[นิยายแปล] Tanin wo Yosetsukenai Buaisouna Joshi ni Sekkyou shitara, Mechakucha Natsukareta 3: เอนามิซัง

Now you are reading [นิยายแปล] Tanin wo Yosetsukenai Buaisouna Joshi ni Sekkyou shitara, Mechakucha Natsukareta Chapter 3: เอนามิซัง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

คาบต่อไปเป็นคาบคณิต

อาจารย์ชิโรยามะที่เป็นคนสัมภาษณ์ผมเมื่อวานกำลังยืนอยู่หน้าแท่นบรรยาย ตอนนี้ห้องเรียนอยู่ในช่วงพักกลางวัน

นี่ก็ผ่านมาประมาณห้านาทีแล้วหลังจากเริ่มเรียน ทันใดนั้นประตูด้านหลังห้องก็ส่งเสียงและเปิดออก

สายตาทุกคนในห้องต่างหันกันไปตามเสียงนั้น

อาจารย์จึงหยุดสอนและมองไปทางนั้นเงียบๆ

มีนักเรียนหญิงอยู่คนหนึ่งกำลังยืนตรงมุมนั้น

เธอแบกกระเป๋านักเรียนสะพายไหล่ไว้จึงรู้เลยว่าพึ่งมาถึงโรงเรียน

 

“……”

 

แล้วเธอไม่ได้พูดอะไรยังยืนอยู่เงียบๆ ไม่ขยับไปไหน ไม่เงยหน้ามองใครโดยสายตาทุกคนยังจับจ้องเธอ

อาจารย์ชิโรยามะจึงขึ้นเสียง

 

“….เอนามิ สายอีกแล้วเรอะ?”

“…….”

 

แต่เธอกลับเมินอาจารย์ ตรงดิ่งไปยังหลังห้องเรียนแล้วนั่งลงแถวริมหน้าต่าง โดยทั่วไปแล้วมันอาจจะเป็นการยากที่จะสงบสติอารมณ์เมื่อถูกสายตาเพ่งมอง

….ผมไม่ค่อยรู้จักเธอเท่าไหร่นักแต่เคยเห็นภาพพวกนี้อยู่หลายครั้งตั้งแต่ที่เรียนอยู่ห้องด้วยกัน

เธอ – ริสะ เอนามิ เป็นแค่นักเรียนคนหนึ่ง

 

 

“ฟังอยู่ไหมเอนามิ เธอคิดอะไรถึงมาสายทุกครั้งแบบนี้?”

 

อาจารย์ชิโรยามะวางหนังสือลงบนโต๊ะ คิ้วของอาจารย์ผู้สุภาพเรียบร้อยขมวดสายตาเริ่มเฉียบคมและน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ

 

“……”

 

ถึงกระนั้นเอนามิซังก็ยังเงียบเช่นเคย เธอมองหน้าอาจารย์หนึ่งครั้งแล้วหันไปนอกหน้าต่างราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

รู้สึกเหมือนผมได้ยินเส้นเลือดของอาจารย์เดือดปูดๆ อาจารย์เดินลงมาจากแท่นบรรยายไปหาเอนามิซังด้วยฝีเท้าเสียงดังซึ่งเธอยังหันหน้าหนี เอนามิซังคงรู้ถึงการมาของอาจารย์แล้ว อย่างไรก็ตาม เธอก็ยังเมินต่ออย่างไม่ลังเล

จนสุดท้ายอาจารย์ก็ถึงตัวเอนามิซัง

 

“จารย์บอกไปกี่ครั้งฟังบ้างมั้ย! เอนามิ!”

 

ในที่สุดเอนามิซังก็หันหน้าไปทางอาจารย์

— ถึงแม้ผมจะไม่เห็นชัดมากจากที่นั่งตรงหน้าสุดแต่ดูเหมือนใบหน้าของเอนามิซังแทบไม่มีความรู้สึกเลย แม้จะโดนตะคอกใส่ขนาดนั้นเธอก็ยังมองอาจารย์ด้วยสายตาน่ารำคาญแบบเดียวกับมองแมลงวันตอมเธอ

 

“….อะไรคะ?”

 

อย่างไรก็ตาม เป็นคำพูดแรกที่หลุดออกมาจากปากเธอ

อาจารย์ยังแปลกใจและพูดไม่ออก ความเงียบงันปกคลุมไปทั่วห้องเรียนสักพัก

ไม่นานนักอาจารย์ก็ตั้งสติได้

 

“….เธอสายขนาดนี้ยังมีหน้าพูดว่า ‘อะไร?’ เนี่ยนะ ไม่ใช่ว่ามีคำอื่นต้องพูดรึไง”

 

เอนามิซังพูดโดยขยับผมหน้าม้า

 

“ก็ไม่มีนะคะ ไม่ใช่ว่าอาจารย์มีเรื่องที่ต้องทำกับนักเรียนที่ตั้งใจเรียนมากกว่าหนูหรอกเหรอคะ?”

 

เฮ้ย นี่มันแย่กว่าที่ผมคิดอีกนะ

 

กำมือของอาจารย์เริ่มสั่น

ผมค่อยๆสังเกตเห็นต้นคอของอาจารย์เปลี่ยนเป็นสีแดง

และเป็นไปตามที่คาดไว้ความอดทนของอาจารย์ได้หมดลง

 

“เอนามิ ! ! !”

 

เสียงตะโกนของอาจารย์ดังลั่นทั่วห้องเรียน ถึงแม้จากจุดตรงนี้จะอยู่ใกล้เพียงใดแก้วหูของผมก็สั่นสะท้านไปหมดหลายคนในห้องต่างตัวสั่นเทาไปกับเสียงน่าสะพรึงกลัว

 

“พูดเรื่องไร้สาระมามากพอละไม่รู้จักสำนึกผิดสักที! อย่ามาหยามกับพวกผู้หลักผู้ใหญ่นะ! เธอมาขัดจังหวะของจารย์! เป็นแค่เด็กม.ปลายอย่าคิดว่าตัวเองมาโรงเรียนตอนเที่ยงได้นะ!”

 

ผมได้ยินเสียงมาจากข้างหลังว่า “โอ้ แย่ละ!” เป็นเสียงจากไซโตะ

ถ้าอาจารย์โกรธถึงขีดสุดแบบนี้คงหยุดไม่ได้แล้วล่ะ

 

“แล้วนี่ทำหน้าอะไร!? ฟังที่จารย์พูดอยู่ไหม!? ทั้งมาโรงเรียนสายไม่สนใจเรียนแล้วพอมาเรียนทีไรเธอก็นอนจนผลการเรียนออกมาห่วยแตก! เธอมาโรงเรียนเพื่ออะไรกันแน่? จารย์จะให้เธอลาออกแล้วนะ!”

 

ผมอยากรู้ว่าเอนามิซังเป็นไงบ้างจึงเอนตัวไปข้างหน้าเพื่อดูอาการของเธอ

 

….เอนามิซังยังใจเย็นอยู่ในสถานการณ์นี้

เธอไม่ละสายตาไปจากอาจารย์แล้วฟังโดยการเท้าคางราวกับว่าเกิดเหตุการณ์ที่ไหนสักแห่งห่างไกล

 

“โอ้ แสดงว่าเธอโอเคกับมันแล้วใช่ไหมแต่จารย์จริงจังอยู่นะ! จารย์ไม่เคยเห็นเด็กอวดดีขนาดนี้มาก่อนทั้งชีวิต! อย่าคิดว่าจะได้รับอนุญาตให้ทำแบบนี้ไปตลอดนะ!”

 

ระหว่างนั้น ในที่สุดเอนามิก็ขยับเขยื้อน เธอสูดหายใจลึกๆแล้วเอนหลังพร้อมกับกอดอกดูเหมือนจะไม่ใช่พฤติกรรมของคนโดนบ่นเลยแฮะ

จากนั้นเธอก็พูดว่า

 

“แล้วไงคะ?”

 

บรรากาศยิ่งหนาวเย็นขึ้น

ไซโตะตบไหล่ผมและกระซิบเบาๆ

 

“ฉันว่าวันนี้คาบนี้คงไม่สอนแล้วล่ะ โชคดีนะเนี่ย”

“นายก็รู้หนิ….”

 

แต่ผมว่ามันก็จริงแหละที่เราคงไม่ได้เรียนต่อ โยนน้ำมันเข้ากองไฟซะแบบนั้นมันจะมีเรื่องอะไรที่เราช่วยได้แล้วล่ะตอนนี้

บางทีอาจจะเป็นจินตนาการของผมเลยได้ยินเสียงฟึดฟัดจากอาจารย์ ถ้าผมเป็นอาจารย์ล่ะก็คงจะหมดสติเพราะความโกรธแน่ๆแม้จะบ่นถึงขนาดนั้นก็ตาม มีเพียงคำสั้นๆที่ได้กลับมาเป็น “อะไรคะ?” กับ “แล้วไงคะ?” เท่านั้นแล้วยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนเอนามิซังไม่รู้สึกอารมณ์เสียและยังฟังคำพูดของอาจารย์

จากนั้นอาจารย์ก็ขึ้นเสียงยิ่งขึ้นไปอีกและตะโกนว่า

 

“เอนามิ ! ! ! ! มากับฉันเดิ๋ยวนี้ ! ! ! ! !”

 

ไม่ต้องพูดก็รู้ ทุกอย่างเป็นไปตามที่ไซโตะพูดไว้หลังจากนั้น

――――――――――――――――――――――――――――――

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] Tanin wo Yosetsukenai Buaisouna Joshi ni Sekkyou shitara, Mechakucha Natsukareta 3: เอนามิซัง

Now you are reading [นิยายแปล] Tanin wo Yosetsukenai Buaisouna Joshi ni Sekkyou shitara, Mechakucha Natsukareta Chapter 3: เอนามิซัง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

คาบต่อไปเป็นคาบคณิต

อาจารย์ชิโรยามะที่เป็นคนสัมภาษณ์ผมเมื่อวานกำลังยืนอยู่หน้าแท่นบรรยาย ตอนนี้ห้องเรียนอยู่ในช่วงพักกลางวัน

นี่ก็ผ่านมาประมาณห้านาทีแล้วหลังจากเริ่มเรียน ทันใดนั้นประตูด้านหลังห้องก็ส่งเสียงและเปิดออก

สายตาทุกคนในห้องต่างหันกันไปตามเสียงนั้น

อาจารย์จึงหยุดสอนและมองไปทางนั้นเงียบๆ

มีนักเรียนหญิงอยู่คนหนึ่งกำลังยืนตรงมุมนั้น

เธอแบกกระเป๋านักเรียนสะพายไหล่ไว้จึงรู้เลยว่าพึ่งมาถึงโรงเรียน

 

“……”

 

แล้วเธอไม่ได้พูดอะไรยังยืนอยู่เงียบๆ ไม่ขยับไปไหน ไม่เงยหน้ามองใครโดยสายตาทุกคนยังจับจ้องเธอ

อาจารย์ชิโรยามะจึงขึ้นเสียง

 

“….เอนามิ สายอีกแล้วเรอะ?”

“…….”

 

แต่เธอกลับเมินอาจารย์ ตรงดิ่งไปยังหลังห้องเรียนแล้วนั่งลงแถวริมหน้าต่าง โดยทั่วไปแล้วมันอาจจะเป็นการยากที่จะสงบสติอารมณ์เมื่อถูกสายตาเพ่งมอง

….ผมไม่ค่อยรู้จักเธอเท่าไหร่นักแต่เคยเห็นภาพพวกนี้อยู่หลายครั้งตั้งแต่ที่เรียนอยู่ห้องด้วยกัน

เธอ – ริสะ เอนามิ เป็นแค่นักเรียนคนหนึ่ง

 

 

“ฟังอยู่ไหมเอนามิ เธอคิดอะไรถึงมาสายทุกครั้งแบบนี้?”

 

อาจารย์ชิโรยามะวางหนังสือลงบนโต๊ะ คิ้วของอาจารย์ผู้สุภาพเรียบร้อยขมวดสายตาเริ่มเฉียบคมและน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ

 

“……”

 

ถึงกระนั้นเอนามิซังก็ยังเงียบเช่นเคย เธอมองหน้าอาจารย์หนึ่งครั้งแล้วหันไปนอกหน้าต่างราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

รู้สึกเหมือนผมได้ยินเส้นเลือดของอาจารย์เดือดปูดๆ อาจารย์เดินลงมาจากแท่นบรรยายไปหาเอนามิซังด้วยฝีเท้าเสียงดังซึ่งเธอยังหันหน้าหนี เอนามิซังคงรู้ถึงการมาของอาจารย์แล้ว อย่างไรก็ตาม เธอก็ยังเมินต่ออย่างไม่ลังเล

จนสุดท้ายอาจารย์ก็ถึงตัวเอนามิซัง

 

“จารย์บอกไปกี่ครั้งฟังบ้างมั้ย! เอนามิ!”

 

ในที่สุดเอนามิซังก็หันหน้าไปทางอาจารย์

— ถึงแม้ผมจะไม่เห็นชัดมากจากที่นั่งตรงหน้าสุดแต่ดูเหมือนใบหน้าของเอนามิซังแทบไม่มีความรู้สึกเลย แม้จะโดนตะคอกใส่ขนาดนั้นเธอก็ยังมองอาจารย์ด้วยสายตาน่ารำคาญแบบเดียวกับมองแมลงวันตอมเธอ

 

“….อะไรคะ?”

 

อย่างไรก็ตาม เป็นคำพูดแรกที่หลุดออกมาจากปากเธอ

อาจารย์ยังแปลกใจและพูดไม่ออก ความเงียบงันปกคลุมไปทั่วห้องเรียนสักพัก

ไม่นานนักอาจารย์ก็ตั้งสติได้

 

“….เธอสายขนาดนี้ยังมีหน้าพูดว่า ‘อะไร?’ เนี่ยนะ ไม่ใช่ว่ามีคำอื่นต้องพูดรึไง”

 

เอนามิซังพูดโดยขยับผมหน้าม้า

 

“ก็ไม่มีนะคะ ไม่ใช่ว่าอาจารย์มีเรื่องที่ต้องทำกับนักเรียนที่ตั้งใจเรียนมากกว่าหนูหรอกเหรอคะ?”

 

เฮ้ย นี่มันแย่กว่าที่ผมคิดอีกนะ

 

กำมือของอาจารย์เริ่มสั่น

ผมค่อยๆสังเกตเห็นต้นคอของอาจารย์เปลี่ยนเป็นสีแดง

และเป็นไปตามที่คาดไว้ความอดทนของอาจารย์ได้หมดลง

 

“เอนามิ ! ! !”

 

เสียงตะโกนของอาจารย์ดังลั่นทั่วห้องเรียน ถึงแม้จากจุดตรงนี้จะอยู่ใกล้เพียงใดแก้วหูของผมก็สั่นสะท้านไปหมดหลายคนในห้องต่างตัวสั่นเทาไปกับเสียงน่าสะพรึงกลัว

 

“พูดเรื่องไร้สาระมามากพอละไม่รู้จักสำนึกผิดสักที! อย่ามาหยามกับพวกผู้หลักผู้ใหญ่นะ! เธอมาขัดจังหวะของจารย์! เป็นแค่เด็กม.ปลายอย่าคิดว่าตัวเองมาโรงเรียนตอนเที่ยงได้นะ!”

 

ผมได้ยินเสียงมาจากข้างหลังว่า “โอ้ แย่ละ!” เป็นเสียงจากไซโตะ

ถ้าอาจารย์โกรธถึงขีดสุดแบบนี้คงหยุดไม่ได้แล้วล่ะ

 

“แล้วนี่ทำหน้าอะไร!? ฟังที่จารย์พูดอยู่ไหม!? ทั้งมาโรงเรียนสายไม่สนใจเรียนแล้วพอมาเรียนทีไรเธอก็นอนจนผลการเรียนออกมาห่วยแตก! เธอมาโรงเรียนเพื่ออะไรกันแน่? จารย์จะให้เธอลาออกแล้วนะ!”

 

ผมอยากรู้ว่าเอนามิซังเป็นไงบ้างจึงเอนตัวไปข้างหน้าเพื่อดูอาการของเธอ

 

….เอนามิซังยังใจเย็นอยู่ในสถานการณ์นี้

เธอไม่ละสายตาไปจากอาจารย์แล้วฟังโดยการเท้าคางราวกับว่าเกิดเหตุการณ์ที่ไหนสักแห่งห่างไกล

 

“โอ้ แสดงว่าเธอโอเคกับมันแล้วใช่ไหมแต่จารย์จริงจังอยู่นะ! จารย์ไม่เคยเห็นเด็กอวดดีขนาดนี้มาก่อนทั้งชีวิต! อย่าคิดว่าจะได้รับอนุญาตให้ทำแบบนี้ไปตลอดนะ!”

 

ระหว่างนั้น ในที่สุดเอนามิก็ขยับเขยื้อน เธอสูดหายใจลึกๆแล้วเอนหลังพร้อมกับกอดอกดูเหมือนจะไม่ใช่พฤติกรรมของคนโดนบ่นเลยแฮะ

จากนั้นเธอก็พูดว่า

 

“แล้วไงคะ?”

 

บรรากาศยิ่งหนาวเย็นขึ้น

ไซโตะตบไหล่ผมและกระซิบเบาๆ

 

“ฉันว่าวันนี้คาบนี้คงไม่สอนแล้วล่ะ โชคดีนะเนี่ย”

“นายก็รู้หนิ….”

 

แต่ผมว่ามันก็จริงแหละที่เราคงไม่ได้เรียนต่อ โยนน้ำมันเข้ากองไฟซะแบบนั้นมันจะมีเรื่องอะไรที่เราช่วยได้แล้วล่ะตอนนี้

บางทีอาจจะเป็นจินตนาการของผมเลยได้ยินเสียงฟึดฟัดจากอาจารย์ ถ้าผมเป็นอาจารย์ล่ะก็คงจะหมดสติเพราะความโกรธแน่ๆแม้จะบ่นถึงขนาดนั้นก็ตาม มีเพียงคำสั้นๆที่ได้กลับมาเป็น “อะไรคะ?” กับ “แล้วไงคะ?” เท่านั้นแล้วยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนเอนามิซังไม่รู้สึกอารมณ์เสียและยังฟังคำพูดของอาจารย์

จากนั้นอาจารย์ก็ขึ้นเสียงยิ่งขึ้นไปอีกและตะโกนว่า

 

“เอนามิ ! ! ! ! มากับฉันเดิ๋ยวนี้ ! ! ! ! !”

 

ไม่ต้องพูดก็รู้ ทุกอย่างเป็นไปตามที่ไซโตะพูดไว้หลังจากนั้น

――――――――――――――――――――――――――――――

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+