ผมได้ดูแลคูเดอเรลล่าข้างห้องและลงเอยด้วยการให้กุญแจบ้านกับเธอไป(I Spoiled “Quderella” Next Door and I’m Going To Give Her a Key to My House) 5.1

Now you are reading ผมได้ดูแลคูเดอเรลล่าข้างห้องและลงเอยด้วยการให้กุญแจบ้านกับเธอไป(I Spoiled “Quderella” Next Door and I’m Going To Give Her a Key to My House) Chapter 5.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

隣のクーデレラを甘やかしたら、ウチの合鍵を渡すことになった

 

 

[ตอนที่ 5.1 : แชร์ค่าอาหาร?]

 

 “อื้อ~~นอนดีกว่าเรา”

 

พอมองไปที่นาฬิกาที่วางไว้บนโต๊ะที่อยู่ในห้องนั่งเล่นตอนนี้ก็เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว

 

ในขณะที่นัตสึโอมิกำลังจะเอื้อมมือไปปิดสวิตช์ไฟเพื่อที่จะเข้านอนนั้นจู่ๆก็มีเสียง “ปี๊งป่อง” จากอินเตอร์คอมดังขึ้นมา

 

(…ใครกันฟระที่มาในเวลาแบบนี้เนี่ย)

 

นัตสึโอมิได้มองไปที่จอภาพของอินเตอร์คอมด้วยความสงสัยแต่ก็ไม่ได้พบใครที่อยู่ตรงทางเข้าเลย

 

อพาร์ตเมนต์แห่งนี้มีระบบตรวจจับอัตโนมัติเพราะงั้นถ้ามีใครมามันก็ควรที่จะเห็นสิ

 

ถ้าไม่เห็นใครอยู่ที่ทางเข้าแสดงว่าคนๆนั้นต้องกดจากประตูห้องของผมชัวร์

 

มีแค่คนเดียวเท่านั้นที่จะผ่านเข้ามาแล้วมาถึงห้องของผมได้เธอก็คือคาสึมิเพราะเธอมีกุญแจห้องสำรองของผมแต่ว่าถ้าคาสึมิมาเธอจะเข้ามาเลยโดยที่ไม่กดอินเตอร์คอม

 

ถ้าจะเมินเธอไปตอนนี้ก็คงจะไม่ดีด้วยสิ จากนั้นนัตสึโอมิก็ตัดสินใจที่จะรับสายของเธอคนนั้น

 

“สวัสดีค่ะคาตากิริซัง….!อ่ะ…คือว่าได้โปรด…ช่วยฉันทีค่ะ!!!”

 

เสียงที่สั่นและเต็มไปด้วยความหวาดกลัวของวิลเลียสได้ดังออกมาจากลำโพงของอินเตอร์คอม

 

 ✦ ✦ ✦

 

“ม่ายยยน้าาามันวิ่งไปทั่วเลย…ว้ายยยมันกำลังมองมาที่ฉัน”

 

วิลเลียสที่สวมชุดนอนสีฟ้าอ่อนได้แอบอยู่ด้านหลังของนัตสึโอมิพร้อมกับชี้ไปที่ใต้เตียงด้วยสีหน้าซีดๆที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว

 

“อ๊ะ ใจเย็นๆก่อนสิครับ มันก็แค่แมลงสาบเอง!! มันไม่กัดคุณหรอก”

 

“ไม่ไหว! ไม่ไหว!! ไม่ไหว!!! ถึงมันจะไม่กัดก็เถอะแต่ไอ้ตัวแบบนี้เนี้ยมันไม่ไหวจริงๆ”

 

วิลเลียสได้ร้องไห้ออกมาพร้อมกับดึงเสื้อของนัตสึโอมิจากทางด้านหลังส่วนทางนัตสึโอมิก็มองไปที่ใต้เตียงของวิลเลียสพร้อมกับถือยาฆ่าแมลงที่เอามาจากห้องของเขา

 

 

นี่เป็นประสบการณ์ครั้งแรกในชีวิตเลยล่ะที่ได้เข้ามาในห้องของผู้หญิงที่อายุพอๆกันถึงจะมาเพื่อกำจัดแมลงสาบก็เถอะแต่พอได้เห็นวิลเลียสซังกลัวแล้วร้องไห้ออกมาซะขนาดนี้โดยที่ไม่ได้สนใจสายตาจากคนข้างบ้านแบบผมพอได้เห็นแบบนี้เข้าก็คงปล่อยไปไม่ได้ล่ะนะ

 

นัตสึโอมิได้ตัดสินใจเดินเข้าไปในห้องนอนของวิลเลียสจากนั้นเขาก็ได้กลิ่นอันหอมหวานที่ยากจะอธิบายลอยเข้ามา

 

(….นี่เป็นกลิ่นของผู้หญิงรูปแบบเดียวกันกับในมังงะรอมคอมรึเปล่านะ?)

 

จากนั้นนัตสึโอมิก็ได้ตบหน้าของตัวเองเพื่อดึงสติออกมาจากความคิดที่กำลังสงสัยว่า กลิ่นแบบนี้กับในมังงะเหมือนกันรึเปล่าเพราะว่าถึงจะอยู่ในอพาร์ตเมนต์เดียวกันแต่กลิ่นแบบนี้มันก็ต่างกันสุดขั้วเลย

 

“อ๊ะ ตรงนั้น!! มันอยู่ใต้เตียงตอนนี้มันวิ่งไปได้หลังแล้ว…คาตากิริซัง!!”

 

“คะ-ครับ? เอ๊ะไม่ใช่สิถ้าจะให้ไปที่เตียงของเด็กผู้หญิงมันค่อนข้างจะ…”

 

[ “ไม่นะไม่นะไม่นะไม่นะไม่นะ!!! เตียงของชั้นนนนน!!ออกไปซะไอ้ตัวน่ารังเกียจอย่าขึ้นไปนะะะะะะะะตรงนั้นมันที่นอนของชั้นนนนน!!ออกไปให้พ้น!!ออกไปให้พ้น!!คิย๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา” ]***วิลเลียสพูดออกมาเป็นภาษาอังกฤษ

 

“ใจเย็นๆก่อนสิครับแล้วเลิกกอดผมได้แล้วเดี๋ยวผมจะรีบกำจัดมันเองใจเย็นก่อนสิครับ!!”

 

 ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆

 

สิบนาทีต่อมา

 

“ขอบคุณนะคะ….ขอบคุณมากจริงๆคาตากิริซัง…ถ้าไม่มีคุณแล้วละก็ฉันคงทำอะไรไม่ถูกแน่ๆ..ฮึก..ฮือออออ”

 

วิลเลียสร้องให้ออกมาอย่างหนักพร้อมกับขอบคุณนัตสึโอมิไปด้วย

 

“ครับ   ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ  หยุดร้องไห้ได้แล้ว…”

 

ถึงนัตสึโอมิจะสับสนเล็กน้อยกับคำพูดภาษาอังกฤษที่วิลเลียสลั่นออกมาแต่เขาก็สามารถพาวิลเลียสกลับมานั่งที่เตียงได้สำเร็จจากนั้นวิลเลียสก็ค่อยๆเริ่มสงบลงทีละนิด

 

(….ถึงจะบอกให้เธอใจเย็นก็เถอะ..แต่พอลองมาคิดเกี่ยวกับสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว…)

 

นัตสึโอมิกลืนน้ำลายของตัวเองเมื่อนึกถึงสถานการณ์ของเขาในตอนนี้ส่วนวิลเลียสที่นั่งอยู่ใกล้ๆก็ยังอยู่ในความวิตกกังวล

 

ตอนนี้ตูอยู่ในห้องของผู้หญิงยังไม่พอแถมยังถูกสาวที่โครตจะน่ารักในชุดนอนกอดอีกและเจ้าตัวในตอนนี้ก็ทำสีหน้าที่โล่งอกดูไร้การป้องกันสุดๆ

 

ในขณะนี้นัตสึโอมิก็นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ห้องนั่งเล่นและเขาก็กำลังเอามือทั้งสองบีบแก้มของตัวเองเพื่อดึงสติกับมา

 

ก็นะเรื่องทั้งหมดมันก็ไม่มีอะไรที่หวาวแหววหรือบรรยากาศโรแมนติกเลยมีแต่วิลเลียสซังที่ร้องไห้ออกมาพร้อมกับเกาะติดผมแน่นด้วยความสิ้นหวัง

 

“….”

 

เมื่อนัตสึโอมิได้สติกลับคืนมาเขาก็มองไปรอบๆห้องของวิลเลียส

 

ห้องของวิลเลียสนั้นมีเฟอร์นิเจอร์และเครื่องประดับเป็นสีขาวส่วนผ้าม่านและพรมปูพื้นเป็นสีชมพูอ่อน

 

แล้วยังมีกลิ่นหอมของครีมบำรุงผมและครีมทาผิวฟุ้งกระจายอยู่ทั่วห้องนี่เป็นกลิ่นของเด็กผู้หญิงซึ่งนั่นทำให้นัตสึโอมิรู้สึก กระวนกระวายใจ

 

พอผ่านไปสักพักวิลเลียสก็สงบสติอารมณ์ของตัวเองได้จากนั้นเธอก็ยืนขึ้นอย่างเงียบๆแล้วก็นำเสื้อไหมพรมมาใส่ทับชุดนอนของเธอ

 

“ขอโทษนะคะคาตากิริซังฉันทำให้คุณลำบากซะแล้วสิ เดี๋ยวฉันจะไปชงชามาให้คุณนั่งรอที่นี่ไปก่อนเถอะ”

 

หลังจากที่พูดจบเธอก็เดินเข้าไปในห้องครัวพร้อมกับผมยาวดำที่ยังแห้งไม่สนิทที่กำลังส่ายไปมานี่อาจจะเป็นเพราะว่าเธอเพิ่งอาบน้ำเสร็จละมั้งเลยมีกลิ่นที่หอมขนาดนี้

 

(….ถึงนี่จะเป็นเหตุสุดวิสัยก็เถอะแต่นี่เธอจะไร้การป้องกันเกินไปแล้วนะ)

 

วิลเลียสซังน่ะเรียกได้ว่าเป็นสาวงามในระดับเฟิร์สคลาสเลยล่ะและรอยยิ้มที่ไม่ค่อยแสดงออกมาให้เห็นก็น่ารักสุดๆ

 

ถ้าไม่มองในเชิงของเพศตรงข้ามผมที่ได้เห็นด้านต่างๆของเธอสามารถพูดอย่างเป็นกลางได้เลยล่ะว่าความสวยของเธอนั้นเป็นของจริง

 

นัตสึโอมิเหลือบมองไปที่วิลเลียสที่ยืนอยู่ในครัว

 

วิลเลียสใส่ชุดนอนสีฟ้าพาสเทลที่ดูเรียบง่ายแถมในตอนนี้เธอยังรวบผมที่ยังแห้งไม่สนิทเอาไว้ด้วยหวีเล็กๆและผิวของเธอก็ดูชุ่มชื้นที่เพิ่งผ่านการอาบน้ำมานั่นมันทำให้นัตสึโอมิรู้สึกกระวนกระวายใจสุดๆกับการที่วิลเลียสในตอนนี้ไร้การป้องกัน

 

“ขอโทษที่ให้รอนะคะ คาตากิริซังจะเอาชามั้ยคะ?”

 

“อ๊ะ..ครับ”

 

วิลเลียสได้วางชาไว้บนโต๊ะจากนั้นเธอก็นั่งลงด้านตรงข้ามของนัตสึโอมิ

 

หลังจากที่นัตสึโอมิจิบชาเข้าไปเขาก็รู้สึกถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายนั่นมันทำให้เขาสงบสติอารมณ์ของตัวเองลงเล็กน้อย

 

“ขอโทษนะคะคาตากิริซังที่ไปรบกวนคุณในเวลาแบบนี้”

 

“ไม่เป็นไรครับคุณปลอดภัยก็ดีแล้วในตอนที่คุณมาหาผมด้วยท่าทางที่ตื่นตระหนกทำเอาผมคิดว่ามีปัญหาที่ร้ายแรงเกิดขึ้นซะอีก”

 

“….ขอโทษจริงๆค่ะ”

 

นัตสึโอมิที่พูดหยอกล้อวิลเลียสที่กำลังถือแก้วเอาไว้ในมือใบหน้าของเธอก็ได้เปลี่ยนเป็นสีแดงที่สามารถมองเห็นได้ถึงปลายหู

 

“ก็พอฉันได้เห็น “ไอ้เจ้านั่น” ฉันก็รู้สึกกลัวมากจนทำอะไรไม่ถูกพอรู้ตัวอีกทีฉันก็กดอินเตอร์คอมของห้องคาตากิริซังไปซะแล้ว”

 

“ไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ ก็ผมเป็นคนบอกคุณเองหนิว่าถ้าเกิดเรื่องอะไรก็ให้มาบอกผม”

 

“ค่ะ…ขอบคุณมากนะคะ”

 

วิลเลียสยิ้มออกมาด้วยท่าทางที่ผ่อนคลายขึ้นมากแต่ว่าแก้มของเธอก็ยังเป็นสีแดงที่เกิดจากความเขิน

 

พอทั้งคู่สงบสติอารมณ์ของตัวเองได้บรรยากาศที่ดูอึดอัดก็ค่อยๆจางหายไปจนกลับมาเป็นปกติ

 

“ที่อังกฤษไม่มี “โรช” งั้นเหรอครับ?”

(ผู้แปล-โรช = roach เป็นคำย่อมาจา่ก cockroach ซึ่งแปลว่าแมลงสาบ)

 

พอได้เห็นไหล่ของวิลเลียสที่กระตุกขึ้นเมื่อได้ยิน “คำๆนั้น” นัตสึโอมิก็ได้เปลี่ยนไปใช้ชื่อย่อนั่นและถามต่อไป

 

ถึงผมจะเคยได้ยินคำว่า “โรช” มาก่อนก็เถอะแต่ก็ไม่เคยเห็นใครใช้คำๆนี้เลย

 

“ถ้าไม่เคยเห็นมาก่อนจะเรียกชื่อมันไม่ได้งั้นเหรอครับ?”

 

“ไม่ค่ะคือฉันเคยเห็นมันมาก่อนแล้วค่ะ”

 

“เอ๊ะ?”

 

“ห๊ะ?”

 

พวกเขาทั้งสองพยักหน้าสลับกัน

 

“ไม่ใช่สิ คือว่าคุณไม่เคยเห็นไอ้ตัวแบบนี้ในอังกฤษไม่ใช่เหรอครับ?”

 

“ค่ะ ฉันไม่เคยเห็นที่อังกฤษเลยแต่ว่าฉันเห็นมันที่ญี่ปุ่นค่ะถึงมันจะนานมาแล้วก็เถอะแต่ว่า…มันเป็นความทรงจำที่น่ากลัวมากเลยค่ะ”

 

ร่างเล็กๆของวิลเลียสสั่นเทาไปด้วยความกลัวเมื่อคิดถึงเรื่องเกี่ยวกับ “มัน”

 

“เอ๊ะ? ญี่ปุ่น? นานมาแล้ว? อาเระ?”

 

นัตสึโอมิเอียงศีรษะด้วยความงุนงงจากนั้นวิลเลียสก็พูดออกมาว่า “อ๊ะ”

 

“ขอโทษนะคะฉันลืมไปเลยว่าฉันไม่ได้บอกคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้จริงๆแล้วฉันอยู่ที่ญี่ปุ่นจนถึงอายุห้าขวบค่ะเพราะงั้นฉันก็เลยเคยเห็นไอ้ตัวแบบนั้นอยู่บ้างค่ะ”

 

“อ่อออ เป็นอย่างนี้นี่เอง”

 

นัตสึโอมิพยักหน้าเข้าใจกับสิ่งที่วิลเลียสพูด

 

ไม่แปลกใจเลยที่เธอสามารถพูดภาษาญี่ปุ่นได้เก่งขนาดนี้และยังเรื่องที่ตัดสินใจมาเรียนที่นี่อีกแถมดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้ขัดข้องอะไรเลยกับการใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่นมันก็สมเหตุสมผลล่ะนะถ้าเธอเคยอยู่ที่นี่มาก่อน

 

ถ้าวิลเลียสซังบอกว่าเคยเห็นในช่วงเวลานั้นก็คงจะจริงล่ะนะ

 

“แล้วเรื่องที่ว่าคุณเป็นลูกครึ่งนั่นจริงรึเปล่าครับ?”

 

“ค่ะ แม่ของฉันเป็นคนญี่ปุ่นส่วนพ่อของฉันเป็นคนอังกฤษค่ะ”

 

ผมของเธอแกว่งไปมาเล็กน้อยในขณะที่เธอพยักหน้า

 

ถ้าเธอเป็นงั้นจริงๆ การที่เธอมีชื่ออังกฤษแต่ว่ามีรูปร่างหน้าตาเหมือนคนญี่ปุ่นก็คงไม่น่าแปลกใจเลย

 

เมื่อวิลเลียสสังเกตเห็นนัตสึโอมิที่พยักหน้าและจ้องไปที่ผมของเธอ 

 

วิลเลียสก็ได้เอาแก้วมาไว้ที่ริมฝีปากและดื่มชาเข้าไปเพื่อที่จะซ่อนใบหน้าที่เขินอาย

 

“งั้นเดี๋ยวผมไปเติมชามาเพิ่มนะครับ”

 

นัตสึโอมิรู้สึกแย่ที่จ้องมองวิลเลียสไปซะขนาดนั้นเพราะงั้นเขาเลยหาข้ออ้างและเดินไปที่ครัว

 

“…ว้าวววว”

 

นัตสึโอมิอุทานออกมาเมื่อได้เห็นห้องครัวของวิลเลียส

 

นัตสึโอมิได้เห็นเครื่องใช้ภายในครัวของวิลเลียสเช่น ไมโครเวฟ เครื่องปิ้งขนมปัง และตู้เย็น ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเครื่องใช้รุ่นล่าสุดและทันสมัยส่วนพวกจาน หม้อ กระทะ และอุปกรณ์การทำอาหารอื่นๆก็ยังมาจากแบรนด์ดังๆอีก

 

(…..นี่เธอเป็นเจ้าหญิงจริงๆเหรอเนี่ย)

 

เธอน่าจะไม่ใช่คนที่ซื้อมาเองเพราะว่าเธอเคยบอกผมว่าเธอทำอาหารไม่เป็นและเธอยังอยากที่จะประหยัดเงินให้ได้มากที่สุดถึงขั้นออกไปซื้ออาหารลดราคา

 

ทั้งหมดนี่พ่อแม่ของเธอน่าจะเป็นคนซื้อให้เองละมั้ง

 

นัตสึโอมิได้ยืนอึ้งให้กับห้องครัวที่ส่องประกายแวววาวพร้อมกับคิดไปด้วยว่า[หมดเงินกับของพวกนี้ไปเท่าไหร่เนี่ย]

 

จากนั้นนัตสึโอมิก็ขมวดคิ้วและรู้สึกหงุดหงิดให้กับห้องครัวที่สะอาดแวววาวจนเกินไป

 

“ห้องครัวนี่ยังไม่ค่อยได้ถูกใช้งั้นเหรอครับ?”

 

นัตสึโอมิได้ถามวิลเลียสไปเมื่อได้เห็นห้องครัวที่เหมือนจะไม่เคยผ่านการใช้งานมาก่อนจากนั้นวิลเลียสก็ขมวดคิ้วและพยักหน้าตอบกลับด้วยรอยยิ้มแห้งๆ

 

“ค่ะ ถึงฉันจะพยายามทำอาหารตามคาตากิริซังแล้วก็เถอะแต่ถูกอย่างก็ออกมาได้ไม่ค่อยดีนักทั้งในด้านรสชาติและคุณภาพเพราะงั้นสุดท้านฉันก็ตระหนักได้ว่าการซื้ออาหารสำเร็จรูปและลดราคาจะช่วยประหยัดทั้งเวลาและเงินมากกว่าค่ะ”

 

พอได้ยินแบบนั้นนัตสึโอมิก็หันไปมองที่ถังขยะจากนั้นเขาก็ได้เห็นกล่องขยะและกล่องบะหมี่ที่อัดแน่นกันอยู่ในถังขยะ

 

ในตอนแรกผมก็นึกว่าวิลเลียสซังนั้นจะกินอาหารไม่ครบสามมื้อซะอีกแต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แบบนั้นสินะ

 

(….ก็จริงอยู่ที่ว่าอาหารทำมือก็ไม่ได้ถูกเสมอไป..)

 

ผมเองก็มักจะเคยได้ยินคำว่า “ถ้าอยากประหยัดเงินก็ต้องทำอาหารกินเอง” แต่หลังจากที่ผมได้ย้ายออกมาอยู่คนเดียวผมก็ได้รู้ว่าคำพูดแบบนี้ก็ไม่ได้จริงเสมอไป

 

ถ้าคุณยังไม่คุ้นเคยกับการเลือกซื้อวัตถุดิบ การใช้ปริมาณให้เหมาะสม การตุนอาหารในระยะยาว การดูวันหมดอายุ และการทำความสะอาด สุดท้ายคุณก็จะจบลงด้วยการมีปัญหาที่มากขึ้นรวมถึงเรื่องค่าใช้จ่ายด้วย

 

ยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่มีอะไรรับประกันด้วยว่าอาหารที่ทำออกมาจะอร่อยถึงจะตั้งใจทำเต็มที่ก็ตามถึงแม้ว่าจะซื้อวัตถุดิบมาในราคาที่ถูกแต่ว่าของพวกนั้นจะได้คุณค่าทางอาหารครบถ้วนแน่รึเปล่า?

 

ถ้าคุณกำลังหาวิธีทำอาหารเหมือนแบบวิลเลียสซังแล้วละก็ผมว่าเลือกพวกของสำเร็จรูปจากพวกร้านสะดวกซื้อจะดีกว่า

 

เมื่อนัตสึโอมิได้รู้นิสัยการกินของวิลเลียสเขาก็ได้เอามือมาปิดปากตัวเองและครุ่นคิด

 

(….ยังพอมีอีกทางนึงที่จะช่วยประหยัดได้…แต่ว่า..)

 

ยังมีอีกทางเลือกนึงที่จะสามารถแก้ไขเรื่องคุณค่าทางอาหารของวิลเลียสซังได้แถมรสชาติก็ดีกว่าข้าวกล่องของร้านสะดวกซื้อแน่นอน

 

แต่สำหรับความสัมพันธ์ในปัจจุบันระหว่างผมกับวิลเลียสซังนั้นคงจะเป็นเรื่องยากล่ะนะถ้าจะใช้วิธีนี้

 

(….ก็นะถ้าเป็นแบบนี้ก็คงทำอะไรไม่ได้แต่อย่างน้อยฉันก็พอเข้าใจความรู้สึกของเธอนะ…)

 

เมื่อนึกหาวิธีบางอย่างแต่ก็หาไม่ได้ นัตสึโอมิก็กลับไปที่โต๊ะพร้อมกับยื่นชาให้กับเธอ

 

 ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆

 

นัตสึโอมินายกล้าพูดได้ไงว่าแค่แมลงสาบถ้ามันกางปีกเมื่อไหร่นั่นแหละนรก

 

ช่วงนี้ยุ่งกับงานจริงๆงานกองเต็มหัวเลยเพราะงั้นอาจจะไม่ค่อยได้แปลนะครับ อะฮิฮุฮิฮุ

 

ติดตามผลงานเพิ่มเติมได้ที่ แปลมังงะ By.Kiruya

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ผมได้ดูแลคูเดอเรลล่าข้างห้องและลงเอยด้วยการให้กุญแจบ้านกับเธอไป(I Spoiled “Quderella” Next Door and I’m Going To Give Her a Key to My House) 5.1

Now you are reading ผมได้ดูแลคูเดอเรลล่าข้างห้องและลงเอยด้วยการให้กุญแจบ้านกับเธอไป(I Spoiled “Quderella” Next Door and I’m Going To Give Her a Key to My House) Chapter 5.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

隣のクーデレラを甘やかしたら、ウチの合鍵を渡すことになった

 

 

[ตอนที่ 5.1 : แชร์ค่าอาหาร?]

 

 “อื้อ~~นอนดีกว่าเรา”

 

พอมองไปที่นาฬิกาที่วางไว้บนโต๊ะที่อยู่ในห้องนั่งเล่นตอนนี้ก็เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว

 

ในขณะที่นัตสึโอมิกำลังจะเอื้อมมือไปปิดสวิตช์ไฟเพื่อที่จะเข้านอนนั้นจู่ๆก็มีเสียง “ปี๊งป่อง” จากอินเตอร์คอมดังขึ้นมา

 

(…ใครกันฟระที่มาในเวลาแบบนี้เนี่ย)

 

นัตสึโอมิได้มองไปที่จอภาพของอินเตอร์คอมด้วยความสงสัยแต่ก็ไม่ได้พบใครที่อยู่ตรงทางเข้าเลย

 

อพาร์ตเมนต์แห่งนี้มีระบบตรวจจับอัตโนมัติเพราะงั้นถ้ามีใครมามันก็ควรที่จะเห็นสิ

 

ถ้าไม่เห็นใครอยู่ที่ทางเข้าแสดงว่าคนๆนั้นต้องกดจากประตูห้องของผมชัวร์

 

มีแค่คนเดียวเท่านั้นที่จะผ่านเข้ามาแล้วมาถึงห้องของผมได้เธอก็คือคาสึมิเพราะเธอมีกุญแจห้องสำรองของผมแต่ว่าถ้าคาสึมิมาเธอจะเข้ามาเลยโดยที่ไม่กดอินเตอร์คอม

 

ถ้าจะเมินเธอไปตอนนี้ก็คงจะไม่ดีด้วยสิ จากนั้นนัตสึโอมิก็ตัดสินใจที่จะรับสายของเธอคนนั้น

 

“สวัสดีค่ะคาตากิริซัง….!อ่ะ…คือว่าได้โปรด…ช่วยฉันทีค่ะ!!!”

 

เสียงที่สั่นและเต็มไปด้วยความหวาดกลัวของวิลเลียสได้ดังออกมาจากลำโพงของอินเตอร์คอม

 

 ✦ ✦ ✦

 

“ม่ายยยน้าาามันวิ่งไปทั่วเลย…ว้ายยยมันกำลังมองมาที่ฉัน”

 

วิลเลียสที่สวมชุดนอนสีฟ้าอ่อนได้แอบอยู่ด้านหลังของนัตสึโอมิพร้อมกับชี้ไปที่ใต้เตียงด้วยสีหน้าซีดๆที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว

 

“อ๊ะ ใจเย็นๆก่อนสิครับ มันก็แค่แมลงสาบเอง!! มันไม่กัดคุณหรอก”

 

“ไม่ไหว! ไม่ไหว!! ไม่ไหว!!! ถึงมันจะไม่กัดก็เถอะแต่ไอ้ตัวแบบนี้เนี้ยมันไม่ไหวจริงๆ”

 

วิลเลียสได้ร้องไห้ออกมาพร้อมกับดึงเสื้อของนัตสึโอมิจากทางด้านหลังส่วนทางนัตสึโอมิก็มองไปที่ใต้เตียงของวิลเลียสพร้อมกับถือยาฆ่าแมลงที่เอามาจากห้องของเขา

 

 

นี่เป็นประสบการณ์ครั้งแรกในชีวิตเลยล่ะที่ได้เข้ามาในห้องของผู้หญิงที่อายุพอๆกันถึงจะมาเพื่อกำจัดแมลงสาบก็เถอะแต่พอได้เห็นวิลเลียสซังกลัวแล้วร้องไห้ออกมาซะขนาดนี้โดยที่ไม่ได้สนใจสายตาจากคนข้างบ้านแบบผมพอได้เห็นแบบนี้เข้าก็คงปล่อยไปไม่ได้ล่ะนะ

 

นัตสึโอมิได้ตัดสินใจเดินเข้าไปในห้องนอนของวิลเลียสจากนั้นเขาก็ได้กลิ่นอันหอมหวานที่ยากจะอธิบายลอยเข้ามา

 

(….นี่เป็นกลิ่นของผู้หญิงรูปแบบเดียวกันกับในมังงะรอมคอมรึเปล่านะ?)

 

จากนั้นนัตสึโอมิก็ได้ตบหน้าของตัวเองเพื่อดึงสติออกมาจากความคิดที่กำลังสงสัยว่า กลิ่นแบบนี้กับในมังงะเหมือนกันรึเปล่าเพราะว่าถึงจะอยู่ในอพาร์ตเมนต์เดียวกันแต่กลิ่นแบบนี้มันก็ต่างกันสุดขั้วเลย

 

“อ๊ะ ตรงนั้น!! มันอยู่ใต้เตียงตอนนี้มันวิ่งไปได้หลังแล้ว…คาตากิริซัง!!”

 

“คะ-ครับ? เอ๊ะไม่ใช่สิถ้าจะให้ไปที่เตียงของเด็กผู้หญิงมันค่อนข้างจะ…”

 

[ “ไม่นะไม่นะไม่นะไม่นะไม่นะ!!! เตียงของชั้นนนนน!!ออกไปซะไอ้ตัวน่ารังเกียจอย่าขึ้นไปนะะะะะะะะตรงนั้นมันที่นอนของชั้นนนนน!!ออกไปให้พ้น!!ออกไปให้พ้น!!คิย๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา” ]***วิลเลียสพูดออกมาเป็นภาษาอังกฤษ

 

“ใจเย็นๆก่อนสิครับแล้วเลิกกอดผมได้แล้วเดี๋ยวผมจะรีบกำจัดมันเองใจเย็นก่อนสิครับ!!”

 

 ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆

 

สิบนาทีต่อมา

 

“ขอบคุณนะคะ….ขอบคุณมากจริงๆคาตากิริซัง…ถ้าไม่มีคุณแล้วละก็ฉันคงทำอะไรไม่ถูกแน่ๆ..ฮึก..ฮือออออ”

 

วิลเลียสร้องให้ออกมาอย่างหนักพร้อมกับขอบคุณนัตสึโอมิไปด้วย

 

“ครับ   ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ  หยุดร้องไห้ได้แล้ว…”

 

ถึงนัตสึโอมิจะสับสนเล็กน้อยกับคำพูดภาษาอังกฤษที่วิลเลียสลั่นออกมาแต่เขาก็สามารถพาวิลเลียสกลับมานั่งที่เตียงได้สำเร็จจากนั้นวิลเลียสก็ค่อยๆเริ่มสงบลงทีละนิด

 

(….ถึงจะบอกให้เธอใจเย็นก็เถอะ..แต่พอลองมาคิดเกี่ยวกับสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว…)

 

นัตสึโอมิกลืนน้ำลายของตัวเองเมื่อนึกถึงสถานการณ์ของเขาในตอนนี้ส่วนวิลเลียสที่นั่งอยู่ใกล้ๆก็ยังอยู่ในความวิตกกังวล

 

ตอนนี้ตูอยู่ในห้องของผู้หญิงยังไม่พอแถมยังถูกสาวที่โครตจะน่ารักในชุดนอนกอดอีกและเจ้าตัวในตอนนี้ก็ทำสีหน้าที่โล่งอกดูไร้การป้องกันสุดๆ

 

ในขณะนี้นัตสึโอมิก็นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ห้องนั่งเล่นและเขาก็กำลังเอามือทั้งสองบีบแก้มของตัวเองเพื่อดึงสติกับมา

 

ก็นะเรื่องทั้งหมดมันก็ไม่มีอะไรที่หวาวแหววหรือบรรยากาศโรแมนติกเลยมีแต่วิลเลียสซังที่ร้องไห้ออกมาพร้อมกับเกาะติดผมแน่นด้วยความสิ้นหวัง

 

“….”

 

เมื่อนัตสึโอมิได้สติกลับคืนมาเขาก็มองไปรอบๆห้องของวิลเลียส

 

ห้องของวิลเลียสนั้นมีเฟอร์นิเจอร์และเครื่องประดับเป็นสีขาวส่วนผ้าม่านและพรมปูพื้นเป็นสีชมพูอ่อน

 

แล้วยังมีกลิ่นหอมของครีมบำรุงผมและครีมทาผิวฟุ้งกระจายอยู่ทั่วห้องนี่เป็นกลิ่นของเด็กผู้หญิงซึ่งนั่นทำให้นัตสึโอมิรู้สึก กระวนกระวายใจ

 

พอผ่านไปสักพักวิลเลียสก็สงบสติอารมณ์ของตัวเองได้จากนั้นเธอก็ยืนขึ้นอย่างเงียบๆแล้วก็นำเสื้อไหมพรมมาใส่ทับชุดนอนของเธอ

 

“ขอโทษนะคะคาตากิริซังฉันทำให้คุณลำบากซะแล้วสิ เดี๋ยวฉันจะไปชงชามาให้คุณนั่งรอที่นี่ไปก่อนเถอะ”

 

หลังจากที่พูดจบเธอก็เดินเข้าไปในห้องครัวพร้อมกับผมยาวดำที่ยังแห้งไม่สนิทที่กำลังส่ายไปมานี่อาจจะเป็นเพราะว่าเธอเพิ่งอาบน้ำเสร็จละมั้งเลยมีกลิ่นที่หอมขนาดนี้

 

(….ถึงนี่จะเป็นเหตุสุดวิสัยก็เถอะแต่นี่เธอจะไร้การป้องกันเกินไปแล้วนะ)

 

วิลเลียสซังน่ะเรียกได้ว่าเป็นสาวงามในระดับเฟิร์สคลาสเลยล่ะและรอยยิ้มที่ไม่ค่อยแสดงออกมาให้เห็นก็น่ารักสุดๆ

 

ถ้าไม่มองในเชิงของเพศตรงข้ามผมที่ได้เห็นด้านต่างๆของเธอสามารถพูดอย่างเป็นกลางได้เลยล่ะว่าความสวยของเธอนั้นเป็นของจริง

 

นัตสึโอมิเหลือบมองไปที่วิลเลียสที่ยืนอยู่ในครัว

 

วิลเลียสใส่ชุดนอนสีฟ้าพาสเทลที่ดูเรียบง่ายแถมในตอนนี้เธอยังรวบผมที่ยังแห้งไม่สนิทเอาไว้ด้วยหวีเล็กๆและผิวของเธอก็ดูชุ่มชื้นที่เพิ่งผ่านการอาบน้ำมานั่นมันทำให้นัตสึโอมิรู้สึกกระวนกระวายใจสุดๆกับการที่วิลเลียสในตอนนี้ไร้การป้องกัน

 

“ขอโทษที่ให้รอนะคะ คาตากิริซังจะเอาชามั้ยคะ?”

 

“อ๊ะ..ครับ”

 

วิลเลียสได้วางชาไว้บนโต๊ะจากนั้นเธอก็นั่งลงด้านตรงข้ามของนัตสึโอมิ

 

หลังจากที่นัตสึโอมิจิบชาเข้าไปเขาก็รู้สึกถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายนั่นมันทำให้เขาสงบสติอารมณ์ของตัวเองลงเล็กน้อย

 

“ขอโทษนะคะคาตากิริซังที่ไปรบกวนคุณในเวลาแบบนี้”

 

“ไม่เป็นไรครับคุณปลอดภัยก็ดีแล้วในตอนที่คุณมาหาผมด้วยท่าทางที่ตื่นตระหนกทำเอาผมคิดว่ามีปัญหาที่ร้ายแรงเกิดขึ้นซะอีก”

 

“….ขอโทษจริงๆค่ะ”

 

นัตสึโอมิที่พูดหยอกล้อวิลเลียสที่กำลังถือแก้วเอาไว้ในมือใบหน้าของเธอก็ได้เปลี่ยนเป็นสีแดงที่สามารถมองเห็นได้ถึงปลายหู

 

“ก็พอฉันได้เห็น “ไอ้เจ้านั่น” ฉันก็รู้สึกกลัวมากจนทำอะไรไม่ถูกพอรู้ตัวอีกทีฉันก็กดอินเตอร์คอมของห้องคาตากิริซังไปซะแล้ว”

 

“ไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ ก็ผมเป็นคนบอกคุณเองหนิว่าถ้าเกิดเรื่องอะไรก็ให้มาบอกผม”

 

“ค่ะ…ขอบคุณมากนะคะ”

 

วิลเลียสยิ้มออกมาด้วยท่าทางที่ผ่อนคลายขึ้นมากแต่ว่าแก้มของเธอก็ยังเป็นสีแดงที่เกิดจากความเขิน

 

พอทั้งคู่สงบสติอารมณ์ของตัวเองได้บรรยากาศที่ดูอึดอัดก็ค่อยๆจางหายไปจนกลับมาเป็นปกติ

 

“ที่อังกฤษไม่มี “โรช” งั้นเหรอครับ?”

(ผู้แปล-โรช = roach เป็นคำย่อมาจา่ก cockroach ซึ่งแปลว่าแมลงสาบ)

 

พอได้เห็นไหล่ของวิลเลียสที่กระตุกขึ้นเมื่อได้ยิน “คำๆนั้น” นัตสึโอมิก็ได้เปลี่ยนไปใช้ชื่อย่อนั่นและถามต่อไป

 

ถึงผมจะเคยได้ยินคำว่า “โรช” มาก่อนก็เถอะแต่ก็ไม่เคยเห็นใครใช้คำๆนี้เลย

 

“ถ้าไม่เคยเห็นมาก่อนจะเรียกชื่อมันไม่ได้งั้นเหรอครับ?”

 

“ไม่ค่ะคือฉันเคยเห็นมันมาก่อนแล้วค่ะ”

 

“เอ๊ะ?”

 

“ห๊ะ?”

 

พวกเขาทั้งสองพยักหน้าสลับกัน

 

“ไม่ใช่สิ คือว่าคุณไม่เคยเห็นไอ้ตัวแบบนี้ในอังกฤษไม่ใช่เหรอครับ?”

 

“ค่ะ ฉันไม่เคยเห็นที่อังกฤษเลยแต่ว่าฉันเห็นมันที่ญี่ปุ่นค่ะถึงมันจะนานมาแล้วก็เถอะแต่ว่า…มันเป็นความทรงจำที่น่ากลัวมากเลยค่ะ”

 

ร่างเล็กๆของวิลเลียสสั่นเทาไปด้วยความกลัวเมื่อคิดถึงเรื่องเกี่ยวกับ “มัน”

 

“เอ๊ะ? ญี่ปุ่น? นานมาแล้ว? อาเระ?”

 

นัตสึโอมิเอียงศีรษะด้วยความงุนงงจากนั้นวิลเลียสก็พูดออกมาว่า “อ๊ะ”

 

“ขอโทษนะคะฉันลืมไปเลยว่าฉันไม่ได้บอกคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้จริงๆแล้วฉันอยู่ที่ญี่ปุ่นจนถึงอายุห้าขวบค่ะเพราะงั้นฉันก็เลยเคยเห็นไอ้ตัวแบบนั้นอยู่บ้างค่ะ”

 

“อ่อออ เป็นอย่างนี้นี่เอง”

 

นัตสึโอมิพยักหน้าเข้าใจกับสิ่งที่วิลเลียสพูด

 

ไม่แปลกใจเลยที่เธอสามารถพูดภาษาญี่ปุ่นได้เก่งขนาดนี้และยังเรื่องที่ตัดสินใจมาเรียนที่นี่อีกแถมดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้ขัดข้องอะไรเลยกับการใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่นมันก็สมเหตุสมผลล่ะนะถ้าเธอเคยอยู่ที่นี่มาก่อน

 

ถ้าวิลเลียสซังบอกว่าเคยเห็นในช่วงเวลานั้นก็คงจะจริงล่ะนะ

 

“แล้วเรื่องที่ว่าคุณเป็นลูกครึ่งนั่นจริงรึเปล่าครับ?”

 

“ค่ะ แม่ของฉันเป็นคนญี่ปุ่นส่วนพ่อของฉันเป็นคนอังกฤษค่ะ”

 

ผมของเธอแกว่งไปมาเล็กน้อยในขณะที่เธอพยักหน้า

 

ถ้าเธอเป็นงั้นจริงๆ การที่เธอมีชื่ออังกฤษแต่ว่ามีรูปร่างหน้าตาเหมือนคนญี่ปุ่นก็คงไม่น่าแปลกใจเลย

 

เมื่อวิลเลียสสังเกตเห็นนัตสึโอมิที่พยักหน้าและจ้องไปที่ผมของเธอ 

 

วิลเลียสก็ได้เอาแก้วมาไว้ที่ริมฝีปากและดื่มชาเข้าไปเพื่อที่จะซ่อนใบหน้าที่เขินอาย

 

“งั้นเดี๋ยวผมไปเติมชามาเพิ่มนะครับ”

 

นัตสึโอมิรู้สึกแย่ที่จ้องมองวิลเลียสไปซะขนาดนั้นเพราะงั้นเขาเลยหาข้ออ้างและเดินไปที่ครัว

 

“…ว้าวววว”

 

นัตสึโอมิอุทานออกมาเมื่อได้เห็นห้องครัวของวิลเลียส

 

นัตสึโอมิได้เห็นเครื่องใช้ภายในครัวของวิลเลียสเช่น ไมโครเวฟ เครื่องปิ้งขนมปัง และตู้เย็น ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเครื่องใช้รุ่นล่าสุดและทันสมัยส่วนพวกจาน หม้อ กระทะ และอุปกรณ์การทำอาหารอื่นๆก็ยังมาจากแบรนด์ดังๆอีก

 

(…..นี่เธอเป็นเจ้าหญิงจริงๆเหรอเนี่ย)

 

เธอน่าจะไม่ใช่คนที่ซื้อมาเองเพราะว่าเธอเคยบอกผมว่าเธอทำอาหารไม่เป็นและเธอยังอยากที่จะประหยัดเงินให้ได้มากที่สุดถึงขั้นออกไปซื้ออาหารลดราคา

 

ทั้งหมดนี่พ่อแม่ของเธอน่าจะเป็นคนซื้อให้เองละมั้ง

 

นัตสึโอมิได้ยืนอึ้งให้กับห้องครัวที่ส่องประกายแวววาวพร้อมกับคิดไปด้วยว่า[หมดเงินกับของพวกนี้ไปเท่าไหร่เนี่ย]

 

จากนั้นนัตสึโอมิก็ขมวดคิ้วและรู้สึกหงุดหงิดให้กับห้องครัวที่สะอาดแวววาวจนเกินไป

 

“ห้องครัวนี่ยังไม่ค่อยได้ถูกใช้งั้นเหรอครับ?”

 

นัตสึโอมิได้ถามวิลเลียสไปเมื่อได้เห็นห้องครัวที่เหมือนจะไม่เคยผ่านการใช้งานมาก่อนจากนั้นวิลเลียสก็ขมวดคิ้วและพยักหน้าตอบกลับด้วยรอยยิ้มแห้งๆ

 

“ค่ะ ถึงฉันจะพยายามทำอาหารตามคาตากิริซังแล้วก็เถอะแต่ถูกอย่างก็ออกมาได้ไม่ค่อยดีนักทั้งในด้านรสชาติและคุณภาพเพราะงั้นสุดท้านฉันก็ตระหนักได้ว่าการซื้ออาหารสำเร็จรูปและลดราคาจะช่วยประหยัดทั้งเวลาและเงินมากกว่าค่ะ”

 

พอได้ยินแบบนั้นนัตสึโอมิก็หันไปมองที่ถังขยะจากนั้นเขาก็ได้เห็นกล่องขยะและกล่องบะหมี่ที่อัดแน่นกันอยู่ในถังขยะ

 

ในตอนแรกผมก็นึกว่าวิลเลียสซังนั้นจะกินอาหารไม่ครบสามมื้อซะอีกแต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แบบนั้นสินะ

 

(….ก็จริงอยู่ที่ว่าอาหารทำมือก็ไม่ได้ถูกเสมอไป..)

 

ผมเองก็มักจะเคยได้ยินคำว่า “ถ้าอยากประหยัดเงินก็ต้องทำอาหารกินเอง” แต่หลังจากที่ผมได้ย้ายออกมาอยู่คนเดียวผมก็ได้รู้ว่าคำพูดแบบนี้ก็ไม่ได้จริงเสมอไป

 

ถ้าคุณยังไม่คุ้นเคยกับการเลือกซื้อวัตถุดิบ การใช้ปริมาณให้เหมาะสม การตุนอาหารในระยะยาว การดูวันหมดอายุ และการทำความสะอาด สุดท้ายคุณก็จะจบลงด้วยการมีปัญหาที่มากขึ้นรวมถึงเรื่องค่าใช้จ่ายด้วย

 

ยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่มีอะไรรับประกันด้วยว่าอาหารที่ทำออกมาจะอร่อยถึงจะตั้งใจทำเต็มที่ก็ตามถึงแม้ว่าจะซื้อวัตถุดิบมาในราคาที่ถูกแต่ว่าของพวกนั้นจะได้คุณค่าทางอาหารครบถ้วนแน่รึเปล่า?

 

ถ้าคุณกำลังหาวิธีทำอาหารเหมือนแบบวิลเลียสซังแล้วละก็ผมว่าเลือกพวกของสำเร็จรูปจากพวกร้านสะดวกซื้อจะดีกว่า

 

เมื่อนัตสึโอมิได้รู้นิสัยการกินของวิลเลียสเขาก็ได้เอามือมาปิดปากตัวเองและครุ่นคิด

 

(….ยังพอมีอีกทางนึงที่จะช่วยประหยัดได้…แต่ว่า..)

 

ยังมีอีกทางเลือกนึงที่จะสามารถแก้ไขเรื่องคุณค่าทางอาหารของวิลเลียสซังได้แถมรสชาติก็ดีกว่าข้าวกล่องของร้านสะดวกซื้อแน่นอน

 

แต่สำหรับความสัมพันธ์ในปัจจุบันระหว่างผมกับวิลเลียสซังนั้นคงจะเป็นเรื่องยากล่ะนะถ้าจะใช้วิธีนี้

 

(….ก็นะถ้าเป็นแบบนี้ก็คงทำอะไรไม่ได้แต่อย่างน้อยฉันก็พอเข้าใจความรู้สึกของเธอนะ…)

 

เมื่อนึกหาวิธีบางอย่างแต่ก็หาไม่ได้ นัตสึโอมิก็กลับไปที่โต๊ะพร้อมกับยื่นชาให้กับเธอ

 

 ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆

 

นัตสึโอมินายกล้าพูดได้ไงว่าแค่แมลงสาบถ้ามันกางปีกเมื่อไหร่นั่นแหละนรก

 

ช่วงนี้ยุ่งกับงานจริงๆงานกองเต็มหัวเลยเพราะงั้นอาจจะไม่ค่อยได้แปลนะครับ อะฮิฮุฮิฮุ

 

ติดตามผลงานเพิ่มเติมได้ที่ แปลมังงะ By.Kiruya

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+