พี่สาวนางร้าย ปักธงตายตั้งเเต่ตอนเเรก !? 33

Now you are reading พี่สาวนางร้าย ปักธงตายตั้งเเต่ตอนเเรก !? Chapter 33 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“น้องสาวทั้งสองคน ?”

คุณเอลวินมองมาที่ฉันและไอรินด้วยท่าทางงุนงงไปชั่วขณะ แต่หลังจากนั้นเขาก็กลับมาทำหน้านิ่งเคร่งขรึมตามเดิม 

“เข้าใจแล้วครับ จะถามเรื่องส่วนตัวก็คงมิควร ขอเชิญทั้งสามท่านเข้ามาข้างในก่อนดีกว่า”

ได้ยินที่เขาพูด ไอรินก็อดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา

“ดูสิ แม้แต่พ่อบ้านยังรู้เลยว่าไม่มีทางเป็นพี่น้องกันแน่ๆ”

“ฮ่าๆ น่าจะอย่างงั้นนะ”

พวกเราสามคนเดินตามหลังคุณเอลวินเข้าไป

ตึ้ง !

ทันทีที่ประตูคฤหาสน์ปิดลง พื้นที่อันกว้างขวางสุดลูกหูลูกตาก็ทำให้ไอรินไม่อาจกลั้นเสียงประทับใจเอาไว้ได้

“ใหญ่สุดๆไปเลย !?”

คฤหาสน์ห้าหลังสูงเป็นระดับไล่จากนอกออกกลาง เขียว เหลือง แดง สาม สี่ ห้า

นั่นคือการไล่สีจากอาคารหลังนอกเข้าสู่หลังกลาง และ ไล่จำนวนชั้นจากหลังนอกเข้าหลังใน

หลังที่อยู่ซ้ายและขวาสุดคือหลังสีเขียวสูงสามชั้น ส่วนหลังลำดับถัดมาสองหลังก็เป็นหลังสีเหลืองสูงสี่ชั้น ส่วนหลังตรงกลางโดดๆเพียงหลังเดียวคือสีแดงสูงห้าชั้น

คฤหาสน์ทั้งห้าหลังเรียงล้อมกันเป็นวงกลมรอบสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่กว้างขวางราวกับจะจุคนได้เป็นพัน

ดอกไม้หลากสี ม่วงครามน้ำเงินเขียวเหลืองแสดแดง ดูงดงามแม้จะเปียกปอนด้วยสายฝนยามค่ำคืน แสงไฟอ่อนๆจากโคมไฟที่อยู่ข้างทางช่วยขับเน้นความน่าหลังใหลของสวนดอกไม้ยามราตรี 

ยิ่งไปกว่านั้นบ่อน้ำพุที่อยู่ตรงกลางก็ใหญ่โตเทียบเท่าบ้านหนึ่งหลัง

เหนือสุดของยอดน้ำพุคือรูปปั้นชายในชุดผ้าคลุมสีขาวที่ชูคฑาในมือขวาขึ้นฟ้าและมีอัญมณีคล้ายรัดเกล้าประดับไว้บนศีรษะ

ถ้าจำไม่ผิดนั่นน่าจะเป็นรูปปั้นของ มหาศาสดา อัลเฟอุส บุรุษผู้ก่อตั้งศาสตาอัลเฟอุสขึ้นมา

เพียงแค่เห็นความอลังการณ์ของที่นี่ แม้แต่ตัวฉันก็ไม่อาจอดกลั้นร่างกายที่สั่นสะท้านจากความประทับใจของศิลปกรรมอันงดงามที่ผสมผสานหลากหลายวัฒนธรรมที่ความทรงจำในร่างนี้ไม่เคยเห็นมาก่อน

ไอรินทำตาลุกวาวด้วยความสนอกสนใจทุ่งดอกไม้

ในขณะที่นอแมนนั้น—

“หะ หะ ใหญ่ไปแล้วเฟ้ย”

เขากลับทำหน้าซีดซ่ะอย่างงั้น !?

