว่าเธอกำลังสูญเสียความเยือกเย็น แต่ก็รู้สึกประหลาดใจนิดหน่อยที่แอนยอมถอยแต่โดยดี เห็นดังนั้นฉันจึงผ่อนลมหายใจคลายกังวล แอนส่งสายตาไม่พอใจมาให้ฉัน

「ก็ถ้าเป็นท่านลอร่า ปกติแล้วต้องได้คะแนนดีกว่านี้แน่ๆ」 แอนหยีตาแล้วพูดอย่างประหลาดใจ 「ไม่ใช่ว่าออมมือเพราะอยากให้ฉันทำเรื่องแบบนี้เหรอคะ?」

「ไม่ใช่สักหน่อยค่ะ!」 ฉันปฏิเสธทันที

ฉันไม่ได้ตั้งใจจะแพ้เลยแม้แต่น้อย อย่างน้อยฉันก็ทุ่มให้กับการสอบอย่างเต็มที่ เพียงแต่ฉันแค่เสียงสมาธินิดหน่อยเท่านั้นเอง

จริงๆ ฉันก็ดีใจแหละที่เธอรู้ว่าฝีมือฉันไม่ได้มีแค่นี้ แต่พอถูกคิดว่าออมมือในการสอบแล้วมันรู้สึกซับซ้อนยังไงไม่รู้ เพราะผลลัพธ์มันออกมาแบบนั้นจะคิดอย่างนั้นก็ช่วยไม่ได้แหละ ฉันจึงแก้ตัวออกไปไม่ได้

ฉันจ้องหน้าแอนอยู่สักพัก 「―― เป็นเพราะคุณนั่นแหละค่ะ」 พูดออกไปจนได้

ฉันรู้อยู่แล้วว่าการพูดแบบนี้มันเป็นการแข็งข้อ ฟังดูแพ้แล้วพาล แต่ก็หยุดไม่ได้ 「พอคิดเรื่องของคุณก็ไม่มีกะจิตกะใจจะอ่านหนังสือ ช่วงนี้จะทำอะไรก็คิดถึงแต่หน้าคุณ!」

แอนฟังแล้วก็ยกคิ้วเหมือนลำบากใจ ฉันคงจะหาเรื่องเกินไปจนเธอวางตัวไม่ถูกละมั้ง ถึงฉันจะเข้าใจดีแต่ก็อดพูดไม่ได้

「ขออภัยค่ะ」 ฉันรีบขอโทษในทันที 「ที่ฉันพูดเมื่อกี้ ――」

「ชอบฉันเหรอคะ?」 แอนพูดแทรกขึ้นมา

เด็กคนนี้พูดอะไรของเขา ฉันเอียงคอสงสัย ไม่เข้าใจว่าทำไมเรื่องราวมันถึงข้ามขั้นไปถึงจุดนั้น 「เรื่องที่พูดเมื่อกี้ ทำไมถึงคิดเป็นแบบนั้นไปได้ล่ะคะ?」

「พอฉันฟังเรื่องเมื่อกี้ ก็สรุปได้แค่อย่างเดียวนะคะ」

「ชอบ」ฉันขบคิดคำพูดของแอนและพึมพำออกมา

ฉันไม่ได้ความรู้สึกช้าจนคิดว่านั่นหมายถึงมิตรภาพแบบเพื่อนหรอกนะ

「ตอนถูกฉันจับมือ ท่านลอร่ารู้สึกยังไงคะ?」

ฉันนึกถึงตอนนั้น แม้ตอนแรกจะตกใจแต่ไม่ได้รังเกียจแน่นอน สัมผัสได้ถึงไออุ่นจากร่างกายแอน นั่นทำให้รู้สึกดี ―― 「ก็ไม่ได้แย่นะคะ แถมยังรู้สึกอุ่นๆ ข้างในอก」

「แล้วตอนถูกกอดล่ะคะ?」 เธอถามต่อ

「รู้สึกอายนิดหน่อย แล้วก็เหมือนหัวใจจะเต้นเร็ว แล้วก็ ―― อาจจะฟังดูย้อนแย้งไปหน่อย ―― แต่พอถูกห่อหุ้มไปด้วยกลิ่นของคุณ แบบว่า รู้สึกสงบใจดีค่ะ」

สีหน้าตกตะลึงของแอนชัดเข้มขึ้นเรื่อยๆ เธอใช้มือคลึงบริเวณหน้าผากไปจนถึงขมับ แล้วหลับตาด้วยใบหน้ายุ่งยาก

「เวลาอยู่คนเดียว จะคิดเรื่องของฉันใช่มั้ยคะ?」

「ก็บอกแล้วไงคะ ว่าเพราะแบบนั้นดิฉันถึงไม่มีกะจิตกะใจจะอ่านหนังสือเลย เวลาไม่ได้เจอคุณก็หงุดหงิดยังไงไม่รู้ ทุกครั้งที่นึกถึงคุณก็รู้สึกทรมานใจ สงสัยว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่ อยากรู้ว่าคุณรู้สึกยังไง ―― เวลาที่ทานของอร่อยๆ ก็นึกถึงหน้าคุณก่อนใคร เวลาเห็นทิวทัศน์สวยๆ ก็อยากมาดูกับคุณ เวลาเห็นดอกไม้บานสะพรั่ง ก็อยากจะมอบให้คุณ แล้วก็ ――」

「สต็อป」 แอนพูดแทรกฉันอีกครั้ง ฉันยังมีเรื่องอยากพูดอีกตั้งเยอะแท้ๆ แอนยกมือห้ามปราม พยายามจะหยุดบทสนทนาของฉัน

พอสังเกตดูดีๆ ในสีหน้าเหมือนตกตะลึงนั่น เหมือนจะมีสีแดงๆ แต่งแต้มอยู่บนแก้มเล็กน้อย 「พูดเองแล้วอาจจะฟังดูยังไงอยู่ แต่นั่นมันแปลว่าชอบไม่ใช่เหรอคะ?」

นี่เป็นความชอบในตัวมนุษย์แน่นอน เธอมีความสามารถเป็นเลิศในหลายๆ ด้าน แล้วก็ไม่เคยหย่อนยานในการพัฒนาตัวเองเลยด้วย เวลาที่แข่งกับฉัน ทุกครั้งเธอจะทุ่มสุดตัวโดยไม่เคยตกหล่นแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งฉันรู้สึกชอบในจุดนั้น รูปร่างหน้าตาก็ดูเท่กว่าคุณชายพวกนั้นเป็นไหนๆ มองโดยรวมแล้วก็เป็นคนที่น่าพอใจอย่างมาก แต่ในกรณีนี้ สิ่งที่แอนพูดมานั้นคือความรักใคร่ ―― ความชอบพอที่เกิดขึ้นกับคนรักกัน ―― ความหมายในเชิงรักๆ แบบนั้น มันหมายความว่ายังไงกันนะ

ฉันไม่รู้ว่าตัวเองชอบแอนในความหมายนั้นรึเปล่า จริงอยู่ที่พักหลังมานี้ เวลาถูกแอนจ้องจะใจเต้นตึกตัก พอถูกสัมผัสก็รู้สึกได้ว่าอุณภูมิร่างกายร้อนขึ้น เวลาเธอถูกพวกคุณหนูหรือคุณชายคนอื่นทักทายก็รู้สึกร้อนรนกระวนกระวายอย่างอธิบายไม่ถูก เวลาที่ไม่ได้เจอก็คิดถึงเรื่องของแอนในสัดส่วนที่มากขึ้น

「ดิฉันนับถือและชื่นชอบคุณในฐานะเพื่อน ในฐานะคู่แข่ง แต่นั่นเป็นเพียงแค่มิตรภาพ ดิฉันไม่ได้อยากจะมีความสัมพันธ์ในเชิงรักใคร่กับคุณ ――」

「ถ้างั้น ท่านลอร่า」 แอนพูดแทรกอีกแล้ว

ใบหน้าของแอนเคลื่อนมาอยู่ข้างๆ ในระยะเผาขน ริมฝีปากได้รูปบริเวณสุดสายตาดูจะสั่นไหวอย่างเย้ายวน เธอค่อยๆ เคลื่อนใบหน้าเข้ามาทีละนิด ทีละนิด จนห่างกันแค่ปลายนิ้วก้อย ริมฝีปากกระชั้นชิดเข้ามาทีละน้อย จนริมฝีปากที่เคยอยู่ในจุดที่มองเห็นนั้น ณ ตอนนี้กลับสัมผัสได้เพียงลางๆ ลมหายใจแผ่วรดริมฝีปากของฉันเบาๆ แม้จะจั๊กจี้แต่ก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจ

เวลาก็ไม่ได้ผ่านไปนานนัก แต่กลับรู้สึกเหมือนนานแสนนาน ทุกครั้งที่เธอเคลื่อนเข้ามาใกล้ก็ได้ยินเสียงหัวใจดังขึ้น

แบบนี้มันจะเกินไปแล้วนะ ―― ทั้งที่ในหัวก็รู้อยู่แท้ๆ แต่ร่างกายกลับไม่ห้ามปราบและหลบหนี ตรงไหนสักแห่งในใจฉันคาดหวังว่าจะได้รู้ปลายทางต่อจากนี้

ฉันหลับตาลง ก่อนหน้านี้เคยอ่านจากไหนก็ไม่รู้ว่าเวลาจูบกันเขาต้องทำแบบนั้น ยังอีกเหรอ ยังอีกเหรอ ―― อะไรสักอย่างสัมผัสทับบนริมฝีปาก แต่ความรู้สึกมันต่างจากที่จินตนาการเอาไว้นิดหน่อย รู้สึกเย็นนิดๆ พอเปิดตาเพื่อยืนยันให้ชัดเจนโดยไม่รู้ตัว ใบหน้าของแอนที่เคยกระชั้นชิดนั้นห่างออกไปอีกครั้ง สิ่งที่อยู่บนริมฝีปากไม่ใช่สิ่งที่ฉันหวังไว้ เป็นปลายนิ้วชี้ของแอน

「คิดแล้วเชียว ชอบฉันจริงๆ นี่คะ?」 แอนหัวเราะคิกคักแล้วพูด 「สีหน้าดูผิดหวังมากเลยนะ」

พอโดนบอกแบบนั้น ฉันก็รู้สึกตัวว่าตัวเองหวังให้เป็นริมฝีปากของแอน ริมฝีปากนั่น ―― ปรารถนาในริมฝีปากที่เรียกชื่อฉัน ปรารถนาจะแลกมันกับแอน

รำคาญเสียงหัวใจจัง

―― งั้นเหรอ นี่น่ะเหรอ

ฉันอยากเป็นที่หนึ่งมาโดยตลอด แต่นี่เป็นครั้งแรกที่อยากเป็นที่หนึ่งของใครสักคนโดยเฉพาะ อยากเป็นที่หนึ่งและหนึ่งเดียวของเด็กคนนี้ อยากถูกดึงเข้าไปหาอย่างดื้อดึง อยากถูกกอดแน่นจนหายใจไม่ออก อยากถูกช่วงชิงริมฝีปากอย่างละโมบ

นี่น่ะเหรอความรัก ―― การคิดถึงใครสักคน

 

พอรู้ตัวแล้วก็รู้สึกดีอยู่นะ

ความรู้สึกเหมือนมีน้ำอุ่นซึมลึกเข้าไปในร่างกาย

ความรู้สึกเหมือนร่างกายถูกลมสดชื่นพัดผ่าน

ความรู้สึกเหมือนตอนปล่อยให้ต่อมรับรสรับความหวานจากน้ำผึ้ง

ความรู้สึกอุ่นร้อนล้นทะลักจากส่วนลึกภายในใจ แม้จะไม่รู้ว่ามันจะหยุดเอ่อล้นตรงไหน ปล่อยให้มันอุ่นอยู่ในใจอยู่อย่างนั้น

ความรู้สึกเหมือนพระจันทร์ลอยเด่นท่ามกลางความมืดหม่น ราวกับแสงจันทร์สาดส่องเข้ามาในห้องในคืนที่มืดที่สุด มันอบอุ่น

แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมึนตึง รู้สึกพิลึกอย่างบอกไม่ถูก

 

รู้สึกได้ว่านัยน์ตาสีฟ้าที่จ้องมาที่ฉันเข้มขึ้นหนึ่งระดับ ทั้งที่ที่ผ่านมาก็ได้รับสายตาคู่นี้มาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว แต่ตอนนี้มันเปล่งประกายงดงามกว่าศิลปะบนกระจกที่ละเมียดละไมเป็นไหนๆ เทียบกับที่ผ่านมาแล้วเห็นความต่างได้อย่างชัดเจน

「การแข่งครั้งนี้ ชัยชนะเป็นของฉันสินะคะ?」 เสียงของแอนแว่วเข้ามา

「นะ นั่นสินะคะ」 ฉันตอบไปเพียงส่งๆ

ยังไม่ได้ฟังความปรารถนาของผู้ชนะจากแอนเลย คงจะบอกให้ทำอะไรเหมือนที่ผ่านมาละมั้ง ทั้งที่ครั้งนี้จะทำอะไรที่มันคืบหน้ากว่าเดิมอีกหน่อยก็ได้แท้ๆ อย่างเช่นการกระทำต่อจากเมื่อกี้…

พอจินตนาการก็รู้สึกได้ถึงกระแสไฟฟ้าไหลผ่านที่กลางหลัง

เพราะมองความคิดฉันได้อย่างทะลุปรุโปร่งรึเปล่า แอนจึงหัวเราะคิกคักออกมา 「ถ้าอย่างนั้น ด้วยสิทธิ์ของผู้ชนะ ―― ท่านลอร่า ช่วยบอกความปรารถนาของท่านลอร่า ―― จากใจจริง ―― โดยไม่ปิดบัง ให้ฉันรู้ด้วยค่ะ」

ผู้แพ้ต้องฟังคำขอของผู้ชนะทุกอย่าง นั่นเป็นสิ่งที่ฉันเสนอออกไปเอง จะละเมิดไม่ได้

ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่ สงบจิตสงบใจ แล้วเรียบเรียงความปรารถนาของตัวเอง

「ดิฉันอยากเป็นที่ต้องการของคุณ ――」 ฉันดึงแขนเสื้อแอนแล้วพูดขึ้น พร้อมกับเงยหน้าจ้องมองเธอ 「―― อยากเป็นที่คุณรัก เพียงคนเดียวค่ะ」

นัยน์ตาของแอนส่องประกายลึกลับ นิ้วเรียวกอบกุมประสานระหว่างนิ้วของฉันอย่างแน่นหนา ฉันหลับตาราวกับมันเป็นสัญญาณ

「ท่านลอร่าของฉัน คนที่ฉันรักยิ่งกว่าใครๆ」

ริมฝีปากของแอนประกบทับริมฝีปากของฉันอย่างพอดี

 

จบ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด