[นิยายแปล] Tanin wo Yosetsukenai Buaisouna Joshi ni Sekkyou shitara, Mechakucha Natsukareta 12: คำโกหก

Now you are reading [นิยายแปล] Tanin wo Yosetsukenai Buaisouna Joshi ni Sekkyou shitara, Mechakucha Natsukareta Chapter 12: คำโกหก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 12 – คำโกหก

 

ด้วยความแปลกใจ ข้อเสนอสำหรับการติวได้รับการตกลงเป็นที่เรียบร้อย

 

“ริสะจังบอกว่าวันศุกร์….มะรืนนี้ว่างน่ะ”

 

วันรุ่งขึ้น นิชิคาวะมาที่โต๊ะผมและกล่าวอย่างนั้น

 

“ขอบคุณนะ นิชิคาวะ”

“ไม่เป็นไรจ้า~ ฉันดีใจจะตายที่ริสะจังจะมีเพื่อนเพิ่มแล้ว”

 

เมื่อได้ยินพวกเราคุยกัน ฟูจิซากิก็มายืนข้างๆ ผม เธอตบหน้าอกอย่างโล่งอกหลังจากได้ยินนิชิคาวะว่าเอนามิซังยินยอม

 

“แสดงว่าเราผ่านด่านแรกแล้วสินะ”

“ใช่”

 

แต่มันก็รับประกันไม่ได้ พูดตามตรง ผมคิดว่าตอนติวหนังสือคงถูกปฏิเสธแน่ 99% ผมไม่เชื่อว่าจะได้รับการยินยอมง่ายขนาดนั้น

 

“นี่ๆ เราจะไปติวที่ไหนดี”

“….ตื่นเต้นจังนะ”

“ก็ใช่ไง! ได้ติวกับเอนามิซังคนนั้นเลยไม่ใช่เหรอ? ตื่นเต้นๆ”

 

ฟูจิซากิที่เคยสนใจในตัวเอนามิซังมาตลอดคงจะดีใจมากๆ ที่จะได้ติวด้วยกัน แต่ผมกลับรู้สึกหดหู่และไม่อยากติวกับเอนามิซังผู้ไม่อยากคุยด้วยเอาเสียเลย

 

“อ๊ะ โอคุซุคุงไม่ดีใจเหรอ”

 

ฟูจิซากิดูหงุดหงิดเล็กน้อย ผมจึงอธิบายไปว่าผมไม่ได้ดีใจขนาดนั้นแต่ก็รู้สึกมีความสุขบ้าง

 

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะ แค่กำลังคิดว่าต้องทำอะไรบ้าง”

 

พวกเราหันไปทางนิชิคาวะ

 

“จะว่าไป ยังไม่ได้ตัดสินใจเรื่องติวเลย ถ้างั้นมาคิดตอนนี้เลยดีไหม?”

“เอ๊ะ อืม ก็ได้นะ….”

 

ด้วยเหตุผลบางอย่าง คำพูดเธอดูคลุมเครือปะแล่มๆ

 

“ที่ที่โอเคที่สุดน่าจะเป็นห้องสมุดไม่ก็ร้านอาหารสำหรับครอบครัว แต่ถ้าเป้าหมายเราคือทำความรู้จักกัน ร้านอาหารสำหรับครอบครัวน่าจะเหมาะกว่าห้องสมุดนะ เพราะว่ามันจะคุยกันยาก”

“เห็นด้วยเลย โอคุซุคุง ฉันก็คิดเหมือนกัน”

 

ในระแวกโรงเรียน มีร้านอาหารสำหรับครอบครัวอยู่มากมาย ถ้าไม่อยากให้นักเรียนคนอื่นเห็นพวกเรา คงต้องเป็นอีกฟากของสถานีสินะ

 

“จริงสิ เอนามิซังไม่มีชมรมอยู่ใชไหม”

 

นิชิคาวะเป็นคนตอบคำถาม

 

“ใช่แล้ว~ อีกอย่าง ชมรมเทนนิสที่ฉันอยู่ไม่ได้เข้มงวดด้วย น่าจะโดดได้นะ”

“ชมรมฉันก็เหมือนกัน แล้วฟูจิซากิล่ะ?”

“ชมรมแบดมินตันหยุดวันศุกร์น่ะ ดังนั้นไม่น่ามีปัญหาอะไร”

 

ถ้าเป็นแบบนี้ เวลาหลังเลิกเรียนคงสบายหายห่วง พวกเราน่าจะรวมตัวกันหลังคาบโฮมรูมเสร็จ และระหว่างกลับบ้านก็แยกย้ายไปที่ร้านอาหารสำหรับครอบครัว

 

“คิดว่าไง นิชิคาวะ”

“โอเค! เดิ๋ยวจะบอกริสะจังให้รู้นะ แต่ว่า….”

 

นิชิคาวะหลบตา

 

“สรุปเจอกันที่ร้านอาหารสำหรับครอบครัวสินะ? ฉันกับริสะจังไม่มีชมรมอยู่แล้วแต่น่าจะไปสายนิดนึงเพราะติดธุระน่ะ ไปกันก่อนเลย~”

“งั้นเหรอ? ช่วยไม่ได้แฮะ”

 

ผมรู้สึกโล่งใจ เพราะระหว่างทางไปร้านอาหารสำหรับครอบครัวผมไม่รู้ว่าจะพูดเรื่องอะไรดี

 

“ขอโทษนะ อย่างลืมเรื่องที่พูดก่อนหน้านี้ด้วย!”

“เรื่องห้ามโกรธใช่ไหม?”

“ใช่ๆ อย่างที่รู้กันแต่ระวังกันด้วยนะ เพราะบางครั้งริสะจังก็พูดในสิ่งที่คนอื่นไม่ชอบโดยเจตนา น่าจะไม่ใช่เรื่องดีถ้าทั้งสองคนเผชิญหน้ากันตรงๆ”

“ตราบใดที่ได้คุยกับเอนามิซัง ฉันก็เตรียมใจไว้แล้ว ไม่ต้องห่วง”

 

ฟูจิซากิพยักหน้า

 

“จริงสิ! เราเตรียมการพร้อมแล้วดังนั้นไม่น่าเป็นห่วง ตอนนี้นิชิคาวะซังไม่ต้องกังวลแล้วนะ ฉันว่าการที่เอนามิซังมีส่วนร่วมในการติวของเรา ถือว่าเป็นข้อพิสูจน์ในการชอบระดับหนึ่งแถมเอนามิซังไม่น่าพูดอะไรแปลกๆ ด้วย”

“เอ๊ะ อา~ อื้ม….”

 

ผมสงสัยว่าทำไมถึงได้คำตอบคลุมเครือขนาดนั้น เอาตรงๆ รู้สึกใจคอไม่ดีด้วยซ้ำ

 

“แต่ริสะจังอาจอารมณ์ไม่ดีเป็นบางครั้งบางคราว ดังนั้นระวังไว้ด้วยนะ”

 

เมื่อเธอเตือนตั้งหลายครั้ง ผมก็เอะใจ อย่างนี้นี่เอง ที่ตอบคลุมเครือแบบนั้นก็อย่างนี้เองสินะ

 

“นิชิคาวะ”

 

ผมเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ใบหน้านิชิคาวะ

 

“เธอน่ะ ไม่ได้บอกเอนามิซังใช่ไหมว่าเราจะไปด้วย?”

“เอ๊ะ…อุ๊ย!”

“อย่าตื่นตระหนกอย่างนั้นสิ เดิ๋ยวรู้เข้าหรอก”

 

กะไว้แล้วเชียว ดูเหมือนฟูจิซากิจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์ ต้องอธิบายให้ฟังก่อน

 

“ฟูจิซากิ เดิ๋ยวจะอธิบายให้ฟังนะ คือเอนามิซังเชื่อว่าจะได้ติวกับนิชิคาวะแค่ 2 ต่อ 2 นั่นก็เพราะนิชิคาวะไม่ได้บอกว่าพวกเราจะไปด้วยกัน 4 คน”

“เอ๊ะ?”

 

ช่วงเวลาที่ฟูจิซากิหันไปมองนิชิคาวะ นิชิคาวะจึงกล่าวขอโทษ

 

“ขอโทษน้า~ ไม่ได้คิดจะหลอกพวกเธอจริงๆ แต่ฉันบอกริสะจังไม่ได้เพราะว่าต้องปฏิเสธ 100% แน่ เลยโกหกนิดหน่อย”

“นิชิคาวะพูดถูก เอนามิซังอาจโกรธหรือพูดอะไรไม่ดีก็ได้ แต่สิ่งสำคัญคือการตั้งกลุ่มติวไม่ใช่เหรอ”

 

แสดงว่าพวกเราจนตรอกแล้วสินะ เรามีโอกาสได้คุยกับเธอแต่ถ้าหากเราทำตัวไม่ดีล่ะก็ เธอคงหนีกลับบ้านแน่

 

“ขอบคุณนิชิคาวะซังเกี่ยวกับเรื่องติวนะ ตั้งแต่นี้ไปมาทำให้ดีที่สุดกันเถอะ”

 

อย่างไรก็ตาม ผมไม่รู้ว่าจะหยุดเอนามิซังหนีได้ยังไง รู้สึกหนักใจว่ามันจะเป็นปัญหานี่แหละ

――――――――――――――――――――――――――――――

TL: ขอโทษที่ห่างหายไปนานครับ ติดเข้าค่ายออนไลน์อีกแล้ว แต่น่าจะกลับมาแปลตามปกติหลังผ่านสิ้นเดือนเมษาไปครับ

 

สามารถติดตามการอัพเดตได้ทางเพจ : Launchmind

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] Tanin wo Yosetsukenai Buaisouna Joshi ni Sekkyou shitara, Mechakucha Natsukareta 12: คำโกหก

Now you are reading [นิยายแปล] Tanin wo Yosetsukenai Buaisouna Joshi ni Sekkyou shitara, Mechakucha Natsukareta Chapter 12: คำโกหก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 12 – คำโกหก

 

ด้วยความแปลกใจ ข้อเสนอสำหรับการติวได้รับการตกลงเป็นที่เรียบร้อย

 

“ริสะจังบอกว่าวันศุกร์….มะรืนนี้ว่างน่ะ”

 

วันรุ่งขึ้น นิชิคาวะมาที่โต๊ะผมและกล่าวอย่างนั้น

 

“ขอบคุณนะ นิชิคาวะ”

“ไม่เป็นไรจ้า~ ฉันดีใจจะตายที่ริสะจังจะมีเพื่อนเพิ่มแล้ว”

 

เมื่อได้ยินพวกเราคุยกัน ฟูจิซากิก็มายืนข้างๆ ผม เธอตบหน้าอกอย่างโล่งอกหลังจากได้ยินนิชิคาวะว่าเอนามิซังยินยอม

 

“แสดงว่าเราผ่านด่านแรกแล้วสินะ”

“ใช่”

 

แต่มันก็รับประกันไม่ได้ พูดตามตรง ผมคิดว่าตอนติวหนังสือคงถูกปฏิเสธแน่ 99% ผมไม่เชื่อว่าจะได้รับการยินยอมง่ายขนาดนั้น

 

“นี่ๆ เราจะไปติวที่ไหนดี”

“….ตื่นเต้นจังนะ”

“ก็ใช่ไง! ได้ติวกับเอนามิซังคนนั้นเลยไม่ใช่เหรอ? ตื่นเต้นๆ”

 

ฟูจิซากิที่เคยสนใจในตัวเอนามิซังมาตลอดคงจะดีใจมากๆ ที่จะได้ติวด้วยกัน แต่ผมกลับรู้สึกหดหู่และไม่อยากติวกับเอนามิซังผู้ไม่อยากคุยด้วยเอาเสียเลย

 

“อ๊ะ โอคุซุคุงไม่ดีใจเหรอ”

 

ฟูจิซากิดูหงุดหงิดเล็กน้อย ผมจึงอธิบายไปว่าผมไม่ได้ดีใจขนาดนั้นแต่ก็รู้สึกมีความสุขบ้าง

 

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะ แค่กำลังคิดว่าต้องทำอะไรบ้าง”

 

พวกเราหันไปทางนิชิคาวะ

 

“จะว่าไป ยังไม่ได้ตัดสินใจเรื่องติวเลย ถ้างั้นมาคิดตอนนี้เลยดีไหม?”

“เอ๊ะ อืม ก็ได้นะ….”

 

ด้วยเหตุผลบางอย่าง คำพูดเธอดูคลุมเครือปะแล่มๆ

 

“ที่ที่โอเคที่สุดน่าจะเป็นห้องสมุดไม่ก็ร้านอาหารสำหรับครอบครัว แต่ถ้าเป้าหมายเราคือทำความรู้จักกัน ร้านอาหารสำหรับครอบครัวน่าจะเหมาะกว่าห้องสมุดนะ เพราะว่ามันจะคุยกันยาก”

“เห็นด้วยเลย โอคุซุคุง ฉันก็คิดเหมือนกัน”

 

ในระแวกโรงเรียน มีร้านอาหารสำหรับครอบครัวอยู่มากมาย ถ้าไม่อยากให้นักเรียนคนอื่นเห็นพวกเรา คงต้องเป็นอีกฟากของสถานีสินะ

 

“จริงสิ เอนามิซังไม่มีชมรมอยู่ใชไหม”

 

นิชิคาวะเป็นคนตอบคำถาม

 

“ใช่แล้ว~ อีกอย่าง ชมรมเทนนิสที่ฉันอยู่ไม่ได้เข้มงวดด้วย น่าจะโดดได้นะ”

“ชมรมฉันก็เหมือนกัน แล้วฟูจิซากิล่ะ?”

“ชมรมแบดมินตันหยุดวันศุกร์น่ะ ดังนั้นไม่น่ามีปัญหาอะไร”

 

ถ้าเป็นแบบนี้ เวลาหลังเลิกเรียนคงสบายหายห่วง พวกเราน่าจะรวมตัวกันหลังคาบโฮมรูมเสร็จ และระหว่างกลับบ้านก็แยกย้ายไปที่ร้านอาหารสำหรับครอบครัว

 

“คิดว่าไง นิชิคาวะ”

“โอเค! เดิ๋ยวจะบอกริสะจังให้รู้นะ แต่ว่า….”

 

นิชิคาวะหลบตา

 

“สรุปเจอกันที่ร้านอาหารสำหรับครอบครัวสินะ? ฉันกับริสะจังไม่มีชมรมอยู่แล้วแต่น่าจะไปสายนิดนึงเพราะติดธุระน่ะ ไปกันก่อนเลย~”

“งั้นเหรอ? ช่วยไม่ได้แฮะ”

 

ผมรู้สึกโล่งใจ เพราะระหว่างทางไปร้านอาหารสำหรับครอบครัวผมไม่รู้ว่าจะพูดเรื่องอะไรดี

 

“ขอโทษนะ อย่างลืมเรื่องที่พูดก่อนหน้านี้ด้วย!”

“เรื่องห้ามโกรธใช่ไหม?”

“ใช่ๆ อย่างที่รู้กันแต่ระวังกันด้วยนะ เพราะบางครั้งริสะจังก็พูดในสิ่งที่คนอื่นไม่ชอบโดยเจตนา น่าจะไม่ใช่เรื่องดีถ้าทั้งสองคนเผชิญหน้ากันตรงๆ”

“ตราบใดที่ได้คุยกับเอนามิซัง ฉันก็เตรียมใจไว้แล้ว ไม่ต้องห่วง”

 

ฟูจิซากิพยักหน้า

 

“จริงสิ! เราเตรียมการพร้อมแล้วดังนั้นไม่น่าเป็นห่วง ตอนนี้นิชิคาวะซังไม่ต้องกังวลแล้วนะ ฉันว่าการที่เอนามิซังมีส่วนร่วมในการติวของเรา ถือว่าเป็นข้อพิสูจน์ในการชอบระดับหนึ่งแถมเอนามิซังไม่น่าพูดอะไรแปลกๆ ด้วย”

“เอ๊ะ อา~ อื้ม….”

 

ผมสงสัยว่าทำไมถึงได้คำตอบคลุมเครือขนาดนั้น เอาตรงๆ รู้สึกใจคอไม่ดีด้วยซ้ำ

 

“แต่ริสะจังอาจอารมณ์ไม่ดีเป็นบางครั้งบางคราว ดังนั้นระวังไว้ด้วยนะ”

 

เมื่อเธอเตือนตั้งหลายครั้ง ผมก็เอะใจ อย่างนี้นี่เอง ที่ตอบคลุมเครือแบบนั้นก็อย่างนี้เองสินะ

 

“นิชิคาวะ”

 

ผมเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ใบหน้านิชิคาวะ

 

“เธอน่ะ ไม่ได้บอกเอนามิซังใช่ไหมว่าเราจะไปด้วย?”

“เอ๊ะ…อุ๊ย!”

“อย่าตื่นตระหนกอย่างนั้นสิ เดิ๋ยวรู้เข้าหรอก”

 

กะไว้แล้วเชียว ดูเหมือนฟูจิซากิจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์ ต้องอธิบายให้ฟังก่อน

 

“ฟูจิซากิ เดิ๋ยวจะอธิบายให้ฟังนะ คือเอนามิซังเชื่อว่าจะได้ติวกับนิชิคาวะแค่ 2 ต่อ 2 นั่นก็เพราะนิชิคาวะไม่ได้บอกว่าพวกเราจะไปด้วยกัน 4 คน”

“เอ๊ะ?”

 

ช่วงเวลาที่ฟูจิซากิหันไปมองนิชิคาวะ นิชิคาวะจึงกล่าวขอโทษ

 

“ขอโทษน้า~ ไม่ได้คิดจะหลอกพวกเธอจริงๆ แต่ฉันบอกริสะจังไม่ได้เพราะว่าต้องปฏิเสธ 100% แน่ เลยโกหกนิดหน่อย”

“นิชิคาวะพูดถูก เอนามิซังอาจโกรธหรือพูดอะไรไม่ดีก็ได้ แต่สิ่งสำคัญคือการตั้งกลุ่มติวไม่ใช่เหรอ”

 

แสดงว่าพวกเราจนตรอกแล้วสินะ เรามีโอกาสได้คุยกับเธอแต่ถ้าหากเราทำตัวไม่ดีล่ะก็ เธอคงหนีกลับบ้านแน่

 

“ขอบคุณนิชิคาวะซังเกี่ยวกับเรื่องติวนะ ตั้งแต่นี้ไปมาทำให้ดีที่สุดกันเถอะ”

 

อย่างไรก็ตาม ผมไม่รู้ว่าจะหยุดเอนามิซังหนีได้ยังไง รู้สึกหนักใจว่ามันจะเป็นปัญหานี่แหละ

――――――――――――――――――――――――――――――

TL: ขอโทษที่ห่างหายไปนานครับ ติดเข้าค่ายออนไลน์อีกแล้ว แต่น่าจะกลับมาแปลตามปกติหลังผ่านสิ้นเดือนเมษาไปครับ

 

สามารถติดตามการอัพเดตได้ทางเพจ : Launchmind

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+