หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม 95 ผีอดอยากกลับชาติมาเกิด

Now you are reading หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม Chapter 95 ผีอดอยากกลับชาติมาเกิด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ขนมเปี๊ยะไส้น้ำตาลทรายแดงนี้ทำให้เจินเจินรู้สึกอยากกิน แต่ทำอย่างไรได้ในเมื่อกัวเซี่ยนเฉี่ยวเก็บเอาไว้กินคนเดียว เป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่แบ่งให้ ยังดีที่มีพี่เถี่ยตั้น

เมื่อเจินเจินวิ่งไปหาเถี่ยตั้น เขาก็ป้อนขนมมันปูกรอบใส่ปากเจินเจินทันที

น้องสาวของเขา เขาตามใจเองก็ได้!

“อาหวั่น! น้าสะใภ้กับน้องๆ มาแล้ว!” ลุงใหญ่ส่งเสียงเรียกไปทางห้องของอวี๋ซง

ในบ้านมีลูกๆ อยู่ แต่ลุุงใหญ่กลับเรียกอวี๋หวั่นเพียงคนเดียว เห็นได้ชัดว่าเขาให้ความสำคัญกับเธอ

“ค่า มาแล้ว” อวี๋หวั่นพันแผลให้อวี๋ซงรอบสุดท้าย และใช้แรงผูกปลายผ้าพันแผลเข้าด้วยกัน เธอผูกแน่นจนอวี๋ซงถึงกับหายใจเฮือก

อวี๋หวั่นเก็บห่อผ้า และเดินออกไปยังโถงกลางบ้านเพื่อทักทายแม่ลูกทั้งสาม “น้าสะใภ้ น้องเยว่ น้องเฉี่ยว”

กัวเซี่ยนเฉี่ยวสนอกสนใจแต่ขนมเปี๊ยะไส้น้ำตาลทรายแดง มิได้แยแสอวี๋หวั่นแม้แต่น้อย

กลับเป็นตู้จินฮวาและกัวเซี่ยนเยว่ที่หันไปมองเมื่อได้ยินเสียงของอวี๋หวั่น เมื่อเห็นเธอ ทั้งสองต่างตกตะลึงจนลูกตาแทบถลนออกมา

อวี๋หวั่นเก็บกวาดเศษซากที่เหลือจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว เธอสวมเสื้อผ้าซึ่งดูธรรมดาเป็นที่สุด ผมก็รวบเอาไว้อย่างเรียบง่าย แม้แต่ปิ่นปักผมแบบนี้ยังไม่มี เธอใช้เพียงปิ่นไม้ธรรมดาที่ซื้อมาจากแผงขายของก็เท่านั้น

เธอแต่งตัวธรรมดาเสียยิ่งกระไร หากเป็นสตรีคนอื่นคงไม่มีผู้ใดอยากมองเป็นแน่ ทว่าเสื้อผ้าชุดนี้บังเอิญไปอยู่บนร่างอวี๋หวั่น

สุขุม สง่างาม เยือกเย็น ตู้จินฮวาพยายามสรรหาคำศัพท์ซึ่งร่ำเรียนมาจากบ้านน้องเขยมาใช้ แต่กลับไม่มีคำใดเพียงพอที่จะพรรณนาความงามของดรุณีผู้นี้ได้

นางจะไปเป็นเด็กสาวชาวบ้านธรรมดาไปได้อย่างไรกัน? เห็นชัดๆ ว่าเดินออกมาจากภาพเขียน

ตู้จินฮวามักโอ้อวดว่าตนเห็นโลกมามาก แต่นางกลับไม่เคยเห็นสตรีใดมีลักษณะโดดเด่นเช่นนี้ หากกล่าวถึงองคาพยพบนใบหน้า อวี๋หวั่นก็มิได้นับว่าบรรเจิดเลิศล้ำที่สุด แต่องค์ประกอบเหล่านี้กลับรับกับดวงหน้าขาวผ่องไร้ที่ติเป็นอย่างดี เป็นใบหน้าที่ผู้ใดพบเห็นก็ต่างรู้สึกสบายตา

กัวเซี่ยนเยว่จำอวี๋หวั่นไม่ได้ แต่ตู้จินฮวากลับมีภาพจำเลือนรางของเด็กผิวซีดผอมแห้งแรงน้อย มิได้ดึงดูดสายตาเพียงนี้!

หรือจะจริงดังว่า สตรีเพศเมื่อเติบโตขึ้นก็จะงดงามขึ้น?

ที่ผ่านมาตู้จินฮวาคิดว่าบุตรสาวของนางเป็นเช่นนั้น นางรู้สึกว่าบุตรสาวเติบโตขึ้นประหนึ่งสตรีชั้นสูงจากเมืองใหญ่ บัดนี้นางเริ่มไม่แน่ใจแล้ว

แม้ว่าจะมิอาจยอมรับได้เต็มอก แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าอวี๋หวั่นเช่นนี้ กัวเซี่ยนเยว่ก็มิอาจเทียบได้จริงๆ…

ไม่มีอาภรณ์หรือเครื่องประดับอันใด มีเพียงใบหน้าและและรูปร่างที่งดงาม

“ท่านน้าสะใภ้” อวี๋หวั่นยิ้มพลางกล่าวทักทายอีกครั้งหนึ่ง

ตู้จินฮวาจึงได้สติกลับมา เมื่อเห็นว่าอวี๋หวั่นมองนางอย่างใจกว้าง จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ เด็กคนนี้ เมื่อก่อนไม่พูดกับใครด้วยซ้ำ

ไม่ใช่แบบนั้นอีกแล้ว…

“อาหวั่น!” ป้าจางมาหน้าบ้าน “บ้านข้าไม่มีโหลเหลืออยู่แล้ว อยากจะดองผักสักหน่อย บ้านเจ้ามีหรือไม่?”

พวกเขาสามารถขุดพืชผักที่อยู่ในดินขึ้นมาได้แล้ว แม้ว่าจะไม่มาก แต่ก็ไม่สามารถกินหมดภายในวันสองวันนี้ ป้าจางกลัวว่าผักจะเน่าเสียก่อน จึงจะนำไปทำเป็นผักดอง

“มีๆ ป้าจาง ท่านรอสักครู่ ข้าจะไปหยิบให้!” อวี๋หวั่นไปหยิบไหสะอาดสองใบจากในครัวออกมา “ป้าจางพอหรือไม่ ถ้าไม่พอละก็ ในบ้านยังมีอีก”

“พอแล้วๆ! ” ป้าจางรับไหสองใบมา เมื่อเหลือบไปเห็นนางตู้ก็กล่าวว่า “นี่คือ…”

กัวเซี่ยนเยว่และกัวเซี่ยนเฉี่ยวเข้าไปเก็บของในห้องแล้ว บัดนี้ที่โถงกลางเหลือเพียงนางตู้

อวี๋หวั่นกล่าวว่า “น้าสะใภ้ข้า”

ป้าจางอยากถามว่า แม่เจ้ามิใช่คนนอกพื้นที่หรอกหรือ? อีกทั้งครอบครัวก็ล้วนจากไปหมดแล้ว จะไปมีน้าสะใภ้ได้อย่างไรกัน?

แต่เมื่อป้าจางมองเห็นนางชัดๆ ก็จำอีกฝ่ายได้ “อ๋อ น้องสะใภ้ของอาเซียงหรอกหรือ”

‘อาเซียง’ คือชื่อเล่นของป้าสะใภ้ใหญ่

“ผ่านมาตั้งหลายปี ไยไม่เปลี่ยนเลยเล่า? ยังดูอ่อนเยาว์เหมือนเดิม” ป้าจางกล่าวอย่างสุภาพ

เดิมทีตู้จินฮวาก็มิได้สนใจนาง แต่เมื่อได้ยินคำเยินยอเช่นนี้ บนใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา “เป็นท่านพี่จางสินะ? ข้าก็ว่าช่างคุ้นตายิ่งนัก เชิญนั่งด้านใน!”

ป้าจางยิ้มพลางโบกมือ “ไม่นั่งๆ ข้ายังต้องกลับไปดองผักที่บ้าน ข้าไปก่อนละ! ”

หลังจากนั้น บรรดาเพื่อนบ้านคนแล้วคนเล่าก็ทยอยกันมายืมเครื่องครัว ทุกคนที่ได้เห็นตู้จินฮวา ก็ต่างอดกล่าวยอนางมิไม่ได้

ทุกคนกล่าวเช่นนั้นตามมารยาทก็จริง หากแต่ตู้จินฮวาดูแลผิวพรรณเป็นอย่างดีนั้นก็ไม่ใช่เรื่องโกหก เมื่อใดที่นางไม่มีอะไรทำ ก็จะเข้าเมืองไปนวดหน้าด้วยเสวี่ยฮวาเกา[1] ผิวของนางนั้นนุ่มนวลประหนึ่งไข่ต้มปอกเปลือกเลยทีเดียว

มิใช่ว่านางโอ้อวด ในหมู่บ้านโดยรอบนี้ จะหาใครดูอ่อนเยาว์และสะสวยเท่านางได้ไม่

จวบจนนางเจียงเดินเข้ามา ตู้จินฮวาถึงกับตบหน้าตัวเองเบาๆ

เมื่อสิบปีก่อนนางเจียงเป็นอย่างไร ปัจจุบันนี้ก็ยังเป็นเช่นนั้น ยังคงดูงดงาม เมื่อยืนข้างอวี๋หวั่น หากกล่าวว่าทั้งสองเป็นพี่น้องกัน ไม่มีผู้ใดไม่เชื่อ!

ความรู้สึกว่าตนเหนือผู้อื่นที่ตู้จินฮวาสะสมมานับสิบปี บัดนี้ได้ถูกทลายจนแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เมื่อมาอยู่ต่อหน้านางเจียง…

……

ย่างเข้ายามสายัณห์ ทั้งครอบครัวต่างนั่งล้อมรอบโต๊ะเพื่อกินอาหารเย็น

ความงามของนางเจียงและอวี๋หวั่นทำให้ผู้คนต่างตกตะลึง แต่ทั้งสองแต่งตัวมอซอยิ่งกว่ากระไร เพราะฉะนั้น คนสกุลกัวต่างก็ไม่มีใครคิดว่าสกุลอวี๋จะพัฒนาเท่าไรนัก เมื่อมาคิดดูแล้ว สกุลอวี๋ยากจนถึงเพียงนี้ อาหารแปดในสิบส่วนก็คงมีเพียงผักดองเท่านั้น

แต่เมื่อพวกเขาเห็นอาหารจานเนื้อจานใหญ่บนโต๊ะ พวกเขาก็ถึงกับทึ่งไป

ขาหมูพะโล้เนื้อฉ่ำ เนื้อแพะน้ำแดงตุ๋นจนเข้าเนื้อ เนื้อรมควันนึ่งมันเลื่อม ปลาต้มน้ำแดง และยังมีอาหารที่พวกเขาไม่รู้จักอีกหลายชนิด…

อึก~

ทุกคนต่างกลืนน้ำลาย

ที่บ้านของน้องเขยยังไม่มีอาหารหลายหลากชนิดเช่นนี้เลย…

“อาจจะซื้อหมูตายมาในราคาถูกก็เป็นได้” ตู้จินฮวากระซิบกับกัวต้าโย่ว

กัวต้าโย่วไหนเลยจะสนว่าหมูตายหรือหมูเป็น หอมถึงเพียงนี้ ได้กลิ่นแล้วถึงกับน้ำลายไหล จนตะเกียบในมือสั่น

กัวต้าโย่วยังมิทันได้คีบอาหาร กัวเซี่ยนเฉี่ยวก็รู้สึกว่าการใช้ตะเกียบนั้นลำบากยิ่ง จึงเงื้อมือไปหยิบเนื้อแพะชิ้นที่เขาจับจ้องพอดิบพอดี

กัวต้าโย่วถลึงตาใส่บุตรสาวครั้งหนึ่ง แล้วใช้ตะเกียบคีบเนื้อแพะมันเยิ้มอีกชิ้นหนึ่ง

ตู้จินฮวาเห็นสองพ่อลูกกิน นางเองก็ไม่ทนอีกต่อไป นางยืดแขนออกไปคีบเนื้อแพะและขาหมูนุ่มและมันที่สุดสองสามชิ้นใส่ชาม จากนั้นก็ไม่ลืมที่จะบรรจงเลือกเนื้อส่วนท้องปลาชิ้นที่นุ่มที่สุด แล้วคีบให้กัวเซี่ยนเฉี่ยว

ที่ผ่านมา คนในครอบครัวจะให้เจินเจินซึ่งยังคายก้างไม่เป็นกินเนื้อส่วนท้อง เจินเจินตัวน้อยจึงคิดมาตลอดว่าท้องปลาเป็นของตน เมื่อเห็นว่าส่วนของตนไม่เหลือแล้ว นางก็อดรู้สึกเสียใจไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้งอแง ได้แต่นั่งรอท่านพ่อท่านแม่อย่างว่าง่าย

เพียงแต่ว่า ลุงใหญ่และป้าสะใภ้ใหญ่ยังไม่ทันได้มานั่ง คนสกุลกัวทั้งสามก็สวาปามอาหารไปเรียบร้อยประหนึ่งเป็นผีที่อดอยากกลับมาเกิด

…………………………………..

[1] เสวี่ยฮวาเกา เป็นเครื่องประทินโฉมชนิดหนึ่ง คล้ายกับโลชั่นทาผิวในปัจจุบัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด