[นิยายแปล] I’m Really Scared ชั้นกลัวแล้วจ้าคุณระบบจ๋า! 11 อันตรายไหมน่ะหรือ? อันตรายจริงๆสิเออ

Now you are reading [นิยายแปล] I’m Really Scared ชั้นกลัวแล้วจ้าคุณระบบจ๋า! Chapter 11 อันตรายไหมน่ะหรือ? อันตรายจริงๆสิเออ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บนรถเมล์ตอนนี้ คนที่รับช่วงต่อจากหลินซูม่าน ก็คือเฮ่อเจียง

 

เขาเป็นอาชญากรผู้มีพลังพิเศษที่ได้ถูกดึงตัวมาเข้าร่วม และตอนนี้เป็นสมาชิกทีมที่สี่ของกองพลน้อยโหย่ว(ระกา)แห่งหน่วยรักษาความปลอดภัยพิเศษ และยังคงมีเครื่องระบุตำแหน่งบนร่างกายของเขาจนถึงทุกวันนี้

 

เฮ่อเจียงเป็นผู้ใช้พลังสายเสริมพลังกายระดับ D มีความสามารถ “ฟื้นฟูรวดเร็ว”

 

ความสามารถนี้ ปกติก็เป็นความสามารถติดตัวของสายกายเนื้ออยู่แล้ว เพียงแต่เฮ่อเจียงมีความสามารถเฉพาะเจาะจงทางด้านนี้เป็นพิเศษ

 

พลังการต่อสู้ของเขาไม่แข็งแกร่งอะไรมากมาย แต่ถ้าเขาไม่ได้รับบาดแผลร้ายแรงมากจนฟื้นฟูไม่ทัน เขาก็สามารถหลบหนีออกมาได้อย่างไม่มีปัญหา

 

“เจ้าพวกเบื้องบนส่งแค่ชั้น… พวกมันต้องคิดว่าเป้าหมายนั้นอันตรายมากแน่ และอาจมีการสูญเสียเกิดขึ้น”

 

เฮ่อเจียงเข้าใจดี

 

เพราะความสามารถของเขา เมื่อรวมกับกับอาชีพเก่า ก็เหมาะเจาะต่อการเป็นหน่วยกล้าตาย

 

แต่ทว่า…

 

เฮ่อเจียงชำเลืองมองกวนชานที่กำลังขึ้นรถเมล์ และหยิบมือถือออกมาจ่ายเงินค่ารถ

 

ไม่ว่ามองยังไง ก็ดูปกติมาก

 

‘ได้ยินมาว่าแม้แต่เครื่องตรวจจับก็ไม่มีการตอบสนอง ผู้ชายคนนี้อันตรายจริงรึ?’

 

 

“ติ๊ง!”

 

กวนซานเก็บมือถือกลับคืน และเหลือบมองไปยังที่นั่งด้านหลังรถโดยไม่ได้ตั้งใจ

 

รถเมล์ในช่วงเวลานี้คือเที่ยววิ่งสุดท้ายแล้ว และมักจะมีผู้โดยสารไม่กี่คน

 

ในขณะนี้ มีเพียงชายหนุ่มคนเดียวที่นั่งแถวกลางริมหน้าต่าง และตัวกวนชานที่พึ่งขึ้นรถเมล์ป้ายนี้

 

รถได้สตาร์ทและออกวิ่งจากป้ายรถเมล์

 

ที่นั่งรถเมล์ส่วนใหญ่ต่างว่างเปล่าไร้ผู้คน สายรัดม่านได้แกว่งไหวไปตามการวิ่งของรถ และแสงไฟบนท้องถนนทางนอกหน้าต่างได้ดูราวกับอุกกาบาตที่พุ่งผ่านพ้นท้องฟ้ายามค่ำคืน

 

กวนซานได้เดินไปที่เบาะหลัง

 

เขาติดนิสัยชอบนั่งแถวหลังซึ่งสามารถเลี่ยงการทะเลาะวิวาท หรือการต้องสละที่นั่งให้ผู้อื่น และสามารถใช้โอกาสนี้ในการสังเกตผู้คนหลากหลายประเภทบนรถเมล์

 

ก็เพราะไม่แน่นะ คุณอาจจะเจอสกู๊ปข่าวใหม่ๆก็เป็นได้

 

อีกทั้งเบาะนั่งสูงในแถวหลังยังสามารถให้ตำแหน่งการถ่ายภาพที่ดีอีกด้วย

 

กวนซานได้นั่งลง และสิ่งแรกที่เขาทำคือรายงานต่อเสินติงฮัวให้รู้ว่าเขาอยู่ไหนแล้ว

 

【ซานไว่ชิงซาน】: ชั้นขึ้นรถเมล์แล้ว

 

【รุ่ยเซียง】: ดีมาก ヾ(??▽?)ノ! คำนวณเวลาแล้ว ฉันกำลังจะเห็นเสี่ยวซานในอีกยี่สิบนาที! ฉันสั่งพิซซ่าและโค้กเผื่อไว้เหลือเฟือเลย และวันนี้พ่อแม่ฉันก็ไม่อยู่ เพราะงั้นมาเล่นเกมที่บ้านฉันดีมั้ยล่า?

 

【ซานไว่ชิงซาน】 : กินเยอะทุกคืนระวังอ้วนนะ

 

【รุ่ยเซียง】: ไม่มีทาง! (ดุร้าย.jpg)

 

【ซานไว่ชิงซาน】: ทำไมคืนนี้เตรียมอาหารไว้เยอะจัง? มีเรื่องอะไรดีๆเกิดขึ้นงั้นเหรอ?

 

【รุ่ยเซียง】: มี!

 

【ซานไว่ชิงซาน】: อะไรล่ะ?

 

【 รุ่ยเซียง 】: ก็ฉันดีใจที่เสี่ยวซานเอาชนะเจียงซีหยานได้ และได้รับมอบหมายทำสกู๊ปพิเศษไง นายเข้าใกล้ความฝันอีกก้าวหนึ่งแล้วน้า (*^▽^*).

 

สายตาของกวนซานได้อ่อนโยนลงอย่างช่วยไม่ได้ จากข้อความที่พิมพ์ ท่าทางเสินติงฮัวจะขยิบตาให้อยู่นะ

 

【ซานไว่ชิงซาน】 : ที่แท้นี่เป็นการฉลองชัยชนะงั้นเหรอ?

 

【รุ่ยเซียง】: อืมฮึ (กอดอก.jpg)

 

【ซานไว่ชิงซาน】: ชั้นต้องขอบคุณที่ช่วยพูดออกหน้าแทนชั้นวันนี้นะ คราวหน้าชั้นจะเลี้ยงคืนเอง

 

【รุ่ยเซียง】: ไม่เลี้ยงข้าวสิ ฉันอยากให้เสี่ยวซานทำอาหารให้ฉันมากกว่า (พยายามทำตัวเป็นเด็ก.jpg)

 

【ซานไว่ชิงซาน】: ก็ได้

 

จากนั้นเสินติงฮัวก็ส่งภาพแมวจรจัดที่เธอเห็นบนท้องถนน

 

กวนชานได้แสดงความคิดเห็นสองสามคำเกี่ยวกับความน่ารักของมัน จากนั้นจึงพูดคุยเกี่ยวกับระบบนิเวศของแมวจรจัดในปัจจุบัน และหัวข้อก็ค่อยๆออกทะเลไปเรื่อยๆจนสุดลูกหูลูกตา

 

เขาเงยหน้าขึ้นเป็นครั้งคราวและมองดูวิวกลางดึกนอกหน้าต่าง เขารู้สึกได้ถึงความสงบสุขที่ก่อเกิดภายในใจของเขา

 

กวนซานไม่รู้ว่าเขาติดนิสัยเว้นระยะห่างต่อเสินติงฮัวตั้งแต่เมื่อไหร่

 

เพราะเห็นได้ชัดว่าสนิทกันมาก แต่ไม่เคยข้ามเส้นบางอย่างในชีวิตจริงเลย

 

รักบริสุทธิ์ทางใจรึเปล่า?

 

ไม่น่าจะใช่

 

กวนซานมั่นใจว่าเขาสนใจในตัวของเสินติงฮัว แต่ไม่ใช่เชิงโลกีย์

 

ถ้าจะให้อธิบายอย่างละเอียด

 

ก็คือเหมือนสัตว์ร้ายสองตัวจ้องคุมเชิงกันอยู่ โดยไม่คิดย่างล้ำอาณาเขตของกันและกัน เว้นแต่พวกเขาจะได้รับอนุญาตอ่ะนะ

 

“เฮ้อ…”

 

กวนซานส่ายหน้าอย่างขบขัน เขารู้สึกว่าคำอธิบายของเขาออกจะปัญญาอ่อน

 

เสินติงฮัวจะเป็นสัตว์ร้ายได้ยังไง?

 

อืม… ถ้าเธอเป็นสัตว์ เธอก็น่าจะเป็นแมวลายส้มขี้อ้อนตัวเล็กๆมากกว่า

 

กวนซานแชทกับเสินติงฮัวเพื่อฆ่าเวลา แต่ด้วยความเคยชินของเขา เขาจึงลอบสังเกตผู้โดยสารอีกคนไปด้วย

 

เขาเป็นชายหนุ่มที่ดูธรรมดามากในวัยยี่สิบ สวมหูฟัง แจ็กเก็ตแขนยาว และกางเกงวอร์มขายาว ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกในฤดูนี้ที่ใกล้ถึงช่วงเริ่มฤดูใบไม้ร่วง

 

สิ่งเดียวที่เห็นได้ชัดโดดเด่น คือเขาสวมปลอกคอสีดำซึ่งดูเชยมาก

 

ก่อนหน้านี้ตอนขึ้นรถเมล์ กวนชานได้พบเห็นว่าเขากำลังมองมาทางกวนซานผ่านทางหน้าต่าง

 

กวนซานมั่นใจในการสังเกตของเขา มันไม่ใช่การชำเลืองมองแบบไม่ใส่ใจอะไร แต่เป็นสีหน้าที่จดจ่อ พร้อมทั้งกำลังพูดคุยสื่อสารกับใครบางคนไปด้วย

 

ซึ่งในเวลานั้น กวนซานเป็นคนเดียวที่ยืนรอรถเมล์ที่ป้ายรถเมล์

 

“บางทีอาจจะเห็นสิ่งที่น่าสนใจแถวนั้น เช่น ป้ายโฆษณา หรือลูกแมวที่เดินผ่านมาล่ะมั้ง?”

 

กวนซานได้เดาไปเรื่อยแก้เบื่อ และในขณะนั้นเอง เสียงประกาศของรถเมล์แบบอัตโนมัติก็ดังขึ้น

 

“ยินดีต้อนรับสู่รถเมล์สาย 514… รถกำลังจะออกแล้ว กรุณานั่งลงตามที่นั่ง ป้ายต่อไป จิ่วฉวน”

 

“ผู้โดยสารที่จะลงจากรถ โปรดเตรียมตัวและอย่าลืมสิ่งของสัมภาระนะคะ!”

 

“อ่ะจะถึงจิ่วฉวนแล้วเหรอ งั้นอีกสองป้ายข้างหน้าชั้นก็จะถึงบ้านแล้ว”

 

เมื่อเห็นว่าใกล้ถึงแล้ว กวนซานก็เตรียมพร้อมบอกเสินติงฮัวว่าเขาจะถึงเมื่อไหร่

 

เมื่อหยิบมือถือขึ้นมา เขาก็พึ่งคิดได้ว่ามัวแต่คิดเรื่อยเปื่อยเมื่อกี้นี้ จนใบหน้าของเขาแทบจะหนาวซาบซ่านจากลมหนาว

 

“ฟู่……ถึงจะพึ่งเข้าฤดูใหม่ แต่อุณหภูมิระหว่างกลางวันและกลางคืนค่อนข้างแตกต่างกันมากแฮะ”

 

กวนชานรีบยื่นมือลูบใบหน้าที่หนาวเย็นของเขา เขาลุกขึ้นยืนและคว้าที่จับหน้าต่างรถเมล์แล้วดึงหน้าต่างปิด

 

ในเวลาเดียวกัน ผู้โดยสารที่นั่งข้างหน้าก็ดูเหมือนจะเห็นอะไรบางอย่างข้างนอก

 

สีหน้าเขาได้เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เขาลุกขึ้นยืนทันทีและชะโงกหน้าออกไปตรวจสอบ

 

“แกร๊ก!”

 

ทันทีที่หน้าต่างปิดลง เสียงลมก็ได้ถูกปิดกั้นอยู่ด้านนอก

 

แต่แล้วกวนซานก็มองเห็นรางๆว่ามีบางสิ่งที่ใหญ่พอๆกับลูกบาสเก็ตบอล ได้ลอยอยู่ในอากาศภายใต้แสงไฟจากท้องถนน จากนั้นก็กระแทกกับพื้นด้วยเสียงทึบอันแผ่วเบา

 

มันคล้ายกับ…..เสียงแตงโมแตกยังไงยังงั้น

 

“ผู้โดยสารคนนั้นทิ้งขยะเหรอ?”

 

กวนซานได้หันไปมองแถวกลางรถเมล์ และเห็นว่าผู้โดยสารนั้นยังคงยื่นหัวออกไปนอกหน้าต่างโดยไม่ขยับเขยื้อน

 

กวนซานรีบพูดว่า: “เฮ้ นั่นอันตราย…”

 

ก่อนที่เขาจะทันได้เดินไปหา จู่ๆเขาก็เห็นของเหลวหยดลงมาจากใต้ที่นั่งผู้โดยสาร

 

จากสองหยด ก็เป็นสามหยด…..จนของเหลวหนืดสีแดงเข้มจำนวนมากได้สาดกระเซ็นทั้งบนพื้น ผนังรถเมล์ หน้าต่าง และกระจายไปทั่วอย่างควบคุมไม่ได้

 

ทันใดนั้น รถเมล์ก็ได้สั่นกระเทือน ทำให้ตัวผู้โดยสารคนนั้นเอียงออกมาหลายเซนติเมตร

 

กวนชานได้ยืนแข็งทื่ออยู่กับที่ ร่างกายของเขาด้านชาไปทั้งตัว และหยุดสั่นสะท้านไม่ได้ ขนที่ด้านหลังคอของเขาก็ตั้งเหยียดตรงขึ้น

 

ผู้โดยสารคนนั้นได้เอียงหันมา จนได้เห็นบริเวณคอของเขาซึ่งว่างเปล่า ศีรษะเขาได้อันตรธานหายไปซะแล้ว

 

หลงเหลือไว้แค่เพียงคอชุ่มเลือดซึ่งกำลังหลั่งไหลโลหิตอยู่

 

กวนชานเข้าใจในทันที—

 

สิ่งที่ลอยออกไปทางนอกหน้าต่างนั้นไม่ใช่ขยะ แต่เป็นหัวของผู้โดยสารคนนั้น!

 

กวนซานก้าวถอยหลังด้วยความตื่นตระหนก แต่แล้วเสียงจำลองที่คุ้นหูก็ได้ดังขึ้นในหัวของเขา

 

【การสแกนฉากเสร็จสมบูรณ์ กำลังสร้างเกมสยองขวัญ…】

 

【สร้างเกมสยองขวัญ: รถเมล์เที่ยวสุดท้าย】

 

【กำลังโหลดเรื่องราว โปรดรอสักครู่…】

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] I’m Really Scared ชั้นกลัวแล้วจ้าคุณระบบจ๋า! 11 อันตรายไหมน่ะหรือ? อันตรายจริงๆสิเออ

Now you are reading [นิยายแปล] I’m Really Scared ชั้นกลัวแล้วจ้าคุณระบบจ๋า! Chapter 11 อันตรายไหมน่ะหรือ? อันตรายจริงๆสิเออ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บนรถเมล์ตอนนี้ คนที่รับช่วงต่อจากหลินซูม่าน ก็คือเฮ่อเจียง

 

เขาเป็นอาชญากรผู้มีพลังพิเศษที่ได้ถูกดึงตัวมาเข้าร่วม และตอนนี้เป็นสมาชิกทีมที่สี่ของกองพลน้อยโหย่ว(ระกา)แห่งหน่วยรักษาความปลอดภัยพิเศษ และยังคงมีเครื่องระบุตำแหน่งบนร่างกายของเขาจนถึงทุกวันนี้

 

เฮ่อเจียงเป็นผู้ใช้พลังสายเสริมพลังกายระดับ D มีความสามารถ “ฟื้นฟูรวดเร็ว”

 

ความสามารถนี้ ปกติก็เป็นความสามารถติดตัวของสายกายเนื้ออยู่แล้ว เพียงแต่เฮ่อเจียงมีความสามารถเฉพาะเจาะจงทางด้านนี้เป็นพิเศษ

 

พลังการต่อสู้ของเขาไม่แข็งแกร่งอะไรมากมาย แต่ถ้าเขาไม่ได้รับบาดแผลร้ายแรงมากจนฟื้นฟูไม่ทัน เขาก็สามารถหลบหนีออกมาได้อย่างไม่มีปัญหา

 

“เจ้าพวกเบื้องบนส่งแค่ชั้น… พวกมันต้องคิดว่าเป้าหมายนั้นอันตรายมากแน่ และอาจมีการสูญเสียเกิดขึ้น”

 

เฮ่อเจียงเข้าใจดี

 

เพราะความสามารถของเขา เมื่อรวมกับกับอาชีพเก่า ก็เหมาะเจาะต่อการเป็นหน่วยกล้าตาย

 

แต่ทว่า…

 

เฮ่อเจียงชำเลืองมองกวนชานที่กำลังขึ้นรถเมล์ และหยิบมือถือออกมาจ่ายเงินค่ารถ

 

ไม่ว่ามองยังไง ก็ดูปกติมาก

 

‘ได้ยินมาว่าแม้แต่เครื่องตรวจจับก็ไม่มีการตอบสนอง ผู้ชายคนนี้อันตรายจริงรึ?’

 

 

“ติ๊ง!”

 

กวนซานเก็บมือถือกลับคืน และเหลือบมองไปยังที่นั่งด้านหลังรถโดยไม่ได้ตั้งใจ

 

รถเมล์ในช่วงเวลานี้คือเที่ยววิ่งสุดท้ายแล้ว และมักจะมีผู้โดยสารไม่กี่คน

 

ในขณะนี้ มีเพียงชายหนุ่มคนเดียวที่นั่งแถวกลางริมหน้าต่าง และตัวกวนชานที่พึ่งขึ้นรถเมล์ป้ายนี้

 

รถได้สตาร์ทและออกวิ่งจากป้ายรถเมล์

 

ที่นั่งรถเมล์ส่วนใหญ่ต่างว่างเปล่าไร้ผู้คน สายรัดม่านได้แกว่งไหวไปตามการวิ่งของรถ และแสงไฟบนท้องถนนทางนอกหน้าต่างได้ดูราวกับอุกกาบาตที่พุ่งผ่านพ้นท้องฟ้ายามค่ำคืน

 

กวนซานได้เดินไปที่เบาะหลัง

 

เขาติดนิสัยชอบนั่งแถวหลังซึ่งสามารถเลี่ยงการทะเลาะวิวาท หรือการต้องสละที่นั่งให้ผู้อื่น และสามารถใช้โอกาสนี้ในการสังเกตผู้คนหลากหลายประเภทบนรถเมล์

 

ก็เพราะไม่แน่นะ คุณอาจจะเจอสกู๊ปข่าวใหม่ๆก็เป็นได้

 

อีกทั้งเบาะนั่งสูงในแถวหลังยังสามารถให้ตำแหน่งการถ่ายภาพที่ดีอีกด้วย

 

กวนซานได้นั่งลง และสิ่งแรกที่เขาทำคือรายงานต่อเสินติงฮัวให้รู้ว่าเขาอยู่ไหนแล้ว

 

【ซานไว่ชิงซาน】: ชั้นขึ้นรถเมล์แล้ว

 

【รุ่ยเซียง】: ดีมาก ヾ(??▽?)ノ! คำนวณเวลาแล้ว ฉันกำลังจะเห็นเสี่ยวซานในอีกยี่สิบนาที! ฉันสั่งพิซซ่าและโค้กเผื่อไว้เหลือเฟือเลย และวันนี้พ่อแม่ฉันก็ไม่อยู่ เพราะงั้นมาเล่นเกมที่บ้านฉันดีมั้ยล่า?

 

【ซานไว่ชิงซาน】 : กินเยอะทุกคืนระวังอ้วนนะ

 

【รุ่ยเซียง】: ไม่มีทาง! (ดุร้าย.jpg)

 

【ซานไว่ชิงซาน】: ทำไมคืนนี้เตรียมอาหารไว้เยอะจัง? มีเรื่องอะไรดีๆเกิดขึ้นงั้นเหรอ?

 

【รุ่ยเซียง】: มี!

 

【ซานไว่ชิงซาน】: อะไรล่ะ?

 

【 รุ่ยเซียง 】: ก็ฉันดีใจที่เสี่ยวซานเอาชนะเจียงซีหยานได้ และได้รับมอบหมายทำสกู๊ปพิเศษไง นายเข้าใกล้ความฝันอีกก้าวหนึ่งแล้วน้า (*^▽^*).

 

สายตาของกวนซานได้อ่อนโยนลงอย่างช่วยไม่ได้ จากข้อความที่พิมพ์ ท่าทางเสินติงฮัวจะขยิบตาให้อยู่นะ

 

【ซานไว่ชิงซาน】 : ที่แท้นี่เป็นการฉลองชัยชนะงั้นเหรอ?

 

【รุ่ยเซียง】: อืมฮึ (กอดอก.jpg)

 

【ซานไว่ชิงซาน】: ชั้นต้องขอบคุณที่ช่วยพูดออกหน้าแทนชั้นวันนี้นะ คราวหน้าชั้นจะเลี้ยงคืนเอง

 

【รุ่ยเซียง】: ไม่เลี้ยงข้าวสิ ฉันอยากให้เสี่ยวซานทำอาหารให้ฉันมากกว่า (พยายามทำตัวเป็นเด็ก.jpg)

 

【ซานไว่ชิงซาน】: ก็ได้

 

จากนั้นเสินติงฮัวก็ส่งภาพแมวจรจัดที่เธอเห็นบนท้องถนน

 

กวนชานได้แสดงความคิดเห็นสองสามคำเกี่ยวกับความน่ารักของมัน จากนั้นจึงพูดคุยเกี่ยวกับระบบนิเวศของแมวจรจัดในปัจจุบัน และหัวข้อก็ค่อยๆออกทะเลไปเรื่อยๆจนสุดลูกหูลูกตา

 

เขาเงยหน้าขึ้นเป็นครั้งคราวและมองดูวิวกลางดึกนอกหน้าต่าง เขารู้สึกได้ถึงความสงบสุขที่ก่อเกิดภายในใจของเขา

 

กวนซานไม่รู้ว่าเขาติดนิสัยเว้นระยะห่างต่อเสินติงฮัวตั้งแต่เมื่อไหร่

 

เพราะเห็นได้ชัดว่าสนิทกันมาก แต่ไม่เคยข้ามเส้นบางอย่างในชีวิตจริงเลย

 

รักบริสุทธิ์ทางใจรึเปล่า?

 

ไม่น่าจะใช่

 

กวนซานมั่นใจว่าเขาสนใจในตัวของเสินติงฮัว แต่ไม่ใช่เชิงโลกีย์

 

ถ้าจะให้อธิบายอย่างละเอียด

 

ก็คือเหมือนสัตว์ร้ายสองตัวจ้องคุมเชิงกันอยู่ โดยไม่คิดย่างล้ำอาณาเขตของกันและกัน เว้นแต่พวกเขาจะได้รับอนุญาตอ่ะนะ

 

“เฮ้อ…”

 

กวนซานส่ายหน้าอย่างขบขัน เขารู้สึกว่าคำอธิบายของเขาออกจะปัญญาอ่อน

 

เสินติงฮัวจะเป็นสัตว์ร้ายได้ยังไง?

 

อืม… ถ้าเธอเป็นสัตว์ เธอก็น่าจะเป็นแมวลายส้มขี้อ้อนตัวเล็กๆมากกว่า

 

กวนซานแชทกับเสินติงฮัวเพื่อฆ่าเวลา แต่ด้วยความเคยชินของเขา เขาจึงลอบสังเกตผู้โดยสารอีกคนไปด้วย

 

เขาเป็นชายหนุ่มที่ดูธรรมดามากในวัยยี่สิบ สวมหูฟัง แจ็กเก็ตแขนยาว และกางเกงวอร์มขายาว ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกในฤดูนี้ที่ใกล้ถึงช่วงเริ่มฤดูใบไม้ร่วง

 

สิ่งเดียวที่เห็นได้ชัดโดดเด่น คือเขาสวมปลอกคอสีดำซึ่งดูเชยมาก

 

ก่อนหน้านี้ตอนขึ้นรถเมล์ กวนชานได้พบเห็นว่าเขากำลังมองมาทางกวนซานผ่านทางหน้าต่าง

 

กวนซานมั่นใจในการสังเกตของเขา มันไม่ใช่การชำเลืองมองแบบไม่ใส่ใจอะไร แต่เป็นสีหน้าที่จดจ่อ พร้อมทั้งกำลังพูดคุยสื่อสารกับใครบางคนไปด้วย

 

ซึ่งในเวลานั้น กวนซานเป็นคนเดียวที่ยืนรอรถเมล์ที่ป้ายรถเมล์

 

“บางทีอาจจะเห็นสิ่งที่น่าสนใจแถวนั้น เช่น ป้ายโฆษณา หรือลูกแมวที่เดินผ่านมาล่ะมั้ง?”

 

กวนซานได้เดาไปเรื่อยแก้เบื่อ และในขณะนั้นเอง เสียงประกาศของรถเมล์แบบอัตโนมัติก็ดังขึ้น

 

“ยินดีต้อนรับสู่รถเมล์สาย 514… รถกำลังจะออกแล้ว กรุณานั่งลงตามที่นั่ง ป้ายต่อไป จิ่วฉวน”

 

“ผู้โดยสารที่จะลงจากรถ โปรดเตรียมตัวและอย่าลืมสิ่งของสัมภาระนะคะ!”

 

“อ่ะจะถึงจิ่วฉวนแล้วเหรอ งั้นอีกสองป้ายข้างหน้าชั้นก็จะถึงบ้านแล้ว”

 

เมื่อเห็นว่าใกล้ถึงแล้ว กวนซานก็เตรียมพร้อมบอกเสินติงฮัวว่าเขาจะถึงเมื่อไหร่

 

เมื่อหยิบมือถือขึ้นมา เขาก็พึ่งคิดได้ว่ามัวแต่คิดเรื่อยเปื่อยเมื่อกี้นี้ จนใบหน้าของเขาแทบจะหนาวซาบซ่านจากลมหนาว

 

“ฟู่……ถึงจะพึ่งเข้าฤดูใหม่ แต่อุณหภูมิระหว่างกลางวันและกลางคืนค่อนข้างแตกต่างกันมากแฮะ”

 

กวนชานรีบยื่นมือลูบใบหน้าที่หนาวเย็นของเขา เขาลุกขึ้นยืนและคว้าที่จับหน้าต่างรถเมล์แล้วดึงหน้าต่างปิด

 

ในเวลาเดียวกัน ผู้โดยสารที่นั่งข้างหน้าก็ดูเหมือนจะเห็นอะไรบางอย่างข้างนอก

 

สีหน้าเขาได้เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เขาลุกขึ้นยืนทันทีและชะโงกหน้าออกไปตรวจสอบ

 

“แกร๊ก!”

 

ทันทีที่หน้าต่างปิดลง เสียงลมก็ได้ถูกปิดกั้นอยู่ด้านนอก

 

แต่แล้วกวนซานก็มองเห็นรางๆว่ามีบางสิ่งที่ใหญ่พอๆกับลูกบาสเก็ตบอล ได้ลอยอยู่ในอากาศภายใต้แสงไฟจากท้องถนน จากนั้นก็กระแทกกับพื้นด้วยเสียงทึบอันแผ่วเบา

 

มันคล้ายกับ…..เสียงแตงโมแตกยังไงยังงั้น

 

“ผู้โดยสารคนนั้นทิ้งขยะเหรอ?”

 

กวนซานได้หันไปมองแถวกลางรถเมล์ และเห็นว่าผู้โดยสารนั้นยังคงยื่นหัวออกไปนอกหน้าต่างโดยไม่ขยับเขยื้อน

 

กวนซานรีบพูดว่า: “เฮ้ นั่นอันตราย…”

 

ก่อนที่เขาจะทันได้เดินไปหา จู่ๆเขาก็เห็นของเหลวหยดลงมาจากใต้ที่นั่งผู้โดยสาร

 

จากสองหยด ก็เป็นสามหยด…..จนของเหลวหนืดสีแดงเข้มจำนวนมากได้สาดกระเซ็นทั้งบนพื้น ผนังรถเมล์ หน้าต่าง และกระจายไปทั่วอย่างควบคุมไม่ได้

 

ทันใดนั้น รถเมล์ก็ได้สั่นกระเทือน ทำให้ตัวผู้โดยสารคนนั้นเอียงออกมาหลายเซนติเมตร

 

กวนชานได้ยืนแข็งทื่ออยู่กับที่ ร่างกายของเขาด้านชาไปทั้งตัว และหยุดสั่นสะท้านไม่ได้ ขนที่ด้านหลังคอของเขาก็ตั้งเหยียดตรงขึ้น

 

ผู้โดยสารคนนั้นได้เอียงหันมา จนได้เห็นบริเวณคอของเขาซึ่งว่างเปล่า ศีรษะเขาได้อันตรธานหายไปซะแล้ว

 

หลงเหลือไว้แค่เพียงคอชุ่มเลือดซึ่งกำลังหลั่งไหลโลหิตอยู่

 

กวนชานเข้าใจในทันที—

 

สิ่งที่ลอยออกไปทางนอกหน้าต่างนั้นไม่ใช่ขยะ แต่เป็นหัวของผู้โดยสารคนนั้น!

 

กวนซานก้าวถอยหลังด้วยความตื่นตระหนก แต่แล้วเสียงจำลองที่คุ้นหูก็ได้ดังขึ้นในหัวของเขา

 

【การสแกนฉากเสร็จสมบูรณ์ กำลังสร้างเกมสยองขวัญ…】

 

【สร้างเกมสยองขวัญ: รถเมล์เที่ยวสุดท้าย】

 

【กำลังโหลดเรื่องราว โปรดรอสักครู่…】

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+