ผมได้ดูแลคูเดอเรลล่าข้างห้องและลงเอยด้วยการให้กุญแจบ้านกับเธอไป(I Spoiled “Quderella” Next Door and I’m Going To Give Her a Key to My House) 1.1

Now you are reading ผมได้ดูแลคูเดอเรลล่าข้างห้องและลงเอยด้วยการให้กุญแจบ้านกับเธอไป(I Spoiled “Quderella” Next Door and I’m Going To Give Her a Key to My House) Chapter 1.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด…

เสียงนาฬิกาจากโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นในช่วงเจ็ดนาฬิกาที่บ่งบอกถึงเช้าวันใหม่

ตอนนี้ก็เข้าสู่เดือนเมษายนแล้ว

เป็นฤดูใบไม้ผลิฤดูกาลแห่ง “สิ่งใหม่ๆ” ทั้งการเริ่มต้นปีการศึกษา พบปะเพื่อนใหม่ และ สังคมที่เราไม่เคยเจอ ทิวทิศน์ที่เห็นจากนอกหน้าต่างก็สะท้อนให้เห็นถึงฤดูกาล โดยที่มีความหนาวเย็นและแสงแดดอันอบอุ่นเป็นบรรยากาศที่ชวนให้รู้สึกสบาย

เมื่อมองออกไปก็จะพบกับผู้คนมากมายที่สวมเครื่องแบบใหม่ๆและชุดที่ดูแปลกตา ต่างก็เดินเพ่นพ่านอยู่บนถนนและดูเหมือนว่าห้องข้างๆที่ว่างเมื่อเดือนที่แล้วจะมีผู้พักอาศัยใหม่ย้ายเข้ามาเมื่อวานนี้

ช่วงปิดเทอมสั้นๆของผมก็ได้สิ้นสุดลงแล้วและตอนนี้ก็เข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้ผลิครั้งที่สองของโรงเรียนมัธยมปลาย

หรือจะกล่าวอีกนัยนึงก็คือผมอยู่ตัวคนเดียวมาหนึ่งปีแล้ว

ผมได้เอื้อมมือไปปิดนาฬิกาและลุกออกจากเตียงเพื่อยืดเส้นยืดสายที่แข็งทื่อจากการนอนหลับ จากนั้นก็สูดหายใจเข้าออกลึกๆสองสามครั้งเพื่อทำให้จิตใจปลอดโปร่ง

“อือ~…ไปล้างหน้าก่อนดีกว่า”

ผมได้เดินออกจากเตียงเพื่อไปล้างหน้าล้างตาที่ห้องน้ำ

และจากนั้นผมก็ได้นำครีมล้างหน้าที่พึ่งซื้อมาเพิ่มเมื่อไม่กี่วันก่อนขึ้นมา เพราะผิวของผมค่อนข้างที่จะหยาบกร้าน เลยเลือกซื้อครีมที่เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวตามราคาที่เหมาะสม

ผมเอื้อมมือไปปิดก๊อกน้ำหลังจากที่ล้างโฟมบนใบหน้าจนหมด พร้อมกับบ้วนปากขณะที่ถือแปรงสีฟันเอาไว้ในมือ พอทำเสร็จสรรพผมก็นำผ้าขนหนูมาเช็ดหยดน้ำที่กระเซ็นออกจากอ่างล้างหน้าบนกระจกเบาๆ

“ดูเหมือนว่าผมจะโตขึ้นมานิดหน่อยแล้วแฮะ..”

นัตสึโอมิได้พึมพำกับตัวเองในขณะที่กำลังมองกระจก

ถึงจะชินกับการอยู่ตัวคนเดียวในระดับนึงแล้วก็เถอะแต่ผมก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองจะโตมาได้ถึงขนาดนี้

“อืมมม..เอาเถอะ คงไม่ได้เปลี่ยนไปมากหรอกมั้ง”

ผมเลิกมองกระจกแล้วเอาแขนเสื้อที่เพึ่งรีดเสร็จเมื่อวานมาใส่พร้อมกับผูกเนคไทไปด้วยจากนั้นก็สวมกางเกงที่ซักแห้งเอาไว้ในช่วงปิดเทอมฤดูใบไม้ผลิ และอย่างสุดท้ายก็คือการสวมเสื้อนอก

“อิทาดาคิมัส”

ผมได้นำมือมาประสานกันก่อนที่จะรับประทานอาหารเช้าคนเดียวที่โต๊ะเล็กๆ

มื้อเช้าของผมนั้นประกอบไปด้วย ข้าว ไข่ดิบ ผักโขมต้มกับซีอิ๊วที่เหลือจากมื้อเย็นของเมื่อวาน พร้อมกับสาเกแซลมอนที่ลดราคาในช่วงเช้าของวันนี้

ผมได้นำเกลือมาโรยบนตัวปลาก่อนที่จะนำไปทอดซักสองสามนาทีจากนั้นปลาที่ได้ก็ดูกรอบนอกนุ่มในดูน่ากินสุดๆเลยละ

พอเห็นแบบนั้นนัตสึโอมิก็รู้สึกภูมิใจที่สามารถทำออกมาได้ดี

เมื่อหนึ่งปีที่แล้วนัตสึโอมิได้ตระหนักว่าการทำอาหารเองนั้นจะประหยัดกว่าการออกไปซื้อนอกบ้านถึงห้าเท่า ยิ่งไปกว่านั้นการที่ได้กินอาหารที่ปรุงเสร็จสดๆร้อนๆจะอร่อยสุดๆไปเลย

หรือว่าบางทีที่รู้สึกว่าตัวเองโตขึ้นมานิดหน่อยอาจจะเป็นเพราะว่าตัวเองนั้นสามารถดูแลสิ่งต่างๆได้มากขึ้น เช่น การทำอาหาร ทำความสะอาด ซักผ้า และได้เรียนรู้เกี่ยวกับการบริหารเงิน คงต้องขอบคุณพ่อและแม่ของผมแหละนะ

[จะออกไปอยู่คนเดียวงั้นเหรอคะ? ถ้างั้นลูกต้องเป็นนักเรียนทุนให้ได้ก่อนนะจ๊ะถึงคุณแม่จะอนุญาต ถึงมันจะเป็นไปไม่ได้ก็เถอะ]

แม่ของผมได้พูดไว้แบบนั้นเมื่อสองปีที่แล้วในตอนที่ผมยังอยู่มัธยมต้นปี3

และนี่ก็คือชีวิตในปัจจุบันของผมหลังจากที่สามารถทำตามข้อตกลงที่แม่ให้ไว้กับผมได้สำเร็จ นัตสึโอมิได้หัวเราะออกมาในขณะที่นั่งดูทีวีไปด้วย

ในตอนนั้นตอนที่ผมสามารถเป็นนักเรียนทุนได้ตามที่ตกลงกันไว้ แต่ว่าแม่ของผมกลับพูดว่า “เคยพูดอะไรแบบนั้นด้วยเหรอ? ” ผมจำได้ดีเลยละ ตอนนั้นผมโกรธแม่มากเพราะว่าแม่ลืมสิ่งที่เราเคยสัญญากันเอาไว้

“ขอบคุณสำหรับอาหารครับ”

พอพูดเสร็จนัตสึโอมิก็นำจานไปล้างหลังจากนั้นก็ใส่เอาไว้ในตะกร้าระบายน้ำ นัตสึโอมิก็ได้รู้อีกอย่างว่าการล้างจานหลังทานอาหารเสร็จมันง่ายมากกว่าที่คิดถ้าอยู่ตัวคนเดียว

เมื่อนัตสึโอมิเหลือบไปดูเวลาจากโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะ ตอนนี้ก็เป็นเวลา 07:45 น. แล้ว

โดยปกติจากที่นี่ไปถึงโรงเรียนจะใช้เวลาประมาณ 15 นาที เพราะแบบนั้นผมจึงจะออกไปตอนช่วง 8 โมงเช้า ยังไงผมก็ไปถึงก่อนที่เสียงกริ่งครั้งแรกจะดังเพราะแบบนั้นผมจึงไม่ต้องรีบนัก พอผ่านไปสักพัก ผมก็ได้นำน้ำเติมลงไปในกาต้มน้ำร้อนก่อนที่จะเริ่มเปิดเครื่อง เพราะผมอยากที่จะดื่มชาหลังอาหารซักหน่อย

อพาร์ตเมนต์ที่ผมพักอาศัยอยู่ตอนนี้มีขนาด 1LDK พอเหมาะสำหรับการพักอาศัยอยู่ตัวคนเดียวโดยจะมีห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหาร ห้องครัว และห้องนอนที่มีอุปกรณ์ครบครัน

ผมพักอาศัยอยู่ชั้นที่สองของอพาร์ตเมนต์นี้ที่เปิดให้เช่ามาแล้วสี่ปี ระบบการรักษาความปลอดภัยก็ค่อนข้างดีเยี่ยม แถมยังมีอินเตอร์คอมที่เชื่อมไว้กับทีวี นอกจากนี้ยังมี กล่องจดหมาย ห้องครัว ห้องน้ำ และเครื่องปรับอากาศครบถ้วนโดยที่เป็นของใหม่ทั้งหมดเลย เพราะแบบนั้นราคาของอพาร์ตเมนต์นี้ก็ค่อนข้างที่จะสูงเมื่อเทียบกับอพาร์ทเมนท์อื่นๆที่อยู่ใกล้เคียง

(ผู้แปล : อินเตอร์คอม เป็นการติดต่อสื่อสารรูปแบบนึงที่ติดไว้นอกห้องเพื่อคุยกับคนในห้อง)

ถึงแม้ว่าเงินส่วนนี้ควรจะเป็นค่าเทอมก็เถอะแต่ว่าผมสามารถเข้าเป็นนักเรียนทุนได้เลยสามารถนำมาจ่ายค่าที่พัก แต่ผมก็ยังรู้สึกผิดต่อครอบครัวอยู่ดีผมเลยอยากที่จะย้ายไปพักที่อื่นที่ถูกกว่านี้ แต่พ่อแม่ของผมก็ไม่ยอมโดยพูดคำว่า “นี่คือความรักจากพ่อและแม่นะจ๊ะ” ผมเลยจำใจต้องอยู่ที่นี่ต่อ พอมาคิดดูแล้วผมก็รู้สึกดีจริงๆที่ได้มาพักอาศัยในที่ที่สะดวกสะบายขนาดนี้ ผมรู้สึกขอบคุณพวกเขามากๆเลยละ

นอกจากนี้ก็ยังมีอีกเหตุผลนึงที่ทำให้ผมชอบอพาร์ตเมนต์แห่งนี้

“ว้าว~ ปีนี้ดอกไม้ก็บานสวยเหมือนเคยเลยนะ”

นัตสึโอมิได้เปิดประตูบานเลื่อนทางทิศใต้ที่อยู่ติดกับระเบียง นัตสึโอมิมองเห็นดอกซากุระบานสะพรั่งอยู่ตรงหน้าของเขา

เป็นดอกไม้สีชมพูอ่อน ที่แกว่งไปมาตามสายลม เป็นทิวทัศน์ที่ดูสวยงามเป็นอย่างมาก และยังมีสายลมอ่อนๆที่พัดผ่านดอกซากุระนำมาซึ่งกลิ่นอันหอมหวานของดอกไม้

“เป็นวิวที่สวยงามจริงๆ”

นี่เป็นวิวที่ผมชอบมากๆเลยละ เป็นวิวที่จะเกิดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิเท่านั้นที่จะสามารถเห็นกลีบดอกซากุระปลิวไสวตามสายลมเป็นภาพที่งดงามมากเลยละ

ในขณะที่นัตสึโอมิกำลังชื่นชมวิวทิวทัศน์อยู่นั้นก็มีเสียงที่ไพเราะได้ดึงความสนใจของนัตสึโอมิไปอย่างช้าๆ

“ทำนองแบบนี้นี่มัน…”

นัตสึโอมิเลือกที่จะฟังเพลงนี้แบบเงียบๆ

นี่เป็นทำนองเพลงพื้นบ้านของญี่ปุ่นที่เกี่ยวกับดอกซากุระซึ่งคนญี่ปุ่นน่าจะเคยผ่านเพลงนี้กันมาหมดแล้ว เสียงที่นัตสึโอมิได้ยินนั้นมีความนุ่มนวลแล้วก็ชัดเจน ลมได้พัดพาเสียงนั้นมาถึงตัวของนัตสึโอมิราวกับกำลังแต่งแต้มความงดงามของดอกซากุระที่บานสะพรั่ง

และดอกซากุระที่ร่วงลงมาเหมือนกับมันกำลังเต้นรำไปพร้อมกับเสียงเพลงที่แสนไพเราะของเธอคนนั้น เมื่อนัตสึโอมิหันไปมองต้นตอขอเสียงก็พบกับหญิงสาวคนนึงที่ยืนอยู่บนระเบียงของห้องถัดไป นัตสึโอมิถูกผู้หญิงคนนั้นดึงดูดสายตาไปโดยไม่รู้ตัว

เป็นเด็กสาวที่เหมือนดั่งแก้วที่เปราะบางผมที่ยาวดำของเธอก็ปลิวไสวไปตามสายลมอันอบอุ่นของฤดูใบไม้ผลิ พร้อมกับกำลังฮัมเพลงตรงระเบียงข้างๆห้องของผม

แค่ได้เห็นเธอจากด้านข้าง เธอก็สวยเหมือนกับประติมากรรมที่ขาวราวกับหิมะและดวงตาสีฟ้าครามของเธอก็มองไปยังกลีบดอกซากุระที่ร่วงหล่นอย่างช้าๆในขณะที่เธอกำลังร้องเพลงที่แสนจะไพเราะจากริมฟีปากที่สวยงามเข้ารูปของเธอ

(-เป็นคนที่สวยจริงๆ)

นี่เป็นความคิดเดียวที่ผุดขึ้นมาในหัวของนัตสึโอมิในขณะนี้

ช่างเป็นเสียงที่อ่อนโยน ชัดเจนและสงบในคราเดียวกัน ราวกับว่าเสียงของเธอนั้นค่อยๆละลายหายไปในอากาศอย่างเงียบๆ

นัตสึโอมิอดไม่ได้ที่จะยืนฟังเสียงอันไพเราะนั่นด้วยความหลงใหล

พอนัยน์ตาสีฟ้าของเธอหรี่ลงก็แสดงให้เห็นถึงความเปราะบางและให้ความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย

นัตสึโอมิไม่สามารถละสายตายจากผู้หญิงคนนี้ได้เลยเธอให้ความรู้สึกที่เย็นชาจนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมแต่ว่าพอดวงตาคู่นั้นสังเกตเห็นนัตสึโอมิเพลงก็ได้ถูกตัดขาดในทันที

“……!!”

ดวงตาที่มองไปยังนัตสึโอมิก็หรี่ลงเล็กน้อย

ผมได้สติหลังจากที่สังเกตเห็นความสับสนเล็กน้อยในดวงตาของเธอที่ใสราวกับแก้วให้ความรู้สึกที่เย็นชาและไร้อารมณ์ในเวลาเดียวกัน

( ในสถานการณ์แบบนี้ ไม่ใช่ว่ากุดูน่าสงสัยสุดๆไปเลยไม่ใช่รึไงฟระ! )

ถ้าให้พูดตามตรง มีเด็กผู้ชายแปลกหน้าที่กำลังแอบดูคนอื่นในตอนกลางวันแสกๆแบบนี้เนี่ย

แถมยิ่งเป็นสาวสวยอีกต่างหาก นี่มันโครตน่าสงสัยเลยไม่ใช่รึไง

“ขอโทษครับ….ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะแอบฟังคุณเลยนะครับ”

“ ….!! ”

เธอขมวดคิ้วแล้วหันหลังหนี มือเล็กๆของเธอกุมเอาไว้ตรงที่หน้าอกทำท่าเหมือนกำลังหวาดกลัว

ท่าทางแบบนั้นเหมือนเด็กกำลังถูกดุอยู่เลย แม้แต่ใบหน้าที่ไร้อารมณ์ในตอนนั้นก็แสดงให้เห็นถึงความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้น

“ ข..ขอโทษครับ…”

เธอพึมพำด้วยเสียงที่แผ่วเบาจากนั้นเธอก็รีบกลับเข้าไปในห้องเพื่อซ่อนใบหน้าของเธอเอาไว้ราวกับว่าพยายามจะหนี

พร้อมกับเสียงปิดประตูที่ดังขึ้น ดูเหมือนว่านัตสึโอมิจะถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพังตรงนั้น

(เธอหนีไปแล้ว…..)ในตอนนั้นนัตสึโอมิก็ยังอ้าปากค้างด้วยความตกใจ

“ จบสิ้นแล้ว…เธอคงเข้าใจผิดแล้วแหงๆ”

นัตสึโอมิพึมพำกับตัวเองในขณะที่หันหน้าหนีจากระเบียงบ้านของผู้หญิงคนนั้นแล้วนัตสึโอมิก็เอาแก้มไปแนบกับราวระเบียงห้อง

เธอเป็นเพื่อนบ้านใหม่ที่เพิ่งย้ายเข้ามาเมื่อวานนี้แล้วผมก็พึ่งรู้ว่าคนที่ย้ายเข้ามาเป็นผู้หญิงที่สวยเป็นอย่างมากและดูเหมือนว่าเธอจะสวมเครื่องแบบจากโรงเรียนเดียวกันกับผมอีกด้วยเธออาจจะเป็นนักเรียนที่ย้ายเข้ามาใหม่ก็ได้

ถึงแม้สิ่งที่เรียกว่าเพื่อนบ้านจะหายไปแล้วก็เถอะ แต่การที่ต้องมาเจอกันที่โรงเรียนอีกด้วยนี่สิคงจะเป็นอะไรที่น่าอึดอัดใจไม่ใช่น้อย ถ้าพ่อแม่ของเธอจะเรียกผมว่าเป็นพวกโรคจิต ก็คงไม่แปลก

ผมรู้สึกโล่งอกที่รู้ว่าเสียงอินเตอร์คอมจะไม่ดังขึ้นในเร็ว ๆ นี้ และดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้ด่าผมที่ระเบียงเมื่อกี้ด้วย ถึงยังไงพวกเราก็เป็นเพื่อนบ้านกันซักวันเราก็ต้องเจอกันอีกล่ะนะ พอถึงตอนนั้นผมจะรีบขอโทษเธอเป็นอย่างแรกเลย

“บ้าจริง ต้องรีบไปแล้ว”

นัตสึโอมิหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วออกจากประตูหน้า โดยที่ทิ้งกาน้ำร้อนไว้แบบนั้น 

******

ติดตามผลงานเพิ่มเติมได้ที่ แปลมังงะ By.Kiruya เลยครับ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ผมได้ดูแลคูเดอเรลล่าข้างห้องและลงเอยด้วยการให้กุญแจบ้านกับเธอไป(I Spoiled “Quderella” Next Door and I’m Going To Give Her a Key to My House) 1.1

Now you are reading ผมได้ดูแลคูเดอเรลล่าข้างห้องและลงเอยด้วยการให้กุญแจบ้านกับเธอไป(I Spoiled “Quderella” Next Door and I’m Going To Give Her a Key to My House) Chapter 1.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด…

เสียงนาฬิกาจากโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นในช่วงเจ็ดนาฬิกาที่บ่งบอกถึงเช้าวันใหม่

ตอนนี้ก็เข้าสู่เดือนเมษายนแล้ว

เป็นฤดูใบไม้ผลิฤดูกาลแห่ง “สิ่งใหม่ๆ” ทั้งการเริ่มต้นปีการศึกษา พบปะเพื่อนใหม่ และ สังคมที่เราไม่เคยเจอ ทิวทิศน์ที่เห็นจากนอกหน้าต่างก็สะท้อนให้เห็นถึงฤดูกาล โดยที่มีความหนาวเย็นและแสงแดดอันอบอุ่นเป็นบรรยากาศที่ชวนให้รู้สึกสบาย

เมื่อมองออกไปก็จะพบกับผู้คนมากมายที่สวมเครื่องแบบใหม่ๆและชุดที่ดูแปลกตา ต่างก็เดินเพ่นพ่านอยู่บนถนนและดูเหมือนว่าห้องข้างๆที่ว่างเมื่อเดือนที่แล้วจะมีผู้พักอาศัยใหม่ย้ายเข้ามาเมื่อวานนี้

ช่วงปิดเทอมสั้นๆของผมก็ได้สิ้นสุดลงแล้วและตอนนี้ก็เข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้ผลิครั้งที่สองของโรงเรียนมัธยมปลาย

หรือจะกล่าวอีกนัยนึงก็คือผมอยู่ตัวคนเดียวมาหนึ่งปีแล้ว

ผมได้เอื้อมมือไปปิดนาฬิกาและลุกออกจากเตียงเพื่อยืดเส้นยืดสายที่แข็งทื่อจากการนอนหลับ จากนั้นก็สูดหายใจเข้าออกลึกๆสองสามครั้งเพื่อทำให้จิตใจปลอดโปร่ง

“อือ~…ไปล้างหน้าก่อนดีกว่า”

ผมได้เดินออกจากเตียงเพื่อไปล้างหน้าล้างตาที่ห้องน้ำ

และจากนั้นผมก็ได้นำครีมล้างหน้าที่พึ่งซื้อมาเพิ่มเมื่อไม่กี่วันก่อนขึ้นมา เพราะผิวของผมค่อนข้างที่จะหยาบกร้าน เลยเลือกซื้อครีมที่เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวตามราคาที่เหมาะสม

ผมเอื้อมมือไปปิดก๊อกน้ำหลังจากที่ล้างโฟมบนใบหน้าจนหมด พร้อมกับบ้วนปากขณะที่ถือแปรงสีฟันเอาไว้ในมือ พอทำเสร็จสรรพผมก็นำผ้าขนหนูมาเช็ดหยดน้ำที่กระเซ็นออกจากอ่างล้างหน้าบนกระจกเบาๆ

“ดูเหมือนว่าผมจะโตขึ้นมานิดหน่อยแล้วแฮะ..”

นัตสึโอมิได้พึมพำกับตัวเองในขณะที่กำลังมองกระจก

ถึงจะชินกับการอยู่ตัวคนเดียวในระดับนึงแล้วก็เถอะแต่ผมก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองจะโตมาได้ถึงขนาดนี้

“อืมมม..เอาเถอะ คงไม่ได้เปลี่ยนไปมากหรอกมั้ง”

ผมเลิกมองกระจกแล้วเอาแขนเสื้อที่เพึ่งรีดเสร็จเมื่อวานมาใส่พร้อมกับผูกเนคไทไปด้วยจากนั้นก็สวมกางเกงที่ซักแห้งเอาไว้ในช่วงปิดเทอมฤดูใบไม้ผลิ และอย่างสุดท้ายก็คือการสวมเสื้อนอก

“อิทาดาคิมัส”

ผมได้นำมือมาประสานกันก่อนที่จะรับประทานอาหารเช้าคนเดียวที่โต๊ะเล็กๆ

มื้อเช้าของผมนั้นประกอบไปด้วย ข้าว ไข่ดิบ ผักโขมต้มกับซีอิ๊วที่เหลือจากมื้อเย็นของเมื่อวาน พร้อมกับสาเกแซลมอนที่ลดราคาในช่วงเช้าของวันนี้

ผมได้นำเกลือมาโรยบนตัวปลาก่อนที่จะนำไปทอดซักสองสามนาทีจากนั้นปลาที่ได้ก็ดูกรอบนอกนุ่มในดูน่ากินสุดๆเลยละ

พอเห็นแบบนั้นนัตสึโอมิก็รู้สึกภูมิใจที่สามารถทำออกมาได้ดี

เมื่อหนึ่งปีที่แล้วนัตสึโอมิได้ตระหนักว่าการทำอาหารเองนั้นจะประหยัดกว่าการออกไปซื้อนอกบ้านถึงห้าเท่า ยิ่งไปกว่านั้นการที่ได้กินอาหารที่ปรุงเสร็จสดๆร้อนๆจะอร่อยสุดๆไปเลย

หรือว่าบางทีที่รู้สึกว่าตัวเองโตขึ้นมานิดหน่อยอาจจะเป็นเพราะว่าตัวเองนั้นสามารถดูแลสิ่งต่างๆได้มากขึ้น เช่น การทำอาหาร ทำความสะอาด ซักผ้า และได้เรียนรู้เกี่ยวกับการบริหารเงิน คงต้องขอบคุณพ่อและแม่ของผมแหละนะ

[จะออกไปอยู่คนเดียวงั้นเหรอคะ? ถ้างั้นลูกต้องเป็นนักเรียนทุนให้ได้ก่อนนะจ๊ะถึงคุณแม่จะอนุญาต ถึงมันจะเป็นไปไม่ได้ก็เถอะ]

แม่ของผมได้พูดไว้แบบนั้นเมื่อสองปีที่แล้วในตอนที่ผมยังอยู่มัธยมต้นปี3

และนี่ก็คือชีวิตในปัจจุบันของผมหลังจากที่สามารถทำตามข้อตกลงที่แม่ให้ไว้กับผมได้สำเร็จ นัตสึโอมิได้หัวเราะออกมาในขณะที่นั่งดูทีวีไปด้วย

ในตอนนั้นตอนที่ผมสามารถเป็นนักเรียนทุนได้ตามที่ตกลงกันไว้ แต่ว่าแม่ของผมกลับพูดว่า “เคยพูดอะไรแบบนั้นด้วยเหรอ? ” ผมจำได้ดีเลยละ ตอนนั้นผมโกรธแม่มากเพราะว่าแม่ลืมสิ่งที่เราเคยสัญญากันเอาไว้

“ขอบคุณสำหรับอาหารครับ”

พอพูดเสร็จนัตสึโอมิก็นำจานไปล้างหลังจากนั้นก็ใส่เอาไว้ในตะกร้าระบายน้ำ นัตสึโอมิก็ได้รู้อีกอย่างว่าการล้างจานหลังทานอาหารเสร็จมันง่ายมากกว่าที่คิดถ้าอยู่ตัวคนเดียว

เมื่อนัตสึโอมิเหลือบไปดูเวลาจากโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะ ตอนนี้ก็เป็นเวลา 07:45 น. แล้ว

โดยปกติจากที่นี่ไปถึงโรงเรียนจะใช้เวลาประมาณ 15 นาที เพราะแบบนั้นผมจึงจะออกไปตอนช่วง 8 โมงเช้า ยังไงผมก็ไปถึงก่อนที่เสียงกริ่งครั้งแรกจะดังเพราะแบบนั้นผมจึงไม่ต้องรีบนัก พอผ่านไปสักพัก ผมก็ได้นำน้ำเติมลงไปในกาต้มน้ำร้อนก่อนที่จะเริ่มเปิดเครื่อง เพราะผมอยากที่จะดื่มชาหลังอาหารซักหน่อย

อพาร์ตเมนต์ที่ผมพักอาศัยอยู่ตอนนี้มีขนาด 1LDK พอเหมาะสำหรับการพักอาศัยอยู่ตัวคนเดียวโดยจะมีห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหาร ห้องครัว และห้องนอนที่มีอุปกรณ์ครบครัน

ผมพักอาศัยอยู่ชั้นที่สองของอพาร์ตเมนต์นี้ที่เปิดให้เช่ามาแล้วสี่ปี ระบบการรักษาความปลอดภัยก็ค่อนข้างดีเยี่ยม แถมยังมีอินเตอร์คอมที่เชื่อมไว้กับทีวี นอกจากนี้ยังมี กล่องจดหมาย ห้องครัว ห้องน้ำ และเครื่องปรับอากาศครบถ้วนโดยที่เป็นของใหม่ทั้งหมดเลย เพราะแบบนั้นราคาของอพาร์ตเมนต์นี้ก็ค่อนข้างที่จะสูงเมื่อเทียบกับอพาร์ทเมนท์อื่นๆที่อยู่ใกล้เคียง

(ผู้แปล : อินเตอร์คอม เป็นการติดต่อสื่อสารรูปแบบนึงที่ติดไว้นอกห้องเพื่อคุยกับคนในห้อง)

ถึงแม้ว่าเงินส่วนนี้ควรจะเป็นค่าเทอมก็เถอะแต่ว่าผมสามารถเข้าเป็นนักเรียนทุนได้เลยสามารถนำมาจ่ายค่าที่พัก แต่ผมก็ยังรู้สึกผิดต่อครอบครัวอยู่ดีผมเลยอยากที่จะย้ายไปพักที่อื่นที่ถูกกว่านี้ แต่พ่อแม่ของผมก็ไม่ยอมโดยพูดคำว่า “นี่คือความรักจากพ่อและแม่นะจ๊ะ” ผมเลยจำใจต้องอยู่ที่นี่ต่อ พอมาคิดดูแล้วผมก็รู้สึกดีจริงๆที่ได้มาพักอาศัยในที่ที่สะดวกสะบายขนาดนี้ ผมรู้สึกขอบคุณพวกเขามากๆเลยละ

นอกจากนี้ก็ยังมีอีกเหตุผลนึงที่ทำให้ผมชอบอพาร์ตเมนต์แห่งนี้

“ว้าว~ ปีนี้ดอกไม้ก็บานสวยเหมือนเคยเลยนะ”

นัตสึโอมิได้เปิดประตูบานเลื่อนทางทิศใต้ที่อยู่ติดกับระเบียง นัตสึโอมิมองเห็นดอกซากุระบานสะพรั่งอยู่ตรงหน้าของเขา

เป็นดอกไม้สีชมพูอ่อน ที่แกว่งไปมาตามสายลม เป็นทิวทัศน์ที่ดูสวยงามเป็นอย่างมาก และยังมีสายลมอ่อนๆที่พัดผ่านดอกซากุระนำมาซึ่งกลิ่นอันหอมหวานของดอกไม้

“เป็นวิวที่สวยงามจริงๆ”

นี่เป็นวิวที่ผมชอบมากๆเลยละ เป็นวิวที่จะเกิดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิเท่านั้นที่จะสามารถเห็นกลีบดอกซากุระปลิวไสวตามสายลมเป็นภาพที่งดงามมากเลยละ

ในขณะที่นัตสึโอมิกำลังชื่นชมวิวทิวทัศน์อยู่นั้นก็มีเสียงที่ไพเราะได้ดึงความสนใจของนัตสึโอมิไปอย่างช้าๆ

“ทำนองแบบนี้นี่มัน…”

นัตสึโอมิเลือกที่จะฟังเพลงนี้แบบเงียบๆ

นี่เป็นทำนองเพลงพื้นบ้านของญี่ปุ่นที่เกี่ยวกับดอกซากุระซึ่งคนญี่ปุ่นน่าจะเคยผ่านเพลงนี้กันมาหมดแล้ว เสียงที่นัตสึโอมิได้ยินนั้นมีความนุ่มนวลแล้วก็ชัดเจน ลมได้พัดพาเสียงนั้นมาถึงตัวของนัตสึโอมิราวกับกำลังแต่งแต้มความงดงามของดอกซากุระที่บานสะพรั่ง

และดอกซากุระที่ร่วงลงมาเหมือนกับมันกำลังเต้นรำไปพร้อมกับเสียงเพลงที่แสนไพเราะของเธอคนนั้น เมื่อนัตสึโอมิหันไปมองต้นตอขอเสียงก็พบกับหญิงสาวคนนึงที่ยืนอยู่บนระเบียงของห้องถัดไป นัตสึโอมิถูกผู้หญิงคนนั้นดึงดูดสายตาไปโดยไม่รู้ตัว

เป็นเด็กสาวที่เหมือนดั่งแก้วที่เปราะบางผมที่ยาวดำของเธอก็ปลิวไสวไปตามสายลมอันอบอุ่นของฤดูใบไม้ผลิ พร้อมกับกำลังฮัมเพลงตรงระเบียงข้างๆห้องของผม

แค่ได้เห็นเธอจากด้านข้าง เธอก็สวยเหมือนกับประติมากรรมที่ขาวราวกับหิมะและดวงตาสีฟ้าครามของเธอก็มองไปยังกลีบดอกซากุระที่ร่วงหล่นอย่างช้าๆในขณะที่เธอกำลังร้องเพลงที่แสนจะไพเราะจากริมฟีปากที่สวยงามเข้ารูปของเธอ

(-เป็นคนที่สวยจริงๆ)

นี่เป็นความคิดเดียวที่ผุดขึ้นมาในหัวของนัตสึโอมิในขณะนี้

ช่างเป็นเสียงที่อ่อนโยน ชัดเจนและสงบในคราเดียวกัน ราวกับว่าเสียงของเธอนั้นค่อยๆละลายหายไปในอากาศอย่างเงียบๆ

นัตสึโอมิอดไม่ได้ที่จะยืนฟังเสียงอันไพเราะนั่นด้วยความหลงใหล

พอนัยน์ตาสีฟ้าของเธอหรี่ลงก็แสดงให้เห็นถึงความเปราะบางและให้ความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย

นัตสึโอมิไม่สามารถละสายตายจากผู้หญิงคนนี้ได้เลยเธอให้ความรู้สึกที่เย็นชาจนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมแต่ว่าพอดวงตาคู่นั้นสังเกตเห็นนัตสึโอมิเพลงก็ได้ถูกตัดขาดในทันที

“……!!”

ดวงตาที่มองไปยังนัตสึโอมิก็หรี่ลงเล็กน้อย

ผมได้สติหลังจากที่สังเกตเห็นความสับสนเล็กน้อยในดวงตาของเธอที่ใสราวกับแก้วให้ความรู้สึกที่เย็นชาและไร้อารมณ์ในเวลาเดียวกัน

( ในสถานการณ์แบบนี้ ไม่ใช่ว่ากุดูน่าสงสัยสุดๆไปเลยไม่ใช่รึไงฟระ! )

ถ้าให้พูดตามตรง มีเด็กผู้ชายแปลกหน้าที่กำลังแอบดูคนอื่นในตอนกลางวันแสกๆแบบนี้เนี่ย

แถมยิ่งเป็นสาวสวยอีกต่างหาก นี่มันโครตน่าสงสัยเลยไม่ใช่รึไง

“ขอโทษครับ….ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะแอบฟังคุณเลยนะครับ”

“ ….!! ”

เธอขมวดคิ้วแล้วหันหลังหนี มือเล็กๆของเธอกุมเอาไว้ตรงที่หน้าอกทำท่าเหมือนกำลังหวาดกลัว

ท่าทางแบบนั้นเหมือนเด็กกำลังถูกดุอยู่เลย แม้แต่ใบหน้าที่ไร้อารมณ์ในตอนนั้นก็แสดงให้เห็นถึงความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้น

“ ข..ขอโทษครับ…”

เธอพึมพำด้วยเสียงที่แผ่วเบาจากนั้นเธอก็รีบกลับเข้าไปในห้องเพื่อซ่อนใบหน้าของเธอเอาไว้ราวกับว่าพยายามจะหนี

พร้อมกับเสียงปิดประตูที่ดังขึ้น ดูเหมือนว่านัตสึโอมิจะถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพังตรงนั้น

(เธอหนีไปแล้ว…..)ในตอนนั้นนัตสึโอมิก็ยังอ้าปากค้างด้วยความตกใจ

“ จบสิ้นแล้ว…เธอคงเข้าใจผิดแล้วแหงๆ”

นัตสึโอมิพึมพำกับตัวเองในขณะที่หันหน้าหนีจากระเบียงบ้านของผู้หญิงคนนั้นแล้วนัตสึโอมิก็เอาแก้มไปแนบกับราวระเบียงห้อง

เธอเป็นเพื่อนบ้านใหม่ที่เพิ่งย้ายเข้ามาเมื่อวานนี้แล้วผมก็พึ่งรู้ว่าคนที่ย้ายเข้ามาเป็นผู้หญิงที่สวยเป็นอย่างมากและดูเหมือนว่าเธอจะสวมเครื่องแบบจากโรงเรียนเดียวกันกับผมอีกด้วยเธออาจจะเป็นนักเรียนที่ย้ายเข้ามาใหม่ก็ได้

ถึงแม้สิ่งที่เรียกว่าเพื่อนบ้านจะหายไปแล้วก็เถอะ แต่การที่ต้องมาเจอกันที่โรงเรียนอีกด้วยนี่สิคงจะเป็นอะไรที่น่าอึดอัดใจไม่ใช่น้อย ถ้าพ่อแม่ของเธอจะเรียกผมว่าเป็นพวกโรคจิต ก็คงไม่แปลก

ผมรู้สึกโล่งอกที่รู้ว่าเสียงอินเตอร์คอมจะไม่ดังขึ้นในเร็ว ๆ นี้ และดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้ด่าผมที่ระเบียงเมื่อกี้ด้วย ถึงยังไงพวกเราก็เป็นเพื่อนบ้านกันซักวันเราก็ต้องเจอกันอีกล่ะนะ พอถึงตอนนั้นผมจะรีบขอโทษเธอเป็นอย่างแรกเลย

“บ้าจริง ต้องรีบไปแล้ว”

นัตสึโอมิหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วออกจากประตูหน้า โดยที่ทิ้งกาน้ำร้อนไว้แบบนั้น 

******

ติดตามผลงานเพิ่มเติมได้ที่ แปลมังงะ By.Kiruya เลยครับ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+