ยอดหญิงอันดับหนึ่ง 183.3 ท้ออายุยืน (3)

Now you are reading ยอดหญิงอันดับหนึ่ง Chapter 183.3 ท้ออายุยืน (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แม้ว่าเรื่องนี้ถึงขั้นต้องให้เสด็จอาตัดสิน ตัวนางได้เปรียบกว่าอยู่ดี!

ในตอนนั้น มีเสียง “โอ้ย…” ดังขึ้นจากด้านใน เหมือนเป็นเสียงของผู้ชาย

สีหน้าของเจี่ยงอวี๋เปลี่ยนไปทันที สีหน้านั้นมีทั้งความอิจฉาและความตกใจ

สาวรับใช้ทำเสียงดุใส่ขันที “ยังไม่ถอยไปอีก ไท่จื่อให้เกียรติเหลียงตี้มาโดยตลอด เหลียงตี้เพียงแค่ต้องการเข้าไปเยี่ยมไท่จื่อ ไท่จื่อไม่ว่าหรอก!”

ขันทีถูกสาวรับใช้ผลักออกโดยที่ยังไม่ทันตอบกลับ สองคนนั้นผลักประตูเข้าไปแล้วอยากห้ามแต่ก็ไม่กล้า เพราะปัจจุบันเจี่ยงเหลียงตี้เป็นสมาชิกในครอบครัวที่เป็นหญิงที่มีอำนาจใหญ่สุดในตงกง ยังเป็นหลานสาวแท้ๆ ของฮองเฮาอีกด้วย ในตงกงนางเป็นหญิงที่มีอำนาจล้นมือใครจะกล้าขัดคำสั่ง นอกจากทำได้เพียงหลับหูหลับตาหนึ่งค้างและปล่อยให้เขาสองคนเดินไป

เจี่ยงอวี๋เดินเข้าไปด้านในอย่างกระฟัดกระเฟียด เห็นไท่จื่อเอนตัวอ้าซ่าอยู่บนเก้าอี้กลมกอดข้อศอกส่งเสียงเจ็บโอ้ย และพูดงึมงำฟังไม่ได้ความ “…เจ้ามันหญิงใจร้าย ข้าเพียงแค่ล้อเล่น ไม่เห็นต้อง…”

พระชายาเอกในฉินอ๋องยืนอยู่ด้านข้างโต๊ะน้ำชาตรงข้ามกำลังรินน้ำ รินไปได้ครึ่งหนึ่งก็ได้ยินเสียงเท้ากระทบพื้นจึงหันกลับไปดู

ไท่จื่อเห็นเหลียงตี้เดินเข้ามาอาการเมาก็สร่างทันที ข้อมือที่เกือบถูกอวิ๋นหว่านชิ่นทำหักเมื่อครู่ก็หายเจ็บแล้วเช่นกัน เขานั่งตัวตรงสีหน้าเปลี่ยนไปทันที “ใครอนุญาตให้เจ้าเข้ามาโดยพลการเช่นนี้!”

เจี่ยงอวี๋ย่อตัวน้อมทักทาย “ข้าเห็นไท่จื่อซ้อมบรรเลงเป็นเวลานานกลัวว่าท่านจะเหนื่อยก็เลยมาดูว่าท่านจะทรงรับน้ำชาหรือไม่เจ้าค่ะ พอข้ามาถึงตรงหน้าประตูได้ยินเสียงดังขึ้นมาจากด้านใน แล้วบ่าวรับใช้คนสนิทของท่านก็อยู่ด้านนอกทั้งหมด ข้ากลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นจึงได้เดินเข้ามาเจ้าค่ะ” นางเหลือบตาไปมองผู้หญิงที่ยืนอยู่ด้านข้างโต๊ะน้ำชา “แต่คิดไม่ถึงว่าผู้ที่อยู่ด้านในนี้จะเป็นพระชายาเอกในฉินอ๋องเจ้าค่ะ”

ไท่จื่อขยับข้อมือขมวดคิ้ว “เอาล่ะ ดูเสร็จแล้วก็กลับไปเถิด ข้าจะซ้อมต่อ”

เจี่ยงอวี๋เห็นว่าไท่จื่อไม่โกรธที่ตนพุ่งเข้ามาโดยพลการ แต่ยังเห็นใจไม่ถือโทษกับความผิดเล็กๆ น้อยๆ นี่ นางรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากจะยอมจากไปง่ายๆ ได้อย่างไรกัน นางหันไปทางอวิ๋นหว่านชิ่นและพูดกับนางด้วยน้ำเสียงราวพูดคุยกับคนในบ้าน “ตอนนี้พระชายาฉินควรจะรับโทษอยู่ที่อารามฉางชิงมิใช่หรือ เหตุใดถึงได้มาอยู่ที่ตงกง”

อวิ๋นหว่านชิ่นตอบ “วันนี้ตงกงไปเชิญคนจากอารามฉางชิงมาช่วยงานเจ้าค่ะ”

“อ่อ ข้าเห็นกลุ่มแม่ชีทำงานกันอยู่ด้านหลัง เหตุใดพระชายาเอกในฉินอ๋องถึงไม่อยู่ตรงนั้น มาอยู่ในตำหนักซงหยวนคนเดียว”

ไท่จื่อขมวดคิ้วเริ่มไม่พอใจแต่ก็ยังพูดกับเหลียงตี้ด้วยท่าทีและน้ำเสียงที่อ่อนนุ่ม “พระชายาเอกในฉินอ๋องชำนาญเรื่องเสียงเพลง ข้าเรียกให้นางมาซ้อมเป็นเพื่อน ก็ถือว่าได้ช่วยงานเช่นเดียวกัน”

อวิ๋นหว่านชิ่นพูดไหลไปตามคำพูดของไท่จื่อ “ใช่เจ้าค่ะ”

ซ้อมเป็นเพื่อนงั้นรึ เจี่ยงอวี๋ทำตัวได้คืบเอาศอกเดินเข้าไปใกล้มากกว่าเดิมจ้องหน้าอวิ๋นหว่านชิ่นตรงๆ “พระชายาเอกยังอยู่ในช่วงรับโทษและยังเป็นภรรยาขององค์ชายสาม แต่เข้ามาอยู่ในห้องของไท่จื่อเพียงลำพังคงไม่เหมาะสมเท่าไหร่กระมัง”

อวิ๋นหว่านชิ่นฉวยโอกาสนี้ตอบกลับไปว่า “เหลียงตี้พูดถูก ข้าไปช่วยงานที่ครัวเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”

สีหน้าไท่จื่อดำสนิทแต่ก็พูดอะไรมากไม่ได้ ทำได้เพียงมองเจี่ยงอวี๋ชูมือขึ้น “อืม ไปเถิด”

อวิ๋นหว่านชิ่นหันไปน้อมทักทายกับไท่จื่อและหันหลังเดินออกจากตำหนักซงหยวน

เมื่อเห็นพระชายาเอกในฉินอ๋องเดินออกไปแล้วเจี่ยงอวี๋ถอนใจหายโล่งอกเฮือกใหญ่ นางเดินเข้าไปใกล้ไท่จื่อและได้กลิ่นสุรา นางหยิบน้ำชาที่อวิ๋นหว่านชิ่นรินได้ครึ่งหนึ่งเททิ้งและรินใหม่ยื่นให้พร้อมกับพูดด้วยเสียงอ่อนหวานว่า “งานฉลองพรรษาของฮองเฮาใกล้เข้ามาแล้ว ไท่จื่อคงเหนื่อยน่าดู ดื่มน้ำชาพักเสียหน่อยนะเจ้าคะ——”

เจี่ยงอวี๋พูดยังไม่ทันจบก็ถูกชายหนุ่มสะบัดแขนเสื้อจนแก้วน้ำชาในมือตกกระจายทั่วพื้น!

“ใครสั่งให้เจ้าเข้ามาโดยพลการเช่นนี้ ข้าเรียกเจ้าหรือไง ออกไป!” เสียงเข้มแต่ยังกดความโมโหเอาไว้

ตั้งแต่เข้ามายังตงกงไท่จื่อไม่เคยแสดงสีหน้า แสดงกิริยาหยาบเช่นนี้กับนางมาก่อน

เจี่ยงอวี๋ตกใจมากความอิจฉาภายในใจพุ่งขึ้นมาในทันใด นางโพล่งออกไปเป็นชุด “นางมีเจ้าของแล้วแล้วยังเป็นหญิงที่มีความผิดติดตัว ข้าไม่อยากให้ไท่จื่อได้รับผลกระทบไปด้วย ข้าก็แค่คิดเผื่อชื่อเสียงของท่าน หากไท่จื่อมีใจให้กับพระชายาเอกในฉินอ๋อง แล้วทำไมท่านถึงไม่คิดหาวิธีพานางเข้ามาอยู่ในตงกงก่อนที่นางจะแต่งงานเล่า!”

“เจ้าคิดว่าข้าไม่คิดรึ” ไท่จื่อสะบัดแขนเสื้อยืนขึ้นจ้องหน้าเจี่ยงอวี๋อย่างเย็นชา จากนั้นเดินกลับเข้าไปยังด้านในด้วยสภาพเอนเอียงเพราะฤทธิ์ของสุราที่ยังไม่สร่าง

นั่นเป็นความเย็นชาที่นางไม่เคยได้รับมาก่อน ไม่สิ คนในตงกงทุกคนก็มีแต่ได้รับความอ่อนโยนจากไท่จื่อและไม่เคยแสดงสีหน้าเย็นชาเช่นนี้มาก่อน

เจี่ยงอวี๋รู้สึกเย็นไปทั้งแผ่นหลัง

ด้านนอกตำหนักซงหยวน อวิ๋นหว่านชิ่นเดินมาถึงลานกว้างด้านหลังตงกงจนได้พบกับกลุ่มแม่ชีด้วยการนำทางของขันที

ของขวัญที่ไท่จื่อเตรียมให้เจี่ยงฮองเฮาคือบทละครที่มีชื่อว่าเฉินเซียงช่วยแม่เป็นบทละครเก่าที่นำมาดัดแปลงใหม่ ไท่จื่อเป็นผู้บรรเลงเพลงและดัดแปลงด้วยตนเอง ในเนื้อเรื่องมีการเพิ่มท่อนอวยพรเข้าไปถือว่าดูแปลกใหม่ดี

ตอนนี้แม่ชีพวกนั้นกำลังช่วยมอมอของตงกงเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ที่ต้องใช้บนเวทีแสดง โดยตรวจเช็คว่ามีขาดตกบกพร่องหรือต้องล้างหรือนำไปตากแดดหรือไม่

ครั้งนี้ฮ่องเต้เป็นผู้เสนอจัดงานฉลองพรรษาย้อนหลัง อวิ๋นหว่านชิ่นรู้ว่าฉินอ๋องเป็นผู้จัด แต่เหล่าเจ้านายตำหนักอื่นก็เตรียมตัวอย่างเต็มที่เพื่อเอาใจฮองเฮาไม่แพ้กัน ไท่จื่อเป็นรัชทายาทเป็นแบบอย่างของบรรดาองค์ชายและยิ่งเป็นลูกเลี้ยงในฮองเฮาแล้วก็ยิ่งเตรียมงานด้วยความตั้งใจ

อวิ๋นหว่านชิ่นเดินเข้าไปในกลุ่มและเริ่มช่วยงาน

“ระวังหน่อย ระวังหน่อย ทำงานให้มันละเอียดหน่อยอย่าให้กระแทก ท้ออายุยืนในหวางหมู่เหนียงเหนียง[1]ให้ความสำคัญเรื่องอิ่มเอิบอุดมสมบูร์ อย่าว่าแต่หายไปเสี้ยวหนึ่ง แม้แต่ใบก็ห้ามร่วงตกสักใบ!”

เสียงแหลมปี๊ดของขันทีดังขึ้น

อวิ๋นหว่านชิ่นกับกลุ่มแม่ชีที่กำลังทำงานหันไปตามเสียง เห็นขันทีของตงกงออกคำสั่งกับขันทีน้อยสองคนที่กำลังยกถาดอันใหญ่อยู่ตรงหน้าประตู

บนถาดอันใหญ่รองด้วยผ้าสีแดงมีฝารูปร่างสี่เหลี่ยมจัตุรัสใสครอบไว้ มีท้ออายุยืนลูกใหญ่สูงเกือบเท่าครึ่งหนึ่งของฝ่ามืออยู่ด้านใน ลูกท้อเนื้อสีอมชมพูดูฉ่ำวาวคู่กับใบไม้สภาพดีสองใบ ดูๆ แล้วคล้ายลูกท้อเซียนบนสวรรค์จริงๆ

นั่นคงนำมาใช้ในการแสดงละครบนเวทีแน่

อวิ๋นหว่านชิ่นจำได้ ครั้งก่อนที่ได้พบกับไท่จื่อในพระราชวัง นางได้ดูบทละครของเขา เพื่อเป็นการอวยพรฉลองพรรษาไท่จื่อได้เพิ่มเนื้อหาเข้าไปยังบทละครเฉินเซียงช่วยแม่ซึ่งต้นฉบับไม่มีท่อนนี้ : หลังจากละครจบลง สองมือของเฉินเซียงถือท้ออายุยืนเดินรอบเวทีหนึ่งรอบแล้วมอบให้กับมารดาที่ช่วยชีวิตเอาไว้ จากนั้นผ้าม่านก็ปิดลง

ฤดูหนาวของเมืองหลวงเป็นฤดูที่ไม่กินลูกท้อ ช่างไม่ง่ายเลยที่สามารถหาลูกท้อลูกใหญ่และงดงามลูกนี้มาได้ และก็คงไม่แปลกที่คนตงกงจะกลัวการทำผิดพลาด

ขันทีผู้ควบคุมสั่งให้คนย้ายท้ออายุยืนเข้ามาวางไว้ตรงกลางอย่างระมัดระวัง สั่งกลุ่มสาวรับใช้ “เวลาล้างระวังด้วยนะ อย่าให้ตกเชียวล่ะ”

กลุ่มสาวรับใช้นำฝาครอบออก มอมอคนหนึ่งยิ้มและกล่าวว่า “กงกง ลูกท้อลูกนี้เป็นลูกท้อเซียนที่จะมอบให้กับฮองเฮา พวกเราไม่กล้าทำพลาดอยู่แล้วเจ้าค่ะ”

ขันทีผู้ควบคุมรู้ว่าคนพวกนี้เป็นคนทำงานละเอียดก็รู้สึกวางใจ พอกำชับเสร็จก็ไปทำอย่างอื่นต่อ

[1] หวางหมู่เหนียงเหนียง หมายถึง นางสตรีผู้ได้รับความนิยมและความเชื่อถือกันว่าเป็นผู้ประทานอายุวัฒนะ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ยอดหญิงอันดับหนึ่ง 183.3 ท้ออายุยืน (3)

Now you are reading ยอดหญิงอันดับหนึ่ง Chapter 183.3 ท้ออายุยืน (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แม้ว่าเรื่องนี้ถึงขั้นต้องให้เสด็จอาตัดสิน ตัวนางได้เปรียบกว่าอยู่ดี!

ในตอนนั้น มีเสียง “โอ้ย…” ดังขึ้นจากด้านใน เหมือนเป็นเสียงของผู้ชาย

สีหน้าของเจี่ยงอวี๋เปลี่ยนไปทันที สีหน้านั้นมีทั้งความอิจฉาและความตกใจ

สาวรับใช้ทำเสียงดุใส่ขันที “ยังไม่ถอยไปอีก ไท่จื่อให้เกียรติเหลียงตี้มาโดยตลอด เหลียงตี้เพียงแค่ต้องการเข้าไปเยี่ยมไท่จื่อ ไท่จื่อไม่ว่าหรอก!”

ขันทีถูกสาวรับใช้ผลักออกโดยที่ยังไม่ทันตอบกลับ สองคนนั้นผลักประตูเข้าไปแล้วอยากห้ามแต่ก็ไม่กล้า เพราะปัจจุบันเจี่ยงเหลียงตี้เป็นสมาชิกในครอบครัวที่เป็นหญิงที่มีอำนาจใหญ่สุดในตงกง ยังเป็นหลานสาวแท้ๆ ของฮองเฮาอีกด้วย ในตงกงนางเป็นหญิงที่มีอำนาจล้นมือใครจะกล้าขัดคำสั่ง นอกจากทำได้เพียงหลับหูหลับตาหนึ่งค้างและปล่อยให้เขาสองคนเดินไป

เจี่ยงอวี๋เดินเข้าไปด้านในอย่างกระฟัดกระเฟียด เห็นไท่จื่อเอนตัวอ้าซ่าอยู่บนเก้าอี้กลมกอดข้อศอกส่งเสียงเจ็บโอ้ย และพูดงึมงำฟังไม่ได้ความ “…เจ้ามันหญิงใจร้าย ข้าเพียงแค่ล้อเล่น ไม่เห็นต้อง…”

พระชายาเอกในฉินอ๋องยืนอยู่ด้านข้างโต๊ะน้ำชาตรงข้ามกำลังรินน้ำ รินไปได้ครึ่งหนึ่งก็ได้ยินเสียงเท้ากระทบพื้นจึงหันกลับไปดู

ไท่จื่อเห็นเหลียงตี้เดินเข้ามาอาการเมาก็สร่างทันที ข้อมือที่เกือบถูกอวิ๋นหว่านชิ่นทำหักเมื่อครู่ก็หายเจ็บแล้วเช่นกัน เขานั่งตัวตรงสีหน้าเปลี่ยนไปทันที “ใครอนุญาตให้เจ้าเข้ามาโดยพลการเช่นนี้!”

เจี่ยงอวี๋ย่อตัวน้อมทักทาย “ข้าเห็นไท่จื่อซ้อมบรรเลงเป็นเวลานานกลัวว่าท่านจะเหนื่อยก็เลยมาดูว่าท่านจะทรงรับน้ำชาหรือไม่เจ้าค่ะ พอข้ามาถึงตรงหน้าประตูได้ยินเสียงดังขึ้นมาจากด้านใน แล้วบ่าวรับใช้คนสนิทของท่านก็อยู่ด้านนอกทั้งหมด ข้ากลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นจึงได้เดินเข้ามาเจ้าค่ะ” นางเหลือบตาไปมองผู้หญิงที่ยืนอยู่ด้านข้างโต๊ะน้ำชา “แต่คิดไม่ถึงว่าผู้ที่อยู่ด้านในนี้จะเป็นพระชายาเอกในฉินอ๋องเจ้าค่ะ”

ไท่จื่อขยับข้อมือขมวดคิ้ว “เอาล่ะ ดูเสร็จแล้วก็กลับไปเถิด ข้าจะซ้อมต่อ”

เจี่ยงอวี๋เห็นว่าไท่จื่อไม่โกรธที่ตนพุ่งเข้ามาโดยพลการ แต่ยังเห็นใจไม่ถือโทษกับความผิดเล็กๆ น้อยๆ นี่ นางรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากจะยอมจากไปง่ายๆ ได้อย่างไรกัน นางหันไปทางอวิ๋นหว่านชิ่นและพูดกับนางด้วยน้ำเสียงราวพูดคุยกับคนในบ้าน “ตอนนี้พระชายาฉินควรจะรับโทษอยู่ที่อารามฉางชิงมิใช่หรือ เหตุใดถึงได้มาอยู่ที่ตงกง”

อวิ๋นหว่านชิ่นตอบ “วันนี้ตงกงไปเชิญคนจากอารามฉางชิงมาช่วยงานเจ้าค่ะ”

“อ่อ ข้าเห็นกลุ่มแม่ชีทำงานกันอยู่ด้านหลัง เหตุใดพระชายาเอกในฉินอ๋องถึงไม่อยู่ตรงนั้น มาอยู่ในตำหนักซงหยวนคนเดียว”

ไท่จื่อขมวดคิ้วเริ่มไม่พอใจแต่ก็ยังพูดกับเหลียงตี้ด้วยท่าทีและน้ำเสียงที่อ่อนนุ่ม “พระชายาเอกในฉินอ๋องชำนาญเรื่องเสียงเพลง ข้าเรียกให้นางมาซ้อมเป็นเพื่อน ก็ถือว่าได้ช่วยงานเช่นเดียวกัน”

อวิ๋นหว่านชิ่นพูดไหลไปตามคำพูดของไท่จื่อ “ใช่เจ้าค่ะ”

ซ้อมเป็นเพื่อนงั้นรึ เจี่ยงอวี๋ทำตัวได้คืบเอาศอกเดินเข้าไปใกล้มากกว่าเดิมจ้องหน้าอวิ๋นหว่านชิ่นตรงๆ “พระชายาเอกยังอยู่ในช่วงรับโทษและยังเป็นภรรยาขององค์ชายสาม แต่เข้ามาอยู่ในห้องของไท่จื่อเพียงลำพังคงไม่เหมาะสมเท่าไหร่กระมัง”

อวิ๋นหว่านชิ่นฉวยโอกาสนี้ตอบกลับไปว่า “เหลียงตี้พูดถูก ข้าไปช่วยงานที่ครัวเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”

สีหน้าไท่จื่อดำสนิทแต่ก็พูดอะไรมากไม่ได้ ทำได้เพียงมองเจี่ยงอวี๋ชูมือขึ้น “อืม ไปเถิด”

อวิ๋นหว่านชิ่นหันไปน้อมทักทายกับไท่จื่อและหันหลังเดินออกจากตำหนักซงหยวน

เมื่อเห็นพระชายาเอกในฉินอ๋องเดินออกไปแล้วเจี่ยงอวี๋ถอนใจหายโล่งอกเฮือกใหญ่ นางเดินเข้าไปใกล้ไท่จื่อและได้กลิ่นสุรา นางหยิบน้ำชาที่อวิ๋นหว่านชิ่นรินได้ครึ่งหนึ่งเททิ้งและรินใหม่ยื่นให้พร้อมกับพูดด้วยเสียงอ่อนหวานว่า “งานฉลองพรรษาของฮองเฮาใกล้เข้ามาแล้ว ไท่จื่อคงเหนื่อยน่าดู ดื่มน้ำชาพักเสียหน่อยนะเจ้าคะ——”

เจี่ยงอวี๋พูดยังไม่ทันจบก็ถูกชายหนุ่มสะบัดแขนเสื้อจนแก้วน้ำชาในมือตกกระจายทั่วพื้น!

“ใครสั่งให้เจ้าเข้ามาโดยพลการเช่นนี้ ข้าเรียกเจ้าหรือไง ออกไป!” เสียงเข้มแต่ยังกดความโมโหเอาไว้

ตั้งแต่เข้ามายังตงกงไท่จื่อไม่เคยแสดงสีหน้า แสดงกิริยาหยาบเช่นนี้กับนางมาก่อน

เจี่ยงอวี๋ตกใจมากความอิจฉาภายในใจพุ่งขึ้นมาในทันใด นางโพล่งออกไปเป็นชุด “นางมีเจ้าของแล้วแล้วยังเป็นหญิงที่มีความผิดติดตัว ข้าไม่อยากให้ไท่จื่อได้รับผลกระทบไปด้วย ข้าก็แค่คิดเผื่อชื่อเสียงของท่าน หากไท่จื่อมีใจให้กับพระชายาเอกในฉินอ๋อง แล้วทำไมท่านถึงไม่คิดหาวิธีพานางเข้ามาอยู่ในตงกงก่อนที่นางจะแต่งงานเล่า!”

“เจ้าคิดว่าข้าไม่คิดรึ” ไท่จื่อสะบัดแขนเสื้อยืนขึ้นจ้องหน้าเจี่ยงอวี๋อย่างเย็นชา จากนั้นเดินกลับเข้าไปยังด้านในด้วยสภาพเอนเอียงเพราะฤทธิ์ของสุราที่ยังไม่สร่าง

นั่นเป็นความเย็นชาที่นางไม่เคยได้รับมาก่อน ไม่สิ คนในตงกงทุกคนก็มีแต่ได้รับความอ่อนโยนจากไท่จื่อและไม่เคยแสดงสีหน้าเย็นชาเช่นนี้มาก่อน

เจี่ยงอวี๋รู้สึกเย็นไปทั้งแผ่นหลัง

ด้านนอกตำหนักซงหยวน อวิ๋นหว่านชิ่นเดินมาถึงลานกว้างด้านหลังตงกงจนได้พบกับกลุ่มแม่ชีด้วยการนำทางของขันที

ของขวัญที่ไท่จื่อเตรียมให้เจี่ยงฮองเฮาคือบทละครที่มีชื่อว่าเฉินเซียงช่วยแม่เป็นบทละครเก่าที่นำมาดัดแปลงใหม่ ไท่จื่อเป็นผู้บรรเลงเพลงและดัดแปลงด้วยตนเอง ในเนื้อเรื่องมีการเพิ่มท่อนอวยพรเข้าไปถือว่าดูแปลกใหม่ดี

ตอนนี้แม่ชีพวกนั้นกำลังช่วยมอมอของตงกงเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ที่ต้องใช้บนเวทีแสดง โดยตรวจเช็คว่ามีขาดตกบกพร่องหรือต้องล้างหรือนำไปตากแดดหรือไม่

ครั้งนี้ฮ่องเต้เป็นผู้เสนอจัดงานฉลองพรรษาย้อนหลัง อวิ๋นหว่านชิ่นรู้ว่าฉินอ๋องเป็นผู้จัด แต่เหล่าเจ้านายตำหนักอื่นก็เตรียมตัวอย่างเต็มที่เพื่อเอาใจฮองเฮาไม่แพ้กัน ไท่จื่อเป็นรัชทายาทเป็นแบบอย่างของบรรดาองค์ชายและยิ่งเป็นลูกเลี้ยงในฮองเฮาแล้วก็ยิ่งเตรียมงานด้วยความตั้งใจ

อวิ๋นหว่านชิ่นเดินเข้าไปในกลุ่มและเริ่มช่วยงาน

“ระวังหน่อย ระวังหน่อย ทำงานให้มันละเอียดหน่อยอย่าให้กระแทก ท้ออายุยืนในหวางหมู่เหนียงเหนียง[1]ให้ความสำคัญเรื่องอิ่มเอิบอุดมสมบูร์ อย่าว่าแต่หายไปเสี้ยวหนึ่ง แม้แต่ใบก็ห้ามร่วงตกสักใบ!”

เสียงแหลมปี๊ดของขันทีดังขึ้น

อวิ๋นหว่านชิ่นกับกลุ่มแม่ชีที่กำลังทำงานหันไปตามเสียง เห็นขันทีของตงกงออกคำสั่งกับขันทีน้อยสองคนที่กำลังยกถาดอันใหญ่อยู่ตรงหน้าประตู

บนถาดอันใหญ่รองด้วยผ้าสีแดงมีฝารูปร่างสี่เหลี่ยมจัตุรัสใสครอบไว้ มีท้ออายุยืนลูกใหญ่สูงเกือบเท่าครึ่งหนึ่งของฝ่ามืออยู่ด้านใน ลูกท้อเนื้อสีอมชมพูดูฉ่ำวาวคู่กับใบไม้สภาพดีสองใบ ดูๆ แล้วคล้ายลูกท้อเซียนบนสวรรค์จริงๆ

นั่นคงนำมาใช้ในการแสดงละครบนเวทีแน่

อวิ๋นหว่านชิ่นจำได้ ครั้งก่อนที่ได้พบกับไท่จื่อในพระราชวัง นางได้ดูบทละครของเขา เพื่อเป็นการอวยพรฉลองพรรษาไท่จื่อได้เพิ่มเนื้อหาเข้าไปยังบทละครเฉินเซียงช่วยแม่ซึ่งต้นฉบับไม่มีท่อนนี้ : หลังจากละครจบลง สองมือของเฉินเซียงถือท้ออายุยืนเดินรอบเวทีหนึ่งรอบแล้วมอบให้กับมารดาที่ช่วยชีวิตเอาไว้ จากนั้นผ้าม่านก็ปิดลง

ฤดูหนาวของเมืองหลวงเป็นฤดูที่ไม่กินลูกท้อ ช่างไม่ง่ายเลยที่สามารถหาลูกท้อลูกใหญ่และงดงามลูกนี้มาได้ และก็คงไม่แปลกที่คนตงกงจะกลัวการทำผิดพลาด

ขันทีผู้ควบคุมสั่งให้คนย้ายท้ออายุยืนเข้ามาวางไว้ตรงกลางอย่างระมัดระวัง สั่งกลุ่มสาวรับใช้ “เวลาล้างระวังด้วยนะ อย่าให้ตกเชียวล่ะ”

กลุ่มสาวรับใช้นำฝาครอบออก มอมอคนหนึ่งยิ้มและกล่าวว่า “กงกง ลูกท้อลูกนี้เป็นลูกท้อเซียนที่จะมอบให้กับฮองเฮา พวกเราไม่กล้าทำพลาดอยู่แล้วเจ้าค่ะ”

ขันทีผู้ควบคุมรู้ว่าคนพวกนี้เป็นคนทำงานละเอียดก็รู้สึกวางใจ พอกำชับเสร็จก็ไปทำอย่างอื่นต่อ

[1] หวางหมู่เหนียงเหนียง หมายถึง นางสตรีผู้ได้รับความนิยมและความเชื่อถือกันว่าเป็นผู้ประทานอายุวัฒนะ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+