มองดูจากสีหน้าและแววตาที่สิ้นหวังนั่น เดาได้ไม่ยากว่าเขาคงกำลังคิดว่าพื้นที่ค้นหามากขนาดนี้ ตัวเองคงไม่สามารถวางเวทย์ติดตามเพื่อใช้ในการตามหาเขี้ยวแวทไพร์ได้ง่ายๆแน่

“…………”

แต่จะว่าไปพอสังเกตดูดีๆ รู้สึกว่าพื้นที่แห่งนี้ดูเงียบเชียบซ่ะเหลือเกิน

ตรงหน้าประตูไม่มียามคอยคุ้มกันหรือสิ่งที่ดูเหมือนระบบรักษาความปลอดภัยใดๆ ทั้งๆที่เป็นบ้านของมหาเศรษฐี

พอเดินเข้ามาข้างใน นอกจากคุณเอลวินแล้วก็ไม่พบวี่แววของมนุษย์แม้แต่คนเดียว

ทว่า หลังจากฉันตั้งคำถามนั้นได้ไม่นาน สิ่งที่สงสัยก็ได้รับการไขกระจ่างอย่างรวดเร็ว

โฮกกกกกกกกกกกกกก

เสียงคำรามดังกู่ก้องทำเอาไอรินและนอแมนสะดุ้งโหยง

“มอนสเตอร์ ?”

“เสียงที่พวกท่านได้ยินเมื่อซักครู่คือเสียงของสัตว์เลี้ยงที่นายท่านเลี้ยงเอาไว้เพื่อปกป้องคฤหาสน์ทั้งห้าหลัง”

เมื่อมองไปตามต้นเสียงก็พบว่ามันดังมาจากเงาบางอย่างที่ซุกซ่อนอยู่บริเวณน้ำพุยักษ์ใจกลางสวน

โฮกกกกกกกก

สุนัขยักษ์ขนสีน้ำตาลที่มีหัวสามหัวและดวงเนตรสีแดงก่ำราวกับเลือดลุกขึ้นมาจากท่าหมอบที่ทำให้มันถูกสวนดอกไม้อันงดงามบดบังมาโดยตลอด

จำนวนของสุนัขสามหัวมีทั้งหมดสามตัว

ตอนหมอบอยู่มองไม่เห็น แต่พอลุกขึ้นมาก็พบว่า ร่างของมันสูงใหญ่ถึงสามเมตรเลยทีเดียว

“นั่นมัน ?”

“สุนัขสามหัวทั้งสามตัวนั่นคือมอนสเตอร์จากทวีปของเผ่าปีศาจที่นายท่านเลี้ยงมาตั้งแต่แรกเกิดขอรับ…พวกมันถูกเรียกในทวีปของเผ่าปีศาจว่า เซอร์เบอรัส”

นอกจากทวีปของเผ่ามนุษย์ซึ่งก็คือ ทวีปไมอา (จักวรรดิเซลเทีย) และ ทวีปมู (สาธารณรัฐยูเฟเซีย) ในโลกใบนี้ก็ยังมีอีกหลายทวีปเช่น ทวีปของเอลฟ์ ทวีปของเผ่าปีศาจ ทวีปของเผ่ามังกร ซึ่งอีกหลายๆทวีปนั้นต่างก็มีความสัมพันธ์ทางการฑูตระหว่างกันต่างจากทวีปของมนุษย์ที่ทั้งสองทวีปพากันปิดประเทศเนื่องจากสภาะวะสงครามที่ดำเนินมานานกว่า 200 ปี

การที่สามารถนำสัตว์เลี้ยงจากทวีปอื่นมาได้ทั้งๆที่ปิดประเทศอยู่ แสดงให้เห็นว่าเจ้าของคฤหาสน์ทั้งห้าหลังต้องมีเส้นใหญ่พอตัว

แถมร่างกายที่ใหญ่ยักษ์ถึง 3 เมตรและหัวที่มีรวมกันถึง 9 หัว 18 ตา นั่นทำให้การเดินทางมาที่สวนแห่งนี้ไม่น่าจะใช่เรื่องที่ปลอดภัยซักเท่าไหร่

ดวงตาสีแดงเปล่งแสงสีเลือดท่ามกลางความมืดมิดและกำลังจับจ้องมาที่พวกเราทั้งสามคน คมเขี้ยวคมกริบที่แยกออกทำให้นอแมนที่อยู่ข้างๆห่อไหล่ด้วยความหวาดกลัว

พวกมันส่งเสียงขู่พลางยืนขึ้นมาแล้วโค้งตัวออกมาข้างหน้าราวกับทำท่าจะออกวิ่ง

ดูเหมือนว่าพวกมันพร้อมจะโจมตีใส่พวกเราได้ทุกเมื่อ

พรึ่บ !

ทว่าพอคุณเอลวินยกมือขึ้นปราม เซอร์เบอรัสทั้งสามตัวก็ยอมนั่งยองๆกลับไปแต่โดยดี

“หลังจากที่ไปถึงที่พักแล้วไม่แนะนำให้ออกมาข้างนอกเอง เพราะ เซอร์เบอรัสทั้งสามตัวที่ไม่คุ้นเคยกับคนแปลกหน้าอาจจะเข้ามาทำร้ายพวกท่านได้ แน่นอนว่า เคยมีคนที่ไม่เชื่อและกลายเป็นเหยื่อของพวกมัน ซึ่งกระผมก็หวังว่าเหตุการณ์อันน่าเศร้าสลดนั่นจะไม่เกิดขึ้นอีก นอกจากนี้—”

ว่าแล้ว เขาก็มองมาที่พวกเราด้วยสายตาอันคมกริบ

“เนื่องจากนายท่านเป็นคนขี้ระแวง ทุกๆชั้นของคฤหาสน์จึงได้มีการวางกับดักเอาไว้”

“กับดัก !?”

นอแมนยากจะกลั้นเสียงหวาดผวาที่เผลอหลุดออกมา

“เดี๋ยวกระผมจะทำการปลดกับดักในชั้นที่มีห้องพักของพวกท่านอยู่ให้ พวกท่านสามารถเดินขึ้นลงบันไดและมุ่งไปยังชั้นล่างที่มีห้องอาหารได้ตามปกติ แต่การเดินไปยังชั้นอื่น จะมีกับดักที่ไม่ได้รับการปลดถูกติดตั้งเอาไว้อยู่ แน่นอนว่ากับดักแต่ล่ะชนิดมีความอันตรายถึงชีวิต ขอแนะนำว่าถ้าต้องการอะไรให้สั่นกระดิ่งเรียกกระผมแทน”

ตึก…..

หลังจากที่เดินนำและกล่าวแนะนำสั้นๆเสร็จ หัวหน้าพ่อบ้านเอลวินก็พาพวกเราทั้งสามคนไปยังคฤหาสน์สีเขียวฝั่งขวาสุดที่สูงสามชั้น

เอี๊ยด….

ประตูไม้ถูกเปิดออกพร้อมเสียงที่ดังขึ้นคล้ายกับในเกม RPG 

พอพวกเราสามคนเดินตามหลังพ่อบ้านเข้าไปก็พบกับห้องโถงกลางที่มีทางแยกแบ่งออกเป็นสามทาง

บนเพดานประดับด้วยโคมไฟระย้าที่ประกอบด้วยเครื่องแก้วหลายร้อยชิ้นเข้าด้วยกัน

พรหมสีแดงสดที่ปลายเท้าวางลงก็สัมผัสได้ถึงความนุ่มลื่นผิดจากพื้นกระเบื้องตามปกติ ส่วนเพดานและกำแพงโดยรอบทำจากหินอ่อนที่ดูแล้วราคาคงไม่ใช่ถูกๆ

ยากจะประเมินว่าแค่ห้องโถงบริเวณนี้ มันมีมูลค่ากี่สิบล้านกันแน่

“ทางฝั่งขวาจะนำท่านไปยังห้องอาหาร ส่วนฝั่งซ้ายจะนำท่านไปยังห้องอาบน้ำ ส่วนบันไดข้างหน้าจะนำพวกท่านไปสู่ชั้นสองที่เป็นที่พักของพวกท่าน”

เมื่อมองตรงไปข้างหน้าก็พบกับบันได้กว้างห้าเมตรที่พอเดินไปได้ครึ่งหนึ่งของรอยต่อระหว่างชั้นแรกและชั้นสอง บันไดก็จะแตกออกเป็นบันไดซ้ายและบันไดขวาซึ่งจะนำไปสู่ชั้นสองที่ถูกแบ่งออกเป็นฝั่งขวาและฝั่งซ้าย

“แล้วก็ที่ชั้นสองฝั่งปีกขวาตรงบริเวณปลายสุดของทางเดินจะมีบันไดนำไปสู่ชั้นสามของคฤหาสน์ กระผมไม่แนะนำให้พวกท่านเดินขึ้นไปชั้นสามเพราะที่นั่นยังไม่ได้มีการปลดกับดักออก”

“อึก !”

คำว่ากับดักที่ถูกย้ำอีกรอบทำให้นอแมนกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่

“พวกท่านคงเดินทางกันมาเหนื่อย เดี๋ยวกระผมจะขอให้สาวใช้เตรียมอาหารมื้อค่ำเบาๆและอุ่นน้ำร้อนเอาไว้ ให้ ในอีกไม่เกินสิบนาทีก็คงสามารถใช้ห้องน้ำได้โดยทันที ระหว่างนี้หากต้องการอะไรเพิ่มก็ให้สั่นกระดิ่งนี่”

ว่าแล้ว พ่อบ้านก็ยื่นกระดิ่งสีทองเล็กๆอันหนึ่งให้นอแมน

“ลองเขย่าดูสิขอรับ”

ได้ยินดังนั้น นอแมนก็ทำตามที่คุณเอลวินสั่ง

สิ้นเสียงไพเราะของกระดิ่งที่ดังกังวาน มันก็มีเสียงครืดคราดราวกับลากของหนักไปตามทางดังใกล้เข้ามา

“หืม ?”

“นั่นมัน ?”

สิ่งที่ปรากฏตัวเบื้องหน้าพวกเรา คือตุ๊กตาไม้ที่มีรูปร่างคล้ายหญิงสาว ไม่มีตา หู จมูก สิ่งที่ประดับมีเพียงชุดสาวใช้และวิกผมสีเหลืองถักเป็นเปียที่อยู่บนหัว ส่วนขาสองข้างก็ทำจากล้อไม้ที่ทำให้เกิดเสียงดังเมื่ออกวิ่งไปตามทาง

“เธอคนนี้คือตุ๊กตาที่จะคอยรับใช้พวกท่านในคฤหาสน์หลังนี้ หากมีอะไรต้องการความช่วยเหลือก็บอกเธอได้ เดี๋ยวเธอจะนำสิ่งที่ต้องการมาให้พวกท่านเอง”

“ตุ๊กตา ? เวทย์ควบคุมสิ่งของ ? หรือว่า !?”

“อะแฮ่มๆ ”

คุณเอลวินกระแอมไอขณะที่นอแมนทำท่าครุ่นคิดด้วยความสงสัย

“เกรงว่าคงบอกไม่ได้ว่าเหตุใดตุ๊กตาตนนี้จึงรับคำสั่งของพวกท่านได้ แต่ขอให้คิดว่าเป็นกลไกอย่างหนึ่งของคฤหาสน์หลังนี้ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับพวกท่าน”

“ครับ…..”

ได้ยินดังนั้น นอแมนก็เงียบไป ในขณะที่คุณเอลวินนำพวกเราไปสู่ชั้นสอง

“มีห้องนอนทั้งหมดสิบห้อง เชิญเลือกใช้ตามสบายได้เลย หลังจากนี้อีกประมาณสิบนาที ตุ๊กตาผมทองตัวเมื่อกี้…อาจจะเรียกชื่อเธอว่า เวลม่า ก็ได้….อะแฮ่ม ! เวลม่าจะมานำทางพวกท่านไปที่ห้องอาบน้ำ หากต้องการติดต่อกระผมโดยตรงหลังจากนี้ ขอให้ติดต่อผ่านเวลม่าอีกที เนื่องจากงานในฐานะหัวหน้าพ่อบ้านจำเป็นจะต้องกลับไปทำที่คฤหาสน์หลังหลัก ไว้พรุ่งนี้เช้ากระผมจะกลับมาหาพวกท่านพร้อมคำชี้แจ้งเกี่ยวกับภารกิจอีกครั้ง”

หลังจากแนะนำทุกอย่างเสร็จสรรพ คุณเอลวินก็เดินจากไปทิ้งให้พวกเราสามคนยืนอยู่บนโถงทางเดินที่ทอดยาวออกไป 

รอบกำแพงมีประตูไม้ติดอยู่ห้าบานและตรงสุดโถงทางเดินก็มีหน้าต่างซึ่งเผยให้เห็นสายฝนที่โหมกระหน่ำลงมาไม่หยุด

เปรี้ยง !

มีฟ้าผ่าดังบ้างเป็นระยะๆ ดูเหมือนว่าคืนนี้ฝนจะตกหนักขึ้นอีกแล้ว

“ก่อนอื่นก็…ไปหาห้องคุยกันก่อนเถอะ”

แม้ตอนแรกจะเคราะห์ดีที่ฝนตกเลยช่วยให้เริ่มทำภารกิจได้ง่ายๆ แต่การที่ฝนตกมันคงยากที่จะทำให้นอแมนสามารถแอบลอบไปวางวงเวทย์ติดตามทั้งหกจุดได้สำเร็จ

หลังจากแยกย้ายกันไปวางสัมภาระตามห้องของตัวเองเสร็จ (แน่นอนว่าฉันกับไอรินนอนห้องเดียวกัน ส่วนนอแมนนอนอีกห้อง !) พวกเราก็เลือกห้องว่างๆห้องหนึ่งมาใช้ในการวางแผน

“หลังจากนี้ฉันจะแอบไปสืบหาข้อมูลเพิ่มเติม พวกเธอก็ช่วยแกล้งทำเป็นว่าพวกเราสามพี่น้องกำลังนอนด้วยกัน”

“เราเป็นน้องของแกตั้งแต่เมื่อไหร่ ?”

“จะว่าไปตอนนี้อยู่กันแค่สามคนแล้ว ฉันขอตั้นหน้าคุณซักหมัดเพื่อเป็นการชดเชยที่เล่นนอกบทได้ไหมคะ ?”

พอเห็นเราสองคนทำหน้าไม่พอใจ นอแมนก็หัวเราะร่าแล้วยกมือสองข้างขึ้นปราม

“น่าๆ เรื่องหยุมหยิมแค่นี้ไม่เห็นเป็นไรเลย พอเป็นพี่น้องกันก็จะทำให้ดูเนียนมากขึ้นไง แบบว่าพอมีน้องสาวอยู่ คนเป็นพี่คงไม่คิดอะไรแผลงๆอย่างเดินไปให้เซอร์เบอรัสกินอะไรทำนองนั้น การจับตาดูพวกเราก็อาจจะลดลง”

“………………….”

“…………………”

“นี่ไม่อยากเรียกฉันว่า โอนี่จัง ขนาดนั้นเลยหรอ ?”

“ต้องถามเรื่องที่รู้ๆกันอยู่แล้วด้วยด้วยหรอคะ ?”

“เหมือนจะลืมใช้สมองก่อนตั้งคำถามสินะ !”

“อึก !”

เราสองคนปฏิเสธกันอย่างพร้อมเพียง 

นอแมนที่เป็นคนผิดก็ไม่อาจโต้แย้งอะไรได้ นอกจากเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว

“อะ อะ เอาเป็นว่า หลังจากนี้ทั้งสองคนพักผ่อนกันได้ตามสบายเลย แผนการหลังจากนี้ฉันจัดการเอง !”

“อ่า…”

“ฮึ !”

หลังจากนั้นนอแมนก็เดินคอตกออกไปอย่างน่าสงสาร ทว่า พอพิจารณาจากพฤติกรรมที่ผ่านมา นั่นก็เป็นปัญหาที่เขาก่อขึ้นมาเอง

พอนอแมนเดินออกไปจากห้องเรียบร้อย ไอรินที่ทำหน้าบูดบึ้งก็กลับมายิ้มแป้นอีกครั้ง ริมฝีปากที่เป็นรูปตัว U คว่ำ แปรเปลี่ยนเป็นตัว U หงาย

ดวงตาที่เคยมืดหม่นกลับมาเปล่งประกาย น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยหงุดหงิดกลับมาเบิกบานพร้อมกับท่าทางดี๊ด๊าต่างจากเมื่อกี้

ฮึบ !

เด็กสาวพุ่งเข้าไปที่เตียงก่อนจะกระโดดขึ้นไปแล้วทิ้งร่างเล็กๆลงไปบนเตียงนุ่มๆจนผ้าปูที่นอนนุ่มยวบลงไปราวกับมาร์ชเมลโล่

ดึ๋งๆๆ

“ว้าววว นุ่มสุดๆ ไม่เคยเจอที่นอนที่ไหนนุ่มขนาดนี้มาก่อนเลย”

“นั่นสินะ….”

ฉันเดินเข้าไปใกล้และวางก้นลงข้างๆไอริน

เพียงแค่หย่อนน้ำหนักลงไปเบาๆ ก้นก็สัมผัสได้ถึงความนุ่มนิ่มที่จมบุ๋มลงไปราวกับว่าข้างใต้นี้รองด้วยปุยเมฆ ไม่แปลกใจเลยที่ไอรินจะนอนแผ่ราบและจมลงไปในเตียงด้วยสีหน้าที่เปี่ยมด้วยความสุขขนาดนี้

พอเห็นไอรินเปิดช่องว่างขนาดนั้น ฉันก็เอนตัวลงบ้าง

บุ๋ม….

อ่า นุ่มจัง..นุ่มมากๆ นุ่มจนจะจมลงไปที่เตียงเลยทีเดียว 

เป็นสัมผัสที่ฟินมากๆ แต่ว่ามันยังฟินได้มากกว่านี้อีก

ว่าแล้วตัวฉันที่จมลงไปกับที่นอนก็ควานหาไอรินก่อนที่จะกลิ้งตัวเข้าไปกอด

“ฟุง่าาา มีความสุขจะตายอยู่แล้ว”

“โธ่ ! พี่ริซอ่ะ อยู่ห่างจากหนูซักหน่อยก็ไม่ได้เลยนะ”

แผ่นหลังและแขนขาฝั่งซ้ายสัมผัสกับเตียงนุ่มๆที่ทำให้เคลิบเคลิ้มยามร่างกายจมบุ๋มลงไป ส่วนเบื้องหน้าก็สัมผัสกับร่างอุ่นๆที่กอดแล้วฟินยิ่งกว่าของไอรินซึ่งบัดนี้กอดฉันกลับแล้วเอาหน้ามาถูๆกับหน้าอกของฉันราวกับลูกแมวตัวน้อยๆ

ความสุขสบายที่แผ่กระจายไปทั่วร่าง และความอบอุ่นที่ทำให้หัวใจกระชุ่มกระชวย

“อ่า..รักไอรินที่สุดเลย”

“พี่ริซชอบใช้คำพูดฟุ่มเฟื่อยจัง”

“ถ้าไม่ได้บอกรักไอรินถึงเกณฑ์ที่กำหนด คืนนี้คุณพี่สาวคนนี้คงนอนไม่หลับแน่ๆ”

“ฮึ ! งั้นก็เชิญพูดจนพอใจเลย ส่วนหนูก็ขอทำตามใจบ้างละกัน”

ไอรินพูดอย่างวางก้าม แต่สุดท้ายเธอก็เบียดตัวเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนฉันแน่นมากยิ่งขึ้นแล้วก็เอาหน้ามาถูกับหน้าอกของฉันมากกว่าเดิม

มีลมหายใจอุ่นๆดังฟุดฟิดๆดังอย่างต่อเนื่องจนฉันรู้สึกจักกะจี้และเขินอายเล็กน้อย ทว่า พอเห็นน้องสาวของฉันทำหน้าเคลิบเคลิ้มและหลับตาพริ้ม ฉันก็อดไม่ได้ที่จะวาดยิ้มแล้วห่อตัวซ้อนทับร่างของเธอมากขึ้นจากนั้นก็เอาคางของตัวเองแนบชิดกับหน้าผากของไอรินเบาๆ

นี่มันช่างเป็นการนอนที่มีความสุขซ่ะเหลือเกิน อยากจะอยู่ในสภาพนี้ตลอดไปเลยทีเดียว

พวกเรานอนกอดกันโดยไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน

อาจจะหนึ่งนาที สองนาที หรือว่า ห้านาที

แต่เอาเป็นว่า อยากอยู่ในท่านี้ตลอดไปเลยจริงๆ เหมือนกับขึ้นสวรรค์เลยล่ะ แม้จะเริ่มร้อนขึ้นมาเล็กน้อยและได้กลิ่นเหงื่อนิดหน่อย แต่มันกลับให้รู้สึกใจเต้นมากขึ้นและรู้สึกดีอย่างน่าประหลาด

ทว่า หลังผ่านไปพักหนึ่งก็รู้สึกได้ว่ามีเงาหนึ่งทอดยาวออกมา

“หืม ?”

“อ้ะ !?”

เมื่อเงยหน้ามองขึ้นไป ฉันก็พบว่า—

“………………”

“………………”

“……………….”

ตุ๊กตาผมทองที่ถูกเรียกว่า เวลม่า ก็กำลังยืนจ้องพวกเราทั้งคู่อยู่หน้าเตียงโดยไม่พูดอะไร

ไม่สิ ยังไงก็ไม่มีปากอยู่แล้ว ตุ๊กตาตัวนี้ไม่มีทางพูดได้อยู่แล้วนี่นา

“……………………”

“…………………..”

“……………………”

พวกเราจ้องหน้ากันอยู่พักใหญ่ๆ ก่อนที่ฉันตัดสินใจจะเอ่ยถามตุ๊กตาตัวนี้

“มาตามไปห้องอาบน้ำหรอ ?”

หงึกๆ

ได้ยินดังนั้น ตุ๊กตาก็พยักหน้า ก่อนจะถอยห่างออกจากเตียง

“ถ้าโผล่มาแบบนี้ตอนกลางคืนคงตกใจน่าดู”

“ฮึ ! ไว้ตอนนั้นหนูจะปกป้องพี่ริซเอง”

“จ้าๆๆ”

ฉันลูบหัวคุณน้องสาวตัวน้อยที่กอดอกอย่างมั่นใจ ก่อนจะยกตัวขึ้นมาจากเตียงด้วยความเสียดาย

เสร็จแล้วเราทั้งคู่ก็เดินตามล้อที่ส่งเสียงแกรกๆของเวลม่าลงไปที่ชั้นหนึ่ง

“เฮ้อ…น้ำร้อนดีจริงๆ อ่าว ? พวกเธอยังไม่ได้อาบน้ำอีกหรอ ?”

ตรงบันไดชั้นล่างก็มีนอแมนซึ่งกำลังคลุมหัวด้วยเผ้าเช็ดตัวเดินผ่านไปด้วยใบหน้าสุขสบาย

พอมองไปที่นาฬิกาโบราณบนผนัง ฉันก็เผลอหลุดเสียงอุ๊บออกมาเบาๆ

“???”

“ไม่มีอะไรจ้ะ ก็แค่คิดว่าคราวหลังคงต้องเพลาๆลงแล้วสิ”

กอดกันเกือบชั่วโมงเลยหรอเนี่ย ?

ไม่ไหวๆ ฉันควรจะทำอะไรให้มันมีลิมิตมากกว่านี้ซ่ะแล้วสิ ไม่งั้นวันๆคงไม่ได้ทำอย่างอื่นแน่ๆ

ว่าแล้วเราทั้งคู่ก็ตรงไปที่ห้องอาบน้ำ แต่เอาเป็นว่าการเล่าช่วงเวลาระหว่างนั้น ขอยกยอดไปวันอื่นดีกว่า ไม่อย่างงั้นวันนี้ทั้งวัน ฉันคงไม่ได้เป็นอันทำอะไรนอกจากบรรยายถึงช่วงเวลากว่าหนึ่งชั่วโมงที่พวกเราแช่น้ำอุ่นๆและถูหลังให้กันและกัน

แน่นอนว่า หลังจากที่อาบน้ำเสร็จและกลับไปที่ห้องอาหารซึ่งอยู่อีกฝั่ง นอแมนที่รอจนรากงอกพลางเอาคางเกยโต๊ะก็บ่นออกมา

“ถ้าช้ากว่านี้อีกนิด โอนี่จังคงเดินเข้าไปหาที่ห้องน้ำแล้วล่ะ”

“ลองเข้ามาดูสิค่ะ”

“อยากตายหรอ ?”

พอเห็นเราสองพี่น้องยิ้มเย็นๆอย่างพร้อมเพียง นอแมนก็ทำหน้าจ๋อยก่อนจะเดินเข้ามาใกล้แล้วบอกกับพวกเรา

“น่าเศร้าจัง…แต่เอาเป็นว่า ฉันไปนอนก่อนดีกว่า อ่อ แล้วก็ในคฤหาสน์นี้ดูเหมือนจะมีแค่เวลม่านะ เพราะงั้นเอากระดิ่งนี่ไปใช้เรียกเธอละกัน”

นอแมนพูดพลางขยิบตาให้และหย่อนกระดิ่งที่ได้มาให้กับฉัน

แบบนี้คงหมายความว่า เขาได้ตรวจสอบคฤหาสน์นี้ระหว่างที่เราทั้งคู่ใช้เวลาร่วมกันไปแล้วเรียบร้อย พอรู้ว่า ในคฤหาสน์หลังนี้มีตุ๊กตาแค่เวลม่า เขาก็เลยจะฝากให้เราจับตาดูและดึงเวลากับเอลม่าเอาไว้ ในระหว่างที่เขาแอบไปตรวจสอบคฤหาสน์หลังอื่นโดยที่แกล้งโกหกว่าขึ้นไปนอน

ก็ไม่รู้หรอกว่าจะเนียนแค่ไหน แต่ฉันคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเชื่อเขาไปก่อน

“เฮ้อ…หลับฝันดีนะ…เอ่อ…โอ…นี่…จัง”

ฉันพูดเสียงค่อย ด้วยความรู้สึกที่ไม่ค่อยเต็มใจซักเท่าไหร่

“หา ? ขออีกรอบๆๆ เมื่อกี้ได้ยินไม่ค่อยชัดเลย”

นอแมนพุ่งเข้ามาหาฉันด้วยสีหน้าระริกระรี้จนไอรินกระโดดเข้ามาขวางแล้วแย่งกระดิ่งจากในมือของฉันไปสั่น

กริ้งๆๆ

“เวลม่า ! นวดหน้าไอ้ผู้ชายโรคจิตคนนี้ที !!!”

ผัวะ !

กำปั้นทำจากไม้อัดเข้าที่กลางเบ้าหน้า

แอ้ก !

นอแมนหลุดเสียงครางในขณะที่ไอรินทำท่าครุ่นคิด

“เวลม่าสุดยอด สั่งแบบนี้ก็ได้ด้วยหรอเนี่ย ?”

“โหดร้าย ! ว่าแต่นี่มันไม่ใช่การนวดหน้าแล้วนะเฟ้ย”

“คิก !”

ฉันยากจะกลั้นขำภาพตรงหน้า แต่สุดท้ายก็เดินตรงไปหาเขาแล้วยื่นมือไปพยุงตัวนอแมนขึ้นมา โดยที่ไอรินมองมือของฉันและนอแมนสัมผัสกันด้วยท่าทางไม่พอใจ

“ราตรีสวัสดิ์ค่ะ”

พอเห็นฉันยิ้มให้เขาจากใจจริงเป็นครั้งแรก นอแมนที่แก้มขึ้นสีนิดหน่อยก็หัวเราะแห้งๆและพูดหยอดเล็กน้อย

“เอาจริงๆแล้ว เธอก็น่ารักเหมือนกันนะเนี่ย ว่าแต่คำพูดเมื่อกี้คือคำอวยพรหรือว่าแช่งละ ?”

ก็นะคำว่าราตรีสวัสดิ์ที่มอบให้เขา มันตีความหมายได้สองอย่างจริงๆนั่นแหล่ะ

“แล้วแต่โอนี่จังจะคิดเลยค่ะ”

พอเห็นฉันยิ้มให้อีกครั้ง นอแมนก็เกาหัวแล้วถอนหายใจ

เขาลุกขึ้นมาช้าๆแล้วเอามือปัดๆกางเกง ระหว่างนั้นไอรินก็เดินไปหยิบห่อทิชชู่ที่กระเด็นหลุดออกมาจากประเป๋าเสื้อของนอแมนเมื่อกี้

เธอหยิบทิชชู่ออกมาชิ้นหนึ่งก่อนจะโยนห่อทิชชู่นั้นคืนกลับให้นอแมน แล้วก็เอาทิชชู่ที่หยิบออกมาเช็ดมือของฉันแรงๆราวกับจะชะล้างสิ่งสกปรก

“โอ๊ะ เจ็บปวดเหมือนกันนะเนี่ย ฮ่าๆ”

นอแมนรับห่อกระดาษทิชชู่กลับมาด้วยท่าทางเศร้าใจที่โดนทำเหมือนกับตัวเองเป็นสิ่งสกปรก ก่อนจะหันหลังให้แล้วเดินจากไป

“คนขี้โกหกจอมปลิ้นปล้อนเชื่อถือไม่ได้พรรคนั้น พี่ริซไม่เห็นจะต้องญาติดีด้วยเลยแท้ๆ”

ไอรินบ่นอุบอิบ ในขณะที่ฉันก็ทำได้เพียงปลอบเธอด้วยคำพูดอันเลื่อนลอย

“นั่นสินะ…บางทีที่ไอรินพูดมันก็อาจจะจริง”

แต่ว่า—

ฉันมองแผ่นหลังที่ค่อยๆเล็กลงเรื่อยๆ ก่อนที่จะจางหายไป

“พี่ก็แค่เลือกทางเลือกที่คิดว่าไม่ต้องมานั่งเสียใจทีหลังก็เท่านั้นเอง บางทีคนเราก็เลือกทางเลือกที่รู้ว่าไม่ได้ถูกแต่ก็เป็นทางเลือกที่คิดว่าต่อให้ผิดก็ไม่ต้องมานั่งเสียใจทีหลัง”

ฉันยิ้มบางๆก่อนจะเอียงหัวแล้วกล่าวกับน้องสาวตัวน้อยที่ทำสีหน้ายุ่งยาก

“เอาเป็นว่า พวกเราทั้งคู่มาจิบชาราคาแพงของที่นี่ให้เป็นบุญลิ้นซักครั้งกันเถอะ~ ”

“อื้ม !”

ไอรินพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มที่หวนกลับคืนมา จากนั้นเราทั้งคู่ก็ให้เวลม่าเดินนำไปที่โต๊ะอาหาร

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด