เคล็ดมารสยบภพ 15 กวาดปล้นตำหนักบุปผา

Now you are reading เคล็ดมารสยบภพ Chapter 15 กวาดปล้นตำหนักบุปผา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ผู้ที่แช่กายอยู่ในสระแห่งนี้แม้ร่างกายของพวกนางจะมีอาการไม่ค่อยปกติแต่ไม่มีใครที่มีแววตาเลื่อนลอยเลยสักคน ทำให้เฉินเสวี่ยไม่กล้าบุ่มบ่ามเผยตัวออกไป แต่นางกลับลืมไปว่าการซ่อนตัวต่อหน้าผู้แข็งแกร่งระดับปรมาจารย์ยุทธ์อย่างพวกนางนั้นจำเป็นจะต้องปกปิดกลิ่นอายและพลังฝีมือให้มิดชิดถึงขีดสุด หาไม่จะถูกจับได้อย่างง่ายดายเช่นตัวนางในตอนี้!

“ใคร!” หญิงสาวในสระนางหนึ่งหันขวับมาทางที่ซ่อนของเฉินเสวี่ยแล้วกระโจนพรวดขึ้นมาจากสระ พริบตาเดียวก็มายืนอยู่ตรงตำแหน่งที่เฉินเสวี่ยเคยแอบซ่อนอยู่เมื่อครู่นี้ แต่นางกลับไม่เห็นใครสักคนในบริเวณนั้น

เฉินเสวี่ยผู้ซึ่งหลบเข้ามาซ่อนในแหวนมิติของตนเอามือลูบอกด้วยความหวาดเสียว เกือบจะถูกจับได้แล้วไหมล่ะ

นางนั่งครุ่นคิดอยู่ในแหวนมิติของตนครู่ใหญ่ ตอนนี้นางจับตัวศิษย์และผู้อาวุโสของตำหนักบุปผาใส่ลงไปในแหวนมิติอีกวงเสียหลายคนแล้ว แต่ยังจับตัวการที่นางตั้งเป้าหมายเอาไว้ไม่ได้เลยสักคน หากทิ้งเวลาให้เนิ่นนานออกไป ยามที่เหล่าผู้อาวุโสของตำหนักบุปผาเห็นว่าศิษย์คนอื่นๆ ที่มาแช่น้ำพุศักดิ์สิทธิ์ล้วนหายตัวไปกันหมด เหลือแต่นางเพียงคนเดียวที่ไม่หายไป นางคงจะถูกสงสัยเป็นแน่ ดังนั้น ไม่ว่าอย่างไร ภายในคืนนี้ นางจะต้องเร่งจัดการทุกอย่างให้เสร็จเรียบร้อยและรีบทำลายหลักฐาน อย่าให้ใครสาวมาถึงตัวนางได้เป็นอันขาด

แต่นางจะทำอย่างไรจึงจะจับตัวปรมาจารย์ยุทธ์ที่รวมตัวกันอยู่ตั้งห้าคนแบบนั้นได้เล่า คิดไปคิดมานางก็นึกแผนก่อความวุ่นวายเพื่อให้หญิงสาวเหล่านั้นแยกตัวออกจากกันแผนหนึ่งขึ้นมาได้ นางสงบใจรอเวลาครู่ใหญ่ จากนั้นก็ลองเสี่ยงกลับออกไปที่โลกภายนอกอีกครั้ง แต่แล้วก็พบว่าสระน้ำสระที่แปดไม่เหลือใครอยู่เลยสักคน

เฉินเสวี่ยหรี่ตา ถึงจะไม่เหลือใครที่นี่สักคนก็ไม่เป็นไร นางยังคงดำเนินการตามแผนเดิม เพราะถึงอย่างไรเผื่อว่าคืนนี้นางดำเนินการทุกอย่างไม่สำเร็จ นางก็จำต้องหาทางทำลายหลักฐานไม่ให้ใครสงสัยมาถึงตัวนางอยู่ดี

กวาดมือดึงร่างสัตว์อสูรวานรเมฆาทั้งฝูงออกมาโยนไปรอบๆ บริเวณสระน้ำ เท่านั้นยังไม่พอ นางยังหยิบร่างของสัตว์อสูรที่ยังแปลงร่างเป็นคนไม่ได้อีกหลายชนิดจำนวนหลายสิบตัวที่นางเก็บมาจากกับดักออกมาโยนไว้ด้วยกัน ตอนนี้พวกมันทุกตัวล้วนยังคงนอนหลับอย่างสงบ แต่อีกไม่เกินสิบห้านาทีพวกมันก็จะตื่นขึ้นมาแล้ววิ่งพล่านไปทั่วบริเวณยอดเขาแห่งนี้ ทีนี้ก็คงไม่มีใครสงสัยสักเท่าไหร่แล้วว่าเหตุใดหญิงสาวที่แช่กายอยู่ในสระน้ำพุศักดิ์สิทธิ์สระอื่นๆ จึงหายตัวไปอย่างลึกลับกันหมด

เฉินเสวี่ยตัดสินใจแล้วว่าตนควรจะออกสำรวจและเก็บสตรีที่อยู่บนยอดเขาแห่งนี้เข้าสู่แหวนมิติของตนให้ได้มากที่สุดก่อนที่ตนจะกลายร่างเป็นชาย ตอนนี้ยังเหลือสระน้ำสระที่เก้าซึ่งเป็นสระสุดท้ายที่นางยังไม่ได้ไปดูอีกเพียงสระเดียวเท่านั้น ไม่แน่ว่านางอาจจะได้เจอผู้ที่เป็นเป้าหมายหลักของนางที่สระแห่งนั้นก็ได้ ใครจะรู้

เฉินเสวี่ยเดินตามเส้นทางสายเล็กๆ จากสระที่แปดมาไกลพอสมควรกว่าจะลุถึงสระแห่งที่เก้า ที่แห่งนี้เงียบสงัดและไร้ซึ่งผู้คน เด็กสาวมองไปรอบๆ ด้วยความสนใจ สระน้ำพุศักดิ์สิทธิ์แห่งที่เก้านั้นมีลักษณะแตกต่างจากสระอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด มันทั้งกว้างขวางใหญ่โต และน้ำในสระก็ใสแจ๋วแต่กลับลึกจนมองไม่เห็นก้นสระ ตรงกลางสระมีต้นไม้ขนาดใหญ่ต้นหนึ่งโผล่ลำต้นขึ้นมาจากผิวน้ำ ลำต้นของมันหนาระดับหลายสิบคนโอบ เนื้อไม้สีน้ำตาลดำให้ความรู้สึกเก่าแก่โบราณ ใบสีเขียวเข้มเป็นแฉกคล้ายนิ้วมือคนแผ่ซ่านไอปราณสีเขียวออกมาตลอดเวลา ช่างดูลึกลับสยดสยองยิ่งกว่าตำหนักมารของนางเสียอีก ยอดของต้นไม้ต้นนี้สูงขึ้นไปเหนือน้ำราวๆ ห้าสิบกว่าเมตร และแผ่กิ่งก้านสาขาปกคลุมไปทั่วสระที่เก้าแห่งนี้จนร่มครึ้ม แต่ที่น่าขนลุกที่สุดก็คือรยางค์คล้ายรากอากาศสีเขียวใสแต่ขรุขระเป็นปุ่มปมที่งอกออกมาจากกิ่งก้านสาขาของมัน แต่ละเส้นมีขนาดประมาณข้อมือของเฉินเสวี่ย พวกมันขยับส่ายไปมาราวกับมีชีวิต ตรงปลายสุดของแต่ละเส้นมีน้ำเมือกใสๆ หยดออกมาไม่ขาดสายและร่วงลงสู่สระน้ำที่อยู่ตรงโคนต้น กลิ่นหอมหวานมอมเมาจิตปราสาทที่ระเหยขึ้นมาจากน้ำในสระฟุ้งตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ น้ำเหล่านั้นคงจะเป็นต้นกำเนิดของน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ทั้งเก้าแห่งสินะ แบบนี้ก็ไม่ควรจะเรียกว่าน้ำพุสิ เพราะมันไม่ได้ผุดขึ้นมาจากพื้นดินเสียหน่อย แต่จะเรียกอะไรก็ช่าง เพราะเรื่องนั้นไม่สำคัญสำหรับนางเท่าไร่

เฉินเสวี่ยรับรู้ได้ถึงพลังปราณธาตุไม้และธาตุน้ำที่เข้มข้นไหลเวียนอยู่ตามกิ่งก้านและรยางค์ของต้นไม่ประหลาดต้นนี้ ส่วนที่เป็นพลังงานธาตุน้ำนั้นยังเข้มข้นเสียยิ่งกว่าพลังปราณธาตุน้ำที่อยู่ในน้ำที่นางแช่กายในตำหนักมารเสียอีก หากนางกลายร่างเป็นชายและใช้เคล็ดจันทราพิสุทธิ์ยามแช่กายในสระแห่งนี้ พลังฝีมือของนางคงจะรุดหน้าเร็วกว่าแช่กายในตำหนักมารถึงห้าเท่า! ความเย้ายวนระดับนี้จะให้นางอดใจไหวได้อย่างไร เฮ้อ…เมื่อไหร่พระจันทร์จะขึ้นถึงกลางท้องฟ้าสักทีนะ

น่าเสียดายอยู่เล็กน้อยที่ร่างกายของนางเป็นปราณธาตุน้ำบริสุทธิ์ จึงไม่อาจดูดซับพลังปราณธาตุไม้ที่มีมากพอๆ กับธาตุน้ำในสระแห่งนี้ได้ หาไม่แล้ว หากนางสามารถดูดซับพลังงานอันกล้าแกร่งทั้งสองธาตุจากต้นไม้ประหลาดต้นนี้เข้าสู่ร่างได้ทั้งหมดในคราเดียว พลังฝีมือคงจะพุ่งพรวดจากขั้นก่อปราณ 5 ดาวขึ้นไปถึงระดับปรมาจารย์ยุทธ์ตอนปลายได้โดยไม่ต้องออกแรงฝึกให้เหนื่อยยากเลยเชียวล่ะ

เฉินเสวี่ยย่างเท้าเดินเข้าไปใกล้ขอบสระ คุกเข่าลงและวักน้ำในสระขึ้นมาสูดดมกลิ่นและลองเอาลิ้นแตะๆ เพื่อชิมรสชาติ รสของมันหอมหวานเข้มข้น แตกต่างจากน้ำในไหที่ผู้อาวุโสฮวาลิ่วฉือรินให้นางดื่มในห้องทดสอบ เพียงแค่ปลายลิ้นสัมผัส พลังปราณธาตุน้ำก็แผ่กำจายไปทั่วโพรงปากของนางจนนางต้องหลับตาพริ้มด้วยความอิ่มเอม

ทันใดนั้นเอง รยางค์หลายเส้นของต้นไม้ใหญ่ต้นนั้นก็สั่นไหวและพุ่งเข้ามาพันรัดแขนขาของเฉินเสวี่ยแล้วดึงร่างของนางขึ้นไปด้านบน

“อ๊ะ!” เด็กสาวตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เมื่อกี้นางยังเห็นว่ารยางค์เหล่านี้ไม่มีเส้นไหนยาวลงมาถึงด้านล่างเลยสักเส้นนี่นา ไม่คิดเลยว่าพวกมันจะยืดความยาวออกมาจนถึงตัวนางได้

นางพยายามใช้มือแกะรยางค์ที่พันตัวนางออก แต่ทั้งๆ ที่พวกมันดูเขียวใสเหมือนจะเปราะบางแต่กลับแข็งและเหนียวจนนางออกแรงกระชากเท่าไหร่ก็ไม่ยอมขาด พริบตาเดียวแขนทั้งสองข้างของนางก็ถูกรัดให้ชูสูงขึ้นจนไม่อาจขยับเขยื้อนใดๆ ได้ ในขณะที่เรียวขากลับถูกดึงให้ถ่างออกจนกว้าง รยางค์หลายเส้นชอนไชเข้ามาภายในเสื้อผ้าของนางและดึงทึ้งเสื้อผ้าบนกายนางจนขาดกระจุย จากนั้นพวกมันก็ปัดป่ายถูกไถไปตามยอดอกอวบและอวัยวะตรงหว่างขาที่ไวต่อสัมผัสของนาง เด็กสาวหน้าแดงแดงก่ำ เริ่มรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลบางอย่าง ความเสียวซ่านแล่นไปทั่วสรรพางค์กายจนนางเผลอหลุดเสียงคราวแผ่วหวิวออกมาอย่างอดไม่อยู่

เฉินเสวี่ยพยายามตั้งสติ แต่มันช่างทำได้ยากเหลือเกินเมื่อร่างกายถูกปลุกเร้าจนทรมานเช่นนี้ หากนางคิดจะหนีเข้าไปในแหวนมิติตอนนี้ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้ แต่นางคงไม่อาจกลับออกมาที่โลกภายนอกได้อีกเลย เพราะหากกลับออกมาเมื่อไหร่ นางก็จะโผล่มาอยู่บนต้นไม้ต้นนี้เหมือนเดิม ไม่อาจหลบหนีจากเจ้าต้นไม้ปีศาจต้นไปได้ตลอด ด้วยสถานการณ์เช่นนี้นางจึงไม่คิดจะหลบซ่อนเข้าไปในแหวนแบบทุกทีที่เคยทำ

เด็กสาวรวบรวมสมาธิแล้วเริ่มโคจรลมปราณภายในร่าง เตรียมใช้เคล็ดวิชาพายุเข็มน้ำแข็งที่ตนเคยฝึกปรือมา ตอนนี้นางมีเคล็ดวิชาที่ใช้ในการโจมตีเพียงเคล็ดนี้เคล็ดเดียว คงต้องวัดดวงกันสักหน่อย

อากาศรอบตัวเฉินเสวี่ยค่อยๆ ลดอุณหภูมิลงจนต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง ไอน้ำในอากาศถูกนางแปรสภาพเป็นเข็มน้ำแข็งนับพันเล่มแล้วโคจรหมุนวนอยู่รอบตัวนาง เด็กสาวบังคับพายุเข็มน้ำแข็งที่ตนสร้างขึ้นให้พุ่งเข้าโจมตีรยางค์ที่พันแขนขาของนางเอาไว้ ทันทีที่เข็มน้ำแข็งเหล่านั้นกระทบเข้ากับรยางค์ก็ปรากฏเสียงดังติงๆ ๆ ๆ ติดต่อกันจนแสบแก้วหู เฉินเสวี่ยหน้าถอดสีเมื่อเห็นว่าเข็มน้ำแข็งของนางพากันหักจนหมดสิ้น ในขณะที่รยางค์เหล่านั้นกลับไม่กระเทือนเลยแม้แต่นิดเดียว

เฉินเสวี่ยกัดฟันกรอด เจ็บใจที่ตนยังเป็นเพียงขั้นก่อปราณ 5 ดาวเท่านั้น ต่อให้เคล็ดวิชาที่มีจะร้ายกาจสักเพียงใด ก็คงไม่อาจต่อกรกับปีศาจต้นไม้ที่มีพลังปราณเทียบเท่าปรมาจารย์ยุทธ์ 9 ดาวต้นนี้ได้

ขณะที่นางยังคงดิ้นรนหาทางรอดให้ตนเองอยู่นั้นเอง รยางค์เส้นหนึ่งก็ทิ่มแทงทะลุทะลวงเข้าสู่ช่องโพรงที่แอบซ่อนอยู่ในกลีบเนื้อสีชมพูอ่อนตรงหว่างขาของนางด้วยความเร็วราวกับว่ามันต้องการจะฉีกกระชากร่างของนางออกเป็นเสี่ยงๆ เฉินเสวี่ยตาเบิกโพลง ร่างบางแอ่นหยัดสุดตัวด้วยความเจ็บปวดเมื่อเยื่อพรหมจรรย์ถูกฉีกกระชากอย่างไร้ความปรานี นางอ้าปากจะกรีดร้องแต่เสียงยังไม่ทันได้ลอดออกจากลำคอรยางค์อีกเส้นก็พุ่งเข้าสู่โพรงปากของนางและอุดกั้นเสียงร้องทั้งหมดของนางเอาไว้ นางเจ็บปวดและจุกแน่นจนแทบประคองสติเอาไว้ไม่อยู่

เลือดพรหมจรรย์สีแดงสดไหลอาบรยางค์ด้านล่างลงไปเป็นทางเมื่อมันขยับเข้าขยับออกเป็นจังหวะรุนแรงประสานเป็นจังหวะกับรยางค์ในปากของเฉินเสวี่ย เด็กสาวเจ็บจนน้ำตาตาคลอ กำลังคิดว่าตนจะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว หากหนีเข้าไปในแหวนมิติตอนนี้คงจะดีกว่า ทันใดนั้นรยางค์อีกเส้นก็พุ่งทะลวงเข้าใส่รูทวารด้านหลังของนางแบบชนิดที่ไม่คิดจะให้เวลานางได้ทันตั้งตัว ร่างของนางกระตุกเฮือกเจ็บปวดสุดชีวิต สมองดับวูบไปชั่วขณะ ครู่หนึ่งนางก็ฟื้นคืนสติขึ้นมาอีกครั้งเพราะความเสียวซ่านอย่างรุนแรงแบบที่ไม่เคยประสบพบเจอมาก่อนในชีวิต

เนื่องเพราะร่างกายที่สามารถฟื้นฟูสภาพจากอาการบาดเจ็บได้เร็วกว่าคนปกติทำให้ความเจ็บปวดปางตายเมื่อสักครู่ค่อยๆ ทุเลาลงและถูกแทนที่ด้วยความเสียวกระสันอันบ้าคลั่ง เลือดในกายของนางพลุ่งพล่านราวกับน้ำทะเลยามมีพายุโหมกระหน่ำ นางไม่เคยได้ลิ้มรสชาติเช่นนี้มาก่อนเลยตอนที่อยู่ในร่างผู้ชาย

อารมณ์ต่างๆ ผสมปนเปกันไปหมด ทั้งความวาบหวาม ความกระสันอยาก ความกระดากอาย และความขุ่นเคืองที่ไม่อาจต่อต้านการกระทำอันอุกอาจของต้นไม้ปีศาจต้นนี้ได้ หัวสมองของนางมึนงงสับสน ได้แต่ปล่อยให้ร่างกายรับรู้เฉพาะความเสียวซ่านและอารมณ์ที่พุ่งสูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนแทบระเบิด

ทันใดนั้นเอง เคล็ดวารีผสานหยินหยางในหัวของนางก็สว่างวาบเรืองรองขึ้นมา เด็กสาวเบิกตากว้าง สติสัมปชัญญะค่อยๆ กลับคืนมาอีกครั้ง อา…จริงสิ นี่นับเป็นโอกาสดีที่นางจะได้ทดลองฝึกใช้เคล็ดย่อยเคล็ดนี้ หากตอนนี้ไม่ใช้ออกคงเสียดายแย่ เพราะถึงเจ้าต้นไม้ปีศาจต้นนี้จะไม่ใช่มนุษย์หรือสัตว์อสูร แต่มันก็อุดมไปด้วยพลังปราณธาตุน้ำ และมันกับนางก็กำลังผสานหยินหยางกันอยู่มิใช่หรือ

เฉินเสวี่ยรวบรวมสมาธิที่มีอยู่น้อยนิดในขณะนั้น ทำการโคจรลมปราณในร่างตามเคล็ดวารีผสานหยินหยางอย่างค่อยเป็นค่อยไป นางค่อยๆ รับรู้ถึงพลังดูดที่ก่อตัวขึ้นในทุกจุดที่รยางค์ของต้นไม้ปีศาจชอนไชอยู่ในกายนาง พลังดูดนั้นช่างน่าตกใจเพราะเพียงอึดใจเดียวมันก็มีกำลังดูดรุนแรงพุ่งพรวดสูงขึ้นราวกับหลุมดำที่ไร้ก้น ไม่ว่ารยางค์ทั้งสามเส้นที่อยู่ในร่างนางจะพยายามดิ้นรนขัดขืนและดึงตัวมันออกจากร่างของนางสักเท่าไหร่ก็ไม่อาจกระทำได้ มีแต่จะถูกดูดให้แทงลึกเข้ามาจนสุดทาง ทันใดนั้นพลังปราณธาตุน้ำในปริมาณมหาศาลก็ถูกดูดอย่างรุนแรงให้ไหลอย่างเชี่ยวกรากจากต้นไม้ยักษ์มาตามรยางค์ทั้งสามเส้นและพุ่งเข้าสู่ร่างของเฉินเสวี่ย

เด็กสาวอารมณ์พุ่งขึ้นจนถึงขีดสุดในทันที ร่างแอ่นหยัด อารมณ์ระเบิดออกอย่างรุนแรงเมื่อนางทะยานขึ้นไปจนถึงปลายยอดสุดของเกลียวคลื่น ดวงตาของนางพร่าพราย เหงื่อหยาดรินราวสายน้ำ พลังปราณจากต้นไม้ยักษ์ยังคงไหลบ่าเข้าสู่ร่างของนางอย่างต่อเนื่องราวกับเขื่อนแตก ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว พลังฝีมือที่เคยอยู่ในขั้นก่อปราณห้าดาว เพียงพริบตาเดียวก็พุ่งพรวดสู่ขั้นนักยุทธ์ และไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้น มันยังเพิ่มสูงขึ้นๆ จนสุดท้ายมาหยุดลงที่เขตขึ้นปรมาจารย์ยุทธ์ 1 ดาว

เฉินเสวี่ยหอบหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อน ร่างกายของนางราวกับได้ผลัดเปลี่ยนไขกระดูกลอกคราบ กล้ามเนื้อและกระดูกเจริญเติบโตขึ้นพรวดเดียวจนมีความสูงมากกว่าเดิมเกือบหนึ่งคืบ รูปร่างจากที่เคยเป็นเด็กสาวอ่อนเยาว์ ตอนนี้ได้กลายมาเป็นหญิงสาววัยแรกแย้มอย่างสมบูรณ์ ปทุมถันทั้งสองข้างเติบโตขยายใหญ่และชูชันยิ่งกว่าเดิมในขณะที่สะเอวคอดเล็กลงและสะโพกก็ผายออกกว้างขึ้น รูปร่างของนางยิ่งเย้ายวนชวนกระสันยิ่งกว่าเดิมอีกหลายเท่า รยางค์ของต้นไม้ที่พันบนตัวนางทั้งหมดค่อยๆ เหี่ยวฟีบลงและคลายตัวออก ต้นไม้ยักษ์ทั้งต้นเหี่ยวเฉากลายเป็นเพียงซากไม้ไร้ชีวิตภายในพริบตา

ร่างของเฉินเสวี่ยตกร่วงลงมาสู่สระน้ำที่อยู่ตรงโคนต้นของต้นไม้ยักษ์ นางพบว่าน้ำในสระบัดนี้ได้กลายเป็นน้ำธรรมดาไปเสียแล้ว ไอปราณธาตุน้ำทั้งหมดในต้นไม้และในน้ำถูกนางดูดเข้าร่างจนเหือดแห้งไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว ส่วนไอปราณธาตุไม้ที่เดิมมีอยู่หนาแน่น เมื่อไม่มีไอปราณธาตุน้ำมาคอยหล่อเลี้ยงแล้วจึงแตกกระจัดกระจายไปในอากาศและถูกต้นไม้น้อยใหญ่ในบริเวณนั้นดูดซับเข้าไปดั่งอาหารอันโอชะ

เฉินเสวี่ยรีบว่ายน้ำเข้าสู่ฝั่งแล้วหยิบเสื้อผ้าชุดหนึ่งจากแหวนมิติออกมาสวมใส่ นางได้ยินเสียงต่อสู้แว่วมาจากทางสระน้ำสระที่แปดได้สักพักแล้ว พวกสัตว์อสูรที่นางโยนเอาไว้คงจะตื่นขึ้นมาอาละวาดกันแล้วล่ะสิ เด็กสาวแสยะยิ้มชั่วร้าย ทดลองโคจรพลังปราณระดับปรมาจารย์ยุทธ์ 1 ดาวที่ตนไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนด้วยความตื่นเต้น สมแล้วที่เคล็ดวารีผสานหยินหยางถูกจัดเป็นเคล็ดย่อยที่สูงกว่าเคล็ดจันทราพิสุทธิ์ เพราะนอกจากจะไม่ต้องเสียเวลานานในการดูดซับแบบเคล็ดจันทราพิสุทธิ์แล้ว ยังไม่มีกากปราณตกค้างในร่างให้นางต้องทำการถ่ายออกอีกต่างหาก นางชักจะติดใจเสียแล้วสิ หึๆ ๆ ความจริงการผสานหยินหยางในร่างผู้หญิงมันก็ไม่ได้น่าขนลุกอย่างที่นางเคยจินตนาการเสียหน่อยนี่นา

ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนกลุ่มหนึ่งเร่งรุดมายังสระน้ำแห่งนี้ เฉินเสวี่ยยกมุมปากเป็นรอยยิ้มหยัน ก่อนหน้านี้นางเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ขั้นก่อปราณเล็กๆ คนหนึ่ง ต่อให้มีเส้นลมปราณถ่างกว้างกว่าผู้อื่นสิบเท่าทำให้เก็บกับลมปราณไว้ในร่างได้มากกว่าคนที่มีพลังมีมือเขตขั้นเดียวกัน แต่ก็ยังไม่อาจต่อกรข้ามขั้นกับเหล่าปรมาจารย์ยุทธ์ได้อยู่ดี แต่ตอนนี้นางก้าวขึ้นมาเป็นปรมาจารย์ยุทธ์ 1 ดาวแล้ว สามารถใช้เคล็ดตราผนึกจันทราวารีจัดการกับชนชั้นปรมาจารย์ยุทธ์ด้วยกันได้อย่างไม่มีปัญหา ต่อให้เป็นปรมาจารย์ยุทธ์ขั้นสูงกว่านาง นางก็ไม่กลัวว่าจะผนึกพวกเขาให้แข็งค้างไม่ได้ แค่เวลาที่ผนึกคนเหล่านั้นได้อาจจะทำได้สั้นลงสักหน่อย แต่อย่างไรนางก็มีเวลาเหลือเฟือที่จะเก็บพวกมันลงไปในแหวน

“เกิดอะไรขึ้นกับต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์!” เสียงหญิงสาวที่เร่งรุดกันมาต่างอุทานด้วยความแตกตื่น แต่พวกนางยังไม่ทันจะได้เข้ามาใกล้จนเห็นตัวเฉินเสวี่ย ก็ถูกเฉินเสวี่ยผนึกร่างจนพากันยืนแข็งค้างไปพร้อมกันจนหมด

เฉินเสวี่ยก้าวออกมาจากด้านหลังแนวพุ่มไม้ กวาดตามองหน้าหญิงสาวเหล่านั้น พอเห็นว่าผู้ที่นางตามหาต่างพากันเสนอตัวมาให้นางจับถึงที่ในคราวเดียว ไม่ว่าจะเป็นเจ้าตำหนักบุปผาฮวาไหนไหน่ ตลอดจนผู้อาวุโสทั้งสาม แถมยังมีผู้อาวุโสที่นางไม่เคยเห็นหน้าเพิ่มมาอีกห้าคน รวมทั้งหมดนี่ก็เก้าคนเข้าไปแล้ว นี่คงจะเป็นยอดฝีมือทั้งหมดของตำหนักบุปผากระมัง ฮ่าๆ ๆ ๆ

เฉินเสวี่ยแหงนหน้าหัวเราะอย่างสะใจแล้วกวาดหญิงสาวที่งดงามราวกับนางเซียนทั้งกลุ่มเก็บใส่แหวนมิติของตน จากนั้นนางเดินลงเขาด้วยความเบิกบานใจสุดขีด การมาตำหนักบุปผาครั้งนี้นางเก็บเกี่ยวได้ผลกำไรเป็นที่น่าพอใจยิ่ง นอกจากจะได้ตัวฮวาไหนไหน่กับองค์หญิงโยวหลินแล้ว นางยังได้ยกระดับพลังยุทธ์ขึ้นมาเป็นปรมาจารย์ยุทธ์อีกด้วย

ตอนนี้นางไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวใครในตำหนักบุปผาอีกแล้ว ไม่ว่าจะเดินไปเจอใครนางก็จัดการผนึกร่างคนเหล่านั้นเอาไว้แล้วเก็บใส่แหวนมิติจนหมด ไม่เหลือเอาไว้แม้แต่คนเดียว ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งคืนยอดเขาหลักและตำหนักบุปผาก็แทบจะกลายเป็นสถานที่รกร้างว่างเปล่า หญิงสาวในสำนักเกือบทั้งหมดล้วนถูกจับตัวเข้าไปเก็บในแหวนมิติของจอมมาร หญิงสาวส่วนที่เหลือรอดก็มีแค่เหล่าข้ารับใช้และข้าทาสชั้นต่ำของตำหนักบุปผาเท่านั้น

ตอนนี้เฉินเสวี่ยเปลี่ยนร่างกลับคืนมาเป็นชายเรียบร้อยแล้ว ร่างผู้ชายของเขาในตอนนี้ก็สูงขึ้นกว่าตอนที่เป็นขั้นก่อปราณถึงสองช่วงศีรษะ และกล้ามเนื้อที่เคยมีเพียงเล็กน้อยก็เปลี่ยนเป็นใหญ่โตทรงพลังผิดหูผิดตา ตอนนี้เขากลายเป็นชายหนุ่มเต็มตัว ดูไม่เหมือนเด็กหนุ่มที่อายุเพียงสิบห้าปีอีกต่อไป

เฉินเสวี่ยจัดการปล้นคลังสมบัติและคลังอาวุธรวมถึงหอตำราของตำหนักบุปผาจนเกลี้ยงเกลาภายในคืนเดียว ถึงจะยังไม่มีเวลาแยกแยะสมบัติที่ปล้นมาได้แต่เขาไม่ร้อนใจสักนิด เพียงเดินทอดน่องไปยังปากทางเข้าตำหนักบุปผาและผิวปากเป็นเพลงอย่างอารมณ์ดี แต่แล้วเขาก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าครอบพลังงานที่เป็นกำแพงปกคลุมอาณาเขตเทือกเขาหมื่นผกายังคงมีอยู่ดังเดิม มิได้สูญสลายหายไปดังครอบพลังงานย่อยอื่นๆ ภายในตำหนักบุปผา เมื่อลองยื่นมือไปแตะที่ครอบพลังงานนั้น คิ้วเข้มก็ขมวดเป็นปม เพราะเขาไม่อาจทะลุมันออกไปได้ หากออกไปไม่ได้ก็เท่ากับว่าเขาต้องถูกกักขังอยู่แต่ในนี้น่ะสิ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เคล็ดมารสยบภพ 15 กวาดปล้นตำหนักบุปผา

Now you are reading เคล็ดมารสยบภพ Chapter 15 กวาดปล้นตำหนักบุปผา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ผู้ที่แช่กายอยู่ในสระแห่งนี้แม้ร่างกายของพวกนางจะมีอาการไม่ค่อยปกติแต่ไม่มีใครที่มีแววตาเลื่อนลอยเลยสักคน ทำให้เฉินเสวี่ยไม่กล้าบุ่มบ่ามเผยตัวออกไป แต่นางกลับลืมไปว่าการซ่อนตัวต่อหน้าผู้แข็งแกร่งระดับปรมาจารย์ยุทธ์อย่างพวกนางนั้นจำเป็นจะต้องปกปิดกลิ่นอายและพลังฝีมือให้มิดชิดถึงขีดสุด หาไม่จะถูกจับได้อย่างง่ายดายเช่นตัวนางในตอนี้!

“ใคร!” หญิงสาวในสระนางหนึ่งหันขวับมาทางที่ซ่อนของเฉินเสวี่ยแล้วกระโจนพรวดขึ้นมาจากสระ พริบตาเดียวก็มายืนอยู่ตรงตำแหน่งที่เฉินเสวี่ยเคยแอบซ่อนอยู่เมื่อครู่นี้ แต่นางกลับไม่เห็นใครสักคนในบริเวณนั้น

เฉินเสวี่ยผู้ซึ่งหลบเข้ามาซ่อนในแหวนมิติของตนเอามือลูบอกด้วยความหวาดเสียว เกือบจะถูกจับได้แล้วไหมล่ะ

นางนั่งครุ่นคิดอยู่ในแหวนมิติของตนครู่ใหญ่ ตอนนี้นางจับตัวศิษย์และผู้อาวุโสของตำหนักบุปผาใส่ลงไปในแหวนมิติอีกวงเสียหลายคนแล้ว แต่ยังจับตัวการที่นางตั้งเป้าหมายเอาไว้ไม่ได้เลยสักคน หากทิ้งเวลาให้เนิ่นนานออกไป ยามที่เหล่าผู้อาวุโสของตำหนักบุปผาเห็นว่าศิษย์คนอื่นๆ ที่มาแช่น้ำพุศักดิ์สิทธิ์ล้วนหายตัวไปกันหมด เหลือแต่นางเพียงคนเดียวที่ไม่หายไป นางคงจะถูกสงสัยเป็นแน่ ดังนั้น ไม่ว่าอย่างไร ภายในคืนนี้ นางจะต้องเร่งจัดการทุกอย่างให้เสร็จเรียบร้อยและรีบทำลายหลักฐาน อย่าให้ใครสาวมาถึงตัวนางได้เป็นอันขาด

แต่นางจะทำอย่างไรจึงจะจับตัวปรมาจารย์ยุทธ์ที่รวมตัวกันอยู่ตั้งห้าคนแบบนั้นได้เล่า คิดไปคิดมานางก็นึกแผนก่อความวุ่นวายเพื่อให้หญิงสาวเหล่านั้นแยกตัวออกจากกันแผนหนึ่งขึ้นมาได้ นางสงบใจรอเวลาครู่ใหญ่ จากนั้นก็ลองเสี่ยงกลับออกไปที่โลกภายนอกอีกครั้ง แต่แล้วก็พบว่าสระน้ำสระที่แปดไม่เหลือใครอยู่เลยสักคน

เฉินเสวี่ยหรี่ตา ถึงจะไม่เหลือใครที่นี่สักคนก็ไม่เป็นไร นางยังคงดำเนินการตามแผนเดิม เพราะถึงอย่างไรเผื่อว่าคืนนี้นางดำเนินการทุกอย่างไม่สำเร็จ นางก็จำต้องหาทางทำลายหลักฐานไม่ให้ใครสงสัยมาถึงตัวนางอยู่ดี

กวาดมือดึงร่างสัตว์อสูรวานรเมฆาทั้งฝูงออกมาโยนไปรอบๆ บริเวณสระน้ำ เท่านั้นยังไม่พอ นางยังหยิบร่างของสัตว์อสูรที่ยังแปลงร่างเป็นคนไม่ได้อีกหลายชนิดจำนวนหลายสิบตัวที่นางเก็บมาจากกับดักออกมาโยนไว้ด้วยกัน ตอนนี้พวกมันทุกตัวล้วนยังคงนอนหลับอย่างสงบ แต่อีกไม่เกินสิบห้านาทีพวกมันก็จะตื่นขึ้นมาแล้ววิ่งพล่านไปทั่วบริเวณยอดเขาแห่งนี้ ทีนี้ก็คงไม่มีใครสงสัยสักเท่าไหร่แล้วว่าเหตุใดหญิงสาวที่แช่กายอยู่ในสระน้ำพุศักดิ์สิทธิ์สระอื่นๆ จึงหายตัวไปอย่างลึกลับกันหมด

เฉินเสวี่ยตัดสินใจแล้วว่าตนควรจะออกสำรวจและเก็บสตรีที่อยู่บนยอดเขาแห่งนี้เข้าสู่แหวนมิติของตนให้ได้มากที่สุดก่อนที่ตนจะกลายร่างเป็นชาย ตอนนี้ยังเหลือสระน้ำสระที่เก้าซึ่งเป็นสระสุดท้ายที่นางยังไม่ได้ไปดูอีกเพียงสระเดียวเท่านั้น ไม่แน่ว่านางอาจจะได้เจอผู้ที่เป็นเป้าหมายหลักของนางที่สระแห่งนั้นก็ได้ ใครจะรู้

เฉินเสวี่ยเดินตามเส้นทางสายเล็กๆ จากสระที่แปดมาไกลพอสมควรกว่าจะลุถึงสระแห่งที่เก้า ที่แห่งนี้เงียบสงัดและไร้ซึ่งผู้คน เด็กสาวมองไปรอบๆ ด้วยความสนใจ สระน้ำพุศักดิ์สิทธิ์แห่งที่เก้านั้นมีลักษณะแตกต่างจากสระอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด มันทั้งกว้างขวางใหญ่โต และน้ำในสระก็ใสแจ๋วแต่กลับลึกจนมองไม่เห็นก้นสระ ตรงกลางสระมีต้นไม้ขนาดใหญ่ต้นหนึ่งโผล่ลำต้นขึ้นมาจากผิวน้ำ ลำต้นของมันหนาระดับหลายสิบคนโอบ เนื้อไม้สีน้ำตาลดำให้ความรู้สึกเก่าแก่โบราณ ใบสีเขียวเข้มเป็นแฉกคล้ายนิ้วมือคนแผ่ซ่านไอปราณสีเขียวออกมาตลอดเวลา ช่างดูลึกลับสยดสยองยิ่งกว่าตำหนักมารของนางเสียอีก ยอดของต้นไม้ต้นนี้สูงขึ้นไปเหนือน้ำราวๆ ห้าสิบกว่าเมตร และแผ่กิ่งก้านสาขาปกคลุมไปทั่วสระที่เก้าแห่งนี้จนร่มครึ้ม แต่ที่น่าขนลุกที่สุดก็คือรยางค์คล้ายรากอากาศสีเขียวใสแต่ขรุขระเป็นปุ่มปมที่งอกออกมาจากกิ่งก้านสาขาของมัน แต่ละเส้นมีขนาดประมาณข้อมือของเฉินเสวี่ย พวกมันขยับส่ายไปมาราวกับมีชีวิต ตรงปลายสุดของแต่ละเส้นมีน้ำเมือกใสๆ หยดออกมาไม่ขาดสายและร่วงลงสู่สระน้ำที่อยู่ตรงโคนต้น กลิ่นหอมหวานมอมเมาจิตปราสาทที่ระเหยขึ้นมาจากน้ำในสระฟุ้งตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ น้ำเหล่านั้นคงจะเป็นต้นกำเนิดของน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ทั้งเก้าแห่งสินะ แบบนี้ก็ไม่ควรจะเรียกว่าน้ำพุสิ เพราะมันไม่ได้ผุดขึ้นมาจากพื้นดินเสียหน่อย แต่จะเรียกอะไรก็ช่าง เพราะเรื่องนั้นไม่สำคัญสำหรับนางเท่าไร่

เฉินเสวี่ยรับรู้ได้ถึงพลังปราณธาตุไม้และธาตุน้ำที่เข้มข้นไหลเวียนอยู่ตามกิ่งก้านและรยางค์ของต้นไม่ประหลาดต้นนี้ ส่วนที่เป็นพลังงานธาตุน้ำนั้นยังเข้มข้นเสียยิ่งกว่าพลังปราณธาตุน้ำที่อยู่ในน้ำที่นางแช่กายในตำหนักมารเสียอีก หากนางกลายร่างเป็นชายและใช้เคล็ดจันทราพิสุทธิ์ยามแช่กายในสระแห่งนี้ พลังฝีมือของนางคงจะรุดหน้าเร็วกว่าแช่กายในตำหนักมารถึงห้าเท่า! ความเย้ายวนระดับนี้จะให้นางอดใจไหวได้อย่างไร เฮ้อ…เมื่อไหร่พระจันทร์จะขึ้นถึงกลางท้องฟ้าสักทีนะ

น่าเสียดายอยู่เล็กน้อยที่ร่างกายของนางเป็นปราณธาตุน้ำบริสุทธิ์ จึงไม่อาจดูดซับพลังปราณธาตุไม้ที่มีมากพอๆ กับธาตุน้ำในสระแห่งนี้ได้ หาไม่แล้ว หากนางสามารถดูดซับพลังงานอันกล้าแกร่งทั้งสองธาตุจากต้นไม้ประหลาดต้นนี้เข้าสู่ร่างได้ทั้งหมดในคราเดียว พลังฝีมือคงจะพุ่งพรวดจากขั้นก่อปราณ 5 ดาวขึ้นไปถึงระดับปรมาจารย์ยุทธ์ตอนปลายได้โดยไม่ต้องออกแรงฝึกให้เหนื่อยยากเลยเชียวล่ะ

เฉินเสวี่ยย่างเท้าเดินเข้าไปใกล้ขอบสระ คุกเข่าลงและวักน้ำในสระขึ้นมาสูดดมกลิ่นและลองเอาลิ้นแตะๆ เพื่อชิมรสชาติ รสของมันหอมหวานเข้มข้น แตกต่างจากน้ำในไหที่ผู้อาวุโสฮวาลิ่วฉือรินให้นางดื่มในห้องทดสอบ เพียงแค่ปลายลิ้นสัมผัส พลังปราณธาตุน้ำก็แผ่กำจายไปทั่วโพรงปากของนางจนนางต้องหลับตาพริ้มด้วยความอิ่มเอม

ทันใดนั้นเอง รยางค์หลายเส้นของต้นไม้ใหญ่ต้นนั้นก็สั่นไหวและพุ่งเข้ามาพันรัดแขนขาของเฉินเสวี่ยแล้วดึงร่างของนางขึ้นไปด้านบน

“อ๊ะ!” เด็กสาวตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เมื่อกี้นางยังเห็นว่ารยางค์เหล่านี้ไม่มีเส้นไหนยาวลงมาถึงด้านล่างเลยสักเส้นนี่นา ไม่คิดเลยว่าพวกมันจะยืดความยาวออกมาจนถึงตัวนางได้

นางพยายามใช้มือแกะรยางค์ที่พันตัวนางออก แต่ทั้งๆ ที่พวกมันดูเขียวใสเหมือนจะเปราะบางแต่กลับแข็งและเหนียวจนนางออกแรงกระชากเท่าไหร่ก็ไม่ยอมขาด พริบตาเดียวแขนทั้งสองข้างของนางก็ถูกรัดให้ชูสูงขึ้นจนไม่อาจขยับเขยื้อนใดๆ ได้ ในขณะที่เรียวขากลับถูกดึงให้ถ่างออกจนกว้าง รยางค์หลายเส้นชอนไชเข้ามาภายในเสื้อผ้าของนางและดึงทึ้งเสื้อผ้าบนกายนางจนขาดกระจุย จากนั้นพวกมันก็ปัดป่ายถูกไถไปตามยอดอกอวบและอวัยวะตรงหว่างขาที่ไวต่อสัมผัสของนาง เด็กสาวหน้าแดงแดงก่ำ เริ่มรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลบางอย่าง ความเสียวซ่านแล่นไปทั่วสรรพางค์กายจนนางเผลอหลุดเสียงคราวแผ่วหวิวออกมาอย่างอดไม่อยู่

เฉินเสวี่ยพยายามตั้งสติ แต่มันช่างทำได้ยากเหลือเกินเมื่อร่างกายถูกปลุกเร้าจนทรมานเช่นนี้ หากนางคิดจะหนีเข้าไปในแหวนมิติตอนนี้ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้ แต่นางคงไม่อาจกลับออกมาที่โลกภายนอกได้อีกเลย เพราะหากกลับออกมาเมื่อไหร่ นางก็จะโผล่มาอยู่บนต้นไม้ต้นนี้เหมือนเดิม ไม่อาจหลบหนีจากเจ้าต้นไม้ปีศาจต้นไปได้ตลอด ด้วยสถานการณ์เช่นนี้นางจึงไม่คิดจะหลบซ่อนเข้าไปในแหวนแบบทุกทีที่เคยทำ

เด็กสาวรวบรวมสมาธิแล้วเริ่มโคจรลมปราณภายในร่าง เตรียมใช้เคล็ดวิชาพายุเข็มน้ำแข็งที่ตนเคยฝึกปรือมา ตอนนี้นางมีเคล็ดวิชาที่ใช้ในการโจมตีเพียงเคล็ดนี้เคล็ดเดียว คงต้องวัดดวงกันสักหน่อย

อากาศรอบตัวเฉินเสวี่ยค่อยๆ ลดอุณหภูมิลงจนต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง ไอน้ำในอากาศถูกนางแปรสภาพเป็นเข็มน้ำแข็งนับพันเล่มแล้วโคจรหมุนวนอยู่รอบตัวนาง เด็กสาวบังคับพายุเข็มน้ำแข็งที่ตนสร้างขึ้นให้พุ่งเข้าโจมตีรยางค์ที่พันแขนขาของนางเอาไว้ ทันทีที่เข็มน้ำแข็งเหล่านั้นกระทบเข้ากับรยางค์ก็ปรากฏเสียงดังติงๆ ๆ ๆ ติดต่อกันจนแสบแก้วหู เฉินเสวี่ยหน้าถอดสีเมื่อเห็นว่าเข็มน้ำแข็งของนางพากันหักจนหมดสิ้น ในขณะที่รยางค์เหล่านั้นกลับไม่กระเทือนเลยแม้แต่นิดเดียว

เฉินเสวี่ยกัดฟันกรอด เจ็บใจที่ตนยังเป็นเพียงขั้นก่อปราณ 5 ดาวเท่านั้น ต่อให้เคล็ดวิชาที่มีจะร้ายกาจสักเพียงใด ก็คงไม่อาจต่อกรกับปีศาจต้นไม้ที่มีพลังปราณเทียบเท่าปรมาจารย์ยุทธ์ 9 ดาวต้นนี้ได้

ขณะที่นางยังคงดิ้นรนหาทางรอดให้ตนเองอยู่นั้นเอง รยางค์เส้นหนึ่งก็ทิ่มแทงทะลุทะลวงเข้าสู่ช่องโพรงที่แอบซ่อนอยู่ในกลีบเนื้อสีชมพูอ่อนตรงหว่างขาของนางด้วยความเร็วราวกับว่ามันต้องการจะฉีกกระชากร่างของนางออกเป็นเสี่ยงๆ เฉินเสวี่ยตาเบิกโพลง ร่างบางแอ่นหยัดสุดตัวด้วยความเจ็บปวดเมื่อเยื่อพรหมจรรย์ถูกฉีกกระชากอย่างไร้ความปรานี นางอ้าปากจะกรีดร้องแต่เสียงยังไม่ทันได้ลอดออกจากลำคอรยางค์อีกเส้นก็พุ่งเข้าสู่โพรงปากของนางและอุดกั้นเสียงร้องทั้งหมดของนางเอาไว้ นางเจ็บปวดและจุกแน่นจนแทบประคองสติเอาไว้ไม่อยู่

เลือดพรหมจรรย์สีแดงสดไหลอาบรยางค์ด้านล่างลงไปเป็นทางเมื่อมันขยับเข้าขยับออกเป็นจังหวะรุนแรงประสานเป็นจังหวะกับรยางค์ในปากของเฉินเสวี่ย เด็กสาวเจ็บจนน้ำตาตาคลอ กำลังคิดว่าตนจะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว หากหนีเข้าไปในแหวนมิติตอนนี้คงจะดีกว่า ทันใดนั้นรยางค์อีกเส้นก็พุ่งทะลวงเข้าใส่รูทวารด้านหลังของนางแบบชนิดที่ไม่คิดจะให้เวลานางได้ทันตั้งตัว ร่างของนางกระตุกเฮือกเจ็บปวดสุดชีวิต สมองดับวูบไปชั่วขณะ ครู่หนึ่งนางก็ฟื้นคืนสติขึ้นมาอีกครั้งเพราะความเสียวซ่านอย่างรุนแรงแบบที่ไม่เคยประสบพบเจอมาก่อนในชีวิต

เนื่องเพราะร่างกายที่สามารถฟื้นฟูสภาพจากอาการบาดเจ็บได้เร็วกว่าคนปกติทำให้ความเจ็บปวดปางตายเมื่อสักครู่ค่อยๆ ทุเลาลงและถูกแทนที่ด้วยความเสียวกระสันอันบ้าคลั่ง เลือดในกายของนางพลุ่งพล่านราวกับน้ำทะเลยามมีพายุโหมกระหน่ำ นางไม่เคยได้ลิ้มรสชาติเช่นนี้มาก่อนเลยตอนที่อยู่ในร่างผู้ชาย

อารมณ์ต่างๆ ผสมปนเปกันไปหมด ทั้งความวาบหวาม ความกระสันอยาก ความกระดากอาย และความขุ่นเคืองที่ไม่อาจต่อต้านการกระทำอันอุกอาจของต้นไม้ปีศาจต้นนี้ได้ หัวสมองของนางมึนงงสับสน ได้แต่ปล่อยให้ร่างกายรับรู้เฉพาะความเสียวซ่านและอารมณ์ที่พุ่งสูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนแทบระเบิด

ทันใดนั้นเอง เคล็ดวารีผสานหยินหยางในหัวของนางก็สว่างวาบเรืองรองขึ้นมา เด็กสาวเบิกตากว้าง สติสัมปชัญญะค่อยๆ กลับคืนมาอีกครั้ง อา…จริงสิ นี่นับเป็นโอกาสดีที่นางจะได้ทดลองฝึกใช้เคล็ดย่อยเคล็ดนี้ หากตอนนี้ไม่ใช้ออกคงเสียดายแย่ เพราะถึงเจ้าต้นไม้ปีศาจต้นนี้จะไม่ใช่มนุษย์หรือสัตว์อสูร แต่มันก็อุดมไปด้วยพลังปราณธาตุน้ำ และมันกับนางก็กำลังผสานหยินหยางกันอยู่มิใช่หรือ

เฉินเสวี่ยรวบรวมสมาธิที่มีอยู่น้อยนิดในขณะนั้น ทำการโคจรลมปราณในร่างตามเคล็ดวารีผสานหยินหยางอย่างค่อยเป็นค่อยไป นางค่อยๆ รับรู้ถึงพลังดูดที่ก่อตัวขึ้นในทุกจุดที่รยางค์ของต้นไม้ปีศาจชอนไชอยู่ในกายนาง พลังดูดนั้นช่างน่าตกใจเพราะเพียงอึดใจเดียวมันก็มีกำลังดูดรุนแรงพุ่งพรวดสูงขึ้นราวกับหลุมดำที่ไร้ก้น ไม่ว่ารยางค์ทั้งสามเส้นที่อยู่ในร่างนางจะพยายามดิ้นรนขัดขืนและดึงตัวมันออกจากร่างของนางสักเท่าไหร่ก็ไม่อาจกระทำได้ มีแต่จะถูกดูดให้แทงลึกเข้ามาจนสุดทาง ทันใดนั้นพลังปราณธาตุน้ำในปริมาณมหาศาลก็ถูกดูดอย่างรุนแรงให้ไหลอย่างเชี่ยวกรากจากต้นไม้ยักษ์มาตามรยางค์ทั้งสามเส้นและพุ่งเข้าสู่ร่างของเฉินเสวี่ย

เด็กสาวอารมณ์พุ่งขึ้นจนถึงขีดสุดในทันที ร่างแอ่นหยัด อารมณ์ระเบิดออกอย่างรุนแรงเมื่อนางทะยานขึ้นไปจนถึงปลายยอดสุดของเกลียวคลื่น ดวงตาของนางพร่าพราย เหงื่อหยาดรินราวสายน้ำ พลังปราณจากต้นไม้ยักษ์ยังคงไหลบ่าเข้าสู่ร่างของนางอย่างต่อเนื่องราวกับเขื่อนแตก ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว พลังฝีมือที่เคยอยู่ในขั้นก่อปราณห้าดาว เพียงพริบตาเดียวก็พุ่งพรวดสู่ขั้นนักยุทธ์ และไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้น มันยังเพิ่มสูงขึ้นๆ จนสุดท้ายมาหยุดลงที่เขตขึ้นปรมาจารย์ยุทธ์ 1 ดาว

เฉินเสวี่ยหอบหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อน ร่างกายของนางราวกับได้ผลัดเปลี่ยนไขกระดูกลอกคราบ กล้ามเนื้อและกระดูกเจริญเติบโตขึ้นพรวดเดียวจนมีความสูงมากกว่าเดิมเกือบหนึ่งคืบ รูปร่างจากที่เคยเป็นเด็กสาวอ่อนเยาว์ ตอนนี้ได้กลายมาเป็นหญิงสาววัยแรกแย้มอย่างสมบูรณ์ ปทุมถันทั้งสองข้างเติบโตขยายใหญ่และชูชันยิ่งกว่าเดิมในขณะที่สะเอวคอดเล็กลงและสะโพกก็ผายออกกว้างขึ้น รูปร่างของนางยิ่งเย้ายวนชวนกระสันยิ่งกว่าเดิมอีกหลายเท่า รยางค์ของต้นไม้ที่พันบนตัวนางทั้งหมดค่อยๆ เหี่ยวฟีบลงและคลายตัวออก ต้นไม้ยักษ์ทั้งต้นเหี่ยวเฉากลายเป็นเพียงซากไม้ไร้ชีวิตภายในพริบตา

ร่างของเฉินเสวี่ยตกร่วงลงมาสู่สระน้ำที่อยู่ตรงโคนต้นของต้นไม้ยักษ์ นางพบว่าน้ำในสระบัดนี้ได้กลายเป็นน้ำธรรมดาไปเสียแล้ว ไอปราณธาตุน้ำทั้งหมดในต้นไม้และในน้ำถูกนางดูดเข้าร่างจนเหือดแห้งไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว ส่วนไอปราณธาตุไม้ที่เดิมมีอยู่หนาแน่น เมื่อไม่มีไอปราณธาตุน้ำมาคอยหล่อเลี้ยงแล้วจึงแตกกระจัดกระจายไปในอากาศและถูกต้นไม้น้อยใหญ่ในบริเวณนั้นดูดซับเข้าไปดั่งอาหารอันโอชะ

เฉินเสวี่ยรีบว่ายน้ำเข้าสู่ฝั่งแล้วหยิบเสื้อผ้าชุดหนึ่งจากแหวนมิติออกมาสวมใส่ นางได้ยินเสียงต่อสู้แว่วมาจากทางสระน้ำสระที่แปดได้สักพักแล้ว พวกสัตว์อสูรที่นางโยนเอาไว้คงจะตื่นขึ้นมาอาละวาดกันแล้วล่ะสิ เด็กสาวแสยะยิ้มชั่วร้าย ทดลองโคจรพลังปราณระดับปรมาจารย์ยุทธ์ 1 ดาวที่ตนไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนด้วยความตื่นเต้น สมแล้วที่เคล็ดวารีผสานหยินหยางถูกจัดเป็นเคล็ดย่อยที่สูงกว่าเคล็ดจันทราพิสุทธิ์ เพราะนอกจากจะไม่ต้องเสียเวลานานในการดูดซับแบบเคล็ดจันทราพิสุทธิ์แล้ว ยังไม่มีกากปราณตกค้างในร่างให้นางต้องทำการถ่ายออกอีกต่างหาก นางชักจะติดใจเสียแล้วสิ หึๆ ๆ ความจริงการผสานหยินหยางในร่างผู้หญิงมันก็ไม่ได้น่าขนลุกอย่างที่นางเคยจินตนาการเสียหน่อยนี่นา

ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนกลุ่มหนึ่งเร่งรุดมายังสระน้ำแห่งนี้ เฉินเสวี่ยยกมุมปากเป็นรอยยิ้มหยัน ก่อนหน้านี้นางเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ขั้นก่อปราณเล็กๆ คนหนึ่ง ต่อให้มีเส้นลมปราณถ่างกว้างกว่าผู้อื่นสิบเท่าทำให้เก็บกับลมปราณไว้ในร่างได้มากกว่าคนที่มีพลังมีมือเขตขั้นเดียวกัน แต่ก็ยังไม่อาจต่อกรข้ามขั้นกับเหล่าปรมาจารย์ยุทธ์ได้อยู่ดี แต่ตอนนี้นางก้าวขึ้นมาเป็นปรมาจารย์ยุทธ์ 1 ดาวแล้ว สามารถใช้เคล็ดตราผนึกจันทราวารีจัดการกับชนชั้นปรมาจารย์ยุทธ์ด้วยกันได้อย่างไม่มีปัญหา ต่อให้เป็นปรมาจารย์ยุทธ์ขั้นสูงกว่านาง นางก็ไม่กลัวว่าจะผนึกพวกเขาให้แข็งค้างไม่ได้ แค่เวลาที่ผนึกคนเหล่านั้นได้อาจจะทำได้สั้นลงสักหน่อย แต่อย่างไรนางก็มีเวลาเหลือเฟือที่จะเก็บพวกมันลงไปในแหวน

“เกิดอะไรขึ้นกับต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์!” เสียงหญิงสาวที่เร่งรุดกันมาต่างอุทานด้วยความแตกตื่น แต่พวกนางยังไม่ทันจะได้เข้ามาใกล้จนเห็นตัวเฉินเสวี่ย ก็ถูกเฉินเสวี่ยผนึกร่างจนพากันยืนแข็งค้างไปพร้อมกันจนหมด

เฉินเสวี่ยก้าวออกมาจากด้านหลังแนวพุ่มไม้ กวาดตามองหน้าหญิงสาวเหล่านั้น พอเห็นว่าผู้ที่นางตามหาต่างพากันเสนอตัวมาให้นางจับถึงที่ในคราวเดียว ไม่ว่าจะเป็นเจ้าตำหนักบุปผาฮวาไหนไหน่ ตลอดจนผู้อาวุโสทั้งสาม แถมยังมีผู้อาวุโสที่นางไม่เคยเห็นหน้าเพิ่มมาอีกห้าคน รวมทั้งหมดนี่ก็เก้าคนเข้าไปแล้ว นี่คงจะเป็นยอดฝีมือทั้งหมดของตำหนักบุปผากระมัง ฮ่าๆ ๆ ๆ

เฉินเสวี่ยแหงนหน้าหัวเราะอย่างสะใจแล้วกวาดหญิงสาวที่งดงามราวกับนางเซียนทั้งกลุ่มเก็บใส่แหวนมิติของตน จากนั้นนางเดินลงเขาด้วยความเบิกบานใจสุดขีด การมาตำหนักบุปผาครั้งนี้นางเก็บเกี่ยวได้ผลกำไรเป็นที่น่าพอใจยิ่ง นอกจากจะได้ตัวฮวาไหนไหน่กับองค์หญิงโยวหลินแล้ว นางยังได้ยกระดับพลังยุทธ์ขึ้นมาเป็นปรมาจารย์ยุทธ์อีกด้วย

ตอนนี้นางไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวใครในตำหนักบุปผาอีกแล้ว ไม่ว่าจะเดินไปเจอใครนางก็จัดการผนึกร่างคนเหล่านั้นเอาไว้แล้วเก็บใส่แหวนมิติจนหมด ไม่เหลือเอาไว้แม้แต่คนเดียว ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งคืนยอดเขาหลักและตำหนักบุปผาก็แทบจะกลายเป็นสถานที่รกร้างว่างเปล่า หญิงสาวในสำนักเกือบทั้งหมดล้วนถูกจับตัวเข้าไปเก็บในแหวนมิติของจอมมาร หญิงสาวส่วนที่เหลือรอดก็มีแค่เหล่าข้ารับใช้และข้าทาสชั้นต่ำของตำหนักบุปผาเท่านั้น

ตอนนี้เฉินเสวี่ยเปลี่ยนร่างกลับคืนมาเป็นชายเรียบร้อยแล้ว ร่างผู้ชายของเขาในตอนนี้ก็สูงขึ้นกว่าตอนที่เป็นขั้นก่อปราณถึงสองช่วงศีรษะ และกล้ามเนื้อที่เคยมีเพียงเล็กน้อยก็เปลี่ยนเป็นใหญ่โตทรงพลังผิดหูผิดตา ตอนนี้เขากลายเป็นชายหนุ่มเต็มตัว ดูไม่เหมือนเด็กหนุ่มที่อายุเพียงสิบห้าปีอีกต่อไป

เฉินเสวี่ยจัดการปล้นคลังสมบัติและคลังอาวุธรวมถึงหอตำราของตำหนักบุปผาจนเกลี้ยงเกลาภายในคืนเดียว ถึงจะยังไม่มีเวลาแยกแยะสมบัติที่ปล้นมาได้แต่เขาไม่ร้อนใจสักนิด เพียงเดินทอดน่องไปยังปากทางเข้าตำหนักบุปผาและผิวปากเป็นเพลงอย่างอารมณ์ดี แต่แล้วเขาก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าครอบพลังงานที่เป็นกำแพงปกคลุมอาณาเขตเทือกเขาหมื่นผกายังคงมีอยู่ดังเดิม มิได้สูญสลายหายไปดังครอบพลังงานย่อยอื่นๆ ภายในตำหนักบุปผา เมื่อลองยื่นมือไปแตะที่ครอบพลังงานนั้น คิ้วเข้มก็ขมวดเป็นปม เพราะเขาไม่อาจทะลุมันออกไปได้ หากออกไปไม่ได้ก็เท่ากับว่าเขาต้องถูกกักขังอยู่แต่ในนี้น่ะสิ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+