เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า 30 พญายมน้อย

Now you are reading เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า Chapter 30 พญายมน้อย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 30 พญายมน้อย

สุดถนนนิมิตชาด

ตรงทางที่หนิงอี้มองไป

แผ่นหิมะบางๆ ปกคลุมบนกระเบื้องชายคา แสงจันทร์สุกสกาว มีร่างเงาเก็บมือเก็บเท้านั่งยองๆ บนหลังคา เสื้อคลุมตัวใหญ่เกะกะบนตัวถูกลมพัด ดูน่าขำเล็กน้อย มองการเคลื่อนไหวบนถนนนิมิตชาดเงียบๆ ไม่พูดอะไร

เขามองแววตาหนิงอี้ ใบหน้าใต้เสื้อคลุมตัวใหญ่เซ่อนในเงามืดเลือนลาง มุมปากเหมือนจะยกยิ้มบางจนมองเห็นรอยยิ้มขาวสะอาด

พยักหน้าเล็กน้อยสื่อว่าทักทาย

ใต้เท้าบุตรสวรรค์มีอัจฉริยะมากมาย

หนิงอี้ฝึกยักษ์ดาราของพันกรแล้วก็มีสัมผัสเฉียบคมขึ้นเรื่อยๆ เขารู้สึกได้มากขึ้นเรื่อยๆ ว่ามีกลิ่นอายพลังที่ตนดูถูกไม่ได้กำลังมุ่งหน้ามาถนนนิมิตชาด

เป็นเช่นนั้นจริงๆ ต่อให้หน้าจวนตนจะไม่มีใคร แต่หากมีลมพัดใบหญ้าพริ้วไหวก็ยังดึงดูดคนที่ชอบมามุงดูในทันที

คุณชายครามรู้สึกถึงกลิ่นอายพลังที่ผิดปกติพวกนี้เช่นกัน

ต่อให้เขาจะเป็นคุณชายใหญ่ของจวนขานฟ้า มีชื่อเสียงโด่งดังในเมืองหลวง คนส่วนใหญ่ต้องไว้หน้าตน

แต่ตอนนี้บางคนที่ทยอยกันมาถึงถนนนิมิตชาด…ในนั้นมีบางคนที่ไม่ไว้หน้าตน

อย่างเช่นเงานั้นที่นั่งยองอยู่บนหลังคาสุดถนนนิมิตชาดข้างหลังตน ต่อให้คุณชายครามไม่หันไป เขาก็รู้ว่าเป็นใคร

แค่ได้กลิ่นที่ทำให้เขารังเกียจนั่น…จะอยู่ห่างไปแสนแปดพันลี้เขาก็รู้ได้ คนที่มาจะต้องเป็นเจ้าวิหารน้อยจวนปฐพีที่มีรูปแบบการดำเนินการลึกลับยากจะคาดเดาและช่วงนี้จับตามองตนอยู่

พญายมน้อย

คุณชายสมุทรแห่งสำนักศึกษาตะวันสูงกับคุณชายพลัดพรากแห่งสำนักศึกษาขุนเขา สองคนนี้จับตามองตน แต่ดีเลวอย่างไรก็เดินในแสงสว่าง ใช้เหตุผลที่สี่สำนักศึกษาเป็นพันธมิตรกันมาแต่โบราณ เฝ้าดูกันและกัน ไม่ได้เป็นเรื่องลับ

แต่มือสังหารตรงหัวถนนจากจวนปฐพีคนนี้ พญายมน้อย ไร้ชื่อแซ่ มีเพียงฉายา ซ่อนในเงามืด กระทั่งคุณชายครามรู้สึกลับๆ ว่าหากพญายมน้อยคนนั้นสบโอกาส กระทั่งเขายังไม่เลือกท้าทายตนในเมืองหลวง แต่หาโอกาสที่เหมาะสมเป็นใจ ลองลอบสังหารตน

ความรู้สึกนี้ทำให้คนรู้สึกไม่สบายใจ

คุณชายครามไม่อาจสลัดการสะกดรอยตามของพญายมน้อยหลุดได้ เขาไม่เคยประมาท ต่อให้ติดตามทั้งวันทั้งคืน คุณชายครามก็ยังไม่เกรงกลัว

เขาไม่กลัวการลอบสังหารของพญายมน้อย ตนเติบใหญ่มาถึงก้าวนี้ อีกทั้งยังเป็นอัจฉริยะที่จะชิงความเป็นหนึ่งกับผู้บำเพ็ญรุ่นเดียวกันทั้งโลก ต่อให้พญายมสิบวิหารแห่งจวนปฐพีปล่อยข่าวว่าจะลอบสังหารเขา เขาก็ไม่สูญเสียจิตมรรค

คลื่นลมตรงถนนนิมิตชาดรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

นี่เป็นสิ่งที่คุณชายครามไม่อยากเจอ ยิ่งเสียเวลานานเท่าไร เรื่องนี้ก็ยากจะสงบลงเท่านั้น

ผู้บำเพ็ญแห่งสำนักศึกษาตะวันสูงมากันแล้ว คุณชายน้อยแห่งสำนักศึกษาขุนเขาก็มองเหตุการณ์อยู่ไกลๆ สี่สำนักศึกษา นอกจากสำนักศึกษาถ้ำกวางขาวที่มีบัญญัติบรรพชนว่าไม่แก่งแย่งชิงกับใครแล้ว ทุกคนอยู่ที่นี่หมด

……

“แต่ข้าไม่อยากปล่อยผ่านไปเช่นนี้”

หลังสิ้นเสียงหนิงอี้ สีหน้าคุณชายครามไม่เกิดคลื่นอารมณ์ใดๆ เขาได้ยินชื่อเสียงโด่งดังของหนิงอี้มาแล้ว หลังภูเขาสู่ซานในตอนนั้น แม้แต่ราชันดาราอี๋อู๋ยังเสียเปรียบเขาอย่างหนัก

‘ชื่อเสียงฉาวโฉ่เป็นที่รู้กัน’ ที่ว่า ใช้กับหนิงอี้ได้ดีที่สุด

ภายนอกกระพือข่าวกันยกใหญ่ บอกว่าอาจารย์อาน้อยเขาสู่ซานทำอะไรไม่เป็นเลยสักอย่าง เป็นแต่สิงโตอ้าปากกว้าง จับหมาป่าขาวมือเปล่า

คุณชายครามโบกมือสื่อให้พวกศิษย์น้องของตนแบกศิษย์ที่บาดเจ็บพวกนี้ไปจากที่ขัดแย้งแห่งนี้

เขามองหนิงอี้พลางพูดด้วยน้ำเสียงรังเกียจ “เจ้าต้องการเท่าไร”

หนิงอี้อึ้งไป

เขาเลิกคิ้วขึ้น

คุณชายครามพูดเช่นนี้น่าสนใจนิดๆ แล้ว

ไกล่เกลี่ยยุติความขัดแย้ง ผูกปมเรื่องนี้ไว้นานแล้ว หนิงอี้เข้าใจถึงความหมายของคุณชายคราม คลื่นลมครั้งนี้เริ่มก่อตัว

หากเปลี่ยนเวลาและสถานที่ บางทีอาจจะเร็วกว่าหน่อย…หนิงอี้คงตอบตกลงคำขอของอีกฝ่าย

เขาเองก็ไม่อยากวิวาทจนรู้กันไปทั้งเมืองเหมือนกัน

แต่ว่า…สายตานั้นบนถนนนิมิตชาดมองข้ามหัวไหล่ของคุณชายคราม ข้ามรอยแยกระหว่างกลุ่มคนมาสะท้อนในดวงตาหนิงอี้

หนิงอี้สบตากับพญายมน้อยคนนั้น

เจ้าลัทธิเฉินอี้เคยให้ข่าวกรองกับตนไว้ก่อนแล้ว อัจฉริยะในเมืองหลวงมีมากมายจริงๆ ตำหนักฟ้าจวนปฐพี สี่สำนักศึกษา และยังมีเขาลั่วเจียที่ประกาศปิดภูเขาปิดเขตแดนในพิธีงานเลี้ยงวันเกิดจักรพรรดิ

ด้วยศักยภาพของตนตอนนี้ ขอบเขตที่ห้าในขอบเขตกลาง ต่อให้ถูกคุณชายน้อยที่บรรลุถึงขอบเขตหลังจากสำนักศึกษาบางแห่งท้าสู้ ก็อาจจะลงจากเวทีไม่ได้ หากไม่ใช่เพราะสถานการณ์กดดันจนต้องสู้เมื่อครู่ หนิงอี้จะไม่มีทางตอบตกลงเด็ดขาด

ในเมืองหลวงห้ามลงมือ กฎอยู่ตรงนี้ เจ้าลัทธิอยู่ข้างหลัง หนิงอี้ไม่รับคำท้าสู้อย่างหน้าด้านได้ คนจากเขาศักดิ์สิทธิ์สำนักศึกษาพวกนี้จะทำอะไรตนได้

แต่สายตานั่นมีความหมายต่างออกไป

หนิงอี้รู้สึกถึงกลิ่นอายคุ้นเคยเสี้ยวหนึ่ง

เป็นความหมายของ ‘นักล่า’

ตอนอยู่อารามโพธิ์เทือกเขาประจิม เคยผ่านหน้าหนาว ฟ้าดินแข็ง นอกเมืองไร้มลทินไม่มีผู้คน เพื่อปากท้อง หนิงอี้จึงต้องแบกคันศรนักล่าออกไปล่าสัตว์

เขาเคยล่ากระต่ายหิมะที่ไม่มีแรงต่อต้านใดๆ และเคยล่าราชาหมูป่าหนักสี่ร้อยชั่ง

ในตอนนั้น หนิงอี้ล่าสัตว์ก็อาศัยทักษะและความอดทนที่เคี่ยวกรำออกมา แทบจะไม่เคยใช้ขลุ่ยกระดูก ที่บ่อยกว่านั้นคือใช้ที่ราบกระดูกเป็นเครื่องรางมงคลห้อยคอไว้เพื่อปกป้องตนเอง

กระต่ายหิมะกับหมูป่าไม่ได้ล่าง่ายๆ

นี่เป็นเหยื่อสองชนิด และเป็นเหยื่อชนิดหนึ่ง

กระต่ายเจ้าเล่ห์ซ่อนโพรง หมูดุร้ายหนังหนา การจะฆ่าพวกมันต้องใช้การเฝ้ามองอย่างอดทน รู้ถึงนิสัย ไพ่ตายรวมถึงวิธีการทั้งหมดของเหยื่ออย่างชัดเจน

นี่คือการล่า นักล่ากับเหยื่อเป็นเช่นนี้ตลอด สังเกตก่อนค่อยลงมือ

เงาที่นั่งยองๆ ที่หัวถนนนิมิตชาดและยิ้มให้ตนนั่น ให้ความรู้สึกถึงอันตรายกับตนมากกว่าคุณชายคราม

ไม่ใช่ว่าเงานั้นมีพลังบำเพ็ญสูงกว่าคุณชายคราม

คุณชายครามเหลียนชิงเป็นคุณชายใหญ่ของจวนขานฟ้า เป็นผู้บำเพ็ญอัจฉริยะที่อยู่ในกฎของเมืองหลวงนภา แม้เขาจะมีศักยภาพแกร่งมาก แต่ก็ถูกจำกัดหลายอย่าง จะลงมือกับตนต้องตรึกตรองถึงกฎของต้าสุย ต้องตรึกตรองถึงเจตนารมณ์ของสำนักศึกษา ต้องตรึกตรองถึงพันกรแห่งเขาสู่ซาน

แต่มีคนไม่สนใจข้อจำกัดกฎ

ร่างเงาดำที่นั่งยองๆ บนชายคานั่น…แม้จะยิ้ม แต่ปกปิดมือที่ยกขึ้นและปาดผ่านคอตนเองช้าๆ ไม่ได้

เขาจะฆ่าตน

นี่เป็นการประกาศศึกอย่างเงียบเชียบ

หนิงอี้หน้าไร้คลื่นอารมณ์ เขารู้ว่ามีคนมากมายจับจ้องตน ส่วนใหญ่ในนั้นไม่จำเป็นต้องกลัว คนเขาศักดิ์สิทธิ์ไม่กล้าลงมือโหด แต่มือสังหารจากจวนปฐพีไม่สนใจพวกนี้…กฎต้าสุยอนุญาตกับการคงอยู่ของจวนปฐพี จักรพรรดิไท่จงมองหุบเหวลึกใต้เมืองหลวงกับตา กุมมันไว้ในมือ แต่กลับไม่แสดงท่าทีใดๆ

มือสังหารของจวนปฐพีเดินในเงามืด แต่การคงอยู่ของพวกเขาไม่ได้สร้างความหวาดกลัวต่ออำนาจในเมืองหลวง

หากมือสังหารจวนปฐพีบางคนได้รับภารกิจสังหารบุคคลสำคัญ จะต้องมีการส่งเจตนารมณ์ต่อเบื้องบน ทอดยาวเป็นชั้นๆ จนระดับนั้นที่สั่งภารกิจเห็นด้วยถึงจะตัดสินใจปฏิบัติการ นี่เป็นเส้นสายที่พัวพันกันใต้ดิน ซับซ้อนและยิ่งใหญ่มาก

‘จวนปฐพีจะสังหารข้ารึ’

หนิงอี้พูดเงียบๆ ในใจ เขาไม่มองร่างเงานั้นที่แสยะปากยิ้มให้ตนบนชายคาอีก

เคยหยิบยกเรื่องข่าวกรองสำนักที่เฉินอี้ให้มาแล้ว ผู้บำเพ็ญอัจฉริยะของจวนปฐพีจะเลือกอัจฉริยะในแสงสว่างคนหนึ่ง มีมือสังหารหนุ่มระดับสุดยอดที่มีนามว่า ‘พญายมน้อย’ จับจ้องคุณชายครามแห่งจวนขานฟ้าอยู่

ร่างเงาที่นั่งยองบนชายคานั้นมองคุณชายครามด้วยสายตาเบื่อหน่ายเล็กน้อย แต่ในสายตาที่มองหนิงอี้กลับมีความอยากรู้จักและดีใจอย่างแรงกล้า

คุณชายครามเป็นคนที่ระมัดระวังตัวมาก เล่าลือว่า พญายมน้อยจับจ้องเขามานานมาก แต่ก็ยังไม่มีโอกาสเลยแม้แต่นิด นี่ไม่ใช่ความลับ จงหลีกับกู้ชาง กระทั่งคุณชายน้อยหลายคนแห่งจวนขานฟ้ายังรู้เรื่องนี้ มีคนรอศึกระหว่างคุณชายครามกับพญายมน้อยปะทุขึ้น แต่กลับเงียบไม่มีเสียงใด

หนิงอี้ยิ้มแต่ในใจกลับไม่ยิ้ม

ตอนนี้ดูแล้ว พญายมน้อยคงจะจับจ้องตนแล้ว

เป็นเพราะชื่ออาจารย์อาน้อยแห่งเขาสู่ซานรวมถึงอันดับหนึ่งรายนามดารา เทียบกับคุณชายครามแห่งจวนขานฟ้าแล้วมีน้ำหนักมากกว่าจริงๆ

ในที่ราบรกร้าง นักล่าอาจจะกลายเป็นเหยื่อได้ตลอดเวลา

ตอนที่เสือดาวหิมะที่ล่ากระต่ายป่าถูกมนุษย์จับจ้อง

บางที…มนุษย์ที่ล่ากระต่ายป่าก็อาจจะถูกเสือดาวจับจ้องเสียเอง

สองสิ่งนี้ไม่มีความต่าง ต่างรู้สึกถึงจิตสังหารของอีกฝ่าย ธรรมชาติคัดสรร การอยู่ร่วมกัน เหยื่อกับนักล่า ก่อนที่จะสรุปผลก็อาจจะพลิกกลับได้ตลอดเวลา

แต่มีอย่างหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนไป

ใครกลัวก่อน คนนั้นแพ้

หนิงอี้พ่นลมหายใจขุ่นเบาๆ คุณชายครามก็ดี จงหลีกู้ชางก็ดี…อัจฉริยะเขาศักดิ์สิทธิ์พวกนั้นที่ตนล่วงเกินบนเขาสู่ซาน ล้วนไม่ต้องสนใจในเมืองหลวง

พญายมน้อยที่นั่งยองๆ บนชายคานั่น มือสังหารที่ไม่สนใจกฎเกณฑ์ต่างหากคือคนที่ตนต้องระวัง

หนิงอี้จับด้ามกระบี่พินิจเหมันต์ เขานึกไปถึงภาพการล่าสัตว์ตอนเยาว์วัยที่ถูกเสือดาวหิมะจับจ้องข้างหลัง

เขาจับคันศร หันไปมองจ้องกับเสือดาวหิมะ

ขณะยืนกราน เขาซ่อนขลุ่ยกระดูก ลูกธนูดอกหนึ่งทะลวงไม้หิมะสองคนโอบ

ในสถานการณ์อันตราย เขาไม่ยอมอ่อนข้อเลย และไม่ถอยแม้แต่นิด

หากเขาโตขึ้นอีกหน่อย ลูกธนูที่ยิงออกไปนั้นจะไม่โดนไม้หิมะอีก แต่เป็นเสือดาวตัวนั้น

ร่างเงาบนชายคาซ่อนในเงามืด มองหนิงอี้ตาไม่กะพริบ หัวใจเขากำลังเต้นช้าลงและมีพลัง มองเด็กหนุ่มอันดับหนึ่งรายนามดาราคนนั้น เหมือนหาเหยื่อที่ตนชื่นชอบจริงๆ พบ

ในความคิดพญายมน้อย กำลังคำนวณว่าตนควรจะเสพการล่าเหยื่อที่งดงามนี้อย่างไร

แต่เขาไม่นึกเลยว่า

“กฎเกณฑ์เมืองหลวง กฎหมายต้าสุย!”

เสียงเด็กหนุ่มดังก้องกังวาน

หนิงอี้มองเหลียนชิงพลางพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “คุณชายคราม ข้ามีหนึ่งกระบี่ เจ้ากล้ารับมือไม่”

ถนนนิมิตชาดเงียบสงัด

ร่างเงาที่นั่งยองบนชายคานั้นหัวเราะไร้เสียง

เป็นเหยื่อที่เจ้าเล่ห์จริงๆ กฎเกณฑ์เมืองหลวง กฎหมายต้าสุย…กรงคุ้มกันในที่โจ่งแจ้ง คนนั้นท้าสู้กับคุณชายคราม ภายใต้สายตาของขุมอำนาจมากมายในเมืองหลวง นี่ถูกลิขิตไว้ว่าเป็นการต่อสู้ที่สุดยอด

เขาคิดจะใช้คุณชายครามเพื่อแสดงอำนาจต่อตนรึ

………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด