เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก 663 ปัญหาที่ยากจะก้าวข้ามผ่าน / 664 ความห่วงใยจากผู้เฒ่าเหยียน

Now you are reading เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก Chapter 663 ปัญหาที่ยากจะก้าวข้ามผ่าน / 664 ความห่วงใยจากผู้เฒ่าเหยียน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 663 ปัญหาที่ยากจะก้าวข้ามผ่าน

 

 

“เธอมองฉันยังนี้ทำไม เมื่อกี้น้ำลายยังไหลยืดไม่พอหรือไง” เหยียนเค่อถูกสายตาร้อนแรงของหล่อนมองมาทำให้ไม่สนใจไม่ได้

 

 

“นายจำเป็นต้องแซะฉันด้วยหรือไง” ซย่าเสี่ยวมั่วหยิกไปที่ฝ่ามือของชายหนุ่มอย่างไม่พอใจ

 

 

เหยียนเค่อรวบมือที่อยู่ไม่สุกของหล่อนเอาไว้ แล้วหันไปมอง “เมื่อกี้เธอมองฉันแล้วคิดอะไรอยู่”

 

 

เหยียนเค่อทำให้ซย่าเสี่ยวมั่วเบี่ยงเบนความสนใจได้อย่างง่ายดาย ค่อยๆ เอ่ยพูดกับชายหนุ่ม “นึกถึงตอนที่นายแบกกระเป๋าเดินทางขึ้นเขาเมื่อครั้งก่อน”

 

 

“ไม่ใช่ว่านายเริ่มคิดอะไรไม่ดีกับฉันตั้งแต่ตอนนั้นใช่ไหม”

 

 

“สมองเธอมีปัญหาหรือเปล่าเนี่ย”

 

 

คนทั้งสองเริ่มเถียงกันอีกครั้ง ทะเลากันเดินขึ้นเขาไป เหงื่อท่วมไปทั้งตัว

 

 

เบลล์ที่ยืนรอต้อนรับอยู่ที่หน้าประตูเห็นซย่าเสี่ยวมั่วใช้เล็บตะกุยตะกายไปที่ตัวเหยียนเค่อ ก็ขำจนปวดท้อง

 

 

เมื่อขึ้นมาบนเขาแล้วเหยียนเค่อก็หิ้วปลีกซย่าเสี่ยวมั่วเข้าไปในลิฟต์ด้วยสีหน้าขรึมๆ โดยไม่ได้ชายตาไปมองที่เบลล์เลย

 

 

“ประธานเหยียน เดี๋ยวลงมาทานข้าวนะคะ” เบลล์ตะโกนตามหลังไป ซย่าเสี่ยวมั่วยืดมือพยายามจะหันหกลับไปแต่ถูกเหยียนเค่อล็อคคอแล้วดันให้เดินไป

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วตีเหยียนเค่ออย่างสะเปะสะปะ ได้ยินเสียงดังป๊าบแต่ว่ากลับไม่ได้รู้สึกอะไรเลย “ฉันจะไปกินข้าว!”

 

 

เหยียนเค่อโมโหเด็กเกเรของตัวเองจนปวดท้องไปหมด “ถ้ายังกล้าพูดว่าฉันหลอกใช้เธออีกฉันจะโยนเธออกไปเลย”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วใช้กำปั้นทุบไปที่เหยียนเค่ออย่างไม่พอใจ “ฉันจะขาดอากาศหายใจตายอยู่แล้ว”

 

 

เหยียนเค่อคลายมือออกหน่อยเพื่อให้หล่อนได้มีพื้นที่หายใจ “เธอรู้ไหมว่าฉันโกรธมาก”

 

 

“ฉันก็โกรธมาก” ซย่าเสี่ยวมั่วไม่สนใจอาการโกรธของชายหนุ่ม

 

 

เมื่อครู่ทั้งคู่คุยกันไปคุยกันมาก็เริ่มพูดถึงเรื่องการสร้างของหนานซาน ซย่าเสี่ยวมั่วถึงนึกได้ว่าเหยียนเค่อจงใจปกปิดเธอ เธอจึงเข้าใจไปว่าเหยียนเค่อหลอกใช้เธอ สรุปแล้วพอพูดออกไปปฏิกิริยาของเหยียนเค่อมากกว่าที่เธอคิดไว้เสียอีก

 

 

“ที่ฉันพูดไม่ใช่เรื่องจริงหรือไง”

 

 

เรื่องจริงห่าอะไรล่ะ เหยียนเค่อกลัวว่าหล่อนจะตกใจเลยไม่กล้าสถบคำหยาบคายออกไป แต่ก็อดไม่ได้ที่จะลากเธอกลับไป

 

 

เหยียนเค่อเกลียดคำว่า หลอกใช้ สองคำนี้เป็นอย่างมาก อีกอย่างมันจะเรียกว่าหลอกใช้ได้อย่างไร นี่มันใส่ร้ายกันชัดๆ เลย “ซย่าเสี่ยวมั่ว เหตุผลที่ฉันสร้างหนานเธอยังไม่รู้เลยจะมามองฉันแบบนี้ได้อย่างไร”

 

 

พอพูดถึงเรื่องนี้ซย่าเสี่ยวมั่วก็เริ่มขึ้นเหมือนกัน เอ่ยโต้เสียงเย็น “นายปิดบังฉันอยู่ตั้งหลายเรื่อง ฉันก็ต้องไม่รู้อยู่แล้ว”

 

 

เหยียนเค่อหงุดหงิดกับท่าทีเย็นชาของซย่าเสี่ยวมั่วเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่เขากำลังโมโหอยู่เหมือนกัน “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไรเธอ”

 

 

“อย่างนั้นก็คงเป็นเพราะฉันไม่ช่างสังเกตเองสินะ” ซย่าเสี่ยวมั่วมีความสามรถในการบิดเบือนความเข้าใจได้เยี่ยมจริงๆ เหยียนเค่อได้ยินก็รู้สึกทุกข์ใจ

 

 

ความจริงซย่าเสี่ยวมั่วก็ไม่ได้บังคับว่าเหยียนเค่อต้องบอกเรื่องพวกนี้กับเธอ แต่เธอแค่อยากให้เหยียนเค่อรู้ว่าเธอไม่ถามไม่ได้แปลว่าเธอไม่สนใจ

 

 

ก็เหมือนกับตอนที่เช่าชายหนุ่มมาเป็นแฟนเหมือนกัน เธอเคารพความเป็นส่วนตัวของเขา ไม่ได้อยากถามไปหมดซะทุกเรื่อง แต่ว่าเรื่องมันมักจะกลายเป็นประเด็นให้เอามาทะเลาะกันได้ทุกที มันเป็นสัญญาณที่อันตรายเอามากๆ

 

 

เหยียนเค่อนิ่งเงียบไม่พูดจาไปพักใหญ่ๆ แต่สุดท้ายก็ยอมอ่อนข้อ “เธออยากรู้อะไรก็ถามฉันได้ตลอด”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วแกล้งนอนนิ่งอยู่บนเตียง เธอไม่รู้เรื่องอะไรเลยเลยไม่รู้ว่าจะถามอะไร ให้เหยียนเค่อเต็มใจพูดออกมาเองมันดีกว่าการที่เธอไปถาม แต่ว่าหากตนพูดออกไปแบบนี้ทั้งคู่คงได้ทะเลาะกันต่ออีกรอบแน่

 

 

เหยียนเค่อทนไม่ไหวแล้ว ทั้งๆ ที่เวลาอยู่ในที่ประชุมเขานิ่งสงบควบคุมอารมณ์ได้เป็นอย่างดี แต่พออยู่ต่อหน้าซย่าเสี่ยวมั่วกลับกลายเป็นนิสัยยิ่งกว่าเด็กเสียอีก ชายหนุ่มเดินไปกุมมือซย่าเสี่ยวมั่ว “ฉันไม่ได้อยากปิดบังเธอจริงๆ นะ ก่อนหน้านี้ฉันก็ทาเอกสารให้เธอดูอย่างละเอียดแล้วไม่ใช่เหรอ พวกเราจะมานั่งทะเลาะกันด้วยเรื่องเดิมจริงๆ หรือไง”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 664 ความห่วงใยจากผู้เฒ่าเหยียน

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วดึงมือของตัวเองกลับมา น่าจะเป็นเพราะว่าผู้หญิงมักจะมีสัมผัสที่ 6 ที่ค่อนข้างแม่นยำ เมื่อมีครั้งแรกแล้ว อย่างนั้นครั้งที่สอง สาม ก็คงมีเรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นอีก เธอไม่อยากไปคิดถึงเรื่องที่ยังสัมผัสไม่ได้พวกนี้อีก จึงเอ่ยเปลี่ยนเรื่องขึ้นก่อน “เราไปกินข้าวกันเถอะ ถือซะว่าฉันไม่ได้พูดอะไรเลยแล้วกัน”

 

 

เบลล์ที่อยู่ที่ห้องโถงเห็นซย่าเสี่ยวมั่วลงมาแค่คนเดียว เห็นสีหน้าหล่อนดูไม่ค่อยดีจึงไปที่ด้านบนแล้วเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ “พวกคุณเป็นอะไรกันน่ะ”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วส่ายหน้า ยิ้มจนคนมองไม่ออกว่ากำลังทุกข์ใจ “ฉันอยากกินข้าวแล้ว พาฉันไปหน่อยสิ”

 

 

“ได้สิ” เบลล์ก็รู้ว่าเรื่องบางเรื่องไม่ควรพูดมากเกินไป จึงพาหล่อนเดินไปกินข้าวที่ห้องอาหาร

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วยังมีอารมณ์ดูการตกแต่งภายในห้องประชุม สีฟ้าอ่อนเป็นสีโทนหลักในการใช้ตกแต่งห้อง พวกเฟอร์นิเจอร์หลักๆ ส่วนใหญ่ทำมาจากไม้ มองแล้วก็รู้สึกดี อาคารสามชั้นที่จัดเป็นห้องปิด เป็นการจัดสัดส่วนพื้นที่ในห้องให้รู้สึกสบายขึ้น ทำให้คนรู้สึกว่าถึงอยู่ในห้องกว้างแต่ก็สัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของตัวเอง แถมยังทำให้คนไม่รู้สึกกลัวกับพื้นที่กว้างๆ อีกด้วย

 

 

“ที่นี่สวยมากจริงๆ นะคะ” แสงดีมาก ดังนั้นห้องอาหารแห่งนี้เลยอาศัยแสงของตัวมันเองอยู่แล้ว ไม่ต้องอาศัยการเปิดไฟหรือเงาอะไรเพิ่มอีก

 

 

เบลล์เอ่ยแซวยิ้มๆ “คุณนี่ขี้อวยเหมือนคุณยายหวังขายแตง[1]เลยนะคะ”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วก็ไม่ได้คัดค้านอะไร มองชื่นชมวิวทิวทัศน์ด้านนอกหน้าต่าง พบว่าตรงกลางของระเบียงน้ำด้านบนมีเกล็ดหิมะอยู่ พอเงยหน้ามองขึ้นไปถึงได้รู้ว่าด้านบนเป็นแบบโปร่งใส และก็ยังมีเถาวัลย์สีเขียวอยู่ด้วย

 

 

“นี่มันดูผิดฤดูไปหน่อยไหมคะ” ซย่าเสี่ยวมั่วเห็นสีเขียวก็เริ่มแปลกใจ “ไม่ใช่ของปลอมหรอกใช่ไหม”

 

 

“ไม่ใช่ค่ะ เป็นพืชชนิดหนึ่งที่มีสีเขียวอยู่ตลอดเวลา อุณหภูมิในห้องค่อนข้างสูงดังนั้นมันเลยไม่หนาวตาย ยู่ได้จนถึงทุกวันนี้” เบลล์อธิบายให้หล่อนฟัง ทั้งคู่ค่อยๆ เดินเล่นอย่างช้าๆ ไปจนถึงห้องโถง

 

 

เหยียนเค่อไม่ได้ลงไปกินข้าวกับซย่าเสี่ยวมั่ว เขาทั้งกลัวว่าซย่าเสี่ยวมั่วจะโกรธอีกทั้งยังกลัวว่าหล่อนจะไม่สนใจตนอีก ดังนั้นตอนนี้เลยได้แต่คิดหาวิธีง้อให้หล่อนหายโกรธ

 

 

ที่แท้คนที่ไม่กลัวฟ้ากลัวดินอย่างเหยียนเค่อจะมีวันนี้กับเขาเหมือนกัน เขาอดไม่ได้ที่จะฝืนยิ้มออกมา

 

 

เหยียนเค่อยังปรับอารมณ์ไม่ได้ ผู้ช่วยหวังก็มาเคาะประตูห้องเวลานี้พอดี เพื่อเตือนว่าควรจะไปพบกับหุ้นส่วนหน่อย จากนั้นก็ไปตามเบลล์

 

 

เหยียนเค่อรั้งไว้เสียก่อน “ไม่ต้องไปตามเบลล์หรอก ให้เธออยู่ที่นี่เป็นเพื่อนซย่าเสี่ยวมั่ว นายไปกับฉันสองคนก็พอ”

 

 

“ครับ”

 

 

หลังจากที่ เบลล์ ได้รับข้อความจากผู้ช่วยหวังก็เอนหลังพิงเก้าอี้อย่างขี้เกียจ ซย่าเสี่ยวมั่วหันไปมองหน้าหล่อน แล้วเอ่ยอย่างเกรงใจ “พี่ เบลล์ พี่มีธุระต้องรีบไปไม่ใช่เหรอคะ ไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนฉันหรอกค่ะ”

 

 

เบลล์ยิ้มอย่างมีเลศนัย น้ำเสียงเก็บความตื่นเต้นไม่มิด “ประธานเหยียนให้พี่อยู่ที่นี่เป็นเพื่อนคุณค่ะ”

 

 

“อือ” ซย่าเสี่ยวมั่วรับคำ จากนั้นก็กินข้าวต่อ ในใจก้บ่นพึมพำ ขนาดตารางงานของเหยียนเค่อเธอยังไม่รู้เลย เหยียนเค่อเอาความกล้าจากที่ไหนมาถียงกับเธอในเรื่องนี้

 

 

บนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยอาหารและเครื่องดื่มมากมาย เหยียนเค่อกำลังดื่มให้อยู่กับหุ้นส่วน แต่ผู้เฒ่าเหยียนกลับโทรเข้ามาตอนนี้พอดี ชายหนุ่มจึงทำได้เพียงปลีกตัวออกมารับสาย

 

 

ผู้เฒ่าเหยียนแทบจะโทรหาเหยียนเค่อแค่ปีละครั้ง ดังนั้นการโทรมาหาในครั้งนี้เหนือความคาดหมายของเหยียนเค่อ

 

 

“แกทำลายดอกไม้ฉันจนกลายเป็นแบบนั้น จีบสาวติดแล้วหรือยังฮะ”

 

 

พอรับสายก็ได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยอารมณ์ของผู้เฒ่าเหยียนดังมา เหยียนเค่อโดนถามจี้จุดพอดี ตอบรับอย่างไม่ค่อยเต็มใจ “อือ”

 

 

“อึกอึกอะไร อายุก็ปูนนี้แล้ว จะแต่งงานเมื่อไหร่” ผู้เฒ่าเหยียนพูดถึงตรงนี้ก็โมโหขึ้นมา “ทำให้พ่อแม่แกกังวลจริงๆ แต่ละคนก็เอาแต่คิดว่าแกจะจีบหญิงไม่ติด”

 

 

“ตอนนี้ผมก็ยังแย่งสาวไม่ได้” เหยียนเค่อกลอกตา จะให้เขาไปแย่งสาวที่ไหนล่ะ

 

 

“ทำไมแกไม่พยายามเลยฮะ” ผู้เฒ่าเหยียนโวยวายอย่างไม่พอใจ คิดว่าเหยียนเค่ออ่อนเกินไป

 

 

ปู่กับหลานถามคำตอบคำกันอยู่ในโทรศัพท์ ดูเหมือนไม่มีเหตุผลแต่มันกลับดูไม่แปลกอะไร

 

 

 

 

——

 

 

[1] คุณยายหวังขายแตง  สำนวนเปรียบเปรยคนที่ขี้อวด ขี้อวย หลงตัวเอง

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก 663 ปัญหาที่ยากจะก้าวข้ามผ่าน / 664 ความห่วงใยจากผู้เฒ่าเหยียน

Now you are reading เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก Chapter 663 ปัญหาที่ยากจะก้าวข้ามผ่าน / 664 ความห่วงใยจากผู้เฒ่าเหยียน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 663 ปัญหาที่ยากจะก้าวข้ามผ่าน

 

 

“เธอมองฉันยังนี้ทำไม เมื่อกี้น้ำลายยังไหลยืดไม่พอหรือไง” เหยียนเค่อถูกสายตาร้อนแรงของหล่อนมองมาทำให้ไม่สนใจไม่ได้

 

 

“นายจำเป็นต้องแซะฉันด้วยหรือไง” ซย่าเสี่ยวมั่วหยิกไปที่ฝ่ามือของชายหนุ่มอย่างไม่พอใจ

 

 

เหยียนเค่อรวบมือที่อยู่ไม่สุกของหล่อนเอาไว้ แล้วหันไปมอง “เมื่อกี้เธอมองฉันแล้วคิดอะไรอยู่”

 

 

เหยียนเค่อทำให้ซย่าเสี่ยวมั่วเบี่ยงเบนความสนใจได้อย่างง่ายดาย ค่อยๆ เอ่ยพูดกับชายหนุ่ม “นึกถึงตอนที่นายแบกกระเป๋าเดินทางขึ้นเขาเมื่อครั้งก่อน”

 

 

“ไม่ใช่ว่านายเริ่มคิดอะไรไม่ดีกับฉันตั้งแต่ตอนนั้นใช่ไหม”

 

 

“สมองเธอมีปัญหาหรือเปล่าเนี่ย”

 

 

คนทั้งสองเริ่มเถียงกันอีกครั้ง ทะเลากันเดินขึ้นเขาไป เหงื่อท่วมไปทั้งตัว

 

 

เบลล์ที่ยืนรอต้อนรับอยู่ที่หน้าประตูเห็นซย่าเสี่ยวมั่วใช้เล็บตะกุยตะกายไปที่ตัวเหยียนเค่อ ก็ขำจนปวดท้อง

 

 

เมื่อขึ้นมาบนเขาแล้วเหยียนเค่อก็หิ้วปลีกซย่าเสี่ยวมั่วเข้าไปในลิฟต์ด้วยสีหน้าขรึมๆ โดยไม่ได้ชายตาไปมองที่เบลล์เลย

 

 

“ประธานเหยียน เดี๋ยวลงมาทานข้าวนะคะ” เบลล์ตะโกนตามหลังไป ซย่าเสี่ยวมั่วยืดมือพยายามจะหันหกลับไปแต่ถูกเหยียนเค่อล็อคคอแล้วดันให้เดินไป

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วตีเหยียนเค่ออย่างสะเปะสะปะ ได้ยินเสียงดังป๊าบแต่ว่ากลับไม่ได้รู้สึกอะไรเลย “ฉันจะไปกินข้าว!”

 

 

เหยียนเค่อโมโหเด็กเกเรของตัวเองจนปวดท้องไปหมด “ถ้ายังกล้าพูดว่าฉันหลอกใช้เธออีกฉันจะโยนเธออกไปเลย”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วใช้กำปั้นทุบไปที่เหยียนเค่ออย่างไม่พอใจ “ฉันจะขาดอากาศหายใจตายอยู่แล้ว”

 

 

เหยียนเค่อคลายมือออกหน่อยเพื่อให้หล่อนได้มีพื้นที่หายใจ “เธอรู้ไหมว่าฉันโกรธมาก”

 

 

“ฉันก็โกรธมาก” ซย่าเสี่ยวมั่วไม่สนใจอาการโกรธของชายหนุ่ม

 

 

เมื่อครู่ทั้งคู่คุยกันไปคุยกันมาก็เริ่มพูดถึงเรื่องการสร้างของหนานซาน ซย่าเสี่ยวมั่วถึงนึกได้ว่าเหยียนเค่อจงใจปกปิดเธอ เธอจึงเข้าใจไปว่าเหยียนเค่อหลอกใช้เธอ สรุปแล้วพอพูดออกไปปฏิกิริยาของเหยียนเค่อมากกว่าที่เธอคิดไว้เสียอีก

 

 

“ที่ฉันพูดไม่ใช่เรื่องจริงหรือไง”

 

 

เรื่องจริงห่าอะไรล่ะ เหยียนเค่อกลัวว่าหล่อนจะตกใจเลยไม่กล้าสถบคำหยาบคายออกไป แต่ก็อดไม่ได้ที่จะลากเธอกลับไป

 

 

เหยียนเค่อเกลียดคำว่า หลอกใช้ สองคำนี้เป็นอย่างมาก อีกอย่างมันจะเรียกว่าหลอกใช้ได้อย่างไร นี่มันใส่ร้ายกันชัดๆ เลย “ซย่าเสี่ยวมั่ว เหตุผลที่ฉันสร้างหนานเธอยังไม่รู้เลยจะมามองฉันแบบนี้ได้อย่างไร”

 

 

พอพูดถึงเรื่องนี้ซย่าเสี่ยวมั่วก็เริ่มขึ้นเหมือนกัน เอ่ยโต้เสียงเย็น “นายปิดบังฉันอยู่ตั้งหลายเรื่อง ฉันก็ต้องไม่รู้อยู่แล้ว”

 

 

เหยียนเค่อหงุดหงิดกับท่าทีเย็นชาของซย่าเสี่ยวมั่วเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่เขากำลังโมโหอยู่เหมือนกัน “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไรเธอ”

 

 

“อย่างนั้นก็คงเป็นเพราะฉันไม่ช่างสังเกตเองสินะ” ซย่าเสี่ยวมั่วมีความสามรถในการบิดเบือนความเข้าใจได้เยี่ยมจริงๆ เหยียนเค่อได้ยินก็รู้สึกทุกข์ใจ

 

 

ความจริงซย่าเสี่ยวมั่วก็ไม่ได้บังคับว่าเหยียนเค่อต้องบอกเรื่องพวกนี้กับเธอ แต่เธอแค่อยากให้เหยียนเค่อรู้ว่าเธอไม่ถามไม่ได้แปลว่าเธอไม่สนใจ

 

 

ก็เหมือนกับตอนที่เช่าชายหนุ่มมาเป็นแฟนเหมือนกัน เธอเคารพความเป็นส่วนตัวของเขา ไม่ได้อยากถามไปหมดซะทุกเรื่อง แต่ว่าเรื่องมันมักจะกลายเป็นประเด็นให้เอามาทะเลาะกันได้ทุกที มันเป็นสัญญาณที่อันตรายเอามากๆ

 

 

เหยียนเค่อนิ่งเงียบไม่พูดจาไปพักใหญ่ๆ แต่สุดท้ายก็ยอมอ่อนข้อ “เธออยากรู้อะไรก็ถามฉันได้ตลอด”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วแกล้งนอนนิ่งอยู่บนเตียง เธอไม่รู้เรื่องอะไรเลยเลยไม่รู้ว่าจะถามอะไร ให้เหยียนเค่อเต็มใจพูดออกมาเองมันดีกว่าการที่เธอไปถาม แต่ว่าหากตนพูดออกไปแบบนี้ทั้งคู่คงได้ทะเลาะกันต่ออีกรอบแน่

 

 

เหยียนเค่อทนไม่ไหวแล้ว ทั้งๆ ที่เวลาอยู่ในที่ประชุมเขานิ่งสงบควบคุมอารมณ์ได้เป็นอย่างดี แต่พออยู่ต่อหน้าซย่าเสี่ยวมั่วกลับกลายเป็นนิสัยยิ่งกว่าเด็กเสียอีก ชายหนุ่มเดินไปกุมมือซย่าเสี่ยวมั่ว “ฉันไม่ได้อยากปิดบังเธอจริงๆ นะ ก่อนหน้านี้ฉันก็ทาเอกสารให้เธอดูอย่างละเอียดแล้วไม่ใช่เหรอ พวกเราจะมานั่งทะเลาะกันด้วยเรื่องเดิมจริงๆ หรือไง”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 664 ความห่วงใยจากผู้เฒ่าเหยียน

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วดึงมือของตัวเองกลับมา น่าจะเป็นเพราะว่าผู้หญิงมักจะมีสัมผัสที่ 6 ที่ค่อนข้างแม่นยำ เมื่อมีครั้งแรกแล้ว อย่างนั้นครั้งที่สอง สาม ก็คงมีเรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นอีก เธอไม่อยากไปคิดถึงเรื่องที่ยังสัมผัสไม่ได้พวกนี้อีก จึงเอ่ยเปลี่ยนเรื่องขึ้นก่อน “เราไปกินข้าวกันเถอะ ถือซะว่าฉันไม่ได้พูดอะไรเลยแล้วกัน”

 

 

เบลล์ที่อยู่ที่ห้องโถงเห็นซย่าเสี่ยวมั่วลงมาแค่คนเดียว เห็นสีหน้าหล่อนดูไม่ค่อยดีจึงไปที่ด้านบนแล้วเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ “พวกคุณเป็นอะไรกันน่ะ”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วส่ายหน้า ยิ้มจนคนมองไม่ออกว่ากำลังทุกข์ใจ “ฉันอยากกินข้าวแล้ว พาฉันไปหน่อยสิ”

 

 

“ได้สิ” เบลล์ก็รู้ว่าเรื่องบางเรื่องไม่ควรพูดมากเกินไป จึงพาหล่อนเดินไปกินข้าวที่ห้องอาหาร

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วยังมีอารมณ์ดูการตกแต่งภายในห้องประชุม สีฟ้าอ่อนเป็นสีโทนหลักในการใช้ตกแต่งห้อง พวกเฟอร์นิเจอร์หลักๆ ส่วนใหญ่ทำมาจากไม้ มองแล้วก็รู้สึกดี อาคารสามชั้นที่จัดเป็นห้องปิด เป็นการจัดสัดส่วนพื้นที่ในห้องให้รู้สึกสบายขึ้น ทำให้คนรู้สึกว่าถึงอยู่ในห้องกว้างแต่ก็สัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของตัวเอง แถมยังทำให้คนไม่รู้สึกกลัวกับพื้นที่กว้างๆ อีกด้วย

 

 

“ที่นี่สวยมากจริงๆ นะคะ” แสงดีมาก ดังนั้นห้องอาหารแห่งนี้เลยอาศัยแสงของตัวมันเองอยู่แล้ว ไม่ต้องอาศัยการเปิดไฟหรือเงาอะไรเพิ่มอีก

 

 

เบลล์เอ่ยแซวยิ้มๆ “คุณนี่ขี้อวยเหมือนคุณยายหวังขายแตง[1]เลยนะคะ”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วก็ไม่ได้คัดค้านอะไร มองชื่นชมวิวทิวทัศน์ด้านนอกหน้าต่าง พบว่าตรงกลางของระเบียงน้ำด้านบนมีเกล็ดหิมะอยู่ พอเงยหน้ามองขึ้นไปถึงได้รู้ว่าด้านบนเป็นแบบโปร่งใส และก็ยังมีเถาวัลย์สีเขียวอยู่ด้วย

 

 

“นี่มันดูผิดฤดูไปหน่อยไหมคะ” ซย่าเสี่ยวมั่วเห็นสีเขียวก็เริ่มแปลกใจ “ไม่ใช่ของปลอมหรอกใช่ไหม”

 

 

“ไม่ใช่ค่ะ เป็นพืชชนิดหนึ่งที่มีสีเขียวอยู่ตลอดเวลา อุณหภูมิในห้องค่อนข้างสูงดังนั้นมันเลยไม่หนาวตาย ยู่ได้จนถึงทุกวันนี้” เบลล์อธิบายให้หล่อนฟัง ทั้งคู่ค่อยๆ เดินเล่นอย่างช้าๆ ไปจนถึงห้องโถง

 

 

เหยียนเค่อไม่ได้ลงไปกินข้าวกับซย่าเสี่ยวมั่ว เขาทั้งกลัวว่าซย่าเสี่ยวมั่วจะโกรธอีกทั้งยังกลัวว่าหล่อนจะไม่สนใจตนอีก ดังนั้นตอนนี้เลยได้แต่คิดหาวิธีง้อให้หล่อนหายโกรธ

 

 

ที่แท้คนที่ไม่กลัวฟ้ากลัวดินอย่างเหยียนเค่อจะมีวันนี้กับเขาเหมือนกัน เขาอดไม่ได้ที่จะฝืนยิ้มออกมา

 

 

เหยียนเค่อยังปรับอารมณ์ไม่ได้ ผู้ช่วยหวังก็มาเคาะประตูห้องเวลานี้พอดี เพื่อเตือนว่าควรจะไปพบกับหุ้นส่วนหน่อย จากนั้นก็ไปตามเบลล์

 

 

เหยียนเค่อรั้งไว้เสียก่อน “ไม่ต้องไปตามเบลล์หรอก ให้เธออยู่ที่นี่เป็นเพื่อนซย่าเสี่ยวมั่ว นายไปกับฉันสองคนก็พอ”

 

 

“ครับ”

 

 

หลังจากที่ เบลล์ ได้รับข้อความจากผู้ช่วยหวังก็เอนหลังพิงเก้าอี้อย่างขี้เกียจ ซย่าเสี่ยวมั่วหันไปมองหน้าหล่อน แล้วเอ่ยอย่างเกรงใจ “พี่ เบลล์ พี่มีธุระต้องรีบไปไม่ใช่เหรอคะ ไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนฉันหรอกค่ะ”

 

 

เบลล์ยิ้มอย่างมีเลศนัย น้ำเสียงเก็บความตื่นเต้นไม่มิด “ประธานเหยียนให้พี่อยู่ที่นี่เป็นเพื่อนคุณค่ะ”

 

 

“อือ” ซย่าเสี่ยวมั่วรับคำ จากนั้นก็กินข้าวต่อ ในใจก้บ่นพึมพำ ขนาดตารางงานของเหยียนเค่อเธอยังไม่รู้เลย เหยียนเค่อเอาความกล้าจากที่ไหนมาถียงกับเธอในเรื่องนี้

 

 

บนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยอาหารและเครื่องดื่มมากมาย เหยียนเค่อกำลังดื่มให้อยู่กับหุ้นส่วน แต่ผู้เฒ่าเหยียนกลับโทรเข้ามาตอนนี้พอดี ชายหนุ่มจึงทำได้เพียงปลีกตัวออกมารับสาย

 

 

ผู้เฒ่าเหยียนแทบจะโทรหาเหยียนเค่อแค่ปีละครั้ง ดังนั้นการโทรมาหาในครั้งนี้เหนือความคาดหมายของเหยียนเค่อ

 

 

“แกทำลายดอกไม้ฉันจนกลายเป็นแบบนั้น จีบสาวติดแล้วหรือยังฮะ”

 

 

พอรับสายก็ได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยอารมณ์ของผู้เฒ่าเหยียนดังมา เหยียนเค่อโดนถามจี้จุดพอดี ตอบรับอย่างไม่ค่อยเต็มใจ “อือ”

 

 

“อึกอึกอะไร อายุก็ปูนนี้แล้ว จะแต่งงานเมื่อไหร่” ผู้เฒ่าเหยียนพูดถึงตรงนี้ก็โมโหขึ้นมา “ทำให้พ่อแม่แกกังวลจริงๆ แต่ละคนก็เอาแต่คิดว่าแกจะจีบหญิงไม่ติด”

 

 

“ตอนนี้ผมก็ยังแย่งสาวไม่ได้” เหยียนเค่อกลอกตา จะให้เขาไปแย่งสาวที่ไหนล่ะ

 

 

“ทำไมแกไม่พยายามเลยฮะ” ผู้เฒ่าเหยียนโวยวายอย่างไม่พอใจ คิดว่าเหยียนเค่ออ่อนเกินไป

 

 

ปู่กับหลานถามคำตอบคำกันอยู่ในโทรศัพท์ ดูเหมือนไม่มีเหตุผลแต่มันกลับดูไม่แปลกอะไร

 

 

 

 

——

 

 

[1] คุณยายหวังขายแตง  สำนวนเปรียบเปรยคนที่ขี้อวด ขี้อวย หลงตัวเอง

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+