เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า 23 นกคีรีบูน (rewrite)

Now you are reading เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า Chapter 23 นกคีรีบูน (rewrite) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 23 นกคีรีบูน (rewrite)

ไฟตะเกียงลายทองติดขึ้น เพลิงอุสามองเด็กสาวที่เปิดผ้าคลุมหน้า นำตนออกมาจากกรงอย่างนุ่มนวล ในดวงตาสีแดงเพลิงสะท้อนใบหน้าขาวเนียนดั่งหยกของนาง

มันถูกประคองไว้กลางฝ่ามือ

เมืองหลวงหิมะหนัก ลมหนาวในเมืองหลวงพัดมาต่อเนื่อง แต่ภายในบ้านกลับอบอุ่นมาก ทว่าเงามืดเส้นแสงใต้ชายคากลับทำให้มันมองเห็นใบหน้าเด็กสาวได้ไม่ชัดเจน

ต่อให้เป็นวิหคที่ยังไม่กระตุ้นสติปัญญา…มองผ่านผ้าบางปิดหน้า มันก็รู้สึกได้ถึงความเป็นเทพของอีกฝ่าย นั่นคือตัวการที่ล่อลวงให้ตนฝ่าชั้นเมฆมาที่นี่

“เพลิงอุสาไม่ยอมถูกกำราบ” ที่แท้ก็เป็นเพียงคำลวงหลอก

เพลิงอุสานี้ก้มหัวลงมาอย่างมีความสุข จิกฝ่ามือหยกของเด็กสาวเบาๆ ในเงามืดมีแสงสว่างเล็กน้อย มันบินวนรอบเส้นผมของเด็กสาว

มันไม่ยอมไป

เสียงของสวีชิงเยี่ยนนุ่มนวล หัวเราะเบาๆ “เจ้านี่นะ ไม่อยากไปรึ”

เพลิงอุสาเอาหัวดันฝ่ามืออย่างอ่อนโยน ส่งเสียงร้องเบาๆ มันมองดวงตาใสสะอาดดั่งมหาสมุทรของสวีชิงเยี่ยน เสพสุขจากการถูกเอ็นดู…ขอแค่อยู่ในมือเด็กสาวคนนี้ อยู่อีกสักครู่ การโผบินอย่างอิสระอะไรนั่น มันไม่แสวงหาอีกแล้ว

หญิงรับใช้ที่ยืนข้างสวีชิงเยี่ยนมีใบหน้างดงามอ่อนโยนมาก เป็นใบหน้าที่ประจบให้คนชอบ แต่หากสองคนเทียบกัน…เห็นได้ชัดว่ามัวหมองและธรรมดา แค่ใช้เปลือกนอกก็แยกระหว่างนายกับบ่าวได้

“คุณหนู ถึงเวลาแล้ว…” หญิงรับใช้เสี่ยวเจาพูดอย่างนุ่มนวล “หมอเหยียนจะมาแล้วเจ้าค่ะ”

เด็กสาวที่เลิกผ้าปิดหน้าครึ่งหนึ่งเม้มริมฝีปากอย่าไม่รู้เนื้อรู้ตัว ก่อนยกสองแขนขึ้น ส่งเพลิงอุสาที่อยู่ในมือออกไป เงาสีแดงเพลิงส่งเสียงอาวรณ์ แต่ก็บินวนรอบหนึ่งก่อนจะออกจากบ้านหลังเล็ก

การได้รับแสงสว่างบินขึ้นฟ้า…ได้รับอิสระ เป็นเรื่องดีมาก

เพลิงอุสาหกตัวก่อนหน้านี้หลงทิศทาง นางก็ปล่อยไปเช่นนี้

ในกระแสผู้คนที่อยู่ไม่ไกล บุรุษวัยกลางคนชุดคลุมดำถือกล่องยาไม้ดำเงยหน้าขึ้น มองเงาแดงเพลิงที่หายไปกลางหิมะด้วยใบหน้าเฉยชา เขาก้มหน้าเดินหลังตรง ผ่านถนนใหญ่ ผ่านตรอกเล็ก เดินผ่านจุดที่มีเสียงดังเอะอะ สุดท้ายมาถึงบ้านหลังเล็ก เคาะประตูไม้เบาๆ

