ระบบเติมเงินข้ามภพ 223 เปิดศึก

Now you are reading ระบบเติมเงินข้ามภพ Chapter 223 เปิดศึก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 223

เปิดศึก

“ดี! ข้านับถือในความกล้าได้กล้าเสียของท่าน ในเมื่อท่านกู่กล่าวเช่นนี้ ข้าก็พร้อมที่จะช่วยท่าน อย่างสุดความสามารถ” พอจ้าวตระกูลกู่พูดออกมา เย่เย่ก็สบโอกาสเหมาะตอบรับข้อเสนอในทันที

“ท่านจะขายยานั่นให้ข้าแล้วใช่ไหม?” กู่เชิงโพล่งขึ้นอย่างมีความหวัง

“ใช่แล้ว เพียงแต่ท่านต้องทานยาคืนสมดุลของข้า ควบคู่กับยาสมุนไพรตามใบสั่งของข้า ภายในสองสามวันอาการก็จะดีขึ้นตามลำดับ เห็นแก่ที่จ้าวตระกูลมาเยือนที่นี่ด้วยตัวเอง ทั้งหมดนี่ข้าขายให้ท่านในราคาสองล้านห้าแสนตั๋วทอง”

“ข้า ข้าเข้าใจแล้ว ขอบคุณเถ้าแก่เย่ ขอบคุณ” กู่เชิงพูดอย่างลุกลี้ลุกลน เขาควักตั๋วทองจ่ายให้เย่เย่ตามจำนวนโดยที่ไม่ได้คิดอะไรมากนัก ถึงแม้ราคานั่นมันก็มากพอที่จะทำให้ จ้าวสกุลกู่สิ้นเนื้อประดาตัวเลยก็ตาม

ในความคิดของกู่เชิง สองล้านห้าหมื่นตั๋วทองนี้ก็ไม่ได้ถือว่าแพงไปเสียทีเดียว นอกจากที่เขาจะได้ยาคืนสมดุลที่ช่วยรักษาอาการของเขา และใบสั่งยาที่เขียนขึ้นโดยเย่เย่แล้ว ยังถือเป็นการจ่ายค่าเสียโอกาสของหอการค้าหยูเย่ในอนาคตหากตัวยาไม่ได้ผลอีกด้วย

เมื่อเย่เย่ตรวจสอบจำนวนเงินเสร็จสรรพก็เรียกลู่จุ้นเข้ามาพร้อมกับกล่องหยกขนาดเท่าฝ่ามือที่บรรจุยาคืนสมดุลยื่นให้กู่เชิง ครั้นทำธุรกรรมเสร็จสิ้นจ้าวตระกูลกู่ก็ขอตัวลากลับไป

ลู่จุ้นที่เห็นท่าทีของกู่เชิงดูเปลี่ยนไปจากในทีแรก เขาก็อดชื่นชมฝีมือการเจรจาของเย่เย่ไม่ได้ และยิ่งพอลู่จุ้นรู้ว่าเย่เย่ขายยาคืนสมดุลไปได้ในราคา สองล้านห้าหมื่นตั๋วทองก็ยิ่งตกตะลึงเข้าไปใหญ่

“ข้าไม่อยากจะเชื่อเลย ท่านทำได้ยังไงกันน่ะ!? ประมุขสกุลกู่สมองกลับไปแล้วรึไง?” ลู่จุ้นไม่เข้าใจว่าเย่เย่ชักจูงคนระดับนั้นด้วยกลวิธีแบบไหน ด้วยความสงสัยจึงได้เอ่ยปากถามขึ้น

อย่างไรก็ตามเย่เย่ก็ขี้เกียจอธิบายให้มากความ จึงตอบกลับเขาไปราวกับเป็นปริศนาธรรม

“เจ้าคิดว่าคนสมองกลับจะเป็นจ้าวตระกูลได้ไหมล่ะ?”

ลู่จุ้นที่รู้ตัวว่าตัวเองถามไม่เข้าเรื่องก็ก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด ก่อนเดินออกจากห้องไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ

เย่เย่เอามือไพล่หลัง พลางยืนมองกู่เชิงเดินจากไปจากหน้าต่างชั้นบนอย่างพึงพอใจ แม้ว่าจำนวนเงินที่เขาได้มาต้องจ่ายค่านายหน้าให้กับเซี่ยงเฟ่ยหลิน 30% ตามที่ตกลงกันไว้ก็ตาม

เดิมทีเย่เย่รู้ดีว่ายาคืนสมดุลเพียงเม็ดเดียวนั้นไม่สามารถทำกำไรให้เขาได้มากขนาดนี้ ถึงแม้ยาคืนสมดุลนี้จะหาได้ยากตามท้องตลาด นานทีมีหน แต่ด้วยสรรพคุณเฉพาะทางทำให้ราคาที่แท้จริงของมันดันแปรผกผันตามความหายาก

เพื่อให้ไม่ดูเหมือนเป็นการเอาเปรียบมากจนเกินไป เย่เย่จึงต้องงัดทักษะในการเจรจาทำให้ผู้ซื้ออย่างกู่เชิงนั้นรู้สึกคุ้มทุนกับจำนวนเงินที่เสีย โดยอาศัยความร้อนรนของกู่เชิงและการโน้มน้าวให้เขายอมเสียเงินไปกับเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง

ใบสั่งยาที่เย่เย่เขียนขึ้นเป็นเพียงสูตรยาบำรุงที่แม้แต่หมอมือใหม่ก็รู้ แม้จะเป็นกลอุบายตื้นๆ แต่มันก็ช่วยเพิ่มมูลค่าในการทำธุรกรรมได้เป็นอย่างดี

หลังจากการซื้อขายเสร็จสิ้นไปด้วยดี เย่เย่ก็ได้คืนทุนกับเงินที่เขาลงทุนไปกับกองกำลังปีกแห่งแสง หลังจากจัดสรรปันส่วนเสร็จสรรพ เขาก็แลกยาที่ช่วยเสริมสร้างกำลังภายใน และเริ่มเก็บตัวฝึกปรือเพื่อรับศึกสงครามที่ใกล้เข้ามาทุกที

สิบวันผ่านไปไวราวกับคำลวง ทั้งนิกายวิถีสวรรค์ และนิกายเมฆาสวรรค์ได้เคลื่อนทัพออกมาประจันหน้ากันตามที่ได้ประกาศไว้

นอกจากพวกเขาทั้งสองนิกายที่เป็นทัพหลักแล้ว ยังมีสองนิกายย่อยของแต่ละฝ่ายเป็นกำลัง เสริมอีกด้วย แต่สิ่งที่น่าแปลกคือกำลังพลของทั้งสองฝ่ายกลับมียอดฝีมือที่ยืนอยู่ในสมรภูมิเพียงหยิบมือ ส่วนมากกลับเป็นเพียงจอมยุทธ์ระดับจ้าววรยุทธ์กับเทพยุทธ์เท่านั้น

จอมยุทธ์ที่มีวรยุทธ์ล้ำเลิศจากทั้งหกนิกายนั้น หลบซ่อนอย่างเงียบเชียบอยู่ตามป่าเขาลำเนาไพร ไม่ห่างจากสนามรบมากนัก ราวกับรอคอยอะไรบางอย่างอยู่อย่างใจจดใจจ่อ

“ศะ ศิษย์พี่ ขะ ข้ากลัว” หนึ่งในศิษย์นิกายวิถีสวรรค์ที่ถูกบีบบังคับออกมาเป็นแนวหน้า พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ

ด้านข้างของศิษย์ผู้นั้นคือ ศิษย์พี่ของเขาที่ยังคงยืนอย่างสงบเสงี่ยม แต่ในใจของเขาได้ก่นด่าพวกเบื้องบนที่เกณฑ์พวกเขามาเพื่อวัตถุประสงค์ส่วนตัวบางอย่างที่เขาไม่อาจทราบได้

“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สัญญากับข้าว่าเจ้าจะมีชีวิตรอดกลับไป” ศิษย์พี่เหลือบมองศิษย์น้องด้วยแววตาเศร้าๆ

แน่นอนว่าก่อนที่จะตบเท้าเข้าร่วมสมรภูมิ ทั้งสองได้ยื่นคำขาดปฏิเสธไม่เข้าร่วมสงคราม แต่เมื่อพวกเขาได้เห็นจุดจบอันน่าอเนจอนาถของผู้ที่ฝ่าฝืนคำสั่ง พวกเขาก็ได้แต่ตามกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากไปอย่างไม่มีทางเลือก แม้ว่าจะมีบางส่วนที่เต็มใจเข้าร่วมเพราะมีความแค้นต่อฝั่งตรงข้ามเป็นทุนเดิม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนที่ไม่เต็มใจก็มีอยู่ไม่น้อยเช่นเดียวกัน

ทางเลือกเดียวของพวกเขาคือมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อไปจบชีวิตอย่างไร้ความหมายในสมรภูมิเพียงเท่านั้น

“ได้เวลาแล้ว ผู้ภักดีต่อนิกายวิถีสวรรค์ทั้งหมดจงฟังข้า สังหารพวกนอกรีตให้หมดอย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว!” แม่ทัพผู้คุมกองกำลังของนิกายทั้งหมดที่ขึ้นตรงต่อนิกายวิถีสวรรค์ เงยหน้ามองดวงอาทิตย์ที่ตั้งฉากกับพื้นโลก ก่อนชูดาบขึ้นเหนือหัวเป็นสัญญาณเปิดฉากการโจมตี

นายกองฝั่งนิกายเมฆาสวรรค์เองก็ไม่น้อยหน้า แผดเสียงคำรามออกมาเช่นกัน

“ฆ่าาาาาาาา!”

ทั้งสองฝ่ายรวมๆกว่า 5000 ชีวิตเข้าห้ำหั่นกันอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง ผืนปฐพีสั่นสะท้านราวกับจะเกิดแผ่นดินไหวขนาดย่อมๆ แรงปะทะของพวกเขารุนแรงจนแม้แต่กลุ่มเมฆต้องปลีกตัวออก เผยให้เห็นแสงอาทิตย์ที่สอดส่องลงมายังพื้นโลก

ผ่านไปได้ไม่นาน หลายชีวิตก็ถูกสังเวยกับแผนล่อซื้อของพวกเบื้องบน

“ศะ ศิษย์พี่!!!!!!!!!” ศิษย์ผู้น้องโอบอุ้มร่างไร้ชีวิตของศิษย์พี่ ตะโกนออกมาด้วยความสิ้นหวังและน้ำตาที่ชโลมใบหน้า

“ไอ้พวกเดนนรก! ข้าจะฆ่าพวกมันให้หมด”

“อ๊ากกกกกกกกกกก!”

เสียงความเหี้ยมโหดของสมรภูมิดังกึกก้องไปในทุกอณูของห้วงอากาศ ในระหว่างที่ผู้น้อยรบราฆ่าฟันกันเอง พวกระดับสูงของทั้งสองฝ่ายก็ยังคงยืนดูความพินาศอย่างเลือดเย็น รอจนกว่าที่ปลาใหญ่จะมาฮุบเหยื่อตามแผนที่ได้ตกลงกันไว้

ฟิ้วววววววววววววววววว!

ทันใดนั้นเอง แสงสีดำพุ่งตัดผ่านท้องฟ้ามายังสนามรบ ชายผู้สวมเกราะสีดำทมิฬพร้อมกับปีกสองคู่สี่ข้าง ปรากฏตัวขึ้นเหนือค่ายของนิกายวิถีสวรรค์

ประมุขแห่งอารามไม่พูดพร่ำทำเพลง ยิงสายฟ้าสีม่วงออกจากฝ่ามือโดยที่ไม่ให้ศัตรูตั้งตัว

“ไม่!-”

ตู้มมมม ตู้มมมม ตู้มมมม!

กลุ่มสายฟ้านับหมื่นนับพันเส้นพุ่งลงมาราวกับห่าดาวตก ค่ายของนิกายวิถีสวรรค์เหลือเพียงแต่ซากปรักหักพัง และเปลวเพลิงที่ลุกโชน

“ประ ประมุขแห่งอาราม!?”

“เกราะสีดำ ปีกสองคู่ เป็นเขาจริงๆด้วย!”

“ในระหว่างที่เขาทำลายค่ายอยู่ รีบหนีกันเถอะ!”

เสียงระเบิดที่ดังสนั่นหวั่นไหว ทำให้ทุกคู่สายตาในสมรภูมิหันเหมาทางเย่เย่กันหมด เหล่าศิษย์ที่เห็นความจำเป็นของสงครามในครั้งนี้ก็สบโอกาสทิ้งอาวุธลง และหนีไปคนละทิศคนละทาง

“ในที่สุดมันก็มา!”

“หึ! เจ้าประมุขแห่งอารามนี่มันโง่หรือบ้ากันแน่? รนหาที่ตายชัดๆ”

“ได้เวลาแล้วลุยกันเลย!”

จอมยุทธ์ระดับสูงจากหกนิกายแสยะยิ้มออกมาราวกับรอคอยเวลานี้มานาน พวกเขาเผยตัวออกจากที่ซ่อน ก่อนสะกิดเท้าพุ่งเข้าโจมตีเย่เย่จากทุกทิศทางอย่างพร้อมเพรียงกัน…

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบเติมเงินข้ามภพ 223 เปิดศึก

Now you are reading ระบบเติมเงินข้ามภพ Chapter 223 เปิดศึก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 223

เปิดศึก

“ดี! ข้านับถือในความกล้าได้กล้าเสียของท่าน ในเมื่อท่านกู่กล่าวเช่นนี้ ข้าก็พร้อมที่จะช่วยท่าน อย่างสุดความสามารถ” พอจ้าวตระกูลกู่พูดออกมา เย่เย่ก็สบโอกาสเหมาะตอบรับข้อเสนอในทันที

“ท่านจะขายยานั่นให้ข้าแล้วใช่ไหม?” กู่เชิงโพล่งขึ้นอย่างมีความหวัง

“ใช่แล้ว เพียงแต่ท่านต้องทานยาคืนสมดุลของข้า ควบคู่กับยาสมุนไพรตามใบสั่งของข้า ภายในสองสามวันอาการก็จะดีขึ้นตามลำดับ เห็นแก่ที่จ้าวตระกูลมาเยือนที่นี่ด้วยตัวเอง ทั้งหมดนี่ข้าขายให้ท่านในราคาสองล้านห้าแสนตั๋วทอง”

“ข้า ข้าเข้าใจแล้ว ขอบคุณเถ้าแก่เย่ ขอบคุณ” กู่เชิงพูดอย่างลุกลี้ลุกลน เขาควักตั๋วทองจ่ายให้เย่เย่ตามจำนวนโดยที่ไม่ได้คิดอะไรมากนัก ถึงแม้ราคานั่นมันก็มากพอที่จะทำให้ จ้าวสกุลกู่สิ้นเนื้อประดาตัวเลยก็ตาม

ในความคิดของกู่เชิง สองล้านห้าหมื่นตั๋วทองนี้ก็ไม่ได้ถือว่าแพงไปเสียทีเดียว นอกจากที่เขาจะได้ยาคืนสมดุลที่ช่วยรักษาอาการของเขา และใบสั่งยาที่เขียนขึ้นโดยเย่เย่แล้ว ยังถือเป็นการจ่ายค่าเสียโอกาสของหอการค้าหยูเย่ในอนาคตหากตัวยาไม่ได้ผลอีกด้วย

เมื่อเย่เย่ตรวจสอบจำนวนเงินเสร็จสรรพก็เรียกลู่จุ้นเข้ามาพร้อมกับกล่องหยกขนาดเท่าฝ่ามือที่บรรจุยาคืนสมดุลยื่นให้กู่เชิง ครั้นทำธุรกรรมเสร็จสิ้นจ้าวตระกูลกู่ก็ขอตัวลากลับไป

ลู่จุ้นที่เห็นท่าทีของกู่เชิงดูเปลี่ยนไปจากในทีแรก เขาก็อดชื่นชมฝีมือการเจรจาของเย่เย่ไม่ได้ และยิ่งพอลู่จุ้นรู้ว่าเย่เย่ขายยาคืนสมดุลไปได้ในราคา สองล้านห้าหมื่นตั๋วทองก็ยิ่งตกตะลึงเข้าไปใหญ่

“ข้าไม่อยากจะเชื่อเลย ท่านทำได้ยังไงกันน่ะ!? ประมุขสกุลกู่สมองกลับไปแล้วรึไง?” ลู่จุ้นไม่เข้าใจว่าเย่เย่ชักจูงคนระดับนั้นด้วยกลวิธีแบบไหน ด้วยความสงสัยจึงได้เอ่ยปากถามขึ้น

อย่างไรก็ตามเย่เย่ก็ขี้เกียจอธิบายให้มากความ จึงตอบกลับเขาไปราวกับเป็นปริศนาธรรม

“เจ้าคิดว่าคนสมองกลับจะเป็นจ้าวตระกูลได้ไหมล่ะ?”

ลู่จุ้นที่รู้ตัวว่าตัวเองถามไม่เข้าเรื่องก็ก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด ก่อนเดินออกจากห้องไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ

เย่เย่เอามือไพล่หลัง พลางยืนมองกู่เชิงเดินจากไปจากหน้าต่างชั้นบนอย่างพึงพอใจ แม้ว่าจำนวนเงินที่เขาได้มาต้องจ่ายค่านายหน้าให้กับเซี่ยงเฟ่ยหลิน 30% ตามที่ตกลงกันไว้ก็ตาม

เดิมทีเย่เย่รู้ดีว่ายาคืนสมดุลเพียงเม็ดเดียวนั้นไม่สามารถทำกำไรให้เขาได้มากขนาดนี้ ถึงแม้ยาคืนสมดุลนี้จะหาได้ยากตามท้องตลาด นานทีมีหน แต่ด้วยสรรพคุณเฉพาะทางทำให้ราคาที่แท้จริงของมันดันแปรผกผันตามความหายาก

เพื่อให้ไม่ดูเหมือนเป็นการเอาเปรียบมากจนเกินไป เย่เย่จึงต้องงัดทักษะในการเจรจาทำให้ผู้ซื้ออย่างกู่เชิงนั้นรู้สึกคุ้มทุนกับจำนวนเงินที่เสีย โดยอาศัยความร้อนรนของกู่เชิงและการโน้มน้าวให้เขายอมเสียเงินไปกับเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง

ใบสั่งยาที่เย่เย่เขียนขึ้นเป็นเพียงสูตรยาบำรุงที่แม้แต่หมอมือใหม่ก็รู้ แม้จะเป็นกลอุบายตื้นๆ แต่มันก็ช่วยเพิ่มมูลค่าในการทำธุรกรรมได้เป็นอย่างดี

หลังจากการซื้อขายเสร็จสิ้นไปด้วยดี เย่เย่ก็ได้คืนทุนกับเงินที่เขาลงทุนไปกับกองกำลังปีกแห่งแสง หลังจากจัดสรรปันส่วนเสร็จสรรพ เขาก็แลกยาที่ช่วยเสริมสร้างกำลังภายใน และเริ่มเก็บตัวฝึกปรือเพื่อรับศึกสงครามที่ใกล้เข้ามาทุกที

สิบวันผ่านไปไวราวกับคำลวง ทั้งนิกายวิถีสวรรค์ และนิกายเมฆาสวรรค์ได้เคลื่อนทัพออกมาประจันหน้ากันตามที่ได้ประกาศไว้

นอกจากพวกเขาทั้งสองนิกายที่เป็นทัพหลักแล้ว ยังมีสองนิกายย่อยของแต่ละฝ่ายเป็นกำลัง เสริมอีกด้วย แต่สิ่งที่น่าแปลกคือกำลังพลของทั้งสองฝ่ายกลับมียอดฝีมือที่ยืนอยู่ในสมรภูมิเพียงหยิบมือ ส่วนมากกลับเป็นเพียงจอมยุทธ์ระดับจ้าววรยุทธ์กับเทพยุทธ์เท่านั้น

จอมยุทธ์ที่มีวรยุทธ์ล้ำเลิศจากทั้งหกนิกายนั้น หลบซ่อนอย่างเงียบเชียบอยู่ตามป่าเขาลำเนาไพร ไม่ห่างจากสนามรบมากนัก ราวกับรอคอยอะไรบางอย่างอยู่อย่างใจจดใจจ่อ

“ศะ ศิษย์พี่ ขะ ข้ากลัว” หนึ่งในศิษย์นิกายวิถีสวรรค์ที่ถูกบีบบังคับออกมาเป็นแนวหน้า พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ

ด้านข้างของศิษย์ผู้นั้นคือ ศิษย์พี่ของเขาที่ยังคงยืนอย่างสงบเสงี่ยม แต่ในใจของเขาได้ก่นด่าพวกเบื้องบนที่เกณฑ์พวกเขามาเพื่อวัตถุประสงค์ส่วนตัวบางอย่างที่เขาไม่อาจทราบได้

“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สัญญากับข้าว่าเจ้าจะมีชีวิตรอดกลับไป” ศิษย์พี่เหลือบมองศิษย์น้องด้วยแววตาเศร้าๆ

แน่นอนว่าก่อนที่จะตบเท้าเข้าร่วมสมรภูมิ ทั้งสองได้ยื่นคำขาดปฏิเสธไม่เข้าร่วมสงคราม แต่เมื่อพวกเขาได้เห็นจุดจบอันน่าอเนจอนาถของผู้ที่ฝ่าฝืนคำสั่ง พวกเขาก็ได้แต่ตามกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากไปอย่างไม่มีทางเลือก แม้ว่าจะมีบางส่วนที่เต็มใจเข้าร่วมเพราะมีความแค้นต่อฝั่งตรงข้ามเป็นทุนเดิม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนที่ไม่เต็มใจก็มีอยู่ไม่น้อยเช่นเดียวกัน

ทางเลือกเดียวของพวกเขาคือมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อไปจบชีวิตอย่างไร้ความหมายในสมรภูมิเพียงเท่านั้น

“ได้เวลาแล้ว ผู้ภักดีต่อนิกายวิถีสวรรค์ทั้งหมดจงฟังข้า สังหารพวกนอกรีตให้หมดอย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว!” แม่ทัพผู้คุมกองกำลังของนิกายทั้งหมดที่ขึ้นตรงต่อนิกายวิถีสวรรค์ เงยหน้ามองดวงอาทิตย์ที่ตั้งฉากกับพื้นโลก ก่อนชูดาบขึ้นเหนือหัวเป็นสัญญาณเปิดฉากการโจมตี

นายกองฝั่งนิกายเมฆาสวรรค์เองก็ไม่น้อยหน้า แผดเสียงคำรามออกมาเช่นกัน

“ฆ่าาาาาาาา!”

ทั้งสองฝ่ายรวมๆกว่า 5000 ชีวิตเข้าห้ำหั่นกันอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง ผืนปฐพีสั่นสะท้านราวกับจะเกิดแผ่นดินไหวขนาดย่อมๆ แรงปะทะของพวกเขารุนแรงจนแม้แต่กลุ่มเมฆต้องปลีกตัวออก เผยให้เห็นแสงอาทิตย์ที่สอดส่องลงมายังพื้นโลก

ผ่านไปได้ไม่นาน หลายชีวิตก็ถูกสังเวยกับแผนล่อซื้อของพวกเบื้องบน

“ศะ ศิษย์พี่!!!!!!!!!” ศิษย์ผู้น้องโอบอุ้มร่างไร้ชีวิตของศิษย์พี่ ตะโกนออกมาด้วยความสิ้นหวังและน้ำตาที่ชโลมใบหน้า

“ไอ้พวกเดนนรก! ข้าจะฆ่าพวกมันให้หมด”

“อ๊ากกกกกกกกกกก!”

เสียงความเหี้ยมโหดของสมรภูมิดังกึกก้องไปในทุกอณูของห้วงอากาศ ในระหว่างที่ผู้น้อยรบราฆ่าฟันกันเอง พวกระดับสูงของทั้งสองฝ่ายก็ยังคงยืนดูความพินาศอย่างเลือดเย็น รอจนกว่าที่ปลาใหญ่จะมาฮุบเหยื่อตามแผนที่ได้ตกลงกันไว้

ฟิ้วววววววววววววววววว!

ทันใดนั้นเอง แสงสีดำพุ่งตัดผ่านท้องฟ้ามายังสนามรบ ชายผู้สวมเกราะสีดำทมิฬพร้อมกับปีกสองคู่สี่ข้าง ปรากฏตัวขึ้นเหนือค่ายของนิกายวิถีสวรรค์

ประมุขแห่งอารามไม่พูดพร่ำทำเพลง ยิงสายฟ้าสีม่วงออกจากฝ่ามือโดยที่ไม่ให้ศัตรูตั้งตัว

“ไม่!-”

ตู้มมมม ตู้มมมม ตู้มมมม!

กลุ่มสายฟ้านับหมื่นนับพันเส้นพุ่งลงมาราวกับห่าดาวตก ค่ายของนิกายวิถีสวรรค์เหลือเพียงแต่ซากปรักหักพัง และเปลวเพลิงที่ลุกโชน

“ประ ประมุขแห่งอาราม!?”

“เกราะสีดำ ปีกสองคู่ เป็นเขาจริงๆด้วย!”

“ในระหว่างที่เขาทำลายค่ายอยู่ รีบหนีกันเถอะ!”

เสียงระเบิดที่ดังสนั่นหวั่นไหว ทำให้ทุกคู่สายตาในสมรภูมิหันเหมาทางเย่เย่กันหมด เหล่าศิษย์ที่เห็นความจำเป็นของสงครามในครั้งนี้ก็สบโอกาสทิ้งอาวุธลง และหนีไปคนละทิศคนละทาง

“ในที่สุดมันก็มา!”

“หึ! เจ้าประมุขแห่งอารามนี่มันโง่หรือบ้ากันแน่? รนหาที่ตายชัดๆ”

“ได้เวลาแล้วลุยกันเลย!”

จอมยุทธ์ระดับสูงจากหกนิกายแสยะยิ้มออกมาราวกับรอคอยเวลานี้มานาน พวกเขาเผยตัวออกจากที่ซ่อน ก่อนสะกิดเท้าพุ่งเข้าโจมตีเย่เย่จากทุกทิศทางอย่างพร้อมเพรียงกัน…

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+