เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก 665 เจอวิธีแก้ไขปัญหา / 666 บรรยากาศสงครามเย็น

Now you are reading เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก Chapter 665 เจอวิธีแก้ไขปัญหา / 666 บรรยากาศสงครามเย็น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 665 เจอวิธีแก้ไขปัญหา

 

 

เหยียนเค่อก็ไม่ได้ปิดบัง ปู่ถามอะไรเขาก็ตอบไปแบบนั้น ขนาดเรื่องที่เพิ่งทะเลาะกันเมื่อครู่ก็พูดออกมาหมด

 

 

ผู้เฒ่าเหยียนหัวเราะด้วยความสะใจ “แกก็มีวันนี้กับเขาด้วยเหรอ”

 

 

“ผมควรทำอย่างไรดี” เหยียนเค่อไม่อาจทำเป็นเรื่องเล่นๆ ได้ ในเมื่อเขาบอกทุกอย่างกับปู่ตนขนาดนี้แล้วเขาก็ต้องการวิธีการแก้ปัญหา

 

 

ระหว่างเดินทางมาเขาก็ถามผู้ช่วยหวังไปแล้ว แต่สุดท้ายรออยู่เป็นนานก็ได้มาแค่ประโยคเดียว “นายหญิงง้อง่ายอยู่มั้งครับ”

 

 

จากนั้นเหยียนเค่อก็ไม่พูดอะไรกับเขาอีกเลย

 

 

ผู้เฒ่าเหยียนถอนหายใจอย่างสบายๆ “แกน่ะ อย่าตรงเกินและถือตัวมากไปนัก ตอนที่รู้สึกตัวแล้วก็ไปง้อเขาดีๆ ระหว่างสามีภรรยามันก็อย่างนี้แหล่ะ”

 

 

“ผมไปถือตัวตอนไหน” ตอนที่เหยียนเค่ออยู่ต่อหน้าซย่าเสี่ยวมั่วแทบไม่เคยถือตัวเลยด้วยซ้ำ ตอนที่รู้สึกตัวอ่อนข้อก็มีอยู่หลายครั้ง แต่ก็ถูกหล่อนทำเย็นชาใส่เกือบตลอด “มีวิธีอื่นอีกไหม”

 

 

“จากที่ฟังที่แกพูดเรื่องนี้ ในใจเริ่มเดาได้แล้ว แต่ว่าฉันไม่ใช่หลานสะใภ้เลยไม่แน่ใจว่าจะได้ผลไหม”

 

 

“ว่ามา” เหยียนเค่อเริ่มรู้สึกทนไม่ไหว พออายุมากขึ้นก็พูดมากขึ้นด้วย

 

 

ผู้เฒ่าเหยียนก็ไม่ได้อ้อมค้อมอีก พูดตามตรง “แกน่าจะทำจนเคยชิน จัดการเรื่องทุกอย่างด้วยตัวคนเดียวตลอด ตอนนี้ก็ไม่ชอบและก็ไม่ได้สนใจที่จะบอกคนอื่นว่าแกจะทำอะไรบ้าง แต่ว่าตอนนี้แกมีเมียแล้วแกก็ควรจะบอกหล่อนเพื่อให้หล่อนสบายใจไม่ใช่หรือไง”

 

 

เหยียนเค่อนิ่งไป เขาไม่ได้นึกถึงเรื่องนี้จริงๆ ด้วย

 

 

“เมียไม่ใช่แม่แก แกไม่ติดต่อกับแม่แกปีสองปีเขาก็ยังคือแม่ แต่ว่าถ้าแกไปติดต่อกับเมียสักปีสองปีมันจะยังเป็นคู่ชีวิตกันอยู่ไหม”

 

 

ผู้เฒ่าเหยียนเปรียบเทียบจนเหยียนเค่อเข้าใจกระจ่างแจ้ง รับคำ “ขอบคุณครับปู่ ผมเข้าใจแล้ว”

 

 

ผู้เฒ่าเหยียนได้ยินก็ดีใจ มีวันที่เจ้าเด็กนี่พูดขอบคุณกับเขาด้วย รีบเอ่ยเร่ง “เจ้านี่ รีบแต่งงานได้แล้ว ต้องแต่งงานถึงจะถือว่าได้เรื่อง”

 

 

พอประธานเหยียนกลับเข้ามาทำไมเขาถึงได้รู้สึกเหมือนว่า ประธานพยายามจะทำให้ฝั่งตรงข้ามเมาแล้วรีบจะได้รีบแยกย้ายเร็วๆ ผู้ช่วยหวังไม่แน่ใจว่าตนคิดถูกหรือไม่ แต่ก็ได้แต่เติมเหล้าแล้วดื่มไปกับประธานเหยียน ได้รับสายตาชื่นชมและอนุญาตจากประธานเหยียนผู้ช่วยหวังก็ได้แต่หลั่งน้ำตาเงียบๆ เขารู้ชะตากรรมคืนนี้ของเขาแล้ว

 

 

พอแยกย้ายกันแล้ว สีหน้าของเหยียนเค่อก็เริ่มแดงขึ้นนิดหน่อย ผู้ช่วยหวังหน้าซีดขาวนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม่มีสติและไม่สามารถประคองตัวกลับได้แล้ว

 

 

พวกเขามากินข้าวที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งซึ่งไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่พักของตนเองนัก พอดื่มเสร็จรู้สึกว่ากลับเองไม่ได้จึงทำได้แค่โทรให้เบลล์ออกมารับ ในใจก็กำลังคิดว่าจะแกล้งทำเป็นเมาเพื่อให้ซย่าเสี่ยวมั่วเห็นแล้วคิดว่าตนทำเพราะคลายเศร้าจะดีไหม แต่สุดท้ายก็ล้มเลิก สภาพเขาตอนนี้ดูไม่ออกเลยว่าเมา ผลลัพธ์คงไม่ดีแน่

 

 

พอเบลล์เข้ามาในห้องที่เหมาไว้ก็เห็นว่าผู้ช่วยหวังฟุบหลับไปกับโต๊ะแล้ว แต่ว่าเจ้านายของตนยังยืนอยู่ตรงหน้าต่างมองออกไปด้านนอก เธอจึงส่งเสียงเรียกออกไปอย่างไม่แน่ใจ “ประธานเหยียน?”

 

 

เหยียนเค่อได้ยินเสียงเรียกก็หันกลับไป เห็นว่าเป็นหล่อนก็ขมวดคิ้ว “คุณแบกเขากลับไปได้เหรอ”

 

 

ใบหน้างามราวกับหยกถูกแต่งแต้มด้วยสีแดงราวกับพุทรา ยิ่งท่าทางขมวดคิ้วยิ่งดูมีเส่นห์ ทำให้เบลล์ลอบกลืนน้ำลายอย่างอดไม่ได้ น้ำเสียงดูตื่นเต้น “ได้ค่ะ”

 

 

เหยียนเค่อเดินถนนก็เซอยู่เหมือนกัน ดังนั้นก็เลยช่วยแบกผู้ช่วยหวังไม่ไหว จึงพึ่งเบลล์ได้แค่คนเดียว

 

 

เบลล์อยากจะให้ซย่าเสี่ยวมั่วมาเห็นจริงๆ ว่าผู้ชายของหล่อนมีเสน่ห์ยั่วยวนขนาดไหน ขนาดนี้แล้วมีอะไรน่าโมโหนัก จัดการไปเลยก็สิ้นเรื่อง จะเสียเวลาพูดไปทำไม

 

 

เหยียนเค่อเดินนำหน้า พอเปิดประตูก็เห็นซย่าเสี่ยวมั่วที่พิงกำแพงอยู่ เขาเริ่มปวดหัว พอเห็นซย่าเสี่ยวมั่วก็อยากจะพุ่งเข้าไปหา แต่ว่าพอคิดว่าทั้งคู่กำลังทะเลาะกันอยู่จึงได้แต่ฝืนทำเป็นเดินไปด้านหน้าอย่างเป็นปกติ

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วเห็นกับตาตัวเองว่าชายหนุ่มเดินเมินเธอไปด้านหน้า หลับตาอย่างพยายามอดทน แต่ว่าก็ยังคงเย็นชาอยู่

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 666 บรรยากาศสงครามเย็น

 

 

เบลล์ที่แบกผู้ช่วยหวังออกมาเห็นซย่าเสี่ยวมั่วก็รีบโบกมือเรียก “รีบมาช่วยหน่อยค่ะ ฉันแบกไม่ไหวแล้ว”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วได้กลิ่นเหล้าก็ขมวดคิ้ว ในใจก็ไม่เข้าใจ เหยียนเค่อไอ้เจ้านายใจร้ายทำไมถึงทิ้งลูกน้องไว้อย่างนี้โดยไม่สนใจสักนิด

 

 

พวกเธอทั้งคู่ใช้แรงเกือบทั้งหมดในการพาตัวผู้ช่วยหวังขึ้นไปบนรถจักรยานได้สำเร็จ

 

 

เบลล์มองไปที่ห้องอาหารที่ดูอึมครึมอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็จุดเทียนขึ้นมาหนึ่งแท่ง “ฉันพาเขากลับไปเอง”

 

 

เหยียนเค่อช่วยประคองผู้ช่วยหวังที่พร้อมจะล้มลงมาได้ทุกเมื่อ ขาของเขาก็อ่อนแรงแล้วเช่นกัน มือก็เลยไม่ค่อยมีแรงสักเท่าไหร่ เกือบจะล้มทับไปบนร่างของผู้ช่วยหวังอยู่เหมือนกัน ประคองอยู่แปปหนึ่งก็ผ่อนแรง “เดี๋ยวค่อยๆ เดินกลับไปด้วยกันดีกว่า ให้เขานั่งซ้อนหลังมันอันตราย”

 

 

เบลล์พยักหน้า หากให้เธอแบกเขากลับก็ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาเท่าไหร่เหมือนกัน

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วเห็นการกระทำของชายหนุ่มก็อยากจะพูดว่าเขาออกมา จะให้เบลล์แบกผู้ชายตัวโตอย่างผู้ช่วยหวังกลับไปเห็นที่จะมีแต่เหยียนเค่อที่ทำออกมาได้ มันน่าต่อยจริงๆ

 

 

เหยียนเค่อไม่ได้มองสีหน้าของเหยียนเค่อ ทั้งคู่ค่อยๆ เดินกันไปโดยมีผู้ช่วยหวังแทรกอยู่ตรงกลาง แต่เบลล์กลับรู้สึกได้ว่าเหยียนเค่อทำแบบนี้ ซย่าเสี่ยวมั่วต้องไม่พอใจมากแน่ๆ จึงตั้งใจพูดเปลี่ยนบรรยายกาศ

 

 

“พวกคุณดื่มกันไปกี่ยกคะเนี่ย”

 

 

หลังจากที่เหยียนเค่อดื่มเหล้าเข้าไปก็เคร่งขรึมกว่าเดิม ที่จริงเขาไม่อยากพูดอะไร แต่เมื่อเบลล์ถาม จะไม่ตอบก็ไม่ได้ “จำไม่ได้แล้ว”

 

 

“หา” เบลล์เอ่ยอย่างตกใจ เธอถูกผู้ชายสองคนนี้ทำให้ทึ่งแล้ว “เจ้านายยังคอแข็งกว่าผู้ช่วยหวังนะคะ”

 

 

“อือ” เหยียนเค่อค่อยๆ นวดขมับ ลมหนาวที่พัดทำเอาเขาปวดหัวยิ่งกว่าเดิม เขาปลดผ้าพันคอออกมาแล้วคลุมไปที่หัวของผู้ช่วยหวัง การกระทำแบบนี้ทำเอาเบลล์อยากขำแต่ก็ไม่กล้า

 

 

“เจ้านาย ยังจำได้ไหมว่าดื่มไปมากเท่าไหร่”

 

 

เหยียนเค่อไม่อยากตอบ จ้องไปที่ถนนแล้วค่อยๆ เดินไปเรื่อยๆ

 

 

ต้นไม้แห้งแต่ละต้นยังมีหิมะที่ยังคงไม่ละลายเกาะติดอยู่ เนื่องจากว่าทางนี้ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านดังนั้นมันก็เลยยังคงรูปร่างเป็นน้ำแข็งแบบเดิมอยู่ พอเหยียบลงไปก็เกิดเสียงดังกร็อบแกร๊บและก็เสียงถูกกัดเซาะของชั้นหิมะบนพื้นดิน

 

 

ชายหนุ่มพูดจา เบลล์เลยได้แต่พูดกับตัวเอง เอ่ยแซวขึ้น “แบบนี้ถ้าไปเลี้ยงสังสรรค์ฉันก็คงไม่ต้องดื่มเลยสิ”

 

 

เหยียนเค่อก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคิดอะไรอยู่ถึงได้พูดแบบนี้ออกไป “พี่ฉันก็ดื่มเก่ง”

 

 

เบลล์หัวเราะอย่างขมขื่น “จริงสินะ แต่คนอื่นไม่รู้นี่” เธอถอนหายใจ “เป็นเลขาเขาไม่ง่ายเลย มีความคิดอยากตายด้วยซ้ำ”

 

 

เหยียนเค่อไม่ได้เอ่ยตอบ เธอจึงหันไปคุยกับซย่าเสี่ยวมั่ว ซย่าเสี่ยวมั่วก็ได้แต่รับคำอยู่ด้านหลัง ไม่ได้เอ่ยพูดอะไร

 

 

เธอได้ยินคำพูดของเบลล์เมื่อสักครู่ถึงได้รับรู้ว่าเหยียนเค่อคงดื่มมาไม่น้อย แต่เธอกลับไปก่นด่าเขา ช่างน่ารังเกียจจริงๆ ตอนนี้เธอละอายใจจนไม่อยากพูดอะไร

 

 

เบลล์หัวเราะแห้งๆ “ฮ่าฮ่าฮ่า พวกคุณต่างไม่สนใจฉัน จะให้ฉันไปพูดกับผู้ช่วยหวังเหรอ”

 

 

หิมะบนพื้นดึงสติของเหยียนเค่อไป เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเบลล์พูดอะไร ในสมองเต็มไปด้วยชื่อของซย่าเสี่ยวมั่ว แต่ว่ากลับไม่รู้ว่าจะง้อหล่อนอย่างไรดี

 

 

เหยียนเค่อไม่ตอบรับอะไร ถ้าซย่าเสี่ยวมั่วไม่ยอมพูดอีกก็จะดูเกินไป จึงได้แต่เอ่ยอย่างขอไปที “เปล่านะคะ ด้านนอกมันหนาว เลยไม่อยากพูดอะไร”

 

 

พอได้ยินหล่อนพูดเหยียนเค่อจึงเหล่ไปมองเล็กน้อย จากนั้นก็รีบหลบสายตา ก้มหน้ามองหิมะต่อ

 

 

“ถ้าเกิดคุณหนาวก็รีบกลับไปก่อนดีกว่า วิ่งไปน่าจะอุ่นกว่า” เบลล์ไม่รู้จริงๆ ว่าเหยียนเค่อจะเล่นแง่อะไรนัก ไม่ยอมพูดอะไรสักคำ

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก 665 เจอวิธีแก้ไขปัญหา / 666 บรรยากาศสงครามเย็น

Now you are reading เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก Chapter 665 เจอวิธีแก้ไขปัญหา / 666 บรรยากาศสงครามเย็น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 665 เจอวิธีแก้ไขปัญหา

 

 

เหยียนเค่อก็ไม่ได้ปิดบัง ปู่ถามอะไรเขาก็ตอบไปแบบนั้น ขนาดเรื่องที่เพิ่งทะเลาะกันเมื่อครู่ก็พูดออกมาหมด

 

 

ผู้เฒ่าเหยียนหัวเราะด้วยความสะใจ “แกก็มีวันนี้กับเขาด้วยเหรอ”

 

 

“ผมควรทำอย่างไรดี” เหยียนเค่อไม่อาจทำเป็นเรื่องเล่นๆ ได้ ในเมื่อเขาบอกทุกอย่างกับปู่ตนขนาดนี้แล้วเขาก็ต้องการวิธีการแก้ปัญหา

 

 

ระหว่างเดินทางมาเขาก็ถามผู้ช่วยหวังไปแล้ว แต่สุดท้ายรออยู่เป็นนานก็ได้มาแค่ประโยคเดียว “นายหญิงง้อง่ายอยู่มั้งครับ”

 

 

จากนั้นเหยียนเค่อก็ไม่พูดอะไรกับเขาอีกเลย

 

 

ผู้เฒ่าเหยียนถอนหายใจอย่างสบายๆ “แกน่ะ อย่าตรงเกินและถือตัวมากไปนัก ตอนที่รู้สึกตัวแล้วก็ไปง้อเขาดีๆ ระหว่างสามีภรรยามันก็อย่างนี้แหล่ะ”

 

 

“ผมไปถือตัวตอนไหน” ตอนที่เหยียนเค่ออยู่ต่อหน้าซย่าเสี่ยวมั่วแทบไม่เคยถือตัวเลยด้วยซ้ำ ตอนที่รู้สึกตัวอ่อนข้อก็มีอยู่หลายครั้ง แต่ก็ถูกหล่อนทำเย็นชาใส่เกือบตลอด “มีวิธีอื่นอีกไหม”

 

 

“จากที่ฟังที่แกพูดเรื่องนี้ ในใจเริ่มเดาได้แล้ว แต่ว่าฉันไม่ใช่หลานสะใภ้เลยไม่แน่ใจว่าจะได้ผลไหม”

 

 

“ว่ามา” เหยียนเค่อเริ่มรู้สึกทนไม่ไหว พออายุมากขึ้นก็พูดมากขึ้นด้วย

 

 

ผู้เฒ่าเหยียนก็ไม่ได้อ้อมค้อมอีก พูดตามตรง “แกน่าจะทำจนเคยชิน จัดการเรื่องทุกอย่างด้วยตัวคนเดียวตลอด ตอนนี้ก็ไม่ชอบและก็ไม่ได้สนใจที่จะบอกคนอื่นว่าแกจะทำอะไรบ้าง แต่ว่าตอนนี้แกมีเมียแล้วแกก็ควรจะบอกหล่อนเพื่อให้หล่อนสบายใจไม่ใช่หรือไง”

 

 

เหยียนเค่อนิ่งไป เขาไม่ได้นึกถึงเรื่องนี้จริงๆ ด้วย

 

 

“เมียไม่ใช่แม่แก แกไม่ติดต่อกับแม่แกปีสองปีเขาก็ยังคือแม่ แต่ว่าถ้าแกไปติดต่อกับเมียสักปีสองปีมันจะยังเป็นคู่ชีวิตกันอยู่ไหม”

 

 

ผู้เฒ่าเหยียนเปรียบเทียบจนเหยียนเค่อเข้าใจกระจ่างแจ้ง รับคำ “ขอบคุณครับปู่ ผมเข้าใจแล้ว”

 

 

ผู้เฒ่าเหยียนได้ยินก็ดีใจ มีวันที่เจ้าเด็กนี่พูดขอบคุณกับเขาด้วย รีบเอ่ยเร่ง “เจ้านี่ รีบแต่งงานได้แล้ว ต้องแต่งงานถึงจะถือว่าได้เรื่อง”

 

 

พอประธานเหยียนกลับเข้ามาทำไมเขาถึงได้รู้สึกเหมือนว่า ประธานพยายามจะทำให้ฝั่งตรงข้ามเมาแล้วรีบจะได้รีบแยกย้ายเร็วๆ ผู้ช่วยหวังไม่แน่ใจว่าตนคิดถูกหรือไม่ แต่ก็ได้แต่เติมเหล้าแล้วดื่มไปกับประธานเหยียน ได้รับสายตาชื่นชมและอนุญาตจากประธานเหยียนผู้ช่วยหวังก็ได้แต่หลั่งน้ำตาเงียบๆ เขารู้ชะตากรรมคืนนี้ของเขาแล้ว

 

 

พอแยกย้ายกันแล้ว สีหน้าของเหยียนเค่อก็เริ่มแดงขึ้นนิดหน่อย ผู้ช่วยหวังหน้าซีดขาวนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม่มีสติและไม่สามารถประคองตัวกลับได้แล้ว

 

 

พวกเขามากินข้าวที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งซึ่งไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่พักของตนเองนัก พอดื่มเสร็จรู้สึกว่ากลับเองไม่ได้จึงทำได้แค่โทรให้เบลล์ออกมารับ ในใจก็กำลังคิดว่าจะแกล้งทำเป็นเมาเพื่อให้ซย่าเสี่ยวมั่วเห็นแล้วคิดว่าตนทำเพราะคลายเศร้าจะดีไหม แต่สุดท้ายก็ล้มเลิก สภาพเขาตอนนี้ดูไม่ออกเลยว่าเมา ผลลัพธ์คงไม่ดีแน่

 

 

พอเบลล์เข้ามาในห้องที่เหมาไว้ก็เห็นว่าผู้ช่วยหวังฟุบหลับไปกับโต๊ะแล้ว แต่ว่าเจ้านายของตนยังยืนอยู่ตรงหน้าต่างมองออกไปด้านนอก เธอจึงส่งเสียงเรียกออกไปอย่างไม่แน่ใจ “ประธานเหยียน?”

 

 

เหยียนเค่อได้ยินเสียงเรียกก็หันกลับไป เห็นว่าเป็นหล่อนก็ขมวดคิ้ว “คุณแบกเขากลับไปได้เหรอ”

 

 

ใบหน้างามราวกับหยกถูกแต่งแต้มด้วยสีแดงราวกับพุทรา ยิ่งท่าทางขมวดคิ้วยิ่งดูมีเส่นห์ ทำให้เบลล์ลอบกลืนน้ำลายอย่างอดไม่ได้ น้ำเสียงดูตื่นเต้น “ได้ค่ะ”

 

 

เหยียนเค่อเดินถนนก็เซอยู่เหมือนกัน ดังนั้นก็เลยช่วยแบกผู้ช่วยหวังไม่ไหว จึงพึ่งเบลล์ได้แค่คนเดียว

 

 

เบลล์อยากจะให้ซย่าเสี่ยวมั่วมาเห็นจริงๆ ว่าผู้ชายของหล่อนมีเสน่ห์ยั่วยวนขนาดไหน ขนาดนี้แล้วมีอะไรน่าโมโหนัก จัดการไปเลยก็สิ้นเรื่อง จะเสียเวลาพูดไปทำไม

 

 

เหยียนเค่อเดินนำหน้า พอเปิดประตูก็เห็นซย่าเสี่ยวมั่วที่พิงกำแพงอยู่ เขาเริ่มปวดหัว พอเห็นซย่าเสี่ยวมั่วก็อยากจะพุ่งเข้าไปหา แต่ว่าพอคิดว่าทั้งคู่กำลังทะเลาะกันอยู่จึงได้แต่ฝืนทำเป็นเดินไปด้านหน้าอย่างเป็นปกติ

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วเห็นกับตาตัวเองว่าชายหนุ่มเดินเมินเธอไปด้านหน้า หลับตาอย่างพยายามอดทน แต่ว่าก็ยังคงเย็นชาอยู่

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 666 บรรยากาศสงครามเย็น

 

 

เบลล์ที่แบกผู้ช่วยหวังออกมาเห็นซย่าเสี่ยวมั่วก็รีบโบกมือเรียก “รีบมาช่วยหน่อยค่ะ ฉันแบกไม่ไหวแล้ว”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วได้กลิ่นเหล้าก็ขมวดคิ้ว ในใจก็ไม่เข้าใจ เหยียนเค่อไอ้เจ้านายใจร้ายทำไมถึงทิ้งลูกน้องไว้อย่างนี้โดยไม่สนใจสักนิด

 

 

พวกเธอทั้งคู่ใช้แรงเกือบทั้งหมดในการพาตัวผู้ช่วยหวังขึ้นไปบนรถจักรยานได้สำเร็จ

 

 

เบลล์มองไปที่ห้องอาหารที่ดูอึมครึมอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็จุดเทียนขึ้นมาหนึ่งแท่ง “ฉันพาเขากลับไปเอง”

 

 

เหยียนเค่อช่วยประคองผู้ช่วยหวังที่พร้อมจะล้มลงมาได้ทุกเมื่อ ขาของเขาก็อ่อนแรงแล้วเช่นกัน มือก็เลยไม่ค่อยมีแรงสักเท่าไหร่ เกือบจะล้มทับไปบนร่างของผู้ช่วยหวังอยู่เหมือนกัน ประคองอยู่แปปหนึ่งก็ผ่อนแรง “เดี๋ยวค่อยๆ เดินกลับไปด้วยกันดีกว่า ให้เขานั่งซ้อนหลังมันอันตราย”

 

 

เบลล์พยักหน้า หากให้เธอแบกเขากลับก็ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาเท่าไหร่เหมือนกัน

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วเห็นการกระทำของชายหนุ่มก็อยากจะพูดว่าเขาออกมา จะให้เบลล์แบกผู้ชายตัวโตอย่างผู้ช่วยหวังกลับไปเห็นที่จะมีแต่เหยียนเค่อที่ทำออกมาได้ มันน่าต่อยจริงๆ

 

 

เหยียนเค่อไม่ได้มองสีหน้าของเหยียนเค่อ ทั้งคู่ค่อยๆ เดินกันไปโดยมีผู้ช่วยหวังแทรกอยู่ตรงกลาง แต่เบลล์กลับรู้สึกได้ว่าเหยียนเค่อทำแบบนี้ ซย่าเสี่ยวมั่วต้องไม่พอใจมากแน่ๆ จึงตั้งใจพูดเปลี่ยนบรรยายกาศ

 

 

“พวกคุณดื่มกันไปกี่ยกคะเนี่ย”

 

 

หลังจากที่เหยียนเค่อดื่มเหล้าเข้าไปก็เคร่งขรึมกว่าเดิม ที่จริงเขาไม่อยากพูดอะไร แต่เมื่อเบลล์ถาม จะไม่ตอบก็ไม่ได้ “จำไม่ได้แล้ว”

 

 

“หา” เบลล์เอ่ยอย่างตกใจ เธอถูกผู้ชายสองคนนี้ทำให้ทึ่งแล้ว “เจ้านายยังคอแข็งกว่าผู้ช่วยหวังนะคะ”

 

 

“อือ” เหยียนเค่อค่อยๆ นวดขมับ ลมหนาวที่พัดทำเอาเขาปวดหัวยิ่งกว่าเดิม เขาปลดผ้าพันคอออกมาแล้วคลุมไปที่หัวของผู้ช่วยหวัง การกระทำแบบนี้ทำเอาเบลล์อยากขำแต่ก็ไม่กล้า

 

 

“เจ้านาย ยังจำได้ไหมว่าดื่มไปมากเท่าไหร่”

 

 

เหยียนเค่อไม่อยากตอบ จ้องไปที่ถนนแล้วค่อยๆ เดินไปเรื่อยๆ

 

 

ต้นไม้แห้งแต่ละต้นยังมีหิมะที่ยังคงไม่ละลายเกาะติดอยู่ เนื่องจากว่าทางนี้ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านดังนั้นมันก็เลยยังคงรูปร่างเป็นน้ำแข็งแบบเดิมอยู่ พอเหยียบลงไปก็เกิดเสียงดังกร็อบแกร๊บและก็เสียงถูกกัดเซาะของชั้นหิมะบนพื้นดิน

 

 

ชายหนุ่มพูดจา เบลล์เลยได้แต่พูดกับตัวเอง เอ่ยแซวขึ้น “แบบนี้ถ้าไปเลี้ยงสังสรรค์ฉันก็คงไม่ต้องดื่มเลยสิ”

 

 

เหยียนเค่อก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคิดอะไรอยู่ถึงได้พูดแบบนี้ออกไป “พี่ฉันก็ดื่มเก่ง”

 

 

เบลล์หัวเราะอย่างขมขื่น “จริงสินะ แต่คนอื่นไม่รู้นี่” เธอถอนหายใจ “เป็นเลขาเขาไม่ง่ายเลย มีความคิดอยากตายด้วยซ้ำ”

 

 

เหยียนเค่อไม่ได้เอ่ยตอบ เธอจึงหันไปคุยกับซย่าเสี่ยวมั่ว ซย่าเสี่ยวมั่วก็ได้แต่รับคำอยู่ด้านหลัง ไม่ได้เอ่ยพูดอะไร

 

 

เธอได้ยินคำพูดของเบลล์เมื่อสักครู่ถึงได้รับรู้ว่าเหยียนเค่อคงดื่มมาไม่น้อย แต่เธอกลับไปก่นด่าเขา ช่างน่ารังเกียจจริงๆ ตอนนี้เธอละอายใจจนไม่อยากพูดอะไร

 

 

เบลล์หัวเราะแห้งๆ “ฮ่าฮ่าฮ่า พวกคุณต่างไม่สนใจฉัน จะให้ฉันไปพูดกับผู้ช่วยหวังเหรอ”

 

 

หิมะบนพื้นดึงสติของเหยียนเค่อไป เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเบลล์พูดอะไร ในสมองเต็มไปด้วยชื่อของซย่าเสี่ยวมั่ว แต่ว่ากลับไม่รู้ว่าจะง้อหล่อนอย่างไรดี

 

 

เหยียนเค่อไม่ตอบรับอะไร ถ้าซย่าเสี่ยวมั่วไม่ยอมพูดอีกก็จะดูเกินไป จึงได้แต่เอ่ยอย่างขอไปที “เปล่านะคะ ด้านนอกมันหนาว เลยไม่อยากพูดอะไร”

 

 

พอได้ยินหล่อนพูดเหยียนเค่อจึงเหล่ไปมองเล็กน้อย จากนั้นก็รีบหลบสายตา ก้มหน้ามองหิมะต่อ

 

 

“ถ้าเกิดคุณหนาวก็รีบกลับไปก่อนดีกว่า วิ่งไปน่าจะอุ่นกว่า” เบลล์ไม่รู้จริงๆ ว่าเหยียนเค่อจะเล่นแง่อะไรนัก ไม่ยอมพูดอะไรสักคำ

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+