หมอเหยียนมาแล้ว

หญิงรับใช้ไม่ได้มีสีหน้าผ่อนคลาย นางมองคุณหนู หลังได้การยืนยันจากนางถึงได้ไปเปิดประตู

เหยียนโซ่วผลักประตูไม้บ้านเล็กที่ตั้งอยู่ในมุมห่างไกลผู้คนที่สุดในเมืองหลวง ตั้งแต่ฤดูหนาวปีก่อน เขาก็มาที่นี่ทุกวัน มาถึงตอนเที่ยงเวลาเสมอ มารักษาให้แม่นางในบ้านหลังเล็กแห่งนี้

ไม่เหนือความคาดหมาย เขาผลักประตูไม้ มองผ่านหญิงรับใช้ใบหน้างามเฉิดฉาย ก็เห็นเด็กสาวสวมหมวกปีกผ้าโปร่งที่แค่ดมกลิ่นก็ทำให้ตนเสพติดคนนั้น ใบหน้าถูกปกปิดไว้อย่างดี หมวกปีกกว้างค่อนข้างกว้าง ใต้ปีกหมวกมีตาข่ายสีดำทิ้งตัวยาวถึงส่วนคอ ทุกสารทฤดูล้วนเป็นเช่นนี้ ต่อให้อากาศร้อนมาก ผ้าคลุมก็ยังปิดบังไว้ เขาไม่เห็นแม้แต่ผิว

เหยียนโซ่วกลั้นลมหายใจน้อยๆ เขาเป็นหมอมีชื่อเสียงในเมืองหลวง รับเงินคน ขจัดทุกข์ให้คน เขารับตำลึงเงินมหาศาลมาเมื่อปีก่อน สิ่งที่ต้องทำคือมาบ้านหลังนี้ รักษาให้เด็กสาวคนนี้

เมืองหลวงเป็นสถานที่ที่ทุกกระเบียดนิ้วเป็นทองคำ

เหยียนโซ่วไม่ต้องคิดเลยว่าเจ้านายบ้านนี้ไม่ยินดีเผยตัวตนกับเขา เพราะฐานะแท้จริงจะทำให้ตนตกใจได้ ความจริงแค่ตำลึงเงินมหาศาลนั่นก็ทำให้ตนตกใจแล้ว…เรื่องบ้านทองซ่อนหญิงงามเช่นนี้ ผู้มีอำนาจในเมืองหลวงทำกันน้อยนักหรือ

ตามหลักแล้ว เขาแค่ต้องถวายชีวิตทำงานก็พอ ไม่ต้องไปคิดให้มันมากมาย คนใหญ่คนโตระดับนั้น ตนมองไม่ได้และล่วงเกินไม่ได้เช่นกัน

แต่ตอนที่เหยียนโซ่วตรวจชีพจรข้อมือผ่านแขนเสื้อครั้งแรก เขาต้องตกใจอย่างยิ่ง เด็กสาวคนนี้มีกายดั่งหยก…ในเมืองหลวงมีคนทุกประเภท ที่มากที่สุดในนั้นคือคนเลวเดรัจฉาน ต่อให้ไม่เห็นใบหน้าแท้จริงของเด็กสาวคนนี้ เขาก็ยังรู้สึกเหลือเชื่อมาก

แค่อุปนิสัยสุขุมนุ่มลึกของเด็กสาวก็มากพอจะทำให้ใจตระกูลสูงศักดิ์พวกนั้นในเมืองหลวงเอนเอียง ไหนเลยจะอดไม่เด็ดมาดอมดมได้ไหว

ตนผ่านอารมณ์ชั่ววูบมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว

ที่สงบนิ่งได้เพราะเหยียนโซ่วเตือนตัวเองไม่รู้กี่ครั้ง ในโลกนี้ ในมือคนพวกนี้ในเมืองหลวง มีวิธีการที่น่ากลัวยิ่งกว่าการฆ่านับไม่ถ้วน

ในกายเด็กสาวซ่อนความลับที่ไม่อาจหาเจอได้ในคนปกติ…แต่เหยียนโซ่วไม่ใช่คนธรรมดา เขาไม่ใช่แพทย์ธรรมดาเช่นกัน ไปมาหาสู่กันหนึ่งปีมานี้ กระทั่งเหยียนโซ่วบอกได้ว่าในโลกนี้ ตนเป็นคนที่เข้าใจร่างกายเด็กสาวคนนี้มากที่สุด

เด็กสาวพบแสงตะวันไม่ได้ เพราะทั้งตัวนางปกคลุมไปด้วยสิ่งแปลกประหลาดอย่างหนึ่ง เหยียนโซ่วเคยเห็นบ่อยในตัวผู้บำเพ็ญอัจฉริยะส่วนใหญ่…เขาไม่รู้จักความเป็นเทพ แต่เขารู้ว่าหากมีของพวกนี้เยอะ เช่นนั้นก็จะระเบิดแม่นางคนนี้ตายไปเฉยๆ กระทั่งตายอย่างไรเขายังยืนยันไม่ได้ เด็กสาวอาจจะหลับตาตายไปอย่างสงบ หรือของอันตรายที่ซ่อนในกายนางอาจจะเป็นดินระเบิดที่รุนแรงกว่าแสงดารา ระเบิดทั้งลานกว้างราบเป็นหน้ากลอง

นายจ้างลึกลับมาก มีความเป็นมายิ่งใหญ่มาก

เหยียนโซ่วไม่มั่นใจว่าจะรักษาเด็กสาวคนนี้หายได้ ไม่มีเลยสักนิด เดิมทีเขาก็ลังเลว่าจะรับตำลึงเงินจำนวนนี้ดีหรือไม่

แต่เงื่อนไขของนายจ้างง่ายมาก

แค่กดสิ่งอันตรายถึงชีวิตนี้ให้อยู่สภาวะคงที่ ให้เด็กสาวคนนี้มีชีวิตรอดต่อไป

นี่เป็นวิธีการแก้ที่ง่ายอย่างหนึ่ง อุดไม่สู้ปล่อย เหยียนโซ่วไม่มีวิธีปล่อยของพวกนี้ออกมา แต่เขามีวิธีกดพวกมันไว้ด้วยกัน หากเด็กสาวรับพลังพวกนี้ไม่ไหวในวันใดสักวัน เช่นนั้นความตายจะรุนแรงกว่าเดิม และเจ็บปวดกว่าเดิม

เหยียนโซ่วได้แต่ทำหน้าหนาทำตามเงื่อนไขของนายจ้าง

เขายื่นมือมาข้างหนึ่ง กดข้อมือสวีชิงเยี่ยนผ่านแขนเสื้อเบาๆ สัมผัสได้ถึงความเนียนนุ่มและลื่นของผิวเด็กสาวผ่านผ้าไหมนุ่ม เข็มแท่งหนึ่งแทงลงไป แสงดาราบางๆ ของเหยียนโซ่วไหลผ่านจุดเน่ยกวาน[1] ไหลรวมกับเลือด ปกคลุมของที่ไม่รู้นามพวกนี้ไว้แล้วกดรวมเข้าด้วยกัน

ขั้นตอนนี้กินเวลาหนึ่งเค่อ

หนึ่งเค่อนี้ เหยียนโซ่วไม่ต้องใช้สมาธิจดจ่อนัก นี่เป็นงานที่สบายมาก…ไม่มีอันตรายใดๆ เลย

แต่นี่ไม่ใช่งานของแพทย์ นี่เป็นการผลักเด็กสาวลงเตาไฟ

เหยียนโซ่วพูดเสียงเบา “อาการช่วงนี้ดีขึ้นเล็กน้อย เจ้ารู้สึกไม่สบายหรือไม่”

สวีชิงเยี่ยนส่ายหน้าเบาๆ

เหยียนโซ่วหน้ามืดลง ไอรีนโนเวล

หนึ่งปีมานี้ เขาไม่เคยได้ยินเด็กสาวพูดสักคำ

ไม่ว่าเหยียนโซ่วจะพูดอะไร ถามอะไร ทำดีด้วยอย่างไร กดเสียงต่ำลงหรือพูดประจบ เด็กสาวจะเพียงแค่ส่ายหน้าอย่างเฉยชา พยักหน้า หรือหญิงรับใช้ข้างกายจะเป็นคนตอบ

เขายิ้มเยาะในใจ ยิ่งดูถูกนกคีรีบูนเป็นใบ้ที่ไม่รู้ถูกคนใหญ่คนโตใครในเมืองหลวงเลี้ยงดูไว้คนนี้กว่าเดิม ในเมื่อกายและจิตวิญญาณขายให้ตระกูลจักรพรรดิแล้ว ยังแสร้งทำเป็นเย็นชาสูงส่งอีกหรือ

เหยียนโซ่วหันหน้ามองกรงนกว่างเปล่าที่แขวนในบ้านเล็กน้อย ประตูกรงนกที่เปิดอ้ายังมีกลิ่นอายที่ตนคุ้นเคยอยู่

ด้วยความที่ตนเป็นแพทย์ เหยียนโซ่วจึงมีสัมผัสต่อกลิ่นดีกว่าคนปกติเล็กน้อย หลายวันมานี้เขาเห็นเพลิงอุสาหลงทางเป็นประจำ…นี่เป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อ ทว่าในบ้านนี้ เขาก็ได้กลิ่นของเพลิงอุสาเช่นกัน

ผู้มีอำนาจ แม้แต่เพลิงอุสายังเลี้ยงได้ อยากได้อะไรก็ต้องได้

เขานึกถึงตรงนี้จึงอดเลิกคิ้วขึ้นไม่ได้ ในสายตาที่มองเด็กสาว นอกจากความปรารถนาและอัดอั้นที่ซ่อนไว้แล้ว ยังมีความสงสารและเหยียดหยามเสี้ยวหนึ่ง

เจ้าเป็นเพียงของเล่นที่คนพวกนั้นเลี้ยงดูไว้ มีสิทธิ์อะไรมาดูถูกข้า

เหยียนโซ่วสูดกลิ่นหอมจากตัวเด็กสาวเบาๆ

เงื่อนไขของนายจ้างคือให้เหยียนโซ่วมาที่นี่ทุกวัน กดสิ่งที่ไม่รู้นามในกายสวีชิงเยี่ยนเป็นของเหลว ทำเช่นนี้ทุกวัน ของพวกนี้แพร่กระจายเร็วขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ในกายสวีชิงเยี่ยนมีหยดน้ำรวมตัวกันอยู่เกือบร้อยหยดแล้ว

เหยียนโซ่วเผยแววตาเฉยชา

ดูท่าคนใหญ่คนโตที่ว่าคนนี้คงจะไม่สนใจความงาม เด็กสาวคนนี้มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะเป็นเพียงของทดลอง หนึ่งปีมานี้ เหยียนโซ่วไม่เคยได้กลิ่นอายของบุรุษคนอื่นย่างก้าวเข้ามาในลานบ้านเลย

เขาเริ่มตรึกตรองถึงท่าทีของคนใหญ่คนโตที่มีต่อเด็กสาวคนนี้…คิดหน้าคิดหลังแล้วก็มีความเป็นไปได้มากที่สุดที่จะใช้จนพอใจแล้ว ก็กินให้หมดจากนั้นทิ้งไปงั้นหรือ 艾琳小說

น่าเสียดาย ให้ตนไว้ดีกว่า

เหยียนโซ่วยิ้มเยาะในใจ ตั้งใจเพิ่มแสงดาราที่ใส่ไปในเข็มเงินมากขึ้นอีกหน่อย เขาเริ่มกดสิ่งพวกนั้นจนเกินขีดจำกัด ให้พวกมันรวมเป็นของเหลวแล้วก็ควบแน่นยิ่งกว่าเดิม

ในเมื่อคนใหญ่คนโตมองนางเป็นของเล่น เช่นนั้นตนก็จะฉวยโอกาสนี้กดดันนางถึงทางตัน บางทีคนใหญ่คนโตคนนั้น…เล่นจนเบื่อแล้วก็อาจจะยกนางให้กับตน

เหยียนโซ่วยิ้มในใจ ยกมุมปากขึ้น หมุนเข็มเงินผ่านแขนเสื้อข้อมือ ดูเหมือนลูบข้อมือเด็กสาวอย่างเบามือมากกว่า

สวีชิงเยี่ยนมองผ่านผ้าคลุมหน้าสีดำที่บังไว้เห็นใบหน้าอัปลักษณ์ ไม่ทุกข์และก็ไม่สุข

นางรู้สึกถึงการไหลเวียนในกายตนเอง ภายใต้การเหนี่ยวนำแสงดาราของคนแปลกหน้า หยดความเป็นเทพกับหยดความเป็นเทพเริ่มชนกัน นี่เป็นความรู้สึกที่เจ็บปวดกว่าตอนอาการกำเริบก่อนหน้านี้

แสงดาราของหมอคนนี้ต่างกับหนิงอี้อย่างสิ้นเชิง เฉยชาและเห็นแก่ตัว มีกลิ่นอายความละโมบ…

หนึ่งปีมานี้ สวีชิงเยี่ยนถูกส่งมาที่นี่ นอกจากหญิงรับใช้เสี่ยวเจาคนนี้แล้ว นางก็ไม่เจอคนอื่นเลย

พี่สวีชิงเค่อก็ดี องค์ชายสามหลี่ไป๋หลินก็ดี…บ้านแห่งนี้ตัดขาดจากภายนอก กระทั่งอยู่ที่ใด สวีชิงเยี่ยนยังไม่แน่ใจ

เด็กสาวรู้แค่ว่าตนมาถึงเมืองหลวงที่พี่ชายบอกว่ารักษาหายได้ แต่คนที่มารักษาให้ตนไม่ใช่แพทย์ชั้นยอด แต่กลับเป็นคนชั่วมีแผนการร้าย

ในวันนั้นที่นางได้เห็นแสงตะวันนอกอารามรู้กรรม จากนั้นความเป็นเทพกำเนิด ก็กลับเข้าไปอยู่ในเงามืดอีกครั้ง สวมหมวกปีกผ้าโปร่งใต้ชายคา มองดาราขึ้นลง หิมะกองเต็มลานบ้าน เดินออกไปไม่ได้สักก้าว

แสงดาราของหมอฉุนเฉียวและแข็ง บีบเข้าไปในกายสวีชิงเยี่ยน ไม่คิดถึงความรู้สึกของคนป่วย กดหยดความเป็นเทพแล้วกดอีก ดังนั้นความเจ็บปวดนี้…จึงรุนแรงยิ่งกว่าเดิม

สวีชิงเยี่ยนร้องออกมาเบาๆ นางรู้สึกถึงแรงกดผ่านแขนเสื้อ มีกลิ่นอายหยาบคายชัดเจน จึงออกแรงชักข้อมือกลับมา

ในชั่วพริบตา…

นิ้วมือเด็กสาวสัมผัสกับเหยียนโซ่วเบาๆ นี่เป็นการสัมผัสผิวกันครั้งแรกในรอบสามร้อยกว่าวันมานี้

ใต้ชายคา โต๊ะตัวหนึ่ง

ครึ่งหนึ่งเงามืด ครึ่งหนึ่งแสงสว่าง

เด็กสาวถอยกลับไปในเงามืด มองบุรุษที่อยู่ใต้แสงตะวันพลางพูดด้วยเสียงเย็นชา “หมอเหยียน…พอแล้ว”

เมื่อสิ้นคำพูดนี้

เหยียนโซ่วมองมือนั้นของตนอย่างเหลือเชื่อ เขาหรี่ตาแคบลง เหมือนนึกอะไรได้ ในดวงตาเขาเกิดความหวาดกลัวขึ้นช้าๆ

……………………..

[1] จุดเน่ยกวาน (内关穴) เป็นจุดสำคัญด้านในแขน อยู่เหนือรอยข้อพับมือสองชุ่น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด