ลำนำสตรียอดเซียน 141-2 ดอกท้อเน่า

Now you are reading ลำนำสตรียอดเซียน Chapter 141-2 ดอกท้อเน่า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เรื่องนี้ที่จริงทำให้นางรู้สึกอึดอัดเพราะโม่เทียนเกอเคยปลอมตัวใส่เสื้อผ้าผู้ชายตอนสมัยนางวัยรุ่น ถึงแม้ว่านางจะเปลี่ยนกลับมาใส่เสื้อผ้าผู้หญิงหลังจากนางมาถึงที่โรงเรียนเสวียนชิง แต่นางก็อยู่ภายใต้ความคุ้มครองของประมุขเต๋าจิ้งเหอตลอดและไม่เคยถูกผู้อื่นตามจีบในเชิงชู้สาว ดังนั้นพอตอนนี้ที่อยู่ๆ ก็มีคนหนึ่งโผล่มาไล่ตามนาง นางจึงเพียงอยากจะหลีกเลี่ยงการบังเอิญเจอเขาเท่านั้น

 

 

พอเห็นว่าไม่มีร่องรอยของความรำคาญบนใบหน้าโม่เทียนเกอ ไป๋เยี่ยนเฟยเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม ที่จริงเขาดูค่อนข้างสง่างาม หน้าตาของเขาบวกกับการเป็นศิษย์คนสุดท้ายของประมุขเต๋าเจิ้นหยางทำให้เขาเป็นต้นแบบที่ดีที่น่าได้รับการชื่นชม อย่างไรก็ตาม โม่เทียนเกอไม่มีความรู้สึกใดใดต่อเขา

 

 

“ศิษย์พี่โม่” ไป๋เยี่ยนเฟยพูดพร้อมรอยยิ้ม “ไม่ได้เจอกันเสียนาน”

 

 

ครั้งนี้โม่เทียนเกอสามารถหลบหน้าเขาได้ค่อนข้างนาน นางถึงขนาดอ้อนวอนประมุขเต๋าจิ้งเหอให้ไม่ต้องให้นางไปโถงเหมิงเสวียเพื่อหลบให้สำเร็จ ทุกวันนางจะหมกตัวอยู่ภายในตำหนักซ่างชิงและไม่ออกไปไหน

 

 

คนเราไม่ควรทำร้ายคนที่ยิ้มแย้ม ไม่ว่าไป๋เยี่ยนเฟยจะมีเจตนาอย่างไรในจิตใจเขา เขาก็มักจะสุภาพและใส่ใจกับมารยาทเสมอเมื่อพวกเขาเจอกัน เพราะอย่างนั้น โม่เทียนเกอจึงต้องแสร้งทำหน้ายิ้มและตอบว่า “ช่วงหลังข้ากำลังร่ำเรียนวิชาลับอยู่น่ะ ข้าเลยไม่มีเวลาได้ออกมาข้างนอก”

 

 

“จริงหรือ” ดวงตาของไป๋เยี่ยนเฟยสดใส “วิชาลับประเภทไหนหรือ ศิษย์พี่บอกข้าได้ไหมเราจะได้เรียนด้วยกัน”

 

 

ถ้ามันสามารถบอกกับใครได้ง่ายๆ มันจะยังเรียกว่าวิชาลับได้อยู่รึ โม่เทียนเกอเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะฝืนยิ้ม “ศิษย์น้องไป๋มาทำอะไรที่นี่ล่ะ เจ้ามาเพื่อจัดการอะไรหรือเปล่า”

 

 

“ก็ประมาณนั้น…” ไป๋เยี่ยนเฟยพูดอย่างกำกวม “ศิษย์พี่ เป็นเวลานานแล้วตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เราเจอกัน ในเมื่อเราบังเอิญเจอกัน เราไปที่ไหนสักที่และคุยกันดีไหม”

 

 

“นี่… ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะน่ะ” โม่เทียนเกอบอก “ท่านอาจารย์ให้ข้ามาจัดการหลายเรื่องเลย ศิษย์น้องไป๋ ข้าขอโทษด้วย ข้าคงต้องขอตัวก่อน” นางหันกลับและก้าวขึ้นบนผ้าเช็ดหน้าไหมขาวทันที เหาะไปทางยอดเขาวสันต์กระจ่าง

 

 

“ศิษย์พี่!” ไป๋เยี่ยนเฟยตะโกนไล่หลัง แต่โม่เทียนเกอไม่กล้าหยุด นางไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองเขาด้วยซ้ำ

 

 

นางเหาะกลับไปถึงที่ยอดเขาวสันต์กระจ่างแล้วรีบเข้าตำนักซ่างชิง หลังจากที่นางเห็นว่าไป๋เยี่ยนเฟยไม่ได้ตามนางมาเท่านั้นนางถึงถอนใจอย่างโล่งอกได้ในที่สุด

 

 

นางกลัวศิษย์น้องไป๋ผู้นี้เสียจริง นางไม่อาจเข้าใจได้ ถึงแม้ตัวตนปัจจุบันของนางจะแตกต่างและความสามารถของนางก็ไม่ถือว่าแย่ แต่ก็ยังมีผู้ฝึกตนหญิงสวยๆ อีกนับไม่ถ้วนที่มีระดับการฝึกตนโดดเด่นที่โรงเรียนเสวียนชิง ทำไมเขาถึงต้องตามนางอย่างไม่หยุดหย่อนเช่นนี้

 

 

“ทำไมเจ้าวิ่งอย่างกับใครไปจุดไฟที่ก้นอย่างนั้นเล่า” เสียงประมุขเต๋าจิ้งเหอลอยมาเข้าหูนาง

 

 

พอได้สตินึกคิดกลับมา โม่เทียนเกอรีบเดินผ่านทางเข้าหลักทันที ผ่านทางเข้าหลักคือโถงหลักซึ่งประมุขเต๋าจิ้งเหอกำลังทำสมาธิอยู่พอดี นับเป็นโอกาสที่หาได้ยาก พอถูกรบกวนโดยโม่เทียนเกอ เขาก็กำลังจ้องเขม็งและหัวเสียใส่นาง

 

 

“ท่านอาจารย์” นางเรียกด้วยท่าทีนอบน้อม

 

 

ประมุขเต๋าจิ้งเหอยังคงจ้องนางเขม็งสักครู่หนึ่งก่อนจะหยุดทำสมาธิ “เกิดอะไรขึ้น ข้าบอกให้เจ้าไปที่ยอดเขาหลักเพื่อส่งข้อความ ทำไมเจ้าเป็นอย่างนี้ โดนหมาป่าไล่ตามมารึ”

 

 

“ไม่มีหมาป่าที่ไหนไล่ตามข้า เป็นผู้ชายน่ะสิ” โม่เทียนเกอตอบ นางนับถือประมุขเต๋าจิ้งเหอในฐานะอาจารย์มานาน ดังนั้นตอนนี้นางจึงทำตัวได้ตามสบาย นางหาที่นั่งและรินชาให้ตัวเองถ้วยหนึ่ง

 

 

“ผู้ชาย?” ประมุขเต๋าจิ้งเหอพูดด้วยความประหลาดใจ “ใครไล่ตามเจ้า”

 

 

“เอ่อ…” ตาของโม่เทียนเกอหลุกหลิกไปเรื่อยขณะที่นางดื่มชา ท้ายที่สุดนางก็ตัดสินใจบอกความจริงตามที่เป็น “ศิษย์น้องไป๋เยี่ยนเฟยแห่งยอดเขาอาทิตย์รุ่งอรุณเจ้าค่ะ”

 

 

“ไป๋เยี่ยนเฟย?” ประมุขเต๋าจิ้งเหอพยายามจะนึกชื่อนี้ “ศิษย์ของตาเฒ่าเต๋าเจิ้นหยางน่ะรึ”

 

 

พอเห็นนางพยักหน้า ประมุขเต๋าจิ้งเหอก็ยิ่งประหลาดใจ “เขาไล่ตามเจ้าทำไม”

 

 

“ข้าเองก็สับสนเช่นกัน…” โม่เทียนเกอกล่าว “ศิษย์น้องไป๋ทำตัวเป็นมิตรเกินไปเวลาเขาปฏิบัติกับคนอื่น ตั้งแต่ข้าเจอเขา เขาก็มักจะเชิญข้าออกไปคุยกันข้างนอกอยู่บ่อยๆ ถ้าข้าไม่ไป ข้าก็จะรู้สึกไม่ดีเพราะเขามีเจตนาดี แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกทนไม่ไหวที่ต้องไปเหมือนกันเจ้าค่ะ”

 

 

“เจตนาดี?” ประมุขเต๋าจิ้งเหอที่เข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นส่งเสียง “ฮึ่ม!” และพูดว่า “ไอ้เด็กคนนี้มันช่างกล้า! เขาบังอาจหมายตาศิษย์ของข้า!”

 

 

“หมายตา?” โม่เทียนเกอจ้องเขาด้วยสีหน้างุนงง “ท่านอาจารย์ ศิษย์น้องไป๋ใจดีกับข้ามาก เขาไม่เคยทำอะไรเสียหาย”

 

 

“ฮึ่ม!” ประมุขเต๋าจิ้งเหอส่งเสียง “ฮึ่ม” ที่รุนแรงกว่าเดิม เม้มปากแน่นและจ้องนาง “เจ้าจะแสร้งทำต่อไปก็ได้! เจ้ากล้าหรือไม่ล่ะที่จะบอกว่าเจ้าไม่ได้ตั้งใจพูดเรื่องนี้ให้ข้าได้ยิน!?”

 

 

“…” ในเมื่อเจตนาของนางถูกเปิดโปง โม่เทียนเกอบอกความจริงทันที “ท่านพูดถูก ท่านอาจารย์ ข้าคิดว่าเด็กคนนี้น่ารำคาญมาก แต่มันคงไม่ดีสำหรับข้าแน่ที่จะปฏิเสธเขาตรงๆ ดังนั้นข้าจึงอยากขอให้ท่านอาจารย์ช่วย”

 

 

หลังจากได้ยินสิ่งที่นางพูด ประมุขเต๋าจิ้งเหอเผยสีหน้าพึงพอใจที่สื่อว่า “แบบนี้ดีกว่าเยอะ” และเชิดหน้าอย่างภูมิใจ “อย่าเล่นเกมต่อหน้าข้า จะมีเรื่องอะไรที่เด็กน้อยผู้ที่เพิ่งใช้ชีวิตมายี่สิบกว่าปีอย่างเจ้าจะสามารถปิดบังจากข้าได้”

 

 

โม่เทียนเกอยิ้มอย่างเจียมตัว “เจ้าค่ะ ข้าจะเทียบกับท่านอาจารย์ผู้ที่มีชีวิตอยู่มามากกว่าแปดร้อยปีและกำลังจะเป็นเทพเจ้าได้อย่างไร”

 

 

ประมุขเต๋าจิ้งเหอรู้สึกสดชื่นที่ได้ยินคำเยินยอของโม่เทียนเกอ อย่างไรก็ตาม ชั่วขณะหลังจากเขาหัวเราะจู่ๆ เขาก็ตระหนักได้ว่าความหมายเบื้องหลังคำพูดของโม่เทียนเกอดูผิดไป “เจ้าตายแน่สาวน้อย! เจ้าหลอกด่าข้า ท่านอาจารย์ของเจ้า ว่าแก่และยังมีชีวิตอยู่อีกเรอะ!”

 

 

“ข้าเปล่านะ!” โม่เทียนเกอรีบพนมมือเหมือนกำลังสวดอ้อนวอนทันที “ท่านอาจารย์ ข้าแสดงความเคารพต่อท่านอย่างจริงใจและขอร้องท่าน ท่านอาจารย์ได้โปรดช่วยข้าจัดการเรื่องนี้ที!”

 

 

ประมุขเต๋าจิ้งเหอเป็นคนที่ชอบโอ้อวดและได้รับการเยินยอ ดังนั้นทันทีที่โม่เทียนเกอยอมรับสถานะนี้ ความโกรธของเขาหายไปเกือบจะทันที เขาแค่ “ฮึ่ม” และเหลือบมองนาง แต่น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนขึ้นมาก “เล่ามาให้หมด เกิดอะไรขึ้นกับไอ้เด็กแซ่ไป๋คนนี้”

 

 

“ข้าเองก็งงมากเช่นกัน เมื่อข้าไปที่ยอดเขาอาทิตย์รุ่งอรุณเพื่อพบท่านอาจารย์ลุงเจิ้นหยางครั้งก่อน ศิษย์น้องไป๋เป็นคนมาต้อนรับข้า แต่ตั้งแต่นั้นมา เขาก็มักจะเชิญชวนข้าออกไปบ่อยๆ”

 

 

นั่นเป็นความจริง ตัวนางเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ส่วนไหนของข้าที่ทำให้ศิษย์น้องไป๋ผู้นี้ชื่นชอบในตัวข้ากัน เป็นระดับการฝึกตนของข้าหรือ แต่ผู้ฝึกตนหญิงสาวๆ ที่อยู่ในขั้นกลางของดินแดนการสร้างฐานแห่งพลังก็มีมากมาย ศิษย์พี่ผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นศิษย์ของอาจารย์ลุงเมี่ยวอีแห่งยอดเขาวิหคอัคคีเขียวก็อายุประมาณสามสิบปีและอยู่ในขั้นกลางของดินแดนการสร้างฐานแห่งพลังเหมือนกัน ยิ่งไปกว่านั้น ไม่เหมือนโม่เทียนเกอที่ก้าวหน้าขึ้นได้จากชะตาลิขิตล้วนๆ คนคนนั้นก้าวหน้าขึ้นได้เพราะการฝึกตนของนางเอง

 

 

ถ้าอย่างนั้นหรือจะเป็นหน้าตาของข้า? โม่เทียนเกอยอมรับว่านางดูดีใช้ได้ แต่ในโลกแห่งการฝึกตนที่ซึ่งผู้หญิงสวยมีมากเหลือล้น นางก็ไม่ได้สำคัญอะไรมากมาย สำหรับสถานะ สถานะของนางในฐานะศิษย์ของประมุขเต๋าจิ้งเหอ บรรพชนระดับจิตวิญญาณใหม่ก็จัดว่ามีเกียรติมาก แต่ถึงอย่างนั้น ศิษย์พี่ผู้หญิงคนนั้นจากยอดเขาวิหคอัคคีเขียวก็มีทุกสิ่งที่โม่เทียนเกอมี ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ใช่แค่ศิษย์พี่คนนั้นคนเดียว แต่ยังมีศิษย์น้องผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นศิษย์ของอาจารย์ลุงหลิงซวีแห่งยอดเขาล่องเมฆา นางเพิ่งอายุยี่สิบปีได้ไม่นาน ดังนั้นนางจึงเด็กกว่าโม่เทียนเกอแน่นอน

 

 

โม่เทียนเกอพูดทั้งหมดนี้ออกมาดังๆ แต่ประมุขเต๋าจิ้งเหอเพียงแค่คิดอยู่ครู่หนึ่งและพยักหน้า “ไอ้เด็กนั่นยังมีวิสัยทัศน์ที่ดี ศิษย์ของข้าย่อมต้องดีกว่าคนอื่นเป็นธรรมดา!”

 

 

โม่เทียนเกอกัดฟัน “ท่านอาจารย์!”

 

 

พอเห็นหน้าตาถมึงทึงของนาง ประมุขเต๋าจิ้งเหอระเบิดหัวเราะออกมาทันที “อย่าโกรธน่า อาจารย์กำลังชมเจ้าอยู่! จากเด็กสาวสองคนที่เจ้าพูดถึง คนของเมี่ยวอีไม่สวยเท่าเจ้า และคนของตาแก่หลิงซวีก็ไม่ฉลาดเท่าเจ้า ถ้าเขาต้องเลือกจากพวกเจ้าทั้งสามคน เขาต้องเลือกเจ้าอย่างแน่นอน!”

 

 

“ตามความคิดของข้า หัวใจแห่งเต๋าของไอ้เด็กนั่นต้องไม่มั่นคงแน่ ดังนั้นเขาจึงต้องการหาใครสักคนมาเป็นคู่ฝึกตนร่วมสัมพันธ์ เขาทะนงตนและหยิ่งยโส เพราะฉะนั้นเขาต้องไม่อยากได้ใครที่มีข้อบกพร่องแม้แต่นิดเดียว หลังจากมองหาไปทั่ว เขาอาจจะเจอแค่ไม่กี่คนที่ตรงกับความต้องการของเขา เขารู้จักกับศิษย์สองคนของเมี่ยวอีและตาแก่หลิงซวีตั้งแต่พวกเขายังเป็นเด็ก เขาอาจจะไม่ได้ชอบพวกนั้นมากนัก อย่างไรก็ตาม แล้วเขาก็มาพบเจ้าเข้า ในเมื่อเขาน่าจะคิดว่าเจ้าดีกว่าอีกสองคน เขาจึงตามติดเจ้าเป็นธรรมดา”

 

 

สิ่งที่ประมุขเต๋าจิ้งเหอพูดก็ค่อนข้างมีเหตุผล โม่เทียนเกอเงียบอยู่พักหนึ่งก่อนนางจะพูดอีกครั้ง “ท่านอาจารย์ ได้โปรดช่วยข้าจัดการกับเรื่องนี้ด้วย! ข้ายังไม่อยากจะคิดถึงเรื่องอย่างการฝึกตนร่วมสัมพันธ์ตอนนี้”

 

 

ประมุขเต๋าจิ้งเหอพูดอย่างโอหัง “แน่นอน! ต้องการจะล่อลวงศิษย์ของข้าตามใจชอบ ในโลกนี้มีเรื่องชั้นต่ำอย่างนั้นด้วยหรือ?!” หลังจากนั้นเขาก็เปลี่ยนเรื่องและพูดพร้อมยิ้มกริ่ม “เทียนเกอ เจ้าไม่อยากคิดถึงการฝึกตนร่วมสัมพันธ์จริงๆ รึ? ที่จริงการฝึกตนร่วมสัมพันธ์ก็มีประโยชน์หลายอย่าง!”

 

 

“ไม่ล่ะ ขอบคุณ!” โม่เทียนเกอปฏิเสธตรงๆ โดยไม่แม้แต่จะต้องคิด

 

 

“เจ้าไม่อยากจริงๆ รึ ข้าจะบอกให้นะ เจ้าสลัดไอ้เด็กแซ่ไป๋คนนั้นทิ้งไปได้เลย อาจารย์จะเลือกตัวเลือกที่ดีกว่าให้เจ้า…”

 

 

“ข้าบอกท่านแล้วไงว่าข้าไม่อยาก!”

 

 

เมื่อเห็นนางปฏิเสธอย่างหนักแน่น ประมุขเต๋าจิ้งเหอก็รู้สึกเบื่อขึ้นมาทันที “ก็ได้ๆ! เจ้าก็เหมือนกับไอ้เด็กเหลือขอนั่น เจ้าทั้งคู่สอนอะไรไม่ได้เลย!”

 

 

“เรื่องนี้จะสอนกันได้อย่างไร ท่านอาจารย์ อย่าบอกนะว่าท่านเคยทำการฝึกตนร่วมสัมพันธ์มาก่อน”

 

 

ประมุขเต๋าจิ้งเหอรู้สึกอึดอัดกับคำพูดของนาง เขาหันไปหานางและถลึงตาใส่อย่างโกรธๆ “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้าล่ะ”

 

 

“ถ้าเป็นเช่นนั้น ไม่ว่าข้าจะทำการฝึกตนร่วมสัมพันธ์หรือไม่ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับท่านอาจารย์!” โม่เทียนเกอยืนขึ้นจากที่นั่งของนาง “ข้ากลับไปฝึกตนล่ะ อีกอย่างนะท่านอาจารย์ ท่านต้องช่วยข้าแก้ปัญหาเรื่องนี้ด้วย!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด