[นิยายแปล] Tanin wo Yosetsukenai Buaisouna Joshi ni Sekkyou shitara, Mechakucha Natsukareta 5: การยอมรับ

Now you are reading [นิยายแปล] Tanin wo Yosetsukenai Buaisouna Joshi ni Sekkyou shitara, Mechakucha Natsukareta Chapter 5: การยอมรับ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ของั้นเหรอครับ?”

 

ผมรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีจึงถามแบบนั้น

 

“ผมไม่เห็นเกี่ยวเรื่องที่อาจารย์พูดเลยนะครับ แล้วมันคือเรื่องอะไร?”

 

พวกเราเป็นหัวหน้าระดับชั้นแต่ก็มีงานที่ทำได้และทำไม่ได้เพราะทุกคนมีความสามารถและความถนัดต่างกัน

อย่างไรก็ตาม อาจารย์กล่าวว่า

 

“ก็น่าจะรู้อยู่แล้วนะ ฉันอยากให้พวกเธอฝากหาต้นตอว่าทำไมเธอถึงใจลอยและโน้มน้าวให้เธอเปลี่ยนทัศนคติหน่อย”

“ไม่มีทางครับ!”

 

ผมรีบตอบทันที

ใจจริงผมคิดไว้แล้วว่าต้องทำอย่างนั้น ลางสังหรณ์ของผมกลายเป็นเรื่องจริง

 

“….ไม่เหรอ?”

“พวกเราแทบไม่มีปฏิสัมพันธ์กับเอนามิซังเลยนะครับ แล้วจะให้คุยกันโต้งๆเลยแถมนั่นเป็นงานของอาจารย์ไม่ใช่เหรอครับ”

“ก็นะ จารย์เข้าใจความรู้สึกแกนะ เข้าใจดีเลย”

 

ถ้าเข้าใจงั้นผมอยากให้อาจารย์หยุดขอความช่วยเหลือเถอะนะ มันไม่ใช่ว่าหัวหน้าระดับชั้นจะเตรียมงานเสร็จสรรพรออยู่แล้ว

 

“ผมว่ามีคนเหมาะสมกว่าที่จะถามนะ อย่างนิชิคาวะไงครับ”

 

งานนี้แทบเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับทุกคนยกเว้นกับนิชิคาวะ แต่อาจารย์กลับส่ายหน้า

 

“จารย์ลองถามนิชิคาวะมาแล้วว่าช่วยหาต้นตอว่าทำไมถึงไม่จริงจังและฝากปรับปรุงเธอด้วย แต่กลับปฏิเสธ”

“….ปฏิเสธเนี่ยนะ”

 

ไม่อยากจะเชื่อเลย นิชิคาวะสาวแกลผู้นั้นที่มีทัศนคติในชั้นเรียนจริงจังโคตรๆ จำได้ว่าเกรดของเธอค่อนข้างสูง ผมนึกว่าเธอจะดูสถานการณ์ลาดเลาของเอนามิซังและอยากให้เธอปรับปรุงซะอีก

 

“จริงๆแล้ว จารย์ก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่คำตอบมันแน่อยู่แล้วเหมือนแกไง เธอไม่ได้บอกจารย์ว่าทำไมถึงปฏิเสธ ไม่เข้าใจเด็กม.ปลายสมัยนี้จริงๆว่าคิดอะไรกัน”

“หา”

“ฟังดีๆ นะแล้วแกจะเข้าใจ”

 

ไม่อยากได้ยินอาจารย์พูดเลยแฮะแต่ผมตัดสินใจรับฟังที่เขาจะพูดขึ้น

 

“อย่างแรก รู้รึเปล่าว่าเอนามิมาโรงเรียนทันเวลากี่รอบตั้งแต่ขึ้นม.4 มา”

 

แน่นอน ผมต้องไม่รู้เป็นธรรมดาอยู่แล้ว ฟูจิซากิที่นี่งเงียบไปกระทั้งตอนนี้ก็ตอบ

 

“หนูก็ไม่ชัวร์ค่ะ….แต่น่าจะมาไม่ถึงครึ่งรึเปล่าคะ?”

“ไม่เลย ฟูจิซากิ เธออาจไม่ได้สังเกตเพราะว่าบางครั้งเธอแอบย่องเข้ามาในห้องแต่นั่นไม่ใช่ประเด็น”

 

พอผมลองถามว่ากี่ครั้ง อาจารย์ก็ให้คำตอบที่น่าประหลาดใจ

 

“หกครั้ง”

“…….”

 

หกครั้ง? นี่มันเดือนตุลาคมแล้วนะ และถ้านับตั้งแต่เดือนเมษายนก็ผ่านมาแล้วกว่า 80 วันที่โรงเรียน แล้วตอนนี้เพียงแค่หกครั้งเนี่ยนะ?

 

“ตกใจใช่ไหม คามโฮมรูมตอนเช้าที่ไม่มีเอนามิให้เห็นอยู่ทุกวันเนี่ย มันไม่มีใครสนใจอีกแล้ว หลังจากที่โรงเรียนเปิดเทอมมาหกครั้งก็สายตั้งแต่นั้นมา”

“ไมได้สังเกตเลยแฮะ….”

 

ผมไม่รู้ว่าพวกอาจารย์ทนมาถึงตอนนี้ได้ไงแต่มั่นใจว่าเธอคงโดนพักการเรียนแน่นอน

 

“จารย์รู้ว่าพวกเธออยากพูดอะไรกัน อาจสงสัยว่าทำไมถึงปล่อยให้มันเลวร้ายขนาดนี้ใช่ไหมแต่พวกจารย์ไม่ได้ปล่อยไว้นะ จารย์ไปหาถึงที่บ้านและขอความร่วมมือกับผู้ปกครองแล้ว แถมยังเรียกเธอมาที่ห้องพักครูบ่อยๆว่าทำไมถึงมาสาย”

“อย่างงั้นเหรอครับ?”

 

ผมไม่รู้ ฟูจิซากิดูเหมือนก็ไม่รู้และเธอมีปฏิกิริยาเดียวกับผม

 

“จารย์ให้รายละเอียดมากกว่านี้ไม่ได้แล้วเพราะมีหลายอย่างเกิดขึ้นในชีวิตครอบครัวของเธอซึ่งจารย์พูดไม่ได้แต่มันก็เกินทนจริงๆ อีกอย่าง มันจะไม่เป็นผลดีถ้าปล่อยให้เรื้อรังแบบนี้ นั่นก็เลยว่าวันนี้จารย์ถึงดุว่าเธอแรงๆเท่าที่จะทำได้….แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลเลย”

 

ผมรู้อยู่แล้ว

 

“แกจะได้เจอหลายๆ อย่างที่พูดไม่ได้เพราะฐานะของนักเรียนกับอาจารย์ ยังไงก็เถอะ จารย์เชื่อว่ามีบางสิ่งที่นักเรียนในห้องเดียวกันจะสามารถสื่อสารกันได้ ก็เลยอยากจะขอฝากพวกเธอดูแลเอนามิหน่อยน่ะ”

“ผมขอปฏิเสธครับ”

“ถึงแม้จะได้ฟังทุกอย่างแล้วอ่ะนะ?”

 

ก็แน่อยู่แล้วเพราะผมฟังบทสนทนาอย่างตั้งใจเพื่อปฏิเสธไง

เห็นเลยว่าถ้าผมรับงานนี้มาก็คงไม่สำเร็จเพราะเป็นเอนามิซัง ถึงหน้าตาเธอจะสวยน่ารักแต่ก็เป็นเอนามิซังคนเดิมที่ขับไล่ทุกคนที่พยายามคุยกับเธอ (ยกเว้นคนเดียว) มันไม่มีประโยชน์สำหรับผมแล้วทำไมผมต้องรับงานที่รู้ว่าจะไม่สำเร็จด้วยล่ะ

 

“ถ้าแกเป็นคนจริงๆจังๆ คงไม่ต้องทนกับนักเรียนแบบนั้นหรอก แกไม่อยากจะแก้มันจริงๆ รึไง”

“….ผมไม่รู้สึกอย่างนั้นเลยครับ”

 

แน่อยู่แล้วว่าผมไม่ชอบ ผมไม่ชอบคนประเภทนั้นอยู่แล้ว

นั่นก็เลยว่าผมไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วย

 

“….ฟูจิซากิ เธอล่ะ?”

“….คือว่า”

 

ฟูจิซากิผู้จริงจังมากกว่าผม ดูเหมือนจะครุ่นคิดเล็กน้อยหลังจากฟังอาจารย์

และจากนั้นพูดว่า

 

“ไว้หนูลองคุยกับเอนามิซังดูสักตั้งนะคะ”

“….จริงจังมั้ยเนี่ย?”

 

ผมไม่เคยคุยกับเอนามิซังมาก่อน แต่ด้วยนิสัยของฟูจิซากิแล้วผมมั่นใจว่าเธอเคยลองคุยมาบ้างและบางทีอาจจะถูกปฏิบัติอย่างเย็นชา แต่ถึงกระนั้นเธอยังกล้าลองอีกงั้นเหรอ

อาจารย์เองก็ดูเหมือนดึใจจนกระโดดโลดเต้น

 

“จริงนะ! ขอบคุณมากเลย! จารย์ดีใจที่ถามเธอไว้นะ ฟูจิซากิ!”

 

ถ้านั่นเป็นสิ่งที่ฟูจิซากิอยากจริงๆ ผมก็ไม่มีทางเลือก จึงบอกอาจารย์ด้วยเช่นกัน

 

“งั้นเดิ๋ยวผมลองคุยสักครั้งนึงเหมือนกันครับ”

“ขอบคุณที่ช่วยนะ!”

 

ทันใดนั้น พอผมมองดูฟูจิซากิ เธอก็ขอโทษด้วยฝ่ามือเล็กๆ ตรงหน้าของเธอ

――――――――――――――――――――――――――――――

สามารถติดตามการอัพเดตได้ทางเพจ : Launchmind

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] Tanin wo Yosetsukenai Buaisouna Joshi ni Sekkyou shitara, Mechakucha Natsukareta 5: การยอมรับ

Now you are reading [นิยายแปล] Tanin wo Yosetsukenai Buaisouna Joshi ni Sekkyou shitara, Mechakucha Natsukareta Chapter 5: การยอมรับ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ของั้นเหรอครับ?”

 

ผมรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีจึงถามแบบนั้น

 

“ผมไม่เห็นเกี่ยวเรื่องที่อาจารย์พูดเลยนะครับ แล้วมันคือเรื่องอะไร?”

 

พวกเราเป็นหัวหน้าระดับชั้นแต่ก็มีงานที่ทำได้และทำไม่ได้เพราะทุกคนมีความสามารถและความถนัดต่างกัน

อย่างไรก็ตาม อาจารย์กล่าวว่า

 

“ก็น่าจะรู้อยู่แล้วนะ ฉันอยากให้พวกเธอฝากหาต้นตอว่าทำไมเธอถึงใจลอยและโน้มน้าวให้เธอเปลี่ยนทัศนคติหน่อย”

“ไม่มีทางครับ!”

 

ผมรีบตอบทันที

ใจจริงผมคิดไว้แล้วว่าต้องทำอย่างนั้น ลางสังหรณ์ของผมกลายเป็นเรื่องจริง

 

“….ไม่เหรอ?”

“พวกเราแทบไม่มีปฏิสัมพันธ์กับเอนามิซังเลยนะครับ แล้วจะให้คุยกันโต้งๆเลยแถมนั่นเป็นงานของอาจารย์ไม่ใช่เหรอครับ”

“ก็นะ จารย์เข้าใจความรู้สึกแกนะ เข้าใจดีเลย”

 

ถ้าเข้าใจงั้นผมอยากให้อาจารย์หยุดขอความช่วยเหลือเถอะนะ มันไม่ใช่ว่าหัวหน้าระดับชั้นจะเตรียมงานเสร็จสรรพรออยู่แล้ว

 

“ผมว่ามีคนเหมาะสมกว่าที่จะถามนะ อย่างนิชิคาวะไงครับ”

 

งานนี้แทบเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับทุกคนยกเว้นกับนิชิคาวะ แต่อาจารย์กลับส่ายหน้า

 

“จารย์ลองถามนิชิคาวะมาแล้วว่าช่วยหาต้นตอว่าทำไมถึงไม่จริงจังและฝากปรับปรุงเธอด้วย แต่กลับปฏิเสธ”

“….ปฏิเสธเนี่ยนะ”

 

ไม่อยากจะเชื่อเลย นิชิคาวะสาวแกลผู้นั้นที่มีทัศนคติในชั้นเรียนจริงจังโคตรๆ จำได้ว่าเกรดของเธอค่อนข้างสูง ผมนึกว่าเธอจะดูสถานการณ์ลาดเลาของเอนามิซังและอยากให้เธอปรับปรุงซะอีก

 

“จริงๆแล้ว จารย์ก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่คำตอบมันแน่อยู่แล้วเหมือนแกไง เธอไม่ได้บอกจารย์ว่าทำไมถึงปฏิเสธ ไม่เข้าใจเด็กม.ปลายสมัยนี้จริงๆว่าคิดอะไรกัน”

“หา”

“ฟังดีๆ นะแล้วแกจะเข้าใจ”

 

ไม่อยากได้ยินอาจารย์พูดเลยแฮะแต่ผมตัดสินใจรับฟังที่เขาจะพูดขึ้น

 

“อย่างแรก รู้รึเปล่าว่าเอนามิมาโรงเรียนทันเวลากี่รอบตั้งแต่ขึ้นม.4 มา”

 

แน่นอน ผมต้องไม่รู้เป็นธรรมดาอยู่แล้ว ฟูจิซากิที่นี่งเงียบไปกระทั้งตอนนี้ก็ตอบ

 

“หนูก็ไม่ชัวร์ค่ะ….แต่น่าจะมาไม่ถึงครึ่งรึเปล่าคะ?”

“ไม่เลย ฟูจิซากิ เธออาจไม่ได้สังเกตเพราะว่าบางครั้งเธอแอบย่องเข้ามาในห้องแต่นั่นไม่ใช่ประเด็น”

 

พอผมลองถามว่ากี่ครั้ง อาจารย์ก็ให้คำตอบที่น่าประหลาดใจ

 

“หกครั้ง”

“…….”

 

หกครั้ง? นี่มันเดือนตุลาคมแล้วนะ และถ้านับตั้งแต่เดือนเมษายนก็ผ่านมาแล้วกว่า 80 วันที่โรงเรียน แล้วตอนนี้เพียงแค่หกครั้งเนี่ยนะ?

 

“ตกใจใช่ไหม คามโฮมรูมตอนเช้าที่ไม่มีเอนามิให้เห็นอยู่ทุกวันเนี่ย มันไม่มีใครสนใจอีกแล้ว หลังจากที่โรงเรียนเปิดเทอมมาหกครั้งก็สายตั้งแต่นั้นมา”

“ไมได้สังเกตเลยแฮะ….”

 

ผมไม่รู้ว่าพวกอาจารย์ทนมาถึงตอนนี้ได้ไงแต่มั่นใจว่าเธอคงโดนพักการเรียนแน่นอน

 

“จารย์รู้ว่าพวกเธออยากพูดอะไรกัน อาจสงสัยว่าทำไมถึงปล่อยให้มันเลวร้ายขนาดนี้ใช่ไหมแต่พวกจารย์ไม่ได้ปล่อยไว้นะ จารย์ไปหาถึงที่บ้านและขอความร่วมมือกับผู้ปกครองแล้ว แถมยังเรียกเธอมาที่ห้องพักครูบ่อยๆว่าทำไมถึงมาสาย”

“อย่างงั้นเหรอครับ?”

 

ผมไม่รู้ ฟูจิซากิดูเหมือนก็ไม่รู้และเธอมีปฏิกิริยาเดียวกับผม

 

“จารย์ให้รายละเอียดมากกว่านี้ไม่ได้แล้วเพราะมีหลายอย่างเกิดขึ้นในชีวิตครอบครัวของเธอซึ่งจารย์พูดไม่ได้แต่มันก็เกินทนจริงๆ อีกอย่าง มันจะไม่เป็นผลดีถ้าปล่อยให้เรื้อรังแบบนี้ นั่นก็เลยว่าวันนี้จารย์ถึงดุว่าเธอแรงๆเท่าที่จะทำได้….แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลเลย”

 

ผมรู้อยู่แล้ว

 

“แกจะได้เจอหลายๆ อย่างที่พูดไม่ได้เพราะฐานะของนักเรียนกับอาจารย์ ยังไงก็เถอะ จารย์เชื่อว่ามีบางสิ่งที่นักเรียนในห้องเดียวกันจะสามารถสื่อสารกันได้ ก็เลยอยากจะขอฝากพวกเธอดูแลเอนามิหน่อยน่ะ”

“ผมขอปฏิเสธครับ”

“ถึงแม้จะได้ฟังทุกอย่างแล้วอ่ะนะ?”

 

ก็แน่อยู่แล้วเพราะผมฟังบทสนทนาอย่างตั้งใจเพื่อปฏิเสธไง

เห็นเลยว่าถ้าผมรับงานนี้มาก็คงไม่สำเร็จเพราะเป็นเอนามิซัง ถึงหน้าตาเธอจะสวยน่ารักแต่ก็เป็นเอนามิซังคนเดิมที่ขับไล่ทุกคนที่พยายามคุยกับเธอ (ยกเว้นคนเดียว) มันไม่มีประโยชน์สำหรับผมแล้วทำไมผมต้องรับงานที่รู้ว่าจะไม่สำเร็จด้วยล่ะ

 

“ถ้าแกเป็นคนจริงๆจังๆ คงไม่ต้องทนกับนักเรียนแบบนั้นหรอก แกไม่อยากจะแก้มันจริงๆ รึไง”

“….ผมไม่รู้สึกอย่างนั้นเลยครับ”

 

แน่อยู่แล้วว่าผมไม่ชอบ ผมไม่ชอบคนประเภทนั้นอยู่แล้ว

นั่นก็เลยว่าผมไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วย

 

“….ฟูจิซากิ เธอล่ะ?”

“….คือว่า”

 

ฟูจิซากิผู้จริงจังมากกว่าผม ดูเหมือนจะครุ่นคิดเล็กน้อยหลังจากฟังอาจารย์

และจากนั้นพูดว่า

 

“ไว้หนูลองคุยกับเอนามิซังดูสักตั้งนะคะ”

“….จริงจังมั้ยเนี่ย?”

 

ผมไม่เคยคุยกับเอนามิซังมาก่อน แต่ด้วยนิสัยของฟูจิซากิแล้วผมมั่นใจว่าเธอเคยลองคุยมาบ้างและบางทีอาจจะถูกปฏิบัติอย่างเย็นชา แต่ถึงกระนั้นเธอยังกล้าลองอีกงั้นเหรอ

อาจารย์เองก็ดูเหมือนดึใจจนกระโดดโลดเต้น

 

“จริงนะ! ขอบคุณมากเลย! จารย์ดีใจที่ถามเธอไว้นะ ฟูจิซากิ!”

 

ถ้านั่นเป็นสิ่งที่ฟูจิซากิอยากจริงๆ ผมก็ไม่มีทางเลือก จึงบอกอาจารย์ด้วยเช่นกัน

 

“งั้นเดิ๋ยวผมลองคุยสักครั้งนึงเหมือนกันครับ”

“ขอบคุณที่ช่วยนะ!”

 

ทันใดนั้น พอผมมองดูฟูจิซากิ เธอก็ขอโทษด้วยฝ่ามือเล็กๆ ตรงหน้าของเธอ

――――――――――――――――――――――――――――――

สามารถติดตามการอัพเดตได้ทางเพจ : Launchmind

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+