เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก 667 แกล้งเมา / 668 แขกไม่ได้รับเชิญยืนอยู่หน้าประตู

Now you are reading เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก Chapter 667 แกล้งเมา / 668 แขกไม่ได้รับเชิญยืนอยู่หน้าประตู at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 667 แกล้งเมา

 

 

“ฉันแค่พูดขึ้นเฉยๆ ” ซย่าเสี่ยวมั่วใส่เสื้อหนาก็พวกเขาตั้งเยอะ ความจริงไม่ได้หนาวเท่าไหร่ แต่ที่เธอไม่อยากพูดนั้นคือเรื่องจริง

 

 

ในใจของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา ตอนที่เหยียนเค่อแหย่เธอเล่นเธอน่าจะรับคำไป ยังดีกว่ามาตกอยู่ในสงครามเย็นแบบนี้มากนัก ทำเอาตอนนี้เธอหาทางลงมาไม่เป็นเลย

 

 

สงครามเย็นเป็นสถานการณ์ที่น่ากลัวทั้งต่อจิตใจและร่างกาย ตอนที่เหยียนเค่อไม่อยากยุ่งกับใครนั้นทำเอาคนอื่นไม่กล้าเข้าไปยุ่งย่ามกับชายหนุ่มจริงๆ ซย่าเสี่ยวมั่วไม่รู้เลยว่าจะแก้ไขสถานการณ์นี้ได้อย่างไร

 

 

“ใกล้จะถึงแล้ว” เบลล์รีบเดินก้าวเร็วขึ้นอย่างอดไม่ได้ แต่ว่าก็ยังเร็วได้ไม่เท่าการขี่จักรยาน

 

 

ประตูห้องโถงอยู่ด้านหน้าไม่ไกลนัก ไม่รู้ว่าเหยียนเค่อคิดอะไรอยู่ จึงได้เดินถอยหลังไปครึ่งก้าว

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วก็กำลังทะเลาะกับตัวเองอยู่ว่า เธอจะบุกเข้าไปหาเลยดีหรือเปล่า แต่ว่าถ้าเหยียนเค่อยังไม่สนใจเธออีกก็ไม่เท่ากับว่าเป็นการตบหน้าตัวเอกหรอกเหรอ

 

 

ตอนที่เดินเข้าใกล้ประตู เบลล์เลยเอ่ยพูดเสียงเบาๆ ไปหนึ่งประโยค “ตอนที่จะลงมืออย่าไปคิดอะไรเยอะแยะ ต่อให้เขาจะไม่สนใจคนอื่นแต่ไม่มีทางไม่สนใจคุณแน่นอน”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วเริ่มลังเลมากขึ้นไปอีก เพราะว่าเท่าที่เธอดูตอนนี้ เหยียนเค่อคงสนใจทุกคนยกเว้นเธอเสียมากกว่า

 

 

“ผู้ชายก็อย่างนี้แหล่ะ ง้อหน่อยเดี๋ยวก็หาย”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วไม่รู้จะพูดอะไร เหยียนเค่อไม่เหมือนผู้ชายปกติ อีกอย่างเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ความผิดของเธอ ไม่ว่าอย่างไรก็รู้สึกอึดอัดอยู่ดี

 

 

หลังจากที่เบลล์พูดเสร็จก็ยิ้มออกมาอย่างไม่ค่อยแน่ใจ “พวกคุณค่อยๆ คุณกันนะคะ ฉันไปก่อนล่ะ”

 

 

ตอนที่เหยียนเค่อกำลังก้มหน้าเดินอย่างเหม่อลอยก็รู้สึกเหมือนว่ามีฝ่ามือเล็กอุ่นทาบมาบนฝ่ามือของเขา

 

 

เหยียนเค่อนิ่งไป ยังไม่ทันจะได้สติฝ่ามือนั้นก็เหมือนจะชักกลับไปแล้ว เขาได้สติก็รีบจับมือนั้นเอาไว้ พอหันหลับไปมองก็เห็นว่าซย่าเสี่ยวมั่วหันหน้าไปอีกทางหนึ่งไม่ได้มองมาทางเขา

 

 

นี่คือยังโกรธอยู่ใช่ไหม เหยียนเค่ออยากจะลูบหน้าหล่อนแต่ก็กลัวว่าหล่อนจะโกรธ ยืนอยู่อย่างนั้นไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วก็หยุดเดินลงตามชายหนุ่ม ในใจก็ยังคิดว่าจะง้อเหยียนเค่ออย่างไรดี แต่ว่าฝ่ายตรงข้ามไม่พูดอะไรออกมาสักคำเดียวยืนอยู่ออย่างนั้นราวกับว่าจะชวนทะเลาะแล้ว

 

 

เธอหันหน้าหนีไม่มองหน้าเหยียนเค่อ พยายามใช้สมองคิดอย่างหนักแล้วแต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มพูดอย่างไรดี

 

 

เหยียนเค่อก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี จึงเอ่ยโพล่งออกมา “เธอไม่หนาวเหรอ รีบเข้าไปเถอะ”

 

 

“ฉันไม่หนาว” ซย่าเสี่ยวมั่วหันกลับมา นี่เขาเอาหัวสมองไปชนอะไรมาหรือเปล่าเนี่ย เธอโมโหจนอยากจะชักมือตัวเองกลับ

 

 

นี่เป็นอะไรไปอีก เหยียนเค่อจับมือหล่อนเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย “อย่าโกรธเลยนะ ฉันรู้ว่าฉันผิดแล้ว”

 

 

ผิดแล้ว? คำพูดแบบนี้ออกมาจากปากของเหยียนเค่อเหรอ ซย่าเสี่ยวมั่วมองจ้องไปที่เหยียนเค่ออย่างอึ้งๆ จากนั้นก็เบนสายตาหนี “นาย นาย ฉันรู้แล้ว”

 

 

เหยียนเค่ออยากกอด จากนั้นก็เริ่มทำตัวออดอ้อน “ฉันอยากหอมเธอ”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วคิดว่าเมื่อครู่ที่เธอเห็นว่าชายหนุ่มนั้นดูเย็นชานะจะเป็นความคิดที่ผิดอย่างแน่นอน เธอเบี่ยงตัวหลบ “ฉันไม่ให้หอม”

 

 

จากนั้นซย่าเสี่ยวมั่วก็ต้องแบกเหยียนเค่อที่แขนขายาวเก้งก้างเดินเข้าประตูห้องโถงไป จากนั้นก็พาเขากลับเข้าห้อง

 

 

เหยียนเค่อพอถูกลมพัดเข้าก็ดูเหมือนจะเมาหนักกว่าเดิม แม้ว่าจะเย็นชาใส่คนอื่นแต่กลับเกาะติดซย่าเสี่ยวมั่วแน่นกว่าตอนไม่เมาเสียอีก

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วถูกเหยียนเค่อกอดแน่น หอมซ้ายลูบขวา ทำเอาเธออายแทบแทรกแผ่นดิน ตาก็มองไปยังมือที่ลูบไปมาอย่างสะเปะสะปะ ซย่าเสี่ยวมั่วรีบรั้งไว้ก่อน “อย่าซน”

 

 

“เธอไม่ให้ฉันลูบ” เหยียนเค่อเริ่มงอแง กดทับแผ่นหลังหล่อน ทำเอาซย่าเสี่ยวมั่วแทบหายใจไม่ออก บนตัวของชายหนุ่มยังมีกลิ่นเหล้าติดอยู่ แม้ว่ากลิ่นจะไม่ได้เหม็นแต่ก็ทำเอาซย่าเสี่ยวมั่วดมไปจนจะรู้สึกเมาตามอยู่เหมือนกัน

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วใช้แรงตีไปที่ต้นขาของเหยียนเค่อ “รีบลงไปจากตัวฉันเดี๋ยวนี้”

 

 

“ไม่เอา” เหยียนเค่อเริ่มหอมไปที่ใบหน้าด้านข้างของซย่าเสี่ยวมั่วอีก “ทำไมไม่ตอบรับฉัน แต่งงานกับฉันนะ”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วชะงักกึก หันศีรษะไปรับจูบของชายหนุ่ม เหยียนเค่อเชื่องลงไปไม่น้อย เธอลองพลิกตัวเหยียนเค่อ ปรากฏว่าชายหนุ่มก็เลื้อยลงไปพิงขาเธออย่างง่ายๆ ในใจก็เริ่มพึมพำ ต้องอาศัยจังหวะที่เหยียนเค่อผ่อนแรง รีบคลานหนีไปจากตัวชายหนุ่ม แล้วรีบคลานออกไป

 

 

สัมผัสจากริมฝีปากอุ่นๆ หายไป ในอ้อมกอดเริ่มเบา เหยียนเค่อลืมตาขึ้นอย่างไม่พอใจ เห็นซย่าเสี่ยวมั่วคลานไปมาอยู่ที่พื้น ก็แกล้งแสดงต่อไปไม่ไหว

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 668 แขกไม่ได้รับเชิญยืนอยู่หน้าประตู

 

 

“เธอทำอะไรน่ะ” เหยียนเค่อเดินไปยืนขวางอยู่ด้านหน้าหล่อน

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วสูดลมหายใจเข้าปอดหนึ่งเฮือก หย่อนก้นนั่งลงบนพื้น “นายไว้ชีวิตฉันเถอะนะ”

 

 

เหยียนเค่อพยุงหล่อนขึ้นไปนั่งบนโซฟา “ทำไมชอบไปนั่งที่พื้นนักฮะ”

 

 

“ไม่ใช่เพราะนายหรือไงล่ะ” ซย่าเสี่ยวมั่วทำท่าทางน่าสงสาร ใครจะไปชอบคลานไปมาอยู่บนพื้นกันล่ะ

 

 

เหยียนเค่อโยกหัวหล่อนไปมา “ไม่กวนเธอแล้ว ฉันจะไปนอน ถึงเวลาอาหารเย็นเรียกด้วยนะ”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วพยักหน้า นี่คือไม่ได้เมาเหรอ พอนึกได้ว่าต้องคิดบัญชีกับชายหนุ่ม จากนั้นก็เห็นเหยียนเค่อกำลังเริ่มถอดเสื้อผ้าออกพอดี…

 

 

“นี่ นายจะทำอะไรน่ะ”

 

 

เหยียนเค่อไม่คิดว่าจะต้องหลบไปเปลี่ยนทำไม ขมวดคิ้วเอ่ยถามกลับไป “เธอไม่เคยเห็นฉันโป๊หรือไง”

 

 

“นาย…ฉัน…” ซย่าเสี่ยวมั่วเริ่มอึกอัก ไม่รู้จะพูดอะไรอยู่เป็นนาน เหยียนเค่อกำลังจะปลดเข็มขัดออกแล้ว ซย่าเสี่ยวมั่วก็ยังคงไม่เอ่ยอะไรออกมา หันหน้าหนีไม่มองไปที่ชายหนุ่มอีก

 

 

เหยียนเค่อหัวเราะเบาๆ ไม่ได้แกล้งหล่อนอีก

 

 

เวลาเลิกงาน ตอนเย็น อันหรานเดินออกมาจากฮุยเถิง แต่กลับเห็นเงาของหลี่หมิงฉวียืนอยู่ที่หน้าประตู

 

 

ตาขวาของเธอกระตุก รู้สึกเหมือนมีลางสังหรณ์ไม่ดี

 

 

ความจริงกะจะแกล้งทำเป็นไม่เห็นชายหนุ่มแล้วเดินผ่านไปเลย แต่ใครจะไปคิดว่าหลี่หมิงฉวีจะมาดักเธอเอาไว้

 

 

“นายจะทำอะไร” อันหรานเห็นผู้ชายคนนี้แล้วรู้สึกหงุดหงิดใจ

 

 

ตอนนั้นทำเรื่องน่ารังเกียจขนาดนั้น ก่อนหน้านี่ยังไปรังควานซย่าเสี่ยวมั่วอยู่เลย ตอนนี้กล้ามาดักรอหน้าบริษัทแล้วด้วย ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาพูดจริงๆ

 

 

หลี่หมิงฉวีเอ่ยพูดอย่างแน่วแน่ “ฉันมาหาซย่าเสี่ยวมั่ว”

 

 

ท่าทางของหลี่หมิงฉวีไม่ได้ดูวางมาดเหมือนเมื่อก่อนทำเอาอันหรานรู้สึกแปลกใจ เธอยังคิดอยู่เลยว่าตนเองต้องไปตรวจไอ้อาการความรู้สึกชอบดูถูกคนอีกรอบเสียอีก

 

 

ในเมื่อฝ่ายตรงข้ามมีท่าทีที่โอเคเธอก็ไม่สามารถทำกริยาแย่ๆ ใส่ได้ อันหรานเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ถือได้ว่านุ่มนวล “ช่วงนี้ซย่าเสี่ยวมั่วไม่เข้าบริษัท”

 

 

“อย่างนั้นตอนนี้เธออยู่ที่ไหน” ตอนนี้หลี่หมิงฉวีพูดประโยคนี้น้ำเสียงเริ่มดูร้อนรน น้ำเสียงเต็มไปด้วยความสงสัย

 

 

อันหรานพยายามกดความรู้สึกรำคาญเอาไว้ หึหึ ทำไมฉันต้องบอกนายยะ

 

 

อันหรานแบมือ “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”

 

 

หลี่หมิงฉวียังคงไม่ยอมปล่อยอันหรานไป จนกระทั่งหลี่หมิงเจ๋อโทรมาหาเขา

 

 

“ตอนนี้อยู่ไหน”

 

 

หลี่หมิงฉวีไม่จำเป็นต้องสำรวมอาการกับพี่ชายของตัวเอง อีกอย่างตอนนี้เขาหงุดหงิดจนแทบบ้าที่หาตัวซย่าเสี่ยวมั่วไม่เจอ เขาต้องการความช่วยเหลือจากพี่ชาย

 

 

“ตอนนี้ผมมาหาซย่าเสี่ยวมั่วที่ฮุยเถิง พี่ พี่รู้ไหมว่าซย่าเสี่ยวมั่วอยู่ที่ไหน”

 

 

หลี่หมิงเจ๋อได้ยินก็โมโหขึ้นมาทันที “นายจะไปหาหล่อนทำไม รีบกลับมาบริษัทเดี๋ยวนี้ ตาแก่ให้พวกเราไปคุยเรื่องสัญญากับเหยียนเค่อพรุ่งนี้”

 

 

“ผมไม่ไป ผมจะไปหาซย่าเสี่ยวมั่ว”

 

 

อันหรานเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ ถึงแม้จะไม่ได้จับใจความได้ทั้งหมด แต่ก็พอเดาๆ เอาได้

 

 

หลี่หมิงเจ๋อไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี “ซย่าเสี่ยวมั่วไปหนานซานกับเหยียนเค่อ พรุ่งนี้นายไปถึงหนานซานก็เจอหล่อนเองนั่นแหล่ะ รีบกลับมาเดี๋ยวนี้”

 

 

“เธอไปหนานซานกับเหยียนเค่อ!” หลี่หมิงฉวีตะโกนออกมาอย่างรั้งไม่อยู่ ทำให้หลี่หมิงเจ๋อตกใจจนสบถออกมา “รีบไสหัวแกกลับมาเดี๋ยวนี้”

 

 

พอหลี่หมิงฉวีวางสายเสร็จ อันหรานก็ชี้ไปยังด้านนอก “ฉันไปได้หรือยัง”

 

 

หลี่หมิงฉวีหมุนตัวเดินจากไป ไม่ได้พูดอะไรกับอันหรานแม้แต่คำเดียว

 

 

อันหรานชูนิ้วกลางให้แผ่นหลังที่เดินจากไปของชายหนุ่ม ผู้ชายนิสัยแย่ๆ ต่อให้เอามาแลกกับจีเซวียนเธอยังไม่เอาเลย

 

 

“ไม่รู้ว่ามีอะไรน่าโอ้อวดนักหนา คนแบบนี้เทียบกับเหยียนเค่อยังอยู่ได้แค่ใต้ฝ่าเท้าเท่านั้นเอง” อันหรานขึ้นมาบนรถรถแล้วก็ยังคงบ่นอยู่

 

 

รถติดอยู่บนถนน อันหรานถือโอกาสช่วงที่รถติดโทรไประบายให้ซย่าเสี่ยวมั่วฟัง

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วมองดูเหยียนเค่อที่ยังคงหลับอยู่แวบหนึ่ง จากนั้นก็ค่อยๆ ย่องออกไปรับโทรศัพท์ พอรับสายปุ๊บก็ได้ยินน้ำเสียงเสียงโมโหของอันหรานดังขึ้นทันที

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก 667 แกล้งเมา / 668 แขกไม่ได้รับเชิญยืนอยู่หน้าประตู

Now you are reading เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก Chapter 667 แกล้งเมา / 668 แขกไม่ได้รับเชิญยืนอยู่หน้าประตู at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 667 แกล้งเมา

 

 

“ฉันแค่พูดขึ้นเฉยๆ ” ซย่าเสี่ยวมั่วใส่เสื้อหนาก็พวกเขาตั้งเยอะ ความจริงไม่ได้หนาวเท่าไหร่ แต่ที่เธอไม่อยากพูดนั้นคือเรื่องจริง

 

 

ในใจของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา ตอนที่เหยียนเค่อแหย่เธอเล่นเธอน่าจะรับคำไป ยังดีกว่ามาตกอยู่ในสงครามเย็นแบบนี้มากนัก ทำเอาตอนนี้เธอหาทางลงมาไม่เป็นเลย

 

 

สงครามเย็นเป็นสถานการณ์ที่น่ากลัวทั้งต่อจิตใจและร่างกาย ตอนที่เหยียