เคล็ดมารสยบภพ 4 มรดกตกทอดจากจอมมารรุ่นก่อน

Now you are reading เคล็ดมารสยบภพ Chapter 4 มรดกตกทอดจากจอมมารรุ่นก่อน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

            

หลังจากที่ทำความเข้าใจเกี่ยวกับเคล็ดจันทราวารีเสร็จ เฉินเสวี่ยก็ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งและมองไปรอบๆ ตัวด้วยความสงสัยใคร่รู้ เขาคิดว่าตนเองยังคงอยู่ในห้องๆ เดิมก่อนจะหมดสติไป เพราะสภาพห้องยังคงคล้ายคลึงกับห้องนั้นยิ่งนัก ทั้งขนาดของห้องและพื้นหิน รวมถึงบ่อน้ำตื้นๆ ตรงกลางห้องที่มีอักษรแกะสลักอยู่ตรงก้นบ่อ แต่นอกจากตนเองและร่างอันไร้ชีวิตของคนในครอบครัวแล้วเขากลับไม่เห็นร่องรอยของสิ่งมีชีวิตอื่นใดในนี้อีก เมื่อหันไปมองตรงประตูทางออกก็พบว่าเดิมที่เคยมีประตูทางเข้าออกห้องนี้อยู่แค่บานเดียว บัดนี้กลับมีประตูที่เหมือนกันกับประตูบานเดิมเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งบาน เพียงแต่บนประตูบานที่ปรากฏขึ้นมาใหม่บานนี้มีอักษรสลักเอาไว้ว่า “ประตูเฉพาะสำหรับจอมมาร”

นึกถึงเสียงที่ออกมาจากดวงจิตสุดท้ายของจอมมารเจ้าของสุสานได้กล่าวว่าหลังจากที่เขารับสืบทอดเคล็ดวิชาเรียบร้อยแล้วเขาจะกลายเป็นจอมมารรุ่นที่สิบห้า เด็กชายฉีกยิ้มชั่วร้าย ดี! นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปเขาจะทำตนให้ชั่วร้ายสมกับที่เป็นจอมมารอย่างที่อีกฝ่ายกล่าว

ว่าแล้วเฉินเสวี่ยก็เดินไปผลักประตูบานนั้นแล้วก้าวเข้าไปในห้วงมิติที่ถูกสร้างขึ้นมาให้เฉพาะผู้สืบทอดตำแหน่งจอมมารเช่นเขาเท่านั้น

เบื้องหลังบานประตูเป็นห้องที่มีลักษณะและขนาดเท่ากับห้องก่อนหน้าทุกประการ แต่กลับตกแต่งด้วยเครื่องเรือนและม่านพรมอันวิจิตรตระการตา เขาเดินไปที่ห้องต่างๆ ที่อยู่ติดกัน ก็พบว่าเบื้องหลังบานประตูบานนี้ประกอบด้วยห้องหับนับร้อยห้องตั้งอยู่ในตำแหน่งเดียวกับห้องทุกห้องในซากโบราณสถาน เพียงแต่ทุกห้องล้วนเต็มไปด้วยเครื่องเรือนและสมบัติมีค่านานัปการ เมื่อเขาเดินสำรวจมาจนถึงประตูทางออก เขาก็พบว่าห้องทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของหมู่อาคารขนาดใหญ่ที่สร้างด้วยหินศิลาน้ำแข็งสีดำ หินทุกก้อนล้วนแกะสลักเป็นลวดลายอักขระโบราณละเอียดซับซ้อนและสวยงามจนไม่น่าเชื่อว่าสร้างขึ้นด้วยน้ำมือมนุษย์ ด้านหน้าสุดของหมู่อาคารมีประตูใหญ่ ป้ายที่เหนือประตูสลักด้วยอักษรสีทองว่า “ตำหนักมาร”

ภายนอกตัวตำหนักมารล้อมรอบไปด้วยเนินเขาและลำธารน้ำตก ถัดออกไปเป็นหน้าผาสูงชันและผืนป่าเขียวขจี มีไอหมอกเย็นสดชื่นบางเบาลอยอ้อยอิ่งอยู่ทั่วบริเวณ

เฉินเสวี่ยก้าวเดินไปรอบๆ อาณาเขตตำหนักแห่งนั้นด้วยความระมัดระวังกึ่งอยากรู้อยากเห็น หมู่อาคารที่อยู่ภายในรั้วตำหนักรายล้อมไว้ด้วยสวนดอกไม้และธารน้ำตกที่แผ่ซ่านพลังปราณธาตุน้ำบริสุทธิ์ออกมาไม่ขาดสาย ผีเสื้อแสนสวยและนกหลากสีบินโฉบร่อนไปมาส่งสำเนียงขับขานเจื้อยแจ้วสวยงามราวกับแดนสวรรค์เก้าชั้นฟ้า

เมื่อเปิดเข้าไปในห้องโถงใหญ่ด้านหน้าสุดของตำหนัก เขาก็พบว่าบนยกพื้นด้านในสุดของห้องมีบัลลังก์ทองคำที่หรูหราและใหญ่โตตั้งอยู่หลังหนึ่ง และบนบัลลังก์นั้นถึงกับมีโครงกระดูกโปร่งใสราวกับแก้วผลึกสีฟ้าอ่อนนั่งอยู่โครงหนึ่งอีกด้วย เป็นโครงกระดูกผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ที่สวมใส่เสื้อผ้าอาภรณ์ที่หรูหราเสียยิ่งกว่าเชื้อพระวงศ์แห่งแคว้นเทียนซานเสียอีก ดูจากสภาพแล้วน่าจะตายมาไม่ต่ำกว่าหมื่นปีแล้วกระมัง เนื้อหนังถึงย่อยสลายไปจนไม่เหลือซากเช่นนี้ แต่น่าแปลกที่เสื้อผ้าอาภรณ์ที่โครงกระดูกโครงนี้สวมใส่อยู่กลับยังคงอยู่ในสภาพสวยงามใหม่เอี่ยม ไม่มีแม้กระทั่งรอยฝุ่นเกาะให้สกปรก

เฉินเสวี่ยเดาว่านี่คงจะเป็นโครงกระดูกของจอมมารรุ่นก่อนผู้ซึ่งเคยเป็นเจ้าของตำหนักมารแห่งนี้ เขาจึงเข้าไปคุกเข่าทำการคำนับอย่างเป็นทางการให้แก่โครงกระดูกนั้น แล้วค่อยๆ จัดการอุ้มเอามันลงมาเพื่อนำไปฝังพร้อมกับร่างของคนในครอบครัวของเขา สายตาของเขาพลันเหลือบไปเห็นแหวนมิติสองวงบนนิ้วมือขวาของโครงกระดูกจึงรูดพวกมันออกมาเก็บใส่กระเป๋าเสื้อเอาไว้ก่อนจะลากร่างไร้วิญญาณร่างนี้ไปฝังไว้ในสวนด้านหลังตำหนักติดกับของสุสานของคนครอบครัวเขา

หลังจากจัดการฝังศพของทุกคนเสร็จ เขาก็เริ่มออกเดินสำรวจห้องต่างๆ ในตำหนักอย่างละเอียดอีกรอบ ที่นี่มีตั้งแต่ห้องนอนใหญ่ ห้องนอนเล็ก ห้องเสื้อผ้า ห้องอาบน้ำ ห้องรับแขก ห้องอาหาร ห้องหนังสือขนาดใหญ่ ห้องเก็บยาและสมุนไพรหายาก คลังสมบัติที่เต็มไปด้วยทองคำและของล้ำค่าต่างๆ คุกใต้ดินขนาดใหญ่ที่มีกรงขังและเครื่องทรมานนักโทษ ห้องบ่าวรับใช้ ไปจนถึงห้องครัว ห้องส้วม และห้องเก็บฟืน สรุปว่ามีทุกอย่างครบครันและกว้างขวางใหญ่โตเสียยิ่งกว่าจวนตระกูลเฉินที่เขาเคยอาศัยอยู่เสียอีก กะๆ ดูแล้วที่นี่น่าจะใหญ่โตพอๆ กับตำหนักของฮ่องเต้ในวังเลยทีเดียว

ตอนที่เดินมาจนถึงห้องเสื้อผ้า เฉินเสวี่ยก็รื้อค้นจนได้เสื้อผ้าที่มีขนาดตัวพอที่เด็กหนุ่มอย่างเขาจะสวมใส่ออกมาผลัดเปลี่ยนแทนชุดที่ขาดรุ่งริ่งจนหมดสภาพของตนได้ชุดหนึ่ง ขณะเปลี่ยนเสื้อผ้าก็พบว่าหยกประดับของตนยังอยู่ดี ไม่ได้ตกหายไปไหน เขาลูบคลำมันอย่างเหม่อลอยคิดถึงคนในครอบครัวขึ้นมาอีกครา จิตใจพลันคุกรุ่นไปด้วยไฟแค้น ตนคงต้องรีบยกระดับพลังฝีมือให้สูงถึงขั้นปรมาจารย์ยุทธ์ให้เร็วที่สุด จะได้กลับไปแก้แค้นให้ทุกคนได้ไวๆ

ทั่วทั้งตำหนักนี้นอกจากโครงกระดูกจอมมารรุ่นก่อนที่เขานำไปฝังแล้ว เฉินเสวี่ยก็ไม่พบร่องรอยของมนุษย์อื่นใดอีก แม้ใจหนึ่งปรารถนาที่จะเริ่มต้นฝึกยุทธ์โดยเร็ว แต่ก็ตระหนักถึงข้อจำกัดที่ได้บอกเอาไว้ในเคล็ดวิชาที่ว่า หากทำการดูดซับพลังปราณจากธรรมชาติเข้าสู่ร่างกายแล้ว จำเป็นจะต้องหาร่างของผู้อื่นเตรียมเอาไว้สำหรับให้ตนได้ถ่ายเทกากพลังปรานส่วนเกินออกไป มิเช่นนั้นพลังปราณในร่างจะระเบิดจนตนเองต้องตกตายลง อีกทั้งเขาเองก็ยังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้เลยว่าจะต้องถ่ายกากพลังปราณในร่างออกไปด้วยวิธีการเช่นไร เขาจึงไม่อาจรีบร้อนฝึกปรือได้โดยไม่คิดหน้าคิดหลังได้

เฉินเสวี่ยเดินย้อนกลับเข้าไปที่ห้องหนังสือที่ก่อนหน้าได้ชะโงกหน้าเข้าไปดูเพียงคร่าวๆ เพื่อหาบันทึกหรือข้อความอะไรที่จอมมารรุ่นก่อนอาจจะเคยบันทึกเอาไว้เกี่ยวกับรายละเอียดการใช้เคล็ดวิชาจันทราวารี แล้วเขาก็พบกระดาษแผ่นหนึ่งที่เขียนด้วยลายมืออันยุ่งเหยิงเกี่ยวกับสิ่งที่ตนกำลังต้องการทราบวางอยู่บนโต๊ะโดยไม่ต้องเสียเวลาค้นหาที่อื่นให้เหนื่อยยาก

‘ถึงผู้สืบทอดของเราจอมมาร

หากเจ้าได้เข้ามาจนถึงห้องหนังสือในตำหนักหลังนี้และกำลังอ่านบันทึกฉบับนี้อยู่ นั่นก็แสดงว่าเจ้าคือผู้โชคดีที่ได้รับเลือกให้สืบทอดเคล็ดจันทราวารีต่อจากข้าจอมมารรุ่นที่ 14 ผู้นี้

ตลอดชีวิตอันยาวนานของข้า ล้วนกระทำแต่เรื่องโฉดชั่ว และข้าก็ภูมิใจในความโฉดชั่วสามานย์ของตนเองยิ่งนัก นี่จึงเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายในชีวิตจอมมารเช่นข้าที่ได้ลงมือเขียนบันทึกและตระเตรียมสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น เจ้าจงซาบซึ้งกับสิ่งนี้ซะ

ข้าเชื่อว่านิสัยโฉดชั่วเช่นข้านี้ย่อมมีอยู่ในจอมมารจันทราวารีทุกรุ่น ไม่เว้นแม้แต่ตัวเจ้าที่กำลังอ่านบันทึกม้วนนี้อยู่ก็เช่นกัน เพราะแนวทางในการฝึกเคล็ดวิชาจันทราวารีนี้เป็นหนึ่งในเคล็ดบำเพ็ญคู่ที่ใช้สำหรับแย่งชิงพลังปราณของผู้อื่น อีกทั้งยังส่งผลในการทำลายเส้นลมปราณของเตาบำเพ็ญผู้ที่มารับถ่ายเทกากพลังปราณส่วนเกินของพวกเราอีกด้วย ดังนั้นหากผู้ที่รับสืบทอดเคล็ดวิชานี้ไปมีจิตใจอ่อนแอไร้ความอำมหิตเห็นแก่ตัวก็คงไม่อาจหักใจทำร้ายผู้บริสุทธิ์ขณะฝึกเคล็ดวิชานี้ได้ และเคล็ดวิชานี้ก็คงจะไร้ประโยชน์

เอาล่ะ ในเมื่อเจ้ามาถึงจุดนี้ได้ ข้าก็คงไม่จำเป็นต้องมาพร่ำสอนเรื่องวิถีจอมมารอันใดให้วุ่นวายแล้ว ตัวข้าเองก็ได้รับการถ่ายทอดความรู้และได้รับมรดกตกทอดมาจากจอมมารรุ่นก่อนๆ มาไม่น้อย และเพื่อไม่ให้จอมมารรุ่นต่อจากข้าต้องทำให้ผู้อาวุโสมารรุ่นก่อนๆ ต้องอับอายขายขี้หน้า สมบัติและความรู้ทั้งหมดที่ข้าเคยครอบครองจึงขอยกให้กับเจ้านับแต่วันนี้เป็นต้นไป

คาดว่าก่อนที่เจ้าสาระเลวน้อยเช่นเจ้าจะสำรวจมาจนพบบันทึกม้วนนี้ เจ้าคงจะพบศพของข้าที่ห้องโถงใหญ่และยึดแหวนมิติทั้งสองวงจากศพข้ามาเป็นของตนเองเรียบร้อยแล้วกระมัง ฮะๆ ๆ ถ้าเจ้าไม่ยึดมันเป็นของตนเองข้าคงจะผิดหวังไม่น้อยที่ผู้สืบทอดเช่นเจ้ายังโฉดชั่วได้ไม่ถึงแก่นแท้

ในแหวนมิติทั้งสองวงนั้น วงสีดำเป็นแหวนสำหรับเปิดทางเชื่อมเข้ามาสู่ห้วงมิติแห่งนี้ พื้นที่ภายในห้วงมิติแห่งนี้มีขนาดกว้างประมาณแคว้นเล็กๆ แคว้นหนึ่ง น่าจะกว้างขวางเพียงพอให้เจ้าได้ใช้เก็บของได้มากเท่าที่เจ้าต้องการ ภูมิประเทศส่วนใหญ่ในนี้เป็นป่าเขาและลำธาร มีทะเลสาบน้อยใหญ่อยู่ทั้งหมดหกแห่ง หากมีเวลาว่างเจ้าก็ลองค่อยๆ หาเวลาออกไปสำรวจดูได้ด้วยตนเองได้

ก่อนหน้านี้ข้าและจอมมารรุ่นก่อนๆ เคยจับสัตว์อสูรหลายชนิดมาปล่อยให้พวกมันแพร่พันธุ์อยู่ในป่ารอบนอกตำหนักมาร แต่ก็ได้ทำการกางค่ายกลเวทป้องกันพื้นที่รอบๆ ตำหนักมารหลังนี้เอาไว้เพื่อไม่ให้พวกมันบุกเข้ามาทำลายหรือขโมยข้าวของภายในนี้ออกไปได้ ค่ายกลเวทนี้จะมีผลต่อสัตว์และมนุษย์ทุกคน ผู้ที่อยู่ภายในตำหนักออกไปเองไม่ได้ ผู้ที่อยู่ภายนอกก็เข้ามาเองไม่ได้ มีเพียงจอมมารอย่างพวกเราจึงจะเข้าออกได้อย่างอิสระและสามารถนำพาผู้อื่นเข้าหรือออกจากอาณาเขตค่ายกลพร้อมกับตนเองได้ ส่วนรายละเอียดและวิธีปรับเปลี่ยนหรือซ่อมแซมค่ายกล เจ้าก็ค่อยๆ ศึกษาด้วยตนเองเถิด ในห้องหนังสือแห่งนี้มีตำราเกี่ยวกับค่ายกลและสรรพวิชาอื่นๆ อยู่อีกมากมาย ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ทั้งสิ้น

เจ้าสามารถส่งคน สัตว์ และสิ่งของจากโลกภายนอกเข้ามาเก็บไว้ในห้วงมิตินี้ได้ตลอดเวลา เวลาในห้วงมิติแห่งนี้จะเดินช้ากว่าเวลาในโลกภายนอกถึงสองเท่า อีกทั้งแหล่งน้ำที่อยู่ในห้วงมิตินี้ทุกแหล่งก็เป็นน้ำที่มีไอปราณธาตุน้ำหนาแน่นกว่าโลกภายนอกมากนัก เพียงแค่เจ้าแช่ตัวในน้ำที่นี่แล้วโคจรลมปราณในร่างตามเคล็ดวิชาย่อยที่หนึ่งที่ชื่อว่าเคล็ดจันทราพิสุทธิ์เจ้าก็จะสามารถดูดซับพลังปราณธาตุน้ำเข้าสู่ร่างกายได้มากมายไร้ขีดจำกัด

ส่วนเรื่องการเตรียมเตาบำเพ็ญสำหรับรับการถ่ายเทกากพลังปราณส่วนเกินหลังจากดูดซับพลังปราณด้วยเคล็ดจันทราพิสุทธิ์นั้น ข้าได้ตระเตรียมเอาไว้ให้เจ้าเรียบร้อยแล้ว ร่างนั้นถูกเก็บอยู่ในแหวนมิติวงสีขาว ภายในแหวนมิติวงนั้นจะเป็นห้วงมิติที่เวลาหยุดนิ่ง ภายในมีขนาดกว้างใหญ่ประมาณห้าเท่าของขนาดตำหนักมารหลังนี้ เจ้าสามารถเก็บได้ทั้งคน สัตว์ และสิ่งของต่างๆ เช่นเดียวกันแหวนมิติวงสีดำ แต่ตัวเจ้าเองจะไม่สามารถเข้าไปในแหวนมิติวงนี้ได้ ข้าวของและสิ่งมีชีวิตทุกอย่างที่เก็บอยู่ในนั้นเมื่อเจ้านำมันออกมามันจะมีสภาพเหมือนกับตอนก่อนที่จะเก็บเข้าไปทุกประการ

ก่อนจะเปิดใช้แหวนมิติทั้งสองวงนี้ในคราแรก เจ้าจำเป็นต้องหยดเลือดของเจ้าลงไปบนแหวนแต่ละวงเพื่อทำการประทับตราโลหิต จากนั้นเจ้าก็จะเป็นเจ้าของพวกมันโดยสมบูรณ์ ตัวแหวนจะปรับขนาดให้พอดีกับขนาดนิ้วมือของเจ้าด้วยตัวมันเอง และถ้าเจ้ายังไม่ตาย จะไม่มีผู้ใดถอดแหวนทั้งสองวงนี้ออกจากนิ้วเจ้าได้ยกเว้นตัวเจ้าเอง

เรื่องการตระเตรียมสิ่งเหล่านี้เอาไว้ให้เจ้า เจ้าไม่จำเป็นต้องสำนึกขอบคุณอะไรข้าทั้งสิ้น ที่ต้องเตรียมเอาไว้ให้เจ้านี้หาใช่เพราะข้าเกิดเปลี่ยนนิสัยเป็นคนดีมีน้ำใจอันใดไม่ ข้าก็แค่ไม่สามารถทนเห็นผู้สืบทอดเช่นเจ้าต้องมาร่างระเบิดตายไปเสียตั้งแต่เริ่มดูดซับปราณครั้งแรกก็เท่านั้น จอมมารทุกรุ่นเมื่อได้รับการถ่ายทอดเคล็ดวิชาจันทราวารีแล้วจะต้องเริ่มฝึกยุทธ์ใหม่หมดตั้งแต่ขั้นรวบรวมปราณเช่นเดียวกันหมดทุกคน ผู้อาวุโสจอมมารรุ่นก่อนๆ จึงไม่เคยคาดหวังว่าด้วยฝีมือของผู้สืบทอดที่ไม่แตกต่างจากคนธรรมดาเช่นนี้จะมีปัญญาไปเสาะหาเตาบำเพ็ญดีๆ มาใช้สำหรับถ่ายเทกากพลังปราณส่วนเกินด้วยตนเองได้ ดังนั้นเรื่องการเตรียมเตาบำเพ็ญให้แก่ผู้สืบทอดนี้จึงเป็นประเพณีที่สืบสานกันต่อมารุ่นสู่รุ่น และเมื่อเจ้าใกล้จะตายก็ควรตระเตรียมสิ่งของจำเป็นทั้งหลายเหล่านี้เอาไว้ให้ผู้สืบทอดจอมมารรุ่นต่อจากเจ้าด้วยเช่นกัน

เตาบำเพ็ญที่ข้าเตรียมเอาไว้ให้เจ้านั้นเป็นร่างของสัตว์อสูรจิ้งจอกมายาบรรพกาลระดับสิบ ที่เพิ่งจะสามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้วันแรก ร่างของสัตว์อสูรจิ้งจอกมายาบรรพกาลเหล่านี้จะมีเส้นลมปราณที่แข็งแกร่งทนทานกว่าของมนุษย์และสัตว์อสูรทั่วไป เหมาะแก่การนำมาใช้รองรับกากพลังปราณพอดี แถมพวกมันยังสามารถย่อยเอากากพลังปราณที่ได้รับไปเพิ่มพลังฝีมือของพวกมันอีกด้วย ในโลกมีสัตว์อสูรเพียงไม่กี่ชนิดเท่านั้นที่ทำได้ดังนี้

เจ้าคงจะพอรู้ว่าสัตว์อสูรระดับสิบนั้น แข็งแกร่งเทียบเท่ากับผู้ฝึกยุทธ์ระดับปรมาจารย์ยุทธ์หนึ่งดาว ซึ่งฝีมือระดับพื้นฐานรวบรวมปราณหนึ่งดาวอย่างเจ้าในตอนนี้ไม่มีทางกำราบให้นางเชื่องได้ด้วยตนเองไปได้เลย ข้าจึงทำการฝังรอยโลหิตวารีของข้าลงบนวิญญาณของนางให้เรียบร้อยแล้ว แต่เนื่องจากโลหิตวารีที่ใช้ฝังลงไปเป็นของข้ามิใช่ของเจ้า เจ้าจึงยังไม่อาจสั่งการและควบคุมร่างกายหรือความรู้สึกนึกคิดของนางได้ทั้งหมด แต่ถึงอย่างไรในกายเจ้าก็มีโลหิตหัวใจของข้าอยู่ จึงส่งผลให้นางเกรงกลัวเจ้าระดับหนึ่ง รอจนเจ้าสามารถฝังรอยโลหิตวารีของตนลงบนวิญญาณของนางทับรอยของข้าได้เมื่อไหร่ นางจึงจะกลายมาเป็นทาสรับใช้ที่ซื่อสัตย์เชื่อฟังเจ้าอย่างแท้จริง

นอกจากจิ้งจอกมายาบรรพกาลแล้ว สัตว์อสูรชนิดอื่นๆ ที่ข้านำมาปล่อยทิ้งเอาไว้ในห้วงมิติแห่งนี้ล้วนมีร่างกายที่ทนทานเหมาะสมต่อการนำมาใช้ถ่ายเทกากปราณทั้งสิ้น เพียงแต่พวกมันส่วนมากไม่อาจย่อยเอากากปราณที่รับเข้าไปมาเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวพวกมันได้แบบเผ่าพันธุ์จิ้งจอกมายาบรรพกาล หากเจ้าเบื่อจิ้งจอกตนนี้ก็สามารถออกไปล่าสัตว์อสูรตนอื่นๆ ในป่ามาทดลองใช้แทนนางได้ทุกเมื่อ

เจ้าอาจจะสงสัยเรื่องวิธีการในการถ่ายเทกากปราณ เพราะในเคล็ดวิชามิได้กล่าวถึงเรื่องนี้อย่างละเอียดสักเท่าใด ความจริงเมื่อเจ้าฝึกเคล็ดจันทราพิสุทธิ์ด้วยตนเองแล้วต่อให้ไม่มีใครอธิบาย เจ้าก็จะเข้าใจได้ด้วยตนเอง เพราะมันเป็นวิธีธรรมชาติที่ไม่มีความยุ่งยากซับซ้อนอันใดเลย

นอกเหนือจากเรื่องนี้แล้ว การฝึกเคล็ดจันทราวารีในส่วนอื่นๆ หามีอันตรายถึงชีวิตใดๆ ไม่ ดังนั้นข้าคงไม่จำเป็นที่จะต้องสาธยายอันใดให้มากความแล้ว ขอให้เจ้าได้ก้าวขึ้นไปยืนบนจุดสูงสุดของโลกเช่นเดียวกับจอมมารทุกๆ รุ่นที่ผ่านมา อย่าทำให้พวกเราบรรพชนมารผิดหวังเสียเล่า ฮ่าๆ ๆ ๆ’

เฉินเสวี่ยอ่านมาจาถึงช่วงท้ายๆ ของม้วนบันทึกแล้วก็พอจะเดาได้เลาๆ ว่าการถ่ายเทกากปราณต้องทำอย่างไร เพราะผู้ฝึกยุทธ์แทบทุกคนล้วนทราบกันดีทั้งนั้นว่าในการฝึกเคล็ดบำเพ็ญคู่ คำว่าเตาบำเพ็ญก็หมายถึงหญิงสาวที่ผู้บำเพ็ญจะทำการร่วมเพศด้วยระหว่างการบำเพ็ญตบะ แค่คิดเฉินเสวี่ยก็หน้าแดงก่ำ ต่อให้บัดนี้หัวใจของเขาดำมืดเพราะความแค้นเพียงใด เขาก็ยังคงเป็นเพียงเด็กหนุ่มอายุสิบสี่ปีที่ไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องบนเตียงมาก่อน จึงอดที่จะประหม่าจนเหงื่อตกไม่ได้

เขาหยิบแหวนมิติทั้งสองวงออกมามองดูแล้วทำการหยดเลือดของตนเองลงไป เลือดของเขาค่อยๆ ซึมเข้าไปในตัวแหวน แล้วแหวนทั้งสองวงก็เรืองแสงสีฟ้านวลตาออกมา เมื่อเขาสวมพวกมันลงไปบนนิ้วมือ พวกมันก็ค่อยๆ หดตัวลงและรัดพอดีกับขนาดนิ้วของเขา ใบหน้าคมคายของเด็กชายระบายยิ้มออกมาด้วยความพอใจ สิ่งที่ได้รับตกทอดมาจากจอมมารรุ่นก่อนนับว่ามีมูลค่ามหาศาลยิ่งนัก ทั้งสมบัติที่ล้นทะลักเป็นภูเขาเลากาในห้องเก็บสมบัติของตำหนัก ทั้งยาลูกกลอนและสมุนไพรล้ำค่าหายากต่างๆ รวมถึงแหวนมิติสองวงนี้ ตอนนี้เขาก็มีต้นทุนที่จะช่วยให้แก้แค้นได้อย่างสะดวกสบายแล้ว เหลือเพียงแค่ต้องเร่งพัฒนาฝีมือของตนเองให้สูงกว่าพวกศัตรูก็เป็นอันมั่นใจได้ถึงเก้าส่วนแล้วว่าการแก้แค้นของตนจะสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี

เอาล่ะ ในเมื่อทุกสิ่งก็มีพร้อมหมดแล้ว คงถึงเวลาที่จะเริ่มฝึกยุทธ์ได้สักที

เฉินเสวี่ยเดินไปยังห้องอาบน้ำของตำหนักที่อยู่ติดกับห้องนอนใหญ่ ภายในมีสระน้ำสำหรับลงไปนั่งแช่ตัวที่กว้างขวางสะดวกสบายอยู่สระหนึ่ง น้ำในสระถูกสูบเข้ามาจากลำธารภายนอก กระแสน้ำใส่สะอาดพวยพุ่งออกมาจากหินแกะสลักเป็นรูปปากมังกรที่ประดับอยู่บนผนังตลอดเวลา ตรงขอบสระด้านหนึ่งมีช่องทางระบายน้ำส่วนเกินออกไปจากสระ ผู้ที่สร้างสระน้ำนี้คงจะทราบเป็นอย่างดีว่าสระจะถูกใช้เพื่อดูดซับพลังปราณจากธรรมชาติเป็นหลัก จึงออกแบบมาให้มีการหมุนเวียนเปลี่ยนถ่ายน้ำในสระตลอดเวลา เพื่อที่พลังปราณธรรมชาติในน้ำจะได้ไหลเติมเต็มเข้ามาในสระได้อย่างไม่ขาดสาย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เคล็ดมารสยบภพ 4 มรดกตกทอดจากจอมมารรุ่นก่อน

Now you are reading เคล็ดมารสยบภพ Chapter 4 มรดกตกทอดจากจอมมารรุ่นก่อน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

            

หลังจากที่ทำความเข้าใจเกี่ยวกับเคล็ดจันทราวารีเสร็จ เฉินเสวี่ยก็ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งและมองไปรอบๆ ตัวด้วยความสงสัยใคร่รู้ เขาคิดว่าตนเองยังคงอยู่ในห้องๆ เดิมก่อนจะหมดสติไป เพราะสภาพห้องยังคงคล้ายคลึงกับห้องนั้นยิ่งนัก ทั้งขนาดของห้องและพื้นหิน รวมถึงบ่อน้ำตื้นๆ ตรงกลางห้องที่มีอักษรแกะสลักอยู่ตรงก้นบ่อ แต่นอกจากตนเองและร่างอันไร้ชีวิตของคนในครอบครัวแล้วเขากลับไม่เห็นร่องรอยของสิ่งมีชีวิตอื่นใดในนี้อีก เมื่อหันไปมองตรงประตูทางออกก็พบว่าเดิมที่เคยมีประตูทางเข้าออกห้องนี้อยู่แค่บานเดียว บัดนี้กลับมีประตูที่เหมือนกันกับประตูบานเดิมเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งบาน เพียงแต่บนประตูบานที่ปรากฏขึ้นมาใหม่บานนี้มีอักษรสลักเอาไว้ว่า “ประตูเฉพาะสำหรับจอมมาร”

นึกถึงเสียงที่ออกมาจากดวงจิตสุดท้ายของจอมมารเจ้าของสุสานได้กล่าวว่าหลังจากที่เขารับสืบทอดเคล็ดวิชาเรียบร้อยแล้วเขาจะกลายเป็นจอมมารรุ่นที่สิบห้า เด็กชายฉีกยิ้มชั่วร้าย ดี! นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปเขาจะทำตนให้ชั่วร้ายสมกับที่เป็นจอมมารอย่างที่อีกฝ่ายกล่าว

ว่าแล้วเฉินเสวี่ยก็เดินไปผลักประตูบานนั้นแล้วก้าวเข้าไปในห้วงมิติที่ถูกสร้างขึ้นมาให้เฉพาะผู้สืบทอดตำแหน่งจอมมารเช่นเขาเท่านั้น

เบื้องหลังบานประตูเป็นห้องที่มีลักษณะและขนาดเท่ากับห้องก่อนหน้าทุกประการ แต่กลับตกแต่งด้วยเครื่องเรือนและม่านพรมอันวิจิตรตระการตา เขาเดินไปที่ห้องต่างๆ ที่อยู่ติดกัน ก็พบว่าเบื้องหลังบานประตูบานนี้ประกอบด้วยห้องหับนับร้อยห้องตั้งอยู่ในตำแหน่งเดียวกับห้องทุกห้องในซากโบราณสถาน เพียงแต่ทุกห้องล้วนเต็มไปด้วยเครื่องเรือนและสมบัติมีค่านานัปการ เมื่อเขาเดินสำรวจมาจนถึงประตูทางออก เขาก็พบว่าห้องทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของหมู่อาคารขนาดใหญ่ที่สร้างด้วยหินศิลาน้ำแข็งสีดำ หินทุกก้อนล้วนแกะสลักเป็นลวดลายอักขระโบราณละเอียดซับซ้อนและสวยงามจนไม่น่าเชื่อว่าสร้างขึ้นด้วยน้ำมือมนุษย์ ด้านหน้าสุดของหมู่อาคารมีประตูใหญ่ ป้ายที่เหนือประตูสลักด้วยอักษรสีทองว่า “ตำหนักมาร”

ภายนอกตัวตำหนักมารล้อมรอบไปด้วยเนินเขาและลำธารน้ำตก ถัดออกไปเป็นหน้าผาสูงชันและผืนป่าเขียวขจี มีไอหมอกเย็นสดชื่นบางเบาลอยอ้อยอิ่งอยู่ทั่วบริเวณ

เฉินเสวี่ยก้าวเดินไปรอบๆ อาณาเขตตำหนักแห่งนั้นด้วยความระมัดระวังกึ่งอยากรู้อยากเห็น หมู่อาคารที่อยู่ภายในรั้วตำหนักรายล้อมไว้ด้วยสวนดอกไม้และธารน้ำตกที่แผ่ซ่านพลังปราณธาตุน้ำบริสุทธิ์ออกมาไม่ขาดสาย ผีเสื้อแสนสวยและนกหลากสีบินโฉบร่อนไปมาส่งสำเนียงขับขานเจื้อยแจ้วสวยงามราวกับแดนสวรรค์เก้าชั้นฟ้า

เมื่อเปิดเข้าไปในห้องโถงใหญ่ด้านหน้าสุดของตำหนัก เขาก็พบว่าบนยกพื้นด้านในสุดของห้องมีบัลลังก์ทองคำที่หรูหราและใหญ่โตตั้งอยู่หลังหนึ่ง และบนบัลลังก์นั้นถึงกับมีโครงกระดูกโปร่งใสราวกับแก้วผลึกสีฟ้าอ่อนนั่งอยู่โครงหนึ่งอีกด้วย เป็นโครงกระดูกผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ที่สวมใส่เสื้อผ้าอาภรณ์ที่หรูหราเสียยิ่งกว่าเชื้อพระวงศ์แห่งแคว้นเทียนซานเสียอีก ดูจากสภาพแล้วน่าจะตายมาไม่ต่ำกว่าหมื่นปีแล้วกระมัง เนื้อหนังถึงย่อยสลายไปจนไม่เหลือซากเช่นนี้ แต่น่าแปลกที่เสื้อผ้าอาภรณ์ที่โครงกระดูกโครงนี้สวมใส่อยู่กลับยังคงอยู่ในสภาพสวยงามใหม่เอี่ยม ไม่มีแม้กระทั่งรอยฝุ่นเกาะให้สกปรก

เฉินเสวี่ยเดาว่านี่คงจะเป็นโครงกระดูกของจอมมารรุ่นก่อนผู้ซึ่งเคยเป็นเจ้าของตำหนักมารแห่งนี้ เขาจึงเข้าไปคุกเข่าทำการคำนับอย่างเป็นทางการให้แก่โครงกระดูกนั้น แล้วค่อยๆ จัดการอุ้มเอามันลงมาเพื่อนำไปฝังพร้อมกับร่างของคนในครอบครัวของเขา สายตาของเขาพลันเหลือบไปเห็นแหวนมิติสองวงบนนิ้วมือขวาของโครงกระดูกจึงรูดพวกมันออกมาเก็บใส่กระเป๋าเสื้อเอาไว้ก่อนจะลากร่างไร้วิญญาณร่างนี้ไปฝังไว้ในสวนด้านหลังตำหนักติดกับของสุสานของคนครอบครัวเขา

หลังจากจัดการฝังศพของทุกคนเสร็จ เขาก็เริ่มออกเดินสำรวจห้องต่างๆ ในตำหนักอย่างละเอียดอีกรอบ ที่นี่มีตั้งแต่ห้องนอนใหญ่ ห้องนอนเล็ก ห้องเสื้อผ้า ห้องอาบน้ำ ห้องรับแขก ห้องอาหาร ห้องหนังสือขนาดใหญ่ ห้องเก็บยาและสมุนไพรหายาก คลังสมบัติที่เต็มไปด้วยทองคำและของล้ำค่าต่างๆ คุกใต้ดินขนาดใหญ่ที่มีกรงขังและเครื่องทรมานนักโทษ ห้องบ่าวรับใช้ ไปจนถึงห้องครัว ห้องส้วม และห้องเก็บฟืน สรุปว่ามีทุกอย่างครบครันและกว้างขวางใหญ่โตเสียยิ่งกว่าจวนตระกูลเฉินที่เขาเคยอาศัยอยู่เสียอีก กะๆ ดูแล้วที่นี่น่าจะใหญ่โตพอๆ กับตำหนักของฮ่องเต้ในวังเลยทีเดียว

ตอนที่เดินมาจนถึงห้องเสื้อผ้า เฉินเสวี่ยก็รื้อค้นจนได้เสื้อผ้าที่มีขนาดตัวพอที่เด็กหนุ่มอย่างเขาจะสวมใส่ออกมาผลัดเปลี่ยนแทนชุดที่ขาดรุ่งริ่งจนหมดสภาพของตนได้ชุดหนึ่ง ขณะเปลี่ยนเสื้อผ้าก็พบว่าหยกประดับของตนยังอยู่ดี ไม่ได้ตกหายไปไหน เขาลูบคลำมันอย่างเหม่อลอยคิดถึงคนในครอบครัวขึ้นมาอีกครา จิตใจพลันคุกรุ่นไปด้วยไฟแค้น ตนคงต้องรีบยกระดับพลังฝีมือให้สูงถึงขั้นปรมาจารย์ยุทธ์ให้เร็วที่สุด จะได้กลับไปแก้แค้นให้ทุกคนได้ไวๆ

ทั่วทั้งตำหนักนี้นอกจากโครงกระดูกจอมมารรุ่นก่อนที่เขานำไปฝังแล้ว เฉินเสวี่ยก็ไม่พบร่องรอยของมนุษย์อื่นใดอีก แม้ใจหนึ่งปรารถนาที่จะเริ่มต้นฝึกยุทธ์โดยเร็ว แต่ก็ตระหนักถึงข้อจำกัดที่ได้บอกเอาไว้ในเคล็ดวิชาที่ว่า หากทำการดูดซับพลังปราณจากธรรมชาติเข้าสู่ร่างกายแล้ว จำเป็นจะต้องหาร่างของผู้อื่นเตรียมเอาไว้สำหรับให้ตนได้ถ่ายเทกากพลังปรานส่วนเกินออกไป มิเช่นนั้นพลังปราณในร่างจะระเบิดจนตนเองต้องตกตายลง อีกทั้งเขาเองก็ยังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้เลยว่าจะต้องถ่ายกากพลังปราณในร่างออกไปด้วยวิธีการเช่นไร เขาจึงไม่อาจรีบร้อนฝึกปรือได้โดยไม่คิดหน้าคิดหลังได้

เฉินเสวี่ยเดินย้อนกลับเข้าไปที่ห้องหนังสือที่ก่อนหน้าได้ชะโงกหน้าเข้าไปดูเพียงคร่าวๆ เพื่อหาบันทึกหรือข้อความอะไรที่จอมมารรุ่นก่อนอาจจะเคยบันทึกเอาไว้เกี่ยวกับรายละเอียดการใช้เคล็ดวิชาจันทราวารี แล้วเขาก็พบกระดาษแผ่นหนึ่งที่เขียนด้วยลายมืออันยุ่งเหยิงเกี่ยวกับสิ่งที่ตนกำลังต้องการทราบวางอยู่บนโต๊ะโดยไม่ต้องเสียเวลาค้นหาที่อื่นให้เหนื่อยยาก

‘ถึงผู้สืบทอดของเราจอมมาร

หากเจ้าได้เข้ามาจนถึงห้องหนังสือในตำหนักหลังนี้และกำลังอ่านบันทึกฉบับนี้อยู่ นั่นก็แสดงว่าเจ้าคือผู้โชคดีที่ได้รับเลือกให้สืบทอดเคล็ดจันทราวารีต่อจากข้าจอมมารรุ่นที่ 14 ผู้นี้

ตลอดชีวิตอันยาวนานของข้า ล้วนกระทำแต่เรื่องโฉดชั่ว และข้าก็ภูมิใจในความโฉดชั่วสามานย์ของตนเองยิ่งนัก นี่จึงเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายในชีวิตจอมมารเช่นข้าที่ได้ลงมือเขียนบันทึกและตระเตรียมสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น เจ้าจงซาบซึ้งกับสิ่งนี้ซะ

ข้าเชื่อว่านิสัยโฉดชั่วเช่นข้านี้ย่อมมีอยู่ในจอมมารจันทราวารีทุกรุ่น ไม่เว้นแม้แต่ตัวเจ้าที่กำลังอ่านบันทึกม้วนนี้อยู่ก็เช่นกัน เพราะแนวทางในการฝึกเคล็ดวิชาจันทราวารีนี้เป็นหนึ่งในเคล็ดบำเพ็ญคู่ที่ใช้สำหรับแย่งชิงพลังปราณของผู้อื่น อีกทั้งยังส่งผลในการทำลายเส้นลมปราณของเตาบำเพ็ญผู้ที่มารับถ่ายเทกากพลังปราณส่วนเกินของพวกเราอีกด้วย ดังนั้นหากผู้ที่รับสืบทอดเคล็ดวิชานี้ไปมีจิตใจอ่อนแอไร้ความอำมหิตเห็นแก่ตัวก็คงไม่อาจหักใจทำร้ายผู้บริสุทธิ์ขณะฝึกเคล็ดวิชานี้ได้ และเคล็ดวิชานี้ก็คงจะไร้ประโยชน์

เอาล่ะ ในเมื่อเจ้ามาถึงจุดนี้ได้ ข้าก็คงไม่จำเป็นต้องมาพร่ำสอนเรื่องวิถีจอมมารอันใดให้วุ่นวายแล้ว ตัวข้าเองก็ได้รับการถ่ายทอดความรู้และได้รับมรดกตกทอดมาจากจอมมารรุ่นก่อนๆ มาไม่น้อย และเพื่อไม่ให้จอมมารรุ่นต่อจากข้าต้องทำให้ผู้อาวุโสมารรุ่นก่อนๆ ต้องอับอายขายขี้หน้า สมบัติและความรู้ทั้งหมดที่ข้าเคยครอบครองจึงขอยกให้กับเจ้านับแต่วันนี้เป็นต้นไป

คาดว่าก่อนที่เจ้าสาระเลวน้อยเช่นเจ้าจะสำรวจมาจนพบบันทึกม้วนนี้ เจ้าคงจะพบศพของข้าที่ห้องโถงใหญ่และยึดแหวนมิติทั้งสองวงจากศพข้ามาเป็นของตนเองเรียบร้อยแล้วกระมัง ฮะๆ ๆ ถ้าเจ้าไม่ยึดมันเป็นของตนเองข้าคงจะผิดหวังไม่น้อยที่ผู้สืบทอดเช่นเจ้ายังโฉดชั่วได้ไม่ถึงแก่นแท้

ในแหวนมิติทั้งสองวงนั้น วงสีดำเป็นแหวนสำหรับเปิดทางเชื่อมเข้ามาสู่ห้วงมิติแห่งนี้ พื้นที่ภายในห้วงมิติแห่งนี้มีขนาดกว้างประมาณแคว้นเล็กๆ แคว้นหนึ่ง น่าจะกว้างขวางเพียงพอให้เจ้าได้ใช้เก็บของได้มากเท่าที่เจ้าต้องการ ภูมิประเทศส่วนใหญ่ในนี้เป็นป่าเขาและลำธาร มีทะเลสาบน้อยใหญ่อยู่ทั้งหมดหกแห่ง หากมีเวลาว่างเจ้าก็ลองค่อยๆ หาเวลาออกไปสำรวจดูได้ด้วยตนเองได้

ก่อนหน้านี้ข้าและจอมมารรุ่นก่อนๆ เคยจับสัตว์อสูรหลายชนิดมาปล่อยให้พวกมันแพร่พันธุ์อยู่ในป่ารอบนอกตำหนักมาร แต่ก็ได้ทำการกางค่ายกลเวทป้องกันพื้นที่รอบๆ ตำหนักมารหลังนี้เอาไว้เพื่อไม่ให้พวกมันบุกเข้ามาทำลายหรือขโมยข้าวของภายในนี้ออกไปได้ ค่ายกลเวทนี้จะมีผลต่อสัตว์และมนุษย์ทุกคน ผู้ที่อยู่ภายในตำหนักออกไปเองไม่ได้ ผู้ที่อยู่ภายนอกก็เข้ามาเองไม่ได้ มีเพียงจอมมารอย่างพวกเราจึงจะเข้าออกได้อย่างอิสระและสามารถนำพาผู้อื่นเข้าหรือออกจากอาณาเขตค่ายกลพร้อมกับตนเองได้ ส่วนรายละเอียดและวิธีปรับเปลี่ยนหรือซ่อมแซมค่ายกล เจ้าก็ค่อยๆ ศึกษาด้วยตนเองเถิด ในห้องหนังสือแห่งนี้มีตำราเกี่ยวกับค่ายกลและสรรพวิชาอื่นๆ อยู่อีกมากมาย ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ทั้งสิ้น

เจ้าสามารถส่งคน สัตว์ และสิ่งของจากโลกภายนอกเข้ามาเก็บไว้ในห้วงมิตินี้ได้ตลอดเวลา เวลาในห้วงมิติแห่งนี้จะเดินช้ากว่าเวลาในโลกภายนอกถึงสองเท่า อีกทั้งแหล่งน้ำที่อยู่ในห้วงมิตินี้ทุกแหล่งก็เป็นน้ำที่มีไอปราณธาตุน้ำหนาแน่นกว่าโลกภายนอกมากนัก เพียงแค่เจ้าแช่ตัวในน้ำที่นี่แล้วโคจรลมปราณในร่างตามเคล็ดวิชาย่อยที่หนึ่งที่ชื่อว่าเคล็ดจันทราพิสุทธิ์เจ้าก็จะสามารถดูดซับพลังปราณธาตุน้ำเข้าสู่ร่างกายได้มากมายไร้ขีดจำกัด

ส่วนเรื่องการเตรียมเตาบำเพ็ญสำหรับรับการถ่ายเทกากพลังปราณส่วนเกินหลังจากดูดซับพลังปราณด้วยเคล็ดจันทราพิสุทธิ์นั้น ข้าได้ตระเตรียมเอาไว้ให้เจ้าเรียบร้อยแล้ว ร่างนั้นถูกเก็บอยู่ในแหวนมิติวงสีขาว ภายในแหวนมิติวงนั้นจะเป็นห้วงมิติที่เวลาหยุดนิ่ง ภายในมีขนาดกว้างใหญ่ประมาณห้าเท่าของขนาดตำหนักมารหลังนี้ เจ้าสามารถเก็บได้ทั้งคน สัตว์ และสิ่งของต่างๆ เช่นเดียวกันแหวนมิติวงสีดำ แต่ตัวเจ้าเองจะไม่สามารถเข้าไปในแหวนมิติวงนี้ได้ ข้าวของและสิ่งมีชีวิตทุกอย่างที่เก็บอยู่ในนั้นเมื่อเจ้านำมันออกมามันจะมีสภาพเหมือนกับตอนก่อนที่จะเก็บเข้าไปทุกประการ

ก่อนจะเปิดใช้แหวนมิติทั้งสองวงนี้ในคราแรก เจ้าจำเป็นต้องหยดเลือดของเจ้าลงไปบนแหวนแต่ละวงเพื่อทำการประทับตราโลหิต จากนั้นเจ้าก็จะเป็นเจ้าของพวกมันโดยสมบูรณ์ ตัวแหวนจะปรับขนาดให้พอดีกับขนาดนิ้วมือของเจ้าด้วยตัวมันเอง และถ้าเจ้ายังไม่ตาย จะไม่มีผู้ใดถอดแหวนทั้งสองวงนี้ออกจากนิ้วเจ้าได้ยกเว้นตัวเจ้าเอง

เรื่องการตระเตรียมสิ่งเหล่านี้เอาไว้ให้เจ้า เจ้าไม่จำเป็นต้องสำนึกขอบคุณอะไรข้าทั้งสิ้น ที่ต้องเตรียมเอาไว้ให้เจ้านี้หาใช่เพราะข้าเกิดเปลี่ยนนิสัยเป็นคนดีมีน้ำใจอันใดไม่ ข้าก็แค่ไม่สามารถทนเห็นผู้สืบทอดเช่นเจ้าต้องมาร่างระเบิดตายไปเสียตั้งแต่เริ่มดูดซับปราณครั้งแรกก็เท่านั้น จอมมารทุกรุ่นเมื่อได้รับการถ่ายทอดเคล็ดวิชาจันทราวารีแล้วจะต้องเริ่มฝึกยุทธ์ใหม่หมดตั้งแต่ขั้นรวบรวมปราณเช่นเดียวกันหมดทุกคน ผู้อาวุโสจอมมารรุ่นก่อนๆ จึงไม่เคยคาดหวังว่าด้วยฝีมือของผู้สืบทอดที่ไม่แตกต่างจากคนธรรมดาเช่นนี้จะมีปัญญาไปเสาะหาเตาบำเพ็ญดีๆ มาใช้สำหรับถ่ายเทกากพลังปราณส่วนเกินด้วยตนเองได้ ดังนั้นเรื่องการเตรียมเตาบำเพ็ญให้แก่ผู้สืบทอดนี้จึงเป็นประเพณีที่สืบสานกันต่อมารุ่นสู่รุ่น และเมื่อเจ้าใกล้จะตายก็ควรตระเตรียมสิ่งของจำเป็นทั้งหลายเหล่านี้เอาไว้ให้ผู้สืบทอดจอมมารรุ่นต่อจากเจ้าด้วยเช่นกัน

เตาบำเพ็ญที่ข้าเตรียมเอาไว้ให้เจ้านั้นเป็นร่างของสัตว์อสูรจิ้งจอกมายาบรรพกาลระดับสิบ ที่เพิ่งจะสามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้วันแรก ร่างของสัตว์อสูรจิ้งจอกมายาบรรพกาลเหล่านี้จะมีเส้นลมปราณที่แข็งแกร่งทนทานกว่าของมนุษย์และสัตว์อสูรทั่วไป เหมาะแก่การนำมาใช้รองรับกากพลังปราณพอดี แถมพวกมันยังสามารถย่อยเอากากพลังปราณที่ได้รับไปเพิ่มพลังฝีมือของพวกมันอีกด้วย ในโลกมีสัตว์อสูรเพียงไม่กี่ชนิดเท่านั้นที่ทำได้ดังนี้

เจ้าคงจะพอรู้ว่าสัตว์อสูรระดับสิบนั้น แข็งแกร่งเทียบเท่ากับผู้ฝึกยุทธ์ระดับปรมาจารย์ยุทธ์หนึ่งดาว ซึ่งฝีมือระดับพื้นฐานรวบรวมปราณหนึ่งดาวอย่างเจ้าในตอนนี้ไม่มีทางกำราบให้นางเชื่องได้ด้วยตนเองไปได้เลย ข้าจึงทำการฝังรอยโลหิตวารีของข้าลงบนวิญญาณของนางให้เรียบร้อยแล้ว แต่เนื่องจากโลหิตวารีที่ใช้ฝังลงไปเป็นของข้ามิใช่ของเจ้า เจ้าจึงยังไม่อาจสั่งการและควบคุมร่างกายหรือความรู้สึกนึกคิดของนางได้ทั้งหมด แต่ถึงอย่างไรในกายเจ้าก็มีโลหิตหัวใจของข้าอยู่ จึงส่งผลให้นางเกรงกลัวเจ้าระดับหนึ่ง รอจนเจ้าสามารถฝังรอยโลหิตวารีของตนลงบนวิญญาณของนางทับรอยของข้าได้เมื่อไหร่ นางจึงจะกลายมาเป็นทาสรับใช้ที่ซื่อสัตย์เชื่อฟังเจ้าอย่างแท้จริง

นอกจากจิ้งจอกมายาบรรพกาลแล้ว สัตว์อสูรชนิดอื่นๆ ที่ข้านำมาปล่อยทิ้งเอาไว้ในห้วงมิติแห่งนี้ล้วนมีร่างกายที่ทนทานเหมาะสมต่อการนำมาใช้ถ่ายเทกากปราณทั้งสิ้น เพียงแต่พวกมันส่วนมากไม่อาจย่อยเอากากปราณที่รับเข้าไปมาเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวพวกมันได้แบบเผ่าพันธุ์จิ้งจอกมายาบรรพกาล หากเจ้าเบื่อจิ้งจอกตนนี้ก็สามารถออกไปล่าสัตว์อสูรตนอื่นๆ ในป่ามาทดลองใช้แทนนางได้ทุกเมื่อ

เจ้าอาจจะสงสัยเรื่องวิธีการในการถ่ายเทกากปราณ เพราะในเคล็ดวิชามิได้กล่าวถึงเรื่องนี้อย่างละเอียดสักเท่าใด ความจริงเมื่อเจ้าฝึกเคล็ดจันทราพิสุทธิ์ด้วยตนเองแล้วต่อให้ไม่มีใครอธิบาย เจ้าก็จะเข้าใจได้ด้วยตนเอง เพราะมันเป็นวิธีธรรมชาติที่ไม่มีความยุ่งยากซับซ้อนอันใดเลย

นอกเหนือจากเรื่องนี้แล้ว การฝึกเคล็ดจันทราวารีในส่วนอื่นๆ หามีอันตรายถึงชีวิตใดๆ ไม่ ดังนั้นข้าคงไม่จำเป็นที่จะต้องสาธยายอันใดให้มากความแล้ว ขอให้เจ้าได้ก้าวขึ้นไปยืนบนจุดสูงสุดของโลกเช่นเดียวกับจอมมารทุกๆ รุ่นที่ผ่านมา อย่าทำให้พวกเราบรรพชนมารผิดหวังเสียเล่า ฮ่าๆ ๆ ๆ’

เฉินเสวี่ยอ่านมาจาถึงช่วงท้ายๆ ของม้วนบันทึกแล้วก็พอจะเดาได้เลาๆ ว่าการถ่ายเทกากปราณต้องทำอย่างไร เพราะผู้ฝึกยุทธ์แทบทุกคนล้วนทราบกันดีทั้งนั้นว่าในการฝึกเคล็ดบำเพ็ญคู่ คำว่าเตาบำเพ็ญก็หมายถึงหญิงสาวที่ผู้บำเพ็ญจะทำการร่วมเพศด้วยระหว่างการบำเพ็ญตบะ แค่คิดเฉินเสวี่ยก็หน้าแดงก่ำ ต่อให้บัดนี้หัวใจของเขาดำมืดเพราะความแค้นเพียงใด เขาก็ยังคงเป็นเพียงเด็กหนุ่มอายุสิบสี่ปีที่ไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องบนเตียงมาก่อน จึงอดที่จะประหม่าจนเหงื่อตกไม่ได้

เขาหยิบแหวนมิติทั้งสองวงออกมามองดูแล้วทำการหยดเลือดของตนเองลงไป เลือดของเขาค่อยๆ ซึมเข้าไปในตัวแหวน แล้วแหวนทั้งสองวงก็เรืองแสงสีฟ้านวลตาออกมา เมื่อเขาสวมพวกมันลงไปบนนิ้วมือ พวกมันก็ค่อยๆ หดตัวลงและรัดพอดีกับขนาดนิ้วของเขา ใบหน้าคมคายของเด็กชายระบายยิ้มออกมาด้วยความพอใจ สิ่งที่ได้รับตกทอดมาจากจอมมารรุ่นก่อนนับว่ามีมูลค่ามหาศาลยิ่งนัก ทั้งสมบัติที่ล้นทะลักเป็นภูเขาเลากาในห้องเก็บสมบัติของตำหนัก ทั้งยาลูกกลอนและสมุนไพรล้ำค่าหายากต่างๆ รวมถึงแหวนมิติสองวงนี้ ตอนนี้เขาก็มีต้นทุนที่จะช่วยให้แก้แค้นได้อย่างสะดวกสบายแล้ว เหลือเพียงแค่ต้องเร่งพัฒนาฝีมือของตนเองให้สูงกว่าพวกศัตรูก็เป็นอันมั่นใจได้ถึงเก้าส่วนแล้วว่าการแก้แค้นของตนจะสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี

เอาล่ะ ในเมื่อทุกสิ่งก็มีพร้อมหมดแล้ว คงถึงเวลาที่จะเริ่มฝึกยุทธ์ได้สักที

เฉินเสวี่ยเดินไปยังห้องอาบน้ำของตำหนักที่อยู่ติดกับห้องนอนใหญ่ ภายในมีสระน้ำสำหรับลงไปนั่งแช่ตัวที่กว้างขวางสะดวกสบายอยู่สระหนึ่ง น้ำในสระถูกสูบเข้ามาจากลำธารภายนอก กระแสน้ำใส่สะอาดพวยพุ่งออกมาจากหินแกะสลักเป็นรูปปากมังกรที่ประดับอยู่บนผนังตลอดเวลา ตรงขอบสระด้านหนึ่งมีช่องทางระบายน้ำส่วนเกินออกไปจากสระ ผู้ที่สร้างสระน้ำนี้คงจะทราบเป็นอย่างดีว่าสระจะถูกใช้เพื่อดูดซับพลังปราณจากธรรมชาติเป็นหลัก จึงออกแบบมาให้มีการหมุนเวียนเปลี่ยนถ่ายน้ำในสระตลอดเวลา เพื่อที่พลังปราณธรรมชาติในน้ำจะได้ไหลเติมเต็มเข้ามาในสระได้อย่างไม่ขาดสาย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+