ระบบเจ้าสำนัก 513 : หาข้อมูล

Now you are reading ระบบเจ้าสำนัก Chapter 513 : หาข้อมูล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 513 : หาข้อมูล

 

ฝางมู่ส่ายหน้าและพูดขึ้นมา“ เด็กน้อย อย่าพูดแบบนั้นเลย ทําในสิ่งที่เจ้าสมควรทําเถอะ”

 

ฝางมู่ไม่รอให้ทุกคนได้เอ่ยปากและพูดขึ้นมา “ เอาล่ะข้าต้องไปแล้ว ข้าขอตัว !” “ 

 

“เดินทางปลอดภัย ! ” ลั่วซู่หยาง,หยางเพ้ยอันและชุยเจี่ยนพูดขึ้น

 

ฝางมู่หันกลับไปแต่ก็หยุดก่อนจะพูดขึ้น” จริงสิ หากพวกเจ้าต้องการจะหาตัวข้า เจ้าส่งคนไปที่สํานักคังเฉียง หากข้าได้รับข่าวแล้ว ข้าจะรีบมาทันที ”

 

เมื่อพูดเรื่องสุดท้ายจบ ฝางมู่ก็ไม่ได้อยู่ต่อ ร่างของเขาได้หายไปทันที

 

เมื่อฝางมู่กลับไปแล้ว ลั่วซู่หยางก็กลับไปที่ห้องโถงสมาคมทันที

 

“ เซียนค่ายกล” เมื่อเห็นเหล่าเซียนเดินเข้ามา ฉินอู่ตี้ก็ก้าวเข้ามาหาและถามขึ้นด้วยความสงสัย “ ท่านฝางมู่ไปไหนกัน ? ”

 

ยอดฝีมือระดับสูงสุดหลายคนต่างก็มองไปที่ลั่วซู่หยาง

 

ลั่วซูหยางพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม“ ท่านฝางม่มีเรื่องส่วนตัวต้องไปจัดการ เขาถอนตัวไปสักพัก แต่พวกเจ้าไม่ต้องกังวล ท่านฝางมู่บอกว่าหากเกิดเรื่องจําเป็น เราแค่ส่งคนไปแจ้ง เขาบอกว่าเขาจะมาช่วยพวกเราทันที !”

 

“ เรื่องส่วนตัวรึ ? “ฉินอู่ตี้คิด “ มันเกี่ยวข้องกับสตรีจากเผ่ามังกรลึกลับนั่นรึ”

 

เมื่อพูดถึงเผ่ามังกร เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา จากที่ฟังชื่อของนางแล้ว ท่านดูเหมือนจะรู้จักนาง ? นางเป็นใครกัน ? ทําไมถึงเรียกนางว่าอาจารย์ ? ”

 

ลั่วซู่หยางเงียบไปก่อนจะพูดขึ้น “ ข้าจะไม่ปิดบังพวกเจ้าอีกต่อไป นางคือผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่ามังกรนาม อ้าวเยว่! ในเวลาเดียวกันนางก็เป็นอาจารย์ของสํานักคังเฉียง…”

 

“ ผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่ามังกร ! ” ผู้คนต่างก็พากันอุทานกันออกมา

 

ไม่แปลกเลยว่าทําไมอ้าวเยว่ถึงได้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ แม้แต่เฉินกูก็ยังดูด้อยกว่านาง มันพอมีเหตุผลแล้ว

 

แต่ความต่างระหว่างฉินอู่ตี้และคนอื่นๆ คือ เขากังวลเรื่องสํานักคังเฉียงที่ลั่วซู่หยางพูดมากกว่า

 

เขามองไปที่ลั่วซู่หยาง และถามขึ้นมา “ ข้าขอถามเจ้าทีว่าสํานักคังเฉียงนั้นอยู่ที่ไหนกัน ? ”

 

คนที่เหลือหลังจากที่ได้ยินคําถามนั้น ต่างก็รู้จุดสําคัญของคําพูดนั้น

 

ลั่วหยางเหมือนจะรู้ความคิดของคนอื่นๆ เขายิ้มออกมา “ ข้ารู้ว่าพวกเจ้าคิดอะไร แต่ข้าขอแนะนํา มันจะดีกว่าที่จะไม่คิดอะไรกับสํานักคังเฉียง เจ้าสํานักเป็นคนที่พวกเจ้าไม่อาจะรับมือได้อย่านับแต่ตัวข้าเลย แม้ว่ามนุษย์กับสัตว์อสูรจะร่วมมือกัน แต่ก็ไม่อาจจะมีสิทธิ์หาเรื่องเขาได้ ” 

 

“ จริงรึ ? ” ฉินอู่ตี้ยิ้มออกมา “ ข้าแค่สงสัยก็เท่านั้น ข้าไม่ได้คิดอะไรมากเรื่องนี้ ” ลั่วซู่หยางมองไปที่ฉินอู่ตี้แล้วยิ้มออกมา “ แบบนั้นดีแล้ว !”

 

เขาเปลี่ยนน้ำเสียงและพูดขึ้น “ ข้าไม่รู้ว่าจะพูดยังไงเกี่ยวกับสํานักคังเฉียง แต่หากพวกเจ้าสนใจ พวกเจ้าไปตรวจสอบด้วยตัวเองดูได้ แต่ตอนนี้มนุษย์กําลังเผชิญหน้ากับวิกฤต ข้าแนะนําพวกเจ้าให้จําเรื่องนี้ให้ขึ้นใจ ไม่งั้นแล้วมนุษย์จบสิ้นแน่และหากพวกเจ้ามีจุดประสงค์อื่น มันไม่ต่างอะไรจากการตักน้ำใส่ตะกร้า สุดท้ายมันก็เหลือแต่ความว่างเปล่า ”

 

ฉินอู่ตี้เงียบไป

 

“ เซียนค่ายกลพูดถูก หน้าที่ของเราตอนนี้คือรับมือกับวิกฤตพันธมิตรกลายพันธุ์” หยางเพ้ยอันพูดขึ้น “ มนุษย์, สัตว์อสูร, มังกรและพันธมิตรกลายพันธุ์ ตอนนี้ทวีปป่ามีกองกําลัง 4 อย่าง มนุษย์คือพวกที่เผชิญหน้ากับวิกฤตสูงที่สุด หากเรายังมีความคิดอื่นและไม่เป็นหนึ่งเดียวกัน มันไม่เท่ากับว่าเราทําลายตัวเองรึ ? ”

 

ตอนนั้นทุกคนต่างก็เงียบไป ความคิดต่างๆที่พวกเขามีในหัวต่างก็ถูกสลัดทิ้ง

 

เมื่อเห็นแบบนั้น หยางเพ้ยอันก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา “ เฮ้อ พวกมนุษย์นี่น่าเกลียดจริงๆ ! ”

 

พวกนี้เห็นแก่ตัว

 

ในท้องฟ้าสีคราม มีร่างสองร่างเคลื่อนที่ด้วยความเร็วน่าเหลือเชื่อ มุ่งหน้าไปทางใต้

 

ผ่านไป 30 นาที อ้าวเยว่และเฉินกูก็เดินทางตัดเขตกลางมาได้กว่าครึ่ง และมาถึงชายแดนระหว่างเขตกลางและใต้

 

เมื่อมองไปยังพื้นดินด้านล่าง อ้าวเยว่ก็แผ่การรับรู้ออกไป การรับรู้ของนางครอบคลุมระยะหลายล้านลี้ ทั้งภูเขา, ต้นไม้, แม่น้ำและป่าแม้แต่เมืองที่ถูกพังลงต่างก็ปรากฏขึ้นมาในหัวของนาง

 

ยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงสุดคือตัวตนที่อยู่จุดสูงสุดของทวีปป่า ระยะการรับรู้นี้เกินกว่าที่คนจะคาดถึง

 

“ ยอดฝีมือระดับสูงสุดของพวกกลายพันธุ์ไม่มีเลยสักคน มีแต่พวกขอบเขตตุ้นซวนธรรมดา, หลี่ซวนและหลิงซวนที่มีอยู่เยอะ” อ้าวเยว่คิ้วขมวด

 

เฉินกูพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “ เป็นเรื่องปกติ ทางใต้นี้ใหญ่โต ถ้าพบผู้กลายพันธุ์ยอดฝีมือระดับสูงสุดได้ง่ายก็เป็นเรื่องแปลก ”

 

เขามองไปที่พื้นและพูดขึ้นมา “ ไปที่ที่ข้าเคยเจอกับพวกมันครั้งที่แล้ว บางทีเจ้าอาจจะโชคดีได้เจอกับพวกมันที่นั่น”

 

“ ไปกันเถอะ” อ้าวเยว่พยักหน้า

 

จากเขตกลางมายังเขตใต้ ตลอดทางนั้นเฉินกูและอ้าวเยว่ได้แผ่การรับรู้ออกไปสํารวจพื้นที่ แต่จนมาถึงจุดที่เฉินกูได้พบกับพวกกลายพันธุ์ครั้งที่แล้ว พวกเขาก็ไม่อาจรับรู้ได้ถึงพลังของผู้กลายพันธุ์ยอดฝีมือระดับสูงสุดได้เลย

 

“ไม่มี ! ” เฉินกูสับสน “ เราเกือบตัดเขตใต้มากว่าครึ่งแล้ว แต่พวกเรากลับไม่พบพวกยอดฝีมือระดับสูงสุดเลย !”

 

อ้าวเยว่พูดด้วยสีหน้าเฉยชา “ หากันต่อ !”

 

ต่อมาเฉินกูและอ้าวเยว่ก็ได้ใช้เคลื่อนย้ายเดินทางในเขตใต้อยู่นาน แต่ก็หาผู้กลายพันธุ์ยอดฝีมือระดับสูงสุดไม่พบเลยสักคน!

 

“ ไม่มีเลย มันต้องมีปัญหาแน่ๆ ! ” เฉินกูหยุดและครุ่นคิด “ พันธมิตรกลายพันธุ์ยึดเขตใต้มาแล้ว และฆ่าคนกับสัตว์อสูรเป็นร้อยล้านชีวิต มันเป็นไปไม่ได้ที่จะถอนตัวและยอมทิ้งเขตนี้ ! พวกนั้นซ่อนตัวอยู่ หรือว่าจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นในพันธมิตรกลายพันธุ์จนทําให้พวกนั้นถอนกําลังไปหมด ! ”

 

อ้าวเยว่พูดขึ้น “ เจ้าไม่ต้องพูดไร้สาระแล้ว !”

 

คําถามง่ายๆแบบนี้เขามองไม่ออก ?

 

ยอดฝีมือระดับสูงสุดอึ้ง เขาควบคุมอารมณ์ตัวเองและพูดขึ้นมา “ ตอนนี้คงทําได้แค่ไปจับพวกขอบเขตตุ้นชวนมาสอบถาม

 

แม้ว่าพวกเขาจะไม่พบกับผู้กลายพันธุ์ยอดฝีมือระดับสูงสุด แต่พวกเขาก็รับรู้ได้ถึงผู้กลายพันธุ์ขอบเขตตุ้นซวน, หลี่ซวนและหลิงซวนอยู่มากมาย

 

เมื่อได้ยินแบบนั้นร่างของอ้าวเยว่ก็กลายเป็นลําแสงพุ่งลงไปด้านล่าง

 

เฉินกูมองตามและอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “ ข้าไม่รู้ว่าเป้ยหลงชอบนางไปได้ยังไง นางอารมณ์ร้อนแบบนี้” เขาส่ายหน้า “ ข้ากลัวว่า เป้ยหลงคงไม่ได้มีช่วงเวลาที่ดีนัก ข้าล่ะอดที่จะสงสารเป้ยหลงไม่ได้”

 

ต่อมาเฉินกูก็พุ่งลงไปก่อนจะปรากฏตัวข้างๆอ้าวเยว่

 

อ้าวเยว่ยืนอยู่ตรงหน้าเมืองที่ถูกทําลาย ตรงหน้านางคือผู้กลายพันธุ์ขอบเขตตุ้นซวนที่สิ้นไปมาด้วยความเจ็บปวด

 

เมื่อเฉินกูมาถึง อ้าวเยว่ก็ได้โบกมือพร้อมกับปราณที่มัดตัวผู้กลายพันธุ์นั้นค่อยๆยกตัวอีกฝายขึ้นทําให้อีกฝ่ายไม่อาจจะขยับตัวได้อีก

 

“ เจ้าถามดู” อ้าวเยว่บอกกับเฉินกู

 

เฉินกูไม่ทําให้นางผิดหวัง เขามองไปที่ผู้กลายพันธุ์และถามขึ้น “ ทําไมเขตใต้ถึงเหลือแต่พวกเจ้า ? ผู้นําเจ้าล่ะ ? พวกยอดฝีมือระดับสูงสุดหายไปไหน ? ” อีกฝ่ายอยู่แค่ขอบเขตตุ้นซวน เขาไม่คิดจะถามชื่ออีกฝ่าย อีกฝ่ายไม่ได้มีค่าพอให้เขาจดจํา

 

ผู้กลายพันธุ์แสดงสายตาบ้าคลั่งออกมา มองข้ามข้ารึ ? ฮี่ฮี่….”

 

เพื่อที่จะได้พลังนี้มา เขาได้เสียบางอย่างที่สําคัญไป เขาคิดว่าหลังจากที่ได้ขึ้นมาถึงขอบเขตตุ้นชวนแล้ว แม้ว่าจะทัดเทียมกับพวกยอดฝีมือระดับสูงสุดไม่ได้ แต่ก็ถือว่าเป็นยอดฝีมือที่มีศัตรู น้อยคนนักที่จะมาหาเรื่องเขา ถึงอย่างนั้นความจริงก็ไม่ได้เป็นแบบที่เขาคิด

 

น่าเศร้าจริงๆ !

 

“ หากเจ้าต้องการฆ่าข้า ก็ฆ่าซะ อย่ามัวพูดไร้สาระ” ผู้กลายพันธุ์ใจแข็งอย่างมาก แม้ว่าจะเผชิญหน้ากับศัตรูที่ร้ายกายถึงสองคนอย่างเฉินกูและอ้าวเยว่ แต่เขากลับไม่แสดงท่าทีหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย

 

“ พูดมาแล้วราชาคนนี้จะไว้ชีวิตเจ้า ” เฉินกูไม่ได้รีบร้อน เขาพูดขึ้นมาอย่างใจเย็น” หัวหน้าเจ้าไปไหนกัน ?”

 

ผู้กลายพันธุ์หัวเราะออกมา “ ราชาสัตว์อสูรเฉินกู เจ้าไม่รู้ตัวหรือไง ? หน้าตา, ชื่อเสียงของเจ้านั้นทุกคนในพันธมิตรกลายพันธุ์ต่างก็รู้กันหมดแล้ว !”

 

เฉินกูยักคิ้ว “ คือ ข้าไม่คิดว่าชื่อเสียงของราชาผู้นี้จะโด่งดังในหมู่พันธมิตรกลายพันธุ์ ! แต่ในเมื่อเจ้ารู้จักข้า เจ้าก็บอกมาซะ บอกมาว่าเจ้ารู้อะไรบ้างแล้วราชาคนนี้รับปากว่าจะปล่อยเจ้าไป !

 

ผู้กลายพันธุ์ยิ้มออกมา “ ไม่มีทาง ข้าคงทําให้เจ้าผิดหวัง ข้าไม่รู้อะไรเลย แม้ว่าข้าจะรู้แต่ก็ไม่มีทางที่จะบอกเจ้า ”

 

เป็นธรรมดาที่เฉินกูจะไม่เชื่อ

 

เขาคิ้วขมวดและพูดขึ้นมา “ เจ้าไม่เชื่อว่าข้าจะปล่อยเจ้าไป ? “

 

“ ไม่ ข้าเชื่อ” มันทําให้เฉินกูแปลกใจ ผู้กลายพันธุ์กลับพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าจริงจัง “ ราชาสัตว์อสูร เจ้าจะหลอกคนอย่างข้าทําไมกัน ? หลังจากที่เจ้าทําสงครามกับเป้ยหลง เจ้าได้ตกลงว่าจะไม่บุกเข้าโจมตีมนุษย์ หลังจากนั้นเจ้าก็ไม่เคยลงมือกับมนุษย์มาก่อน แม้แต่ตอนที่เป้ยหลงหายตัวไป ตอนที่มนุษย์ไม่มีใครคอยปกป้อง เจ้าก็ไม่ได้ลงมือกับมนุษย์ เห็นได้ว่าเจ้าทําตามคําพูด เจ้าถึงกับยอมให้ยอดฝีมือระดับสูงสุดของมนุษย์ดูหมิ่นเจ้า เป็นธรรมดาที่ข้าจะเชื่อเจ้า ! ” 

 

เฉินกูรู้สึกว่าผู้กลายพันธุ์คนนี้เหมือนกับคนอื่นๆ แม้ว่าจะพูดมากแต่ฟังแล้วก็รู้สึกดี

 

“ข้าคิดไม่ถึงจริงๆเลยว่า นอกจากศิษย์ของข้าแล้ว ก็ยังมีคนรู้จักข้าดีขนาดนี้อยู่ ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าคนที่พูดนี้จะเป็นผู้กลายพันธุ์” ยอดฝีมือระดับสูงสุดพูดขึ้น“ เจ้าชื่ออะไร ? เรื่องนี้เจ้าน่าจะบอกได้นะ ? “

 

ผู้กลายพันธุ์คนนี้ได้รับความสนใจจากเขา

 

ผู้กลายพันธุ์บอกชื่อแฝงของตัวเอง “ นรกมืดมิด เจ้าเรียกข้าว่านรกมืดมิดก็ได้ สําหรับชื่อข้าตั้งแต่เป็นผู้กลายพันธุ์ ข้าก็ไม่มีชื่อแล้ว”

 

“ นรกมืดมิด…ฮี่ฮี่ ชื่อฟังดูดี ที่ที่ราชาอยู่ก็คือเขตนรกเช่นกัน ” เฉินกูอารมณ์ดีขึ้นมา เขามองไปที่นรกมืดมิดด้วยความพอใจ ดูเหมือนว่าเขาสามารถคุยกับอีกฝ่ายได้อีกสามวันสามคืน

 

อ้าวเยว่หมดความอดทนและพูดขึ้นมา “ อย่าพูดไร้สาระ !”

 

เฉินกูมองไปที่อ้าวเยว่ก่อนจะคิ้วขมวดแล้วหันไปหานรกมืดมิด “ ในเมื่อเจ้ารู้จักข้าดี เจ้าก็น่าจะรู้ว่าข้ารับปากแล้วทําเสมอ ตอนนี้เจ้าบอกราชาได้รึยัง ? ”

 

“ ขอโทษด้วย” นรกมืดมิดส่ายหน้าและปฏิเสธออกมา “ เจ้าฆ่าข้าหรือไม่นั้น คําตอบข้าก็ยังเหมือนเดิม”

 

“ ฮึ่ม โง่เง่า ! ” อ้าวเยว่แสดงสีหน้าเย็นชาออกมา

 

“ ทําไมกัน ? ” เฉินกูถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ เจ้ายอมตายแทนที่จะบอกความจริงกับข้ารึ ? ”

 

“ ความตายไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุด ! มันมีอีกหลายอย่างในโลกนี้ ที่น่ากลัวยิ่งกว่าความตาย ! ” นรกมืดมิดดูคลั่งขึ้นมา ข้าบอกเจ้าได้แค่ว่า รองผู้นําและผู้กลายพันธุ์ขั้นสูงไม่ได้อยู่ในเขตใต้แล้ว สําหรับเรื่องอื่นแล้วเจ้าไม่ต้องถามหรอก ถึงเจ้าจะถามข้าก็ไม่พูด !”

 

เฉินและอ้าวเยว่มองหน้ากัน ก่อนที่สีหน้าของทั้งสองจะหม่นลง

 

แน่นอนว่ารองผู้นํากับผู้กลายพันธุ์ยอดฝีมือระดับสูงสุดต่างก็ออกจากเขตใต้ไปแล้ว !

 

ไม่แปลกเลยว่าทําไมพวกเขาค้นหากันมานาน แต่ก็ไม่พบยอดฝีมือระดับสูงสุดของพันธมิตรกลายพันธุ์เลย

 

“ พวกเขาไปไหน ? ” เฉินกูถามขึ้นมาทันที

 

นรกมืดมิดเหมือนจะกระอักกระอ่วน และไม่ได้ตอบอะไรกลับ

 

อ้าวเยว่พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ พูดมา ! ไม่งั้นเจ้าจะได้รับรู้ความทรมานทั้งหมดในโลก

 

นรกมืดมิดมองไปที่อ้าวเยว่และอึดอัดออกมา ต่อมาปากของเขาก็สั่น สีหน้าเขาเต็มไปด้วยความกลัว เขาอ้าปากค้างพร้อมกับลิ้นที่ยื่นออกมาก่อนจะกัดลิ้นตัวเอง หลังจากนั้นมุมปากของเขาก็มีเลือดสีแดงไหลออกมา รวมถึงที่หูก็มีเลือดพุ่งออกมาด้วย

 

ครั้งนี้เขาไม่ได้แค่แกล้งโง่ เขากลับแสดงท่าทีเด็ดขาดออกมา

 

แน่นอนในฐานะผู้ที่อยู่ขอบเขตตุ้นซวน ถึงแม้ไม่มีลิ้นให้พูด หรือหูให้ได้ยินเสียง แต่พวกเขาก็สามารถพึ่งการส่งข้อความทางจิตได้แต่ท่าทีแบบนี้มันแสดงให้ทั้งสองได้เห็นว่า ผู้กลายพันธุ์คนนี้เด็ดเดี่ยวเพียงใด หากต้องการข้อมูลจากเขา มันก็ไม่มีทางเป็นไปได้ !

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบเจ้าสำนัก 513 : หาข้อมูล

Now you are reading ระบบเจ้าสำนัก Chapter 513 : หาข้อมูล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 513 : หาข้อมูล

 

ฝางมู่ส่ายหน้าและพูดขึ้นมา“ เด็กน้อย อย่าพูดแบบนั้นเลย ทําในสิ่งที่เจ้าสมควรทําเถอะ”

 

ฝางมู่ไม่รอให้ทุกคนได้เอ่ยปากและพูดขึ้นมา “ เอาล่ะข้าต้องไปแล้ว ข้าขอตัว !” “ 

 

“เดินทางปลอดภัย ! ” ลั่วซู่หยาง,หยางเพ้ยอันและชุยเจี่ยนพูดขึ้น

 

ฝางมู่หันกลับไปแต่ก็หยุดก่อนจะพูดขึ้น” จริงสิ หากพวกเจ้าต้องการจะหาตัวข้า เจ้าส่งคนไปที่สํานักคังเฉียง หากข้าได้รับข่าวแล้ว ข้าจะรีบมาทันที ”

 

เมื่อพูดเรื่องสุดท้ายจบ ฝางมู่ก็ไม่ได้อยู่ต่อ ร่างของเขาได้หายไปทันที

 

เมื่อฝางมู่กลับไปแล้ว ลั่วซู่หยางก็กลับไปที่ห้องโถงสมาคมทันที

 

“ เซียนค่ายกล” เมื่อเห็นเหล่าเซียนเดินเข้ามา ฉินอู่ตี้ก็ก้าวเข้ามาหาและถามขึ้นด้วยความสงสัย “ ท่านฝางมู่ไปไหนกัน ? ”

 

ยอดฝีมือระดับสูงสุดหลายคนต่างก็มองไปที่ลั่วซู่หยาง

 

ลั่วซูหยางพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม“ ท่านฝางม่มีเรื่องส่วนตัวต้องไปจัดการ เขาถอนตัวไปสักพัก แต่พวกเจ้าไม่ต้องกังวล ท่านฝางมู่บอกว่าหากเกิดเรื่องจําเป็น เราแค่ส่งคนไปแจ้ง เขาบอกว่าเขาจะมาช่วยพวกเราทันที !”

 

“ เรื่องส่วนตัวรึ ? “ฉินอู่ตี้คิด “ มันเกี่ยวข้องกับสตรีจากเผ่ามังกรลึกลับนั่นรึ”

 

เมื่อพูดถึงเผ่ามังกร เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา จากที่ฟังชื่อของนางแล้ว ท่านดูเหมือนจะรู้จักนาง ? นางเป็นใครกัน ? ทําไมถึงเรียกนางว่าอาจารย์ ? ”

 

ลั่วซู่หยางเงียบไปก่อนจะพูดขึ้น “ ข้าจะไม่ปิดบังพวกเจ้าอีกต่อไป นางคือผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่ามังกรนาม อ้าวเยว่! ในเวลาเดียวกันนางก็เป็นอาจารย์ของสํานักคังเฉียง…”

 

“ ผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่ามังกร ! ” ผู้คนต่างก็พากันอุทานกันออกมา

 

ไม่แปลกเลยว่าทําไมอ้าวเยว่ถึงได้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ แม้แต่เฉินกูก็ยังดูด้อยกว่านาง มันพอมีเหตุผลแล้ว

 

แต่ความต่างระหว่างฉินอู่ตี้และคนอื่นๆ คือ เขากังวลเรื่องสํานักคังเฉียงที่ลั่วซู่หยางพูดมากกว่า

 

เขามองไปที่ลั่วซู่หยาง และถามขึ้นมา “ ข้าขอถามเจ้าทีว่าสํานักคังเฉียงนั้นอยู่ที่ไหนกัน ? ”

 

คนที่เหลือหลังจากที่ได้ยินคําถามนั้น ต่างก็รู้จุดสําคัญของคําพูดนั้น

 

ลั่วหยางเหมือนจะรู้ความคิดของคนอื่นๆ เขายิ้มออกมา “ ข้ารู้ว่าพวกเจ้าคิดอะไร แต่ข้าขอแนะนํา มันจะดีกว่าที่จะไม่คิดอะไรกับสํานักคังเฉียง เจ้าสํานักเป็นคนที่พวกเจ้าไม่อาจะรับมือได้อย่านับแต่ตัวข้าเลย แม้ว่ามนุษย์กับสัตว์อสูรจะร่วมมือกัน แต่ก็ไม่อาจจะมีสิทธิ์หาเรื่องเขาได้ ” 

 

“ จริงรึ ? ” ฉินอู่ตี้ยิ้มออกมา “ ข้าแค่สงสัยก็เท่านั้น ข้าไม่ได้คิดอะไรมากเรื่องนี้ ” ลั่วซู่หยางมองไปที่ฉินอู่ตี้แล้วยิ้มออกมา “ แบบนั้นดีแล้ว !”

 

เขาเปลี่ยนน้ำเสียงและพูดขึ้น “ ข้าไม่รู้ว่าจะพูดยังไงเกี่ยวกับสํานักคังเฉียง แต่หากพวกเจ้าสนใจ พวกเจ้าไปตรวจสอบด้วยตัวเองดูได้ แต่ตอนนี้มนุษย์กําลังเผชิญหน้ากับวิกฤต ข้าแนะนําพวกเจ้าให้จําเรื่องนี้ให้ขึ้นใจ ไม่งั้นแล้วมนุษย์จบสิ้นแน่และหากพวกเจ้ามีจุดประสงค์อื่น มันไม่ต่างอะไรจากการตักน้ำใส่ตะกร้า สุดท้ายมันก็เหลือแต่ความว่างเปล่า ”

 

ฉินอู่ตี้เงียบไป

 

“ เซียนค่ายกลพูดถูก หน้าที่ของเราตอนนี้คือรับมือกับวิกฤตพันธมิตรกลายพันธุ์” หยางเพ้ยอันพูดขึ้น “ มนุษย์, สัตว์อสูร, มังกรและพันธมิตรกลายพันธุ์ ตอนนี้ทวีปป่ามีกองกําลัง 4 อย่าง มนุษย์คือพวกที่เผชิญหน้ากับวิกฤตสูงที่สุด หากเรายังมีความคิดอื่นและไม่เป็นหนึ่งเดียวกัน มันไม่เท่ากับว่าเราทําลายตัวเองรึ ? ”

 

ตอนนั้นทุกคนต่างก็เงียบไป ความคิดต่างๆที่พวกเขามีในหัวต่างก็ถูกสลัดทิ้ง

 

เมื่อเห็นแบบนั้น หยางเพ้ยอันก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา “ เฮ้อ พวกมนุษย์นี่น่าเกลียดจริงๆ ! ”

 

พวกนี้เห็นแก่ตัว

 

ในท้องฟ้าสีคราม มีร่างสองร่างเคลื่อนที่ด้วยความเร็วน่าเหลือเชื่อ มุ่งหน้าไปทางใต้

 

ผ่านไป 30 นาที อ้าวเยว่และเฉินกูก็เดินทางตัดเขตกลางมาได้กว่าครึ่ง และมาถึงชายแดนระหว่างเขตกลางและใต้

 

เมื่อมองไปยังพื้นดินด้านล่าง อ้าวเยว่ก็แผ่การรับรู้ออกไป การรับรู้ของนางครอบคลุมระยะหลายล้านลี้ ทั้งภูเขา, ต้นไม้, แม่น้ำและป่าแม้แต่เมืองที่ถูกพังลงต่างก็ปรากฏขึ้นมาในหัวของนาง

 

ยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงสุดคือตัวตนที่อยู่จุดสูงสุดของทวีปป่า ระยะการรับรู้นี้เกินกว่าที่คนจะคาดถึง

 

“ ยอดฝีมือระดับสูงสุดของพวกกลายพันธุ์ไม่มีเลยสักคน มีแต่พวกขอบเขตตุ้นซวนธรรมดา, หลี่ซวนและหลิงซวนที่มีอยู่เยอะ” อ้าวเยว่คิ้วขมวด

 

เฉินกูพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “ เป็นเรื่องปกติ ทางใต้นี้ใหญ่โต ถ้าพบผู้กลายพันธุ์ยอดฝีมือระดับสูงสุดได้ง่ายก็เป็นเรื่องแปลก ”

 

เขามองไปที่พื้นและพูดขึ้นมา “ ไปที่ที่ข้าเคยเจอกับพวกมันครั้งที่แล้ว บางทีเจ้าอาจจะโชคดีได้เจอกับพวกมันที่นั่น”

 

“ ไปกันเถอะ” อ้าวเยว่พยักหน้า

 

จากเขตกลางมายังเขตใต้ ตลอดทางนั้นเฉินกูและอ้าวเยว่ได้แผ่การรับรู้ออกไปสํารวจพื้นที่ แต่จนมาถึงจุดที่เฉินกูได้พบกับพวกกลายพันธุ์ครั้งที่แล้ว พวกเขาก็ไม่อาจรับรู้ได้ถึงพลังของผู้กลายพันธุ์ยอดฝีมือระดับสูงสุดได้เลย

 

“ไม่มี ! ” เฉินกูสับสน “ เราเกือบตัดเขตใต้มากว่าครึ่งแล้ว แต่พวกเรากลับไม่พบพวกยอดฝีมือระดับสูงสุดเลย !”

 

อ้าวเยว่พูดด้วยสีหน้าเฉยชา “ หากันต่อ !”

 

ต่อมาเฉินกูและอ้าวเยว่ก็ได้ใช้เคลื่อนย้ายเดินทางในเขตใต้อยู่นาน แต่ก็หาผู้กลายพันธุ์ยอดฝีมือระดับสูงสุดไม่พบเลยสักคน!

 

“ ไม่มีเลย มันต้องมีปัญหาแน่ๆ ! ” เฉินกูหยุดและครุ่นคิด “ พันธมิตรกลายพันธุ์ยึดเขตใต้มาแล้ว และฆ่าคนกับสัตว์อสูรเป็นร้อยล้านชีวิต มันเป็นไปไม่ได้ที่จะถอนตัวและยอมทิ้งเขตนี้ ! พวกนั้นซ่อนตัวอยู่ หรือว่าจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นในพันธมิตรกลายพันธุ์จนทําให้พวกนั้นถอนกําลังไปหมด ! ”

 

อ้าวเยว่พูดขึ้น “ เจ้าไม่ต้องพูดไร้สาระแล้ว !”

 

คําถามง่ายๆแบบนี้เขามองไม่ออก ?

 

ยอดฝีมือระดับสูงสุดอึ้ง เขาควบคุมอารมณ์ตัวเองและพูดขึ้นมา “ ตอนนี้คงทําได้แค่ไปจับพวกขอบเขตตุ้นชวนมาสอบถาม

 

แม้ว่าพวกเขาจะไม่พบกับผู้กลายพันธุ์ยอดฝีมือระดับสูงสุด แต่พวกเขาก็รับรู้ได้ถึงผู้กลายพันธุ์ขอบเขตตุ้นซวน, หลี่ซวนและหลิงซวนอยู่มากมาย

 

เมื่อได้ยินแบบนั้นร่างของอ้าวเยว่ก็กลายเป็นลําแสงพุ่งลงไปด้านล่าง

 

เฉินกูมองตามและอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “ ข้าไม่รู้ว่าเป้ยหลงชอบนางไปได้ยังไง นางอารมณ์ร้อนแบบนี้” เขาส่ายหน้า “ ข้ากลัวว่า เป้ยหลงคงไม่ได้มีช่วงเวลาที่ดีนัก ข้าล่ะอดที่จะสงสารเป้ยหลงไม่ได้”

 

ต่อมาเฉินกูก็พุ่งลงไปก่อนจะปรากฏตัวข้างๆอ้าวเยว่

 

อ้าวเยว่ยืนอยู่ตรงหน้าเมืองที่ถูกทําลาย ตรงหน้านางคือผู้กลายพันธุ์ขอบเขตตุ้นซวนที่สิ้นไปมาด้วยความเจ็บปวด

 

เมื่อเฉินกูมาถึง อ้าวเยว่ก็ได้โบกมือพร้อมกับปราณที่มัดตัวผู้กลายพันธุ์นั้นค่อยๆยกตัวอีกฝายขึ้นทําให้อีกฝ่ายไม่อาจจะขยับตัวได้อีก

 

“ เจ้าถามดู” อ้าวเยว่บอกกับเฉินกู

 

เฉินกูไม่ทําให้นางผิดหวัง เขามองไปที่ผู้กลายพันธุ์และถามขึ้น “ ทําไมเขตใต้ถึงเหลือแต่พวกเจ้า ? ผู้นําเจ้าล่ะ ? พวกยอดฝีมือระดับสูงสุดหายไปไหน ? ” อีกฝ่ายอยู่แค่ขอบเขตตุ้นซวน เขาไม่คิดจะถามชื่ออีกฝ่าย อีกฝ่ายไม่ได้มีค่าพอให้เขาจดจํา

 

ผู้กลายพันธุ์แสดงสายตาบ้าคลั่งออกมา มองข้ามข้ารึ ? ฮี่ฮี่….”

 

เพื่อที่จะได้พลังนี้มา เขาได้เสียบางอย่างที่สําคัญไป เขาคิดว่าหลังจากที่ได้ขึ้นมาถึงขอบเขตตุ้นชวนแล้ว แม้ว่าจะทัดเทียมกับพวกยอดฝีมือระดับสูงสุดไม่ได้ แต่ก็ถือว่าเป็นยอดฝีมือที่มีศัตรู น้อยคนนักที่จะมาหาเรื่องเขา ถึงอย่างนั้นความจริงก็ไม่ได้เป็นแบบที่เขาคิด

 

น่าเศร้าจริงๆ !

 

“ หากเจ้าต้องการฆ่าข้า ก็ฆ่าซะ อย่ามัวพูดไร้สาระ” ผู้กลายพันธุ์ใจแข็งอย่างมาก แม้ว่าจะเผชิญหน้ากับศัตรูที่ร้ายกายถึงสองคนอย่างเฉินกูและอ้าวเยว่ แต่เขากลับไม่แสดงท่าทีหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย

 

“ พูดมาแล้วราชาคนนี้จะไว้ชีวิตเจ้า ” เฉินกูไม่ได้รีบร้อน เขาพูดขึ้นมาอย่างใจเย็น” หัวหน้าเจ้าไปไหนกัน ?”

 

ผู้กลายพันธุ์หัวเราะออกมา “ ราชาสัตว์อสูรเฉินกู เจ้าไม่รู้ตัวหรือไง ? หน้าตา, ชื่อเสียงของเจ้านั้นทุกคนในพันธมิตรกลายพันธุ์ต่างก็รู้กันหมดแล้ว !”

 

เฉินกูยักคิ้ว “ คือ ข้าไม่คิดว่าชื่อเสียงของราชาผู้นี้จะโด่งดังในหมู่พันธมิตรกลายพันธุ์ ! แต่ในเมื่อเจ้ารู้จักข้า เจ้าก็บอกมาซะ บอกมาว่าเจ้ารู้อะไรบ้างแล้วราชาคนนี้รับปากว่าจะปล่อยเจ้าไป !

 

ผู้กลายพันธุ์ยิ้มออกมา “ ไม่มีทาง ข้าคงทําให้เจ้าผิดหวัง ข้าไม่รู้อะไรเลย แม้ว่าข้าจะรู้แต่ก็ไม่มีทางที่จะบอกเจ้า ”

 

เป็นธรรมดาที่เฉินกูจะไม่เชื่อ

 

เขาคิ้วขมวดและพูดขึ้นมา “ เจ้าไม่เชื่อว่าข้าจะปล่อยเจ้าไป ? “

 

“ ไม่ ข้าเชื่อ” มันทําให้เฉินกูแปลกใจ ผู้กลายพันธุ์กลับพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าจริงจัง “ ราชาสัตว์อสูร เจ้าจะหลอกคนอย่างข้าทําไมกัน ? หลังจากที่เจ้าทําสงครามกับเป้ยหลง เจ้าได้ตกลงว่าจะไม่บุกเข้าโจมตีมนุษย์ หลังจากนั้นเจ้าก็ไม่เคยลงมือกับมนุษย์มาก่อน แม้แต่ตอนที่เป้ยหลงหายตัวไป ตอนที่มนุษย์ไม่มีใครคอยปกป้อง เจ้าก็ไม่ได้ลงมือกับมนุษย์ เห็นได้ว่าเจ้าทําตามคําพูด เจ้าถึงกับยอมให้ยอดฝีมือระดับสูงสุดของมนุษย์ดูหมิ่นเจ้า เป็นธรรมดาที่ข้าจะเชื่อเจ้า ! ” 

 

เฉินกูรู้สึกว่าผู้กลายพันธุ์คนนี้เหมือนกับคนอื่นๆ แม้ว่าจะพูดมากแต่ฟังแล้วก็รู้สึกดี

 

“ข้าคิดไม่ถึงจริงๆเลยว่า นอกจากศิษย์ของข้าแล้ว ก็ยังมีคนรู้จักข้าดีขนาดนี้อยู่ ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าคนที่พูดนี้จะเป็นผู้กลายพันธุ์” ยอดฝีมือระดับสูงสุดพูดขึ้น“ เจ้าชื่ออะไร ? เรื่องนี้เจ้าน่าจะบอกได้นะ ? “

 

ผู้กลายพันธุ์คนนี้ได้รับความสนใจจากเขา

 

ผู้กลายพันธุ์บอกชื่อแฝงของตัวเอง “ นรกมืดมิด เจ้าเรียกข้าว่านรกมืดมิดก็ได้ สําหรับชื่อข้าตั้งแต่เป็นผู้กลายพันธุ์ ข้าก็ไม่มีชื่อแล้ว”

 

“ นรกมืดมิด…ฮี่ฮี่ ชื่อฟังดูดี ที่ที่ราชาอยู่ก็คือเขตนรกเช่นกัน ” เฉินกูอารมณ์ดีขึ้นมา เขามองไปที่นรกมืดมิดด้วยความพอใจ ดูเหมือนว่าเขาสามารถคุยกับอีกฝ่ายได้อีกสามวันสามคืน

 

อ้าวเยว่หมดความอดทนและพูดขึ้นมา “ อย่าพูดไร้สาระ !”

 

เฉินกูมองไปที่อ้าวเยว่ก่อนจะคิ้วขมวดแล้วหันไปหานรกมืดมิด “ ในเมื่อเจ้ารู้จักข้าดี เจ้าก็น่าจะรู้ว่าข้ารับปากแล้วทําเสมอ ตอนนี้เจ้าบอกราชาได้รึยัง ? ”

 

“ ขอโทษด้วย” นรกมืดมิดส่ายหน้าและปฏิเสธออกมา “ เจ้าฆ่าข้าหรือไม่นั้น คําตอบข้าก็ยังเหมือนเดิม”

 

“ ฮึ่ม โง่เง่า ! ” อ้าวเยว่แสดงสีหน้าเย็นชาออกมา

 

“ ทําไมกัน ? ” เฉินกูถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ เจ้ายอมตายแทนที่จะบอกความจริงกับข้ารึ ? ”

 

“ ความตายไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุด ! มันมีอีกหลายอย่างในโลกนี้ ที่น่ากลัวยิ่งกว่าความตาย ! ” นรกมืดมิดดูคลั่งขึ้นมา ข้าบอกเจ้าได้แค่ว่า รองผู้นําและผู้กลายพันธุ์ขั้นสูงไม่ได้อยู่ในเขตใต้แล้ว สําหรับเรื่องอื่นแล้วเจ้าไม่ต้องถามหรอก ถึงเจ้าจะถามข้าก็ไม่พูด !”

 

เฉินและอ้าวเยว่มองหน้ากัน ก่อนที่สีหน้าของทั้งสองจะหม่นลง

 

แน่นอนว่ารองผู้นํากับผู้กลายพันธุ์ยอดฝีมือระดับสูงสุดต่างก็ออกจากเขตใต้ไปแล้ว !

 

ไม่แปลกเลยว่าทําไมพวกเขาค้นหากันมานาน แต่ก็ไม่พบยอดฝีมือระดับสูงสุดของพันธมิตรกลายพันธุ์เลย

 

“ พวกเขาไปไหน ? ” เฉินกูถามขึ้นมาทันที

 

นรกมืดมิดเหมือนจะกระอักกระอ่วน และไม่ได้ตอบอะไรกลับ

 

อ้าวเยว่พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ พูดมา ! ไม่งั้นเจ้าจะได้รับรู้ความทรมานทั้งหมดในโลก

 

นรกมืดมิดมองไปที่อ้าวเยว่และอึดอัดออกมา ต่อมาปากของเขาก็สั่น สีหน้าเขาเต็มไปด้วยความกลัว เขาอ้าปากค้างพร้อมกับลิ้นที่ยื่นออกมาก่อนจะกัดลิ้นตัวเอง หลังจากนั้นมุมปากของเขาก็มีเลือดสีแดงไหลออกมา รวมถึงที่หูก็มีเลือดพุ่งออกมาด้วย

 

ครั้งนี้เขาไม่ได้แค่แกล้งโง่ เขากลับแสดงท่าทีเด็ดขาดออกมา

 

แน่นอนในฐานะผู้ที่อยู่ขอบเขตตุ้นซวน ถึงแม้ไม่มีลิ้นให้พูด หรือหูให้ได้ยินเสียง แต่พวกเขาก็สามารถพึ่งการส่งข้อความทางจิตได้แต่ท่าทีแบบนี้มันแสดงให้ทั้งสองได้เห็นว่า ผู้กลายพันธุ์คนนี้เด็ดเดี่ยวเพียงใด หากต้องการข้อมูลจากเขา มันก็ไม่มีทางเป็นไปได้ !

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+