เกิดใหม่เป็นนางร้ายในโลกเกมจีบหนุ่มที่ฉันเกลียดซะได้.. แต่ตัวประกอบสาวๆ ในเกมนี้พวกเธอน่ารักกันทุกคนเลยอ่ะ 71

Now you are reading เกิดใหม่เป็นนางร้ายในโลกเกมจีบหนุ่มที่ฉันเกลียดซะได้.. แต่ตัวประกอบสาวๆ ในเกมนี้พวกเธอน่ารักกันทุกคนเลยอ่ะ Chapter 71 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 71 – ผู้เปรียบดั่งพระเจ้า ?

 

ในอดีตกาลนานแสนนาน.. บางทีมันคงจะนานกว่าที่คนบนโลกจำลองแห่งนี้จะสามารถจินตนาการขึ้นมาได้

มีคนคนหนึ่งที่ได้รังสรรค์เรื่องราวบางอย่างขึ้นมา.. เธอได้สร้างโลกจากความทรงจำ ได้สร้างทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นมาอีกครั้งเพื่ออะไรบางอย่าง

เรื่องราวทุกอย่างถูกขีดเขียนขึ้นตามความต้องการของเธอทุกอย่าง… เธอเหมือนกับพระเจ้าที่ชี้นำทุกสิ่งทุกอย่างให้กับสิ่งมีชีวิต

ไม่เพียงแค่นั้น เธอได้สรรค์สร้างดวงวิญญาณขึ้นมาใหม่สามดวงโดยใช้ดวงวิญญาณของตนเองเป็นส่วนหนึ่งในการดำรงอยู่

และเธอก็ได้โยนสิ่งนั้นเข้าไปในโลกแห่งที่เธอรังสรรค์ขึ้นในฐานะคนธรรมดาที่ต้องเผชิญกับภัยต่างๆ

มองดูแล้วพวกเขาเหล่านั้นก็เปรียบดั่งลูกๆ ของเธอ

ไม่มีใครรู้ว่าที่เธอกำลังจะทำนั้นคืออะไร และไม่มีใครสามารถรับรู้ได้เช่นเดียวกัน.. นอกจากตัวของเธอเองน่ะนะ

………

…….

หญิงสาวสองคนกำลังนั่งดูเหตุการณ์ทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นในงานเลี้ยงด้วยสีหน้าสนใจ พลางคุยกัน

“เธอคิดว่าไง?”

หญิงสาวผมสีเหลืองทองมีตุ๊กตากระต่ายประหลาดผูกติดกับเอว ทำให้ภาพนี้น่าสยดสยองกว่าที่ควรจะเป็น

หญิงสาวอีกคนไม่ได้ตอบ เธอเพียงแค่มองไปอย่างเงียบๆ ในมือของเธอกำลังถือมณีแปลกประหลาดที่เหมือนกับอัญมณีที่อนาสตาเซียครอบครองอยู่สามอัน

แต่สีเป็นสีที่แตกต่างกันออกไป ทว่าในเวลาต่อมานั้นเองเงาร่างหนึ่งก็พลันปรากฏขึ้นด้านข้างพวกเธอทั้งสอง โดยที่ไม่มีใครรู้ตัว

แม้แต่สองสาวยังไม่รับรู้ ราวกับว่าเงาร่างนี้นั้นได้ละตัวตนจากความเป็นจริงแห่งนี้ทุกประการ แต่อันที่จริงจะอยู่นอกความเป็นจริงหรือไม่

ล้วนไม่เกี่ยวกันสำหรับเธอ เพราะเธอสามารถอยู่นอกเหนือและไม่นอกเหนือในเวลาเดียวกัน ถ้าจะให้นิยาม…

บางทีเธอคงไม่ต่างอะไรไปจากสิ่งที่เรียกว่าพระเจ้าเท่าไหร่นัก แต่ดวงตาและรอยยิ้มอันแฝงด้วยนัยบางอย่างที่มองไปยังโลกเบื้องล่างกลับทำให้เธอดูชั่วร้ายหาใดเปรียบ

“อ.. องค์หญิง ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่”

วินาทีนั้นร่างทั้งสองก็พลันสั่นสะท้านด้วยความตกใจ และก้มหัวให้กับเงาร่างดังกล่าว พวกเธอไม่ทราบเลยว่าเงาร่างนี้มาเมื่อใด

อันที่จริงก็เพราะต้องบอกว่าอยู่มาตั้งแต่แรกก็ได้ หรือจะไม่ใช่ก็ได้.. ทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ตราบใดที่อยู่ภายใต้เงื่อนไขบางอย่าง

ล้วนเป็นส่วนหนึ่งกับเงาร่างดังกล่าวตั้งแต่แรกเริ่มอยู่แล้ว หาใช่เพราะเธอเป็นคนสร้างทุกสิ่งแต่เพราะบางสิ่งบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับตัวตนของเธอต่างหาก

“ก็แค่อยากจะบอกว่า.. ถึงเวลาต้องเร่งปากกาแล้วล่ะ”

แม้ไม่เห็นว่ามีหน้าตาเช่นไรแต่ทว่ารอยยิ้มและดวงตายังเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ยากจะเข้าใจอยู่บนหน้า เธอมองหน้าคนสองคนตรงหน้าแล้วก็เงยหน้ามองไปยังทิศตรงกันข้าม

“แล้วก็มาเพื่อคุยกับเธอด้วย.. คิดจะซ่อนตัวไปถึงเมื่อไหร่”

เธอพูดออกไปแบบนั้น ส่งผลให้สองสาวหันไปยังทิศทางดังกล่าวแทบจะทันที และในวินาทีเดียวกันเงาร่างอันพร่าเลือนที่กลมกลืนกับพื้นที่ก็แปรเปลี่ยน

เป็นร่างของคนคนหนึ่ง เงาร่างอันพร่าเลือนยิ้มออกมาและในตอนนั้นเองเก้าอี้และโต๊ะก็ปรากฏขึ้นพร้อมแก้วชา

“นั่งสิ?”

ก่อนที่เงาร่างนั้นจะปรากฏตัว ออกมาจนหมดเผยให้เห็นผมสีชมพูยาวสลวยโบกพัดไปตามสายลมอย่างเป็นเอกลักษณ์

ดวงตาสว่างไสวมีประกายดาวอยู่ภายในนั้นส่งผลกระทบให้ความมืดทุกอย่างถูกปัดเป่าหายไปจนหมดสิ้น

เธอสวมชุดสีขาวบริสุทธิ์เปลวไหวตามสายลม หากบอกว่าเธอคือเทพธิดาแห่งความงามก็คงไม่มีใครคิดที่จะคัดค้าน

หญิงสาวผมชมพูดลังเลเล็กน้อย ดวงตาของเธอไม่ได้มีความเย็นชาหรือรอยยิ้มอันน่าสยดสยองแต่อย่างใด

สิ่งที่สัมผัสจากเธอมีเพียงแค่ความเป็นมิตร ราวกับเธอคือผู้โอบอ้อมอารีอย่างไรอย่างนั้น

แม้แต่หัวใจที่แข็งถือของหญิงสาวทั้งสองที่ยืนอยู่ข้างเงาพร่าเลือนยังกระสับกระส่ายขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

อย่างไรก็ตามนั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่มากพอจะส่งผลให้กับเงาร่างสีดำที่พร่าเลือนดังกล่าว หญิงสาวผมสีชมพูเดินไปนั่งบนเก้าอี้

เงาร่างพร่าเลือนก็โบกมือหนึ่งครั้ง.. ดวงตาสีดำสนิทที่ปรากฏขึ้น ผมยาวสลวยสีดำที่สยายออกส่งผลให้ทุกอย่างในโลกหม่นลงอย่างช่วยไม่ได้

แม้แต่แสงสว่างจากดวงตาของหญิงสาวผมชมพูก็ยังไม่มี ‘เหตุผล’ ที่มากพอจะปัดเป่าความขุ่นมัวจากเงาร่างดังกล่าวได้

เธอนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกัน คนที่ปรากฏตัวออกมาเป็นเด็กผู้หญิงที่มีผมสีดำยาว ดวงตาสีดำยาวราวกับความตายที่ย่างกรายเข้ามาก็มิปาน

อันที่จริงแทนที่จะบอกว่า แสงสว่างจากหญิงสาวผมสีชมพูไม่มีเหตุผลมากพอจะปัดเป่าความมืดของเธอ

ควรกล่าวว่าทุกอย่างและทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ล้วนแล้วแต่ไม่มี ‘เหตุผลมากพอ’ ที่จะจัดการกับเธอแทบทั้งหมดนั่นแหละ

หลังจากหญิงสาวผมสีชมพูลังเลเธอก็พูดขึ้น….

“เ—”

อย่างไรก็ตามเหมือนจะยังไม่ได้เอ่ย รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของหญิงสาวผมดำอีกครา พร้อมกับยกมือขึ้นจ่อปากแล้วพูด ‘ชู่ว’ เบาๆ

ส่งผลให้หญิงสาวส่งเสียงไม่ออก ราวกับเสียงนั้นถูกกลบด้วย ‘—’ ยังไงยังงั้น มองในมุมคนธรรมดาคงจะเหมือนเสียงโดนเซนเซอร์จากระบบเลยก็ว่าได้

“ชื่อของฉัน เอ่ยไม่ได้นะ”

“…….”

“ไม่ต้องห่วงๆ ฉันไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายเธอหรอก อันที่จริง ต่อให้มีก็ทำไม่ได้อยู่ดีละนะ.. เธอก็น่าจะรู้ดีนี่น่า.. ผู้ที่ได้รับความรักจากพระเจ้า.. หรือแม่มดดีละ”

“….”

“ไม่สิ เพราะเธอไม่ต่างอะไรจากพระเจ้า เรียกว่าแม่มดจะดีกว่านี่นะ”

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่มีเสน่ห์แต่ในพริบตานั้นเลือดก็ไหลออกจากมุมปากของเธอแทบจะทันที

“เฮ้ๆ ท่านแม่ใจเย็นหน่อยสิ ฉันแค่พูดถึงท่านนิดหน่อยเองไม่ใช่หรือไง ทำเป็นโมโหไปได้”

หญิงสาวผมดำหัวเราะร่าทั้งๆ ที่พึ่งบาดเจ็บ เอาเข้าจริงเธอเหมือนคนที่ไม่ปกติสักเท่าไหร่ เหมือนมีความสุขอยู่ตลอดเวลายังไงยังงั้น

แถมจู่ๆ ก็พูดกับใครไม่รู้หากมีคนเห็นคงด่าว่าเธอเป็นคนบ้าแน่ๆ

หญิงสาวผมสีชมพูมองหน้าหญิงสาวผมสีดำแล้วก็พึมพำด้วยความสับสน

“เธอ..”

“อ้ะ ฉันพูดกับท่านแม่ที่เป็นแม่มดน่ะ ไม่ได้ถึงท่านแม่ที่เป็นเธอ.. แต่จะให้เรียกท่านแม่เหมือนกันก็คงรู้สึกแปลกๆ นะ ขอเรียกเธอว่าเป็นท่านแม่ลิซแล้วกันนะ?”

“เธอรู้จักชื่อฉันได้ยังไง?”

“ไม่เอาน่า เรื่องของท่านแม่ที่เป็นแม่มด ฉันรู้ทุกอย่างนั่นแหละ แล้วก็รู้ด้วยว่ายัยนั่นรักเธอขนาดไหนน่ะ”

เธอพูดแบบนั้นแล้วก็หัวเราะทิ้งท้าย ส่งผลให้หญิงสาวผมสีชมพู.. นาม ลิซ ได้แสดงสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก

อันที่จริงเธอรู้เรื่องนั้นดีกว่าใครอีก อย่างไรก็ตามสิ่งที่ลิซต้องการจะพูดไม่ใช่เรื่องนั้น แต่เป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก

“เธอต้องการจะทำอะไรกันแน่.. กับเรื่องราวนี้”

หญิงสาวผมสีดำลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินไปทางลิซ

“อยากรู้เหรอ ท่านแม่?”

เธอเดินเข้าไปใกล้กับลิซแล้วก็ค่อยๆ จับเส้นผมสีชมพูนั้นขึ้นมาใส่จมูกพร้อมกับดมกลิ่นเบา ก่อนที่จะถามซ้ำว่า

“อยากรู้จริงๆ เหรอ ท่านแม่?”

“……”

แต่ทว่าวินาทีต่อมาแขนข้างที่ยกขึ้นมาก็ถูกฉีกขาดแทบจะทันที เลือดสีแดงสาดกระจายไปทั่วพื้นที่ทว่ากลับไม่เปื้อนลิซแม้แต่เพียงเสี้ยว

แต่ทว่าแม้จะถูกทำลายแขนหญิงสาวผมสีดำก็ยังหัวเราะร่า

“อันที่จริงนะท่านแม่ เรื่องนี้ทุกคนรู้หมดนะ ไม่ว่าจะเป็นพรรคพวกของท่านหรือของฉัน หรือแม้แต่คนที่รักท่าน”

“ก็ถูกไหมล่ะ มันเป็นคนเขียนทุกอย่างบนโลกนี้ขึ้นมา แม้แต่ตัวฉันหรือตัวท่านแม่มันก็สร้างขึ้นมาเอง ทำไมมันจะไม่รู้ว่ามันจะเขียนให้เป็นยังไงน่ะ”

“สิ่งที่ฉันต้องการมีเพียงอย่างเดียว”

“สงครามมหากาพย์”

“และการที่จะทำสงครามก็ต้องมีทหาร และฉันก็แค่กำลังสร้างกองกำลังอยู่แค่นั้นเอง”

เธอพูดแบบขอไปที แขนที่หายไปก็กลับมาตั้งแต่ตอนไหนไม่มีใครทราบ เธอยกมือขึ้นลูบใบหน้าอันขาวผุดผ่องของลิซ

“งั้นเหรอ เธอบอกจะสร้างกองกำลัง. แต่สิ่งที่เธอทำหากฉันไม่มอบสิ่งนั้นให้กับพวกนั้น.. ทุกคนจะตายกันหมดนะ”

“ไม่เอาน่า.. ถ้าไม่เคยสิ้นหวังมาก่อนจะเป็นกองกำลังได้ยังไงล่ะถูกไหม”

เธอหัวเราะอย่างชั่วร้าย.. ดวงตาของลิซมองเห็นภาพที่ปราศจากการแทรกแซงของเธอทุกชีวิตจะตายอย่างแน่นอน

แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าผู้หญิงตรงหน้าวางแผนอะไรไว้ แต่เธอมั่นใจว่ามันไม่จบแค่ที่เธอเห็นหรอก.. ดังนั้นเธอจึงขัดขวางไว้ก่อน

“ช่างเถอะ งั้นเราก็ไม่มีอะไรต้องคุยกันอีกแล้วล่ะ”

พูดแล้วลิซก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย หญิงสาวสองคนที่ยืนมองทุกอย่างก็เคลื่อนไหวมาถามหญิงสาวผมสีดำ

“คนคนนั้น…”

“ใช่.. เป็นผู้หญิงที่ขี้จุ้นจ้านไม่เข้าเรื่องซะจริง เป็นคนอื่นคงไม่มาสอดๆ ส่องๆ อยู่แถวนี้ง่ายๆ หรอก ก็นะ.. สมกับเป็นสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าท่านแม่ที่สุดแล้วล่ะ แม่ของพวกเราน่ะ”

เธอพูดพร้อมกับยิ้ม ก่อนที่จะพูดแขวะไปอีกเล็กน้อย

“ไม่ได้ดูปัญญาอ่อนเหมือนยัยเอลเน่”

“เอาล่ะ ช่างเรื่องนั้นไปเถอะ.. ถึงเวลาเร่งเรื่องราวแล้ว มาทำให้เรื่องราวมันถึงไคลแม็กซ์เลยดีกว่า ในตอนที่ท่านแม่ ‘แม่มด’ กำลังของเรากำลังเร่งรีบแบบนี้น่ะนะ”

 

……

[ถึงจะประกาศในเพจไปแล้วแต่คงมีหลายท่านที่ไม่ได้ตามเพจเลยมาประกาศในนี้ด้วย ช่วงนี้ผมไม่มีเวลาเลยจนมานั่งคิดดูแล้วว่าบางทีผมอาจจะต้องเลิกเขียนนิยายไปเลย (ไม่มีอันจะกินอยู่ละตอนนี้) ด้วยความพยายามคิดหาทางให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมจึงตัดสินใจที่จะทำให้เรื่องราวนี้จบลงภายในบทนี้ครับ จะเฉลยทุกอย่างแล้วก็จบไปภายในจำนวนตอนไม่เกิน 100 บทนี้ครับ – ผู้เขียน]

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่เป็นนางร้ายในโลกเกมจีบหนุ่มที่ฉันเกลียดซะได้.. แต่ตัวประกอบสาวๆ ในเกมนี้พวกเธอน่ารักกันทุกคนเลยอ่ะ 71

Now you are reading เกิดใหม่เป็นนางร้ายในโลกเกมจีบหนุ่มที่ฉันเกลียดซะได้.. แต่ตัวประกอบสาวๆ ในเกมนี้พวกเธอน่ารักกันทุกคนเลยอ่ะ Chapter 71 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 71 – ผู้เปรียบดั่งพระเจ้า ?

 

ในอดีตกาลนานแสนนาน.. บางทีมันคงจะนานกว่าที่คนบนโลกจำลองแห่งนี้จะสามารถจินตนาการขึ้นมาได้

มีคนคนหนึ่งที่ได้รังสรรค์เรื่องราวบางอย่างขึ้นมา.. เธอได้สร้างโลกจากความทรงจำ ได้สร้างทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นมาอีกครั้งเพื่ออะไรบางอย่าง

เรื่องราวทุกอย่างถูกขีดเขียนขึ้นตามความต้องการของเธอทุกอย่าง… เธอเหมือนกับพระเจ้าที่ชี้นำทุกสิ่งทุกอย่างให้กับสิ่งมีชีวิต

ไม่เพียงแค่นั้น เธอได้สรรค์สร้างดวงวิญญาณขึ้นมาใหม่สามดวงโดยใช้ดวงวิญญาณของตนเองเป็นส่วนหนึ่งในการดำรงอยู่

และเธอก็ได้โยนสิ่งนั้นเข้าไปในโลกแห่งที่เธอรังสรรค์ขึ้นในฐานะคนธรรมดาที่ต้องเผชิญกับภัยต่างๆ

มองดูแล้วพวกเขาเหล่านั้นก็เปรียบดั่งลูกๆ ของเธอ

ไม่มีใครรู้ว่าที่เธอกำลังจะทำนั้นคืออะไร และไม่มีใครสามารถรับรู้ได้เช่นเดียวกัน.. นอกจากตัวของเธอเองน่ะนะ

………

…….

หญิงสาวสองคนกำลังนั่งดูเหตุการณ์ทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นในงานเลี้ยงด้วยสีหน้าสนใจ พลางคุยกัน

“เธอคิดว่าไง?”

หญิงสาวผมสีเหลืองทองมีตุ๊กตากระต่ายประหลาดผูกติดกับเอว ทำให้ภาพนี้น่าสยดสยองกว่าที่ควรจะเป็น

หญิงสาวอีกคนไม่ได้ตอบ เธอเพียงแค่มองไปอย่างเงียบๆ ในมือของเธอกำลังถือมณีแปลกประหลาดที่เหมือนกับอัญมณีที่อนาสตาเซียครอบครองอยู่สามอัน

แต่สีเป็นสีที่แตกต่างกันออกไป ทว่าในเวลาต่อมานั้นเองเงาร่างหนึ่งก็พลันปรากฏขึ้นด้านข้างพวกเธอทั้งสอง โดยที่ไม่มีใครรู้ตัว

แม้แต่สองสาวยังไม่รับรู้ ราวกับว่าเงาร่างนี้นั้นได้ละตัวตนจากความเป็นจริงแห่งนี้ทุกประการ แต่อันที่จริงจะอยู่นอกความเป็นจริงหรือไม่

ล้วนไม่เกี่ยวกันสำหรับเธอ เพราะเธอสามารถอยู่นอกเหนือและไม่นอกเหนือในเวลาเดียวกัน ถ้าจะให้นิยาม…

บางทีเธอคงไม่ต่างอะไรไปจากสิ่งที่เรียกว่าพระเจ้าเท่าไหร่นัก แต่ดวงตาและรอยยิ้มอันแฝงด้วยนัยบางอย่างที่มองไปยังโลกเบื้องล่างกลับทำให้เธอดูชั่วร้ายหาใดเปรียบ

“อ.. องค์หญิง ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่”

วินาทีนั้นร่างทั้งสองก็พลันสั่นสะท้านด้วยความตกใจ และก้มหัวให้กับเงาร่างดังกล่าว พวกเธอไม่ทราบเลยว่าเงาร่างนี้มาเมื่อใด

อันที่จริงก็เพราะต้องบอกว่าอยู่มาตั้งแต่แรกก็ได้ หรือจะไม่ใช่ก็ได้.. ทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ตราบใดที่อยู่ภายใต้เงื่อนไขบางอย่าง

ล้วนเป็นส่วนหนึ่งกับเงาร่างดังกล่าวตั้งแต่แรกเริ่มอยู่แล้ว หาใช่เพราะเธอเป็นคนสร้างทุกสิ่งแต่เพราะบางสิ่งบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับตัวตนของเธอต่างหาก

“ก็แค่อยากจะบอกว่า.. ถึงเวลาต้องเร่งปากกาแล้วล่ะ”

แม้ไม่เห็นว่ามีหน้าตาเช่นไรแต่ทว่ารอยยิ้มและดวงตายังเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ยากจะเข้าใจอยู่บนหน้า เธอมองหน้าคนสองคนตรงหน้าแล้วก็เงยหน้ามองไปยังทิศตรงกันข้าม

“แล้วก็มาเพื่อคุยกับเธอด้วย.. คิดจะซ่อนตัวไปถึงเมื่อไหร่”

เธอพูดออกไปแบบนั้น ส่งผลให้สองสาวหันไปยังทิศทางดังกล่าวแทบจะทันที และในวินาทีเดียวกันเงาร่างอันพร่าเลือนที่กลมกลืนกับพื้นที่ก็แปรเปลี่ยน

เป็นร่างของคนคนหนึ่ง เงาร่างอันพร่าเลือนยิ้มออกมาและในตอนนั้นเองเก้าอี้และโต๊ะก็ปรากฏขึ้นพร้อมแก้วชา

“นั่งสิ?”

ก่อนที่เงาร่างนั้นจะปรากฏตัว ออกมาจนหมดเผยให้เห็นผมสีชมพูยาวสลวยโบกพัดไปตามสายลมอย่างเป็นเอกลักษณ์

ดวงตาสว่างไสวมีประกายดาวอยู่ภายในนั้นส่งผลกระทบให้ความมืดทุกอย่างถูกปัดเป่าหายไปจนหมดสิ้น

เธอสวมชุดสีขาวบริสุทธิ์เปลวไหวตามสายลม หากบอกว่าเธอคือเทพธิดาแห่งความงามก็คงไม่มีใครคิดที่จะคัดค้าน

หญิงสาวผมชมพูดลังเลเล็กน้อย ดวงตาของเธอไม่ได้มีความเย็นชาหรือรอยยิ้มอันน่าสยดสยองแต่อย่างใด

สิ่งที่สัมผัสจากเธอมีเพียงแค่ความเป็นมิตร ราวกับเธอคือผู้โอบอ้อมอารีอย่างไรอย่างนั้น

แม้แต่หัวใจที่แข็งถือของหญิงสาวทั้งสองที่ยืนอยู่ข้างเงาพร่าเลือนยังกระสับกระส่ายขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

อย่างไรก็ตามนั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่มากพอจะส่งผลให้กับเงาร่างสีดำที่พร่าเลือนดังกล่าว หญิงสาวผมสีชมพูเดินไปนั่งบนเก้าอี้

เงาร่างพร่าเลือนก็โบกมือหนึ่งครั้ง.. ดวงตาสีดำสนิทที่ปรากฏขึ้น ผมยาวสลวยสีดำที่สยายออกส่งผลให้ทุกอย่างในโลกหม่นลงอย่างช่วยไม่ได้

แม้แต่แสงสว่างจากดวงตาของหญิงสาวผมชมพูก็ยังไม่มี ‘เหตุผล’ ที่มากพอจะปัดเป่าความขุ่นมัวจากเงาร่างดังกล่าวได้

เธอนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกัน คนที่ปรากฏตัวออกมาเป็นเด็กผู้หญิงที่มีผมสีดำยาว ดวงตาสีดำยาวราวกับความตายที่ย่างกรายเข้ามาก็มิปาน

อันที่จริงแทนที่จะบอกว่า แสงสว่างจากหญิงสาวผมสีชมพูไม่มีเหตุผลมากพอจะปัดเป่าความมืดของเธอ

ควรกล่าวว่าทุกอย่างและทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ล้วนแล้วแต่ไม่มี ‘เหตุผลมากพอ’ ที่จะจัดการกับเธอแทบทั้งหมดนั่นแหละ

หลังจากหญิงสาวผมสีชมพูลังเลเธอก็พูดขึ้น….

“เ—”

อย่างไรก็ตามเหมือนจะยังไม่ได้เอ่ย รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของหญิงสาวผมดำอีกครา พร้อมกับยกมือขึ้นจ่อปากแล้วพูด ‘ชู่ว’ เบาๆ

ส่งผลให้หญิงสาวส่งเสียงไม่ออก ราวกับเสียงนั้นถูกกลบด้วย ‘—’ ยังไงยังงั้น มองในมุมคนธรรมดาคงจะเหมือนเสียงโดนเซนเซอร์จากระบบเลยก็ว่าได้

“ชื่อของฉัน เอ่ยไม่ได้นะ”

“…….”

“ไม่ต้องห่วงๆ ฉันไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายเธอหรอก อันที่จริง ต่อให้มีก็ทำไม่ได้อยู่ดีละนะ.. เธอก็น่าจะรู้ดีนี่น่า.. ผู้ที่ได้รับความรักจากพระเจ้า.. หรือแม่มดดีละ”

“….”

“ไม่สิ เพราะเธอไม่ต่างอะไรจากพระเจ้า เรียกว่าแม่มดจะดีกว่านี่นะ”

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่มีเสน่ห์แต่ในพริบตานั้นเลือดก็ไหลออกจากมุมปากของเธอแทบจะทันที

“เฮ้ๆ ท่านแม่ใจเย็นหน่อยสิ ฉันแค่พูดถึงท่านนิดหน่อยเองไม่ใช่หรือไง ทำเป็นโมโหไปได้”

หญิงสาวผมดำหัวเราะร่าทั้งๆ ที่พึ่งบาดเจ็บ เอาเข้าจริงเธอเหมือนคนที่ไม่ปกติสักเท่าไหร่ เหมือนมีความสุขอยู่ตลอดเวลายังไงยังงั้น

แถมจู่ๆ ก็พูดกับใครไม่รู้หากมีคนเห็นคงด่าว่าเธอเป็นคนบ้าแน่ๆ

หญิงสาวผมสีชมพูมองหน้าหญิงสาวผมสีดำแล้วก็พึมพำด้วยความสับสน

“เธอ..”

“อ้ะ ฉันพูดกับท่านแม่ที่เป็นแม่มดน่ะ ไม่ได้ถึงท่านแม่ที่เป็นเธอ.. แต่จะให้เรียกท่านแม่เหมือนกันก็คงรู้สึกแปลกๆ นะ ขอเรียกเธอว่าเป็นท่านแม่ลิซแล้วกันนะ?”

“เธอรู้จักชื่อฉันได้ยังไง?”

“ไม่เอาน่า เรื่องของท่านแม่ที่เป็นแม่มด ฉันรู้ทุกอย่างนั่นแหละ แล้วก็รู้ด้วยว่ายัยนั่นรักเธอขนาดไหนน่ะ”

เธอพูดแบบนั้นแล้วก็หัวเราะทิ้งท้าย ส่งผลให้หญิงสาวผมสีชมพู.. นาม ลิซ ได้แสดงสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก

อันที่จริงเธอรู้เรื่องนั้นดีกว่าใครอีก อย่างไรก็ตามสิ่งที่ลิซต้องการจะพูดไม่ใช่เรื่องนั้น แต่เป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก

“เธอต้องการจะทำอะไรกันแน่.. กับเรื่องราวนี้”

หญิงสาวผมสีดำลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินไปทางลิซ

“อยากรู้เหรอ ท่านแม่?”

เธอเดินเข้าไปใกล้กับลิซแล้วก็ค่อยๆ จับเส้นผมสีชมพูนั้นขึ้นมาใส่จมูกพร้อมกับดมกลิ่นเบา ก่อนที่จะถามซ้ำว่า

“อยากรู้จริงๆ เหรอ ท่านแม่?”

“……”

แต่ทว่าวินาทีต่อมาแขนข้างที่ยกขึ้นมาก็ถูกฉีกขาดแทบจะทันที เลือดสีแดงสาดกระจายไปทั่วพื้นที่ทว่ากลับไม่เปื้อนลิซแม้แต่เพียงเสี้ยว

แต่ทว่าแม้จะถูกทำลายแขนหญิงสาวผมสีดำก็ยังหัวเราะร่า

“อันที่จริงนะท่านแม่ เรื่องนี้ทุกคนรู้หมดนะ ไม่ว่าจะเป็นพรรคพวกของท่านหรือของฉัน หรือแม้แต่คนที่รักท่าน”

“ก็ถูกไหมล่ะ มันเป็นคนเขียนทุกอย่างบนโลกนี้ขึ้นมา แม้แต่ตัวฉันหรือตัวท่านแม่มันก็สร้างขึ้นมาเอง ทำไมมันจะไม่รู้ว่ามันจะเขียนให้เป็นยังไงน่ะ”

“สิ่งที่ฉันต้องการมีเพียงอย่างเดียว”

“สงครามมหากาพย์”

“และการที่จะทำสงครามก็ต้องมีทหาร และฉันก็แค่กำลังสร้างกองกำลังอยู่แค่นั้นเอง”

เธอพูดแบบขอไปที แขนที่หายไปก็กลับมาตั้งแต่ตอนไหนไม่มีใครทราบ เธอยกมือขึ้นลูบใบหน้าอันขาวผุดผ่องของลิซ

“งั้นเหรอ เธอบอกจะสร้างกองกำลัง. แต่สิ่งที่เธอทำหากฉันไม่มอบสิ่งนั้นให้กับพวกนั้น.. ทุกคนจะตายกันหมดนะ”

“ไม่เอาน่า.. ถ้าไม่เคยสิ้นหวังมาก่อนจะเป็นกองกำลังได้ยังไงล่ะถูกไหม”

เธอหัวเราะอย่างชั่วร้าย.. ดวงตาของลิซมองเห็นภาพที่ปราศจากการแทรกแซงของเธอทุกชีวิตจะตายอย่างแน่นอน

แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าผู้หญิงตรงหน้าวางแผนอะไรไว้ แต่เธอมั่นใจว่ามันไม่จบแค่ที่เธอเห็นหรอก.. ดังนั้นเธอจึงขัดขวางไว้ก่อน

“ช่างเถอะ งั้นเราก็ไม่มีอะไรต้องคุยกันอีกแล้วล่ะ”

พูดแล้วลิซก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย หญิงสาวสองคนที่ยืนมองทุกอย่างก็เคลื่อนไหวมาถามหญิงสาวผมสีดำ

“คนคนนั้น…”

“ใช่.. เป็นผู้หญิงที่ขี้จุ้นจ้านไม่เข้าเรื่องซะจริง เป็นคนอื่นคงไม่มาสอดๆ ส่องๆ อยู่แถวนี้ง่ายๆ หรอก ก็นะ.. สมกับเป็นสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าท่านแม่ที่สุดแล้วล่ะ แม่ของพวกเราน่ะ”

เธอพูดพร้อมกับยิ้ม ก่อนที่จะพูดแขวะไปอีกเล็กน้อย

“ไม่ได้ดูปัญญาอ่อนเหมือนยัยเอลเน่”

“เอาล่ะ ช่างเรื่องนั้นไปเถอะ.. ถึงเวลาเร่งเรื่องราวแล้ว มาทำให้เรื่องราวมันถึงไคลแม็กซ์เลยดีกว่า ในตอนที่ท่านแม่ ‘แม่มด’ กำลังของเรากำลังเร่งรีบแบบนี้น่ะนะ”

 

……

[ถึงจะประกาศในเพจไปแล้วแต่คงมีหลายท่านที่ไม่ได้ตามเพจเลยมาประกาศในนี้ด้วย ช่วงนี้ผมไม่มีเวลาเลยจนมานั่งคิดดูแล้วว่าบางทีผมอาจจะต้องเลิกเขียนนิยายไปเลย (ไม่มีอันจะกินอยู่ละตอนนี้) ด้วยความพยายามคิดหาทางให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมจึงตัดสินใจที่จะทำให้เรื่องราวนี้จบลงภายในบทนี้ครับ จะเฉลยทุกอย่างแล้วก็จบไปภายในจำนวนตอนไม่เกิน 100 บทนี้ครับ – ผู้เขียน]

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+