หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม 69 วีรบุรุษช่วยสาวงาม

Now you are reading หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม Chapter 69 วีรบุรุษช่วยสาวงาม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อวี๋หวั่นใช้เวลาครู่หนึ่งกว่าจะปะติดปะต่อ ‘อวี้จื่อกุย’ และ ‘วัดร้าง’ เข้ากับเรื่องที่เธอหนีตายครั้งนั้นได้ เธอจึงเอ่ยถามว่า “มือกระบี่เสื้อสีฟ้าผู้นั้นมีชื่อว่าอวี้จื่อกุยหรือ?”

บุรุษชุดดำแค่นเสียง ‘หึ’ อย่างเย้ยหยัน “อย่ามาเสแสร้งว่าเจ้าไม่รู้จักเขา หากไม่รู้จัก เขาจะมอบถุงนั้นให้เจ้าอย่างไร”

ก็เขาไม่ได้ให้มาอย่างไรเล่า!

เธอมิได้คาดคิดว่าการเข้าไปหลบในวัดร้างจะนำมาซึ่งความวุ่นวายอีก เธอกับอวี๋จื่อกุยผู้นั้นมิได้รู้จักมักคุ้นกันมาก่อน พวกเขาเพียงพบกันโดยบังเอิญ ไม่รู้ว่าเหตุใดบุรุษตรงหน้าเธอผู้นี้จึงมั่นใจนักว่าถุงผ้าไหมนั่นอยู่ที่เธอ รู้ได้อย่างไรกัน?

“ใครบอกเจ้าว่าถุงผ้าไหมอยู่ที่ข้า อวี๋จื่อกุยบอกหรือ?” อวี๋หวั่นกล่าวอย่างใจเย็น

นัยน์ตาของเขาพลันเผยความตระหนกขึ้นมาวูบหนึ่ง คมมีดพาดบนคอของอวี๋หวั่น ดรุณีนางนี้ยังคงเยือกเย็น มิน่าเล่าจึงเป็นผู้ที่อวี๋จื่อกุยไว้วางใจ!

บุรุษชุดดำกล่าวว่า “แม้ว่าเขาจะมิได้พูด แต่พวกเราค้นตัวเขาแล้ว ไม่พบของ”

“ไม่พบที่ตัวเขา ก็หมายความว่าของจำเป็นต้องอยู่ที่ข้าหรือ?” อวี๋หวั่นประหลาดใจกับตรรกะแปลกๆ เช่นนี้

บุรุษชุดดำหรี่ตามอง แล้วกล่าวว่า “ในใต้หล้า ผู้ใดเข้าใกล้อวี๋จื่อกุยมากกว่าสามฉื่อล้วนสิ้นชีพ หากเขามิได้ไว้วางใจเจ้าเป็นพิเศษ เจ้าคงกลายเป็นศพตั้งแต่ก่อนที่พวกเราจะไปถึงวัดร้างแล้ว!”

“…” อวี๋หวั่นไม่รู้จะตอบว่าอย่างไรดี

บุรุษชุดดำกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบว่า “เลิกยื้อเวลาได้แล้ว ไม่มีประโยชน์หรอก หากวันนี้เจ้าไม่ส่งถุงผ้าไหมมาให้ข้า เทพเซียนอันใดก็มิอาจช่วยเจ้าได้!”

ทันทีที่เขากล่าวจบ ก็มีเงาสีขาวเส้นหนึ่งพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า กรงเล็บเล็กอันคมกริบข่วนเข้าที่คนผู้นั้นอย่างโหดเหี้ยม

บุรุษชุดดำคิดจะหลบ ทว่าช้าไปหนึ่งก้าว ใบหน้าของเขาถูกข่วนจนเกิดเป็นสามรอย เลือดไหลออกมามากจนน่าตกใจ แม้แต่ผ้าคลุมหน้าก็ถูกตะกุยจนหลุดออก

แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ อวี๋หวั่นก็มิอาจเห็นใบหน้าของเขาได้อย่างชัดเจนในห้องมืด เธอมองเห็นเพียงสัญลักษณ์รูปร่างประหลาดจากแสงสลัวที่ส่องผ่านกระดาษก็เท่านั้น

อวี๋หวั่นยังมิทันได้มองหน้าเขาอีกครั้งหนึ่ง ก็พบว่าเขาชักกระบี่ขึ้นด้วยความโกรธ หมายจะฆ่าสิ่งนั้นที่ลอบโจมตีเขา

ลูกสุนัขจิ้งจอกหิมะตกใจจนขนพอง!

ทันใดนั้นเอง อวี๋หวั่นก็ถีบเข้าที่ท้องของบุรุษชุดดำ แล้วกระทืบเข้าที่ขาของเขาอีกหลายครั้ง!

อวี๋หวั่นรู้สึกแปลกใจที่เจ้าของร่างเดิมเคยฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาเจ็ดแปดปี ทั้งยังมีทักษะดีเยี่ยม แรงเตะเมื่อครู่ หากเป็นคนอื่นคงสลบไปแล้ว แต่ครั้งนี้คงทำได้เพียงบีบให้บุรุษชุดดำผู้นั้นล่าถอยไป

คืนนี้ หากไม่ได้ ‘ถุงผ้าไหม’ ก็จะไม่ถอยหรืออย่างไร?

ไม่สิ เขาปกปิดใบหน้ามา หมายความว่ามิอยากให้ผู้ใดเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเขา ทว่าอวี๋หวั่นกลับไปเห็นเข้าแล้ว

คืนนี้จำต้องมีหนึ่งคนที่ไม่รอด

บุรุษชุดดำลงมือโจมตีอีกครั้งหนึ่ง จิ้งจอกหิมะน้อยเข้าไปกัดไม่ปล่อย

 “หลบไป! ข้าจะวางยาแล้ว!” อวี๋หวั่นหยิบกระโถนเล็กๆ ขึ้นมา แล้วสาดเข้าไปที่บุรุษชุดดำอย่างแรง!

ลูกสุนัขจิ้งจอกกระโดดหลบอย่างรวดเร็ว

บุรุษชุดดำยกโต๊ะด้านข้างขึ้นมาบัง ‘ยาพิษ’ ของอวี๋หวั่น! ‘ฉี่เด็ก’ ไหลท่วมโต๊ะ

อวี๋หวั่นใช้โอกาสนี้คลำหาเคียวจากใต้เตียง

บุรุษชุดดำได้กลิ่นสาบของปัสสาวะ จึงรู้ว่าตนถูกหลอกเข้าเสียแล้ว เขาโกรธจัด พุ่งเข้ามาหมายเอาชีวิตอวี๋หวั่น ทว่าอวี๋หวั่นพลันตวัดเคียวเข้าใส่คอของเขา “ถ้าขยับละก็ คอเจ้าขาดแน่!”

จิ้งจอกหิมะยืนข้างกายอวี๋หวั่นประหนึ่งจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือ[1] ยกมือขึ้นมาทำท่า ‘ปาดคอ’!

อาวุธลับเคลื่อนลงมาในมือซ้ายที่มิได้จับมีดของบุรุษชุดดำ

“แล้วก็ยังมีถุงลูกหลาน[2] ของเจ้าอีก”

บุรุษในชุดดำรู้สึกได้ถึงความเย็นเฉียบที่เป้ากางเกง เขาก้มลงมอง และพบว่ามิใช่เขาเพียงคนเดียวที่มีอาวุธลับ ไม่รู้ว่าในมือซ้ายของอวี๋หวั่นมีมีดสั้นตั้งแต่เมื่อไร และมันกำลังจ่ออยู่ตรงส่วนที่มิอาจพูดได้ของเขา

เขาทั้งอับอายทั้งโมโห เส้นเลือดเต้นตุบๆ ราวกับจะระเบิดออกมา!

แต่ในขณะที่อวี๋หวั่นคิดว่าตนกุมชัยชนะไว้ในกำมือนั้น ด้านหลังก็มีเสียงเจ้าเล่ห์ดังขึ้น “หากเจ้ามิต้องการชีวิตของเด็กพวกนี้แล้ว ก็ลงมือเสีย”

ที่แท้ก็เป็นมือสังหารอีกคนหนึ่งที่บุกเข้ามา เขาคว้าเด็กน้อยคนหนึ่งที่กำลังหลับสบายขึ้นมา “วางมีดลง มิเช่นนั้นข้าจะฆ่าเขา”

อวี๋หวั่นมิได้สะทกสะท้าน เธอกล่าวว่า “หากพวกเจ้าไม่อยากได้ถุงผ้าไหมแล้ว ก็เอาชีวิตเขาไปเสีย”

บุรุษชุดดำทั้งสองหรี่ตามอง

ทั้งคู่ส่งสายตาหากัน เห็นได้ชัดว่าตั้งใจจะลงมือพร้อมกัน ด้านนอกยังมีพี่น้องของพวกเขาอีกหลายคน ขอเพียงบุรุษในชุดดำผู้นี้ยอมเสียสละ โอกาสที่จะทำภารกิจสำเร็จของพวกเขาก็จะเพิ่มมากขึ้น

มือสังหารผิวปาก

ที่น่าตกใจก็คือ อยู่ๆ ก็มีเสียงร้องในลำคอด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นมาจากด้านนอก

ทั้งคู่หน้าเปลี่ยนสีทันที พวกเขายังมิทันได้รอว่าเกิดอะไรขึ้นด้านนอก ก็มีลูกดอกลูกหนึ่งพุ่งเข้ามาทางหน้าต่าง ตรงเข้าเสียบเข้าที่ข้อมือของมือสังหาร

มือสังหารปล่อยมือ เด็กน้อยจึงร่วงลงมา

อวี๋หวั่นมิได้สนใจบุรุษชุดดำอีกต่อไป เธอทิ้งเคียว แล้วปรี่เข้ามาอุ้มเด็กน้อยเอาไว้

บุรุษชุดดำคิดว่าตนเป็นอิสระแล้ว ทว่ายังมิทันได้ขยับตัว ก็มีเส้นเงินสายหนึ่งพุ่งเข้ามารัดเข้าที่คอ แล้วดึงเขาทะลุหน้าต่างออกไป

จากนั้น มือสังหารอีกคนหนึ่งก็ถูกเส้นเงินมัดเข้าที่คอแล้วลอยออกไปเช่นกัน

กว่าอวี๋หวั่นจะอุ้มเด็กน้อยไปนอน แล้วตามออกไปนอกบ้าน เธอก็ไม่พบแม้แต่เงาของมือสังหารเหล่านั้นแล้ว เห็นเพียงเด็กหนุ่มท่าทางคุ้นตาคนหนึ่ง

“ข้าเคยเห็นท่านที่จวนคุณชาย” อวี๋หวั่นกล่าว

องค์รักษ์ยกมือขึ้นคำนับ “ข้าชื่ออิ่งสือซัน เป็นองครักษ์ของคุณชาย”

อวี๋หวั่นอุทานว่า ‘อ้อ’ แล้วกล่าวว่า “ท่านอยู่แถวนี้ตลอดเลยหรือ?”

อิ่งสือซันชะงักไป “…ใช่”

ซันหลินเปี๋ยหยวน…คงเรียกว่าแถวนี้ได้กระมัง?

คืนนี้คุณชายพักที่นั่น

 หากกล่าวตามจริงก็ไม่นับว่าใกล้ กว่าจะมาถึงที่นี่ได้ก็นับว่ายุ่งยากยิ่งนัก!

“คนพวกนั้นเล่า?” อวี๋หวั่นถาม

“อิ่งลิ่วจัดการเรียบร้อยแล้ว” อิ่งสือซันเอ่ยตอบ

ในเมื่อมีคนจัดการแล้ว อวี๋หวั่นก็คงไม่จำเป็นต้องกังวลอะไร

อวี๋หวั่นกล่าวต่อ “พวกเขาเป็นใครหรือ ข้าเห็นรอยสักแปลกๆ ที่หน้าผากของหนึ่งในนั้น”

อิ่งสือซันเผยสีหน้ารู้สึกสงสัย “พวกเขาเป็นมือสังหารของเชียนจีเก๋อ คุณชายและเชียนจีเก๋อมิได้มีความแค้นต่อกัน ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดพวกเขาจึงมาหาคุณชายน้อยทั้งสาม”

อวี๋หวั่นอ้าปากพะงาบ รู้สึกกระดากที่จะบอกเขาว่าคนที่เชียนจีเก๋อมาตามล่ามิใช่คุณชายน้อย

“เชียนจีเก๋ออะไรนี่ร้ายกาจมากหรือ?”  หากร้ายกาจละก็ เธอคิดว่า…

อิ่งสือซันส่งเสียง ‘หึ’ แล้วกล่าวว่า “นั่นเป็นเชียนจีเก๋อในอดีต”

อวี๋หวั่นมองเขาอย่างไม่เข้าใจ

อิ่งสือซันเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบว่า “หลังจากคืนนี้ บนโลกนี้ก็จะไม่มีเชียนจีเก๋ออีกต่อไป”

นี่เป็นการฆ่าล้างตระกูลสินะ…

คนที่บาดหมางกับเยี่ยนจิ่วเฉาล้วนจุดจบน่าเวทนายิ่งนัก…

“แม่นางอวี๋ยังมีคำถามอีกหรือไม่” อิ่งสือซันถาม

“ไม่มีแล้ว” อวี๋หวั่นตัดสินใจปล่อยให้ความลับเน่าเฟะอยู่ในท้องจะดีกว่า

………………………………………………

[1] จิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือ มาจากเรื่องเล่าสมัยก่อนสถาปนาราชวงศ์ฉิน เกี่ยวกับจิ้งจอกตัวหนึ่ง หลอกใช้ความน่ากลัวของเสือ ขู่ให้สัตว์อื่นกลัว ปัจจุบันใช้เป็นสำนวน เปรียบเปรยถึงการใช้บารมีผู้ที่เหนือกว่ามาข่มขู่หรือข่มเหงรังแกผู้อื่น

[2] ถุงลูกหลาน หมายถึงอัณฑะ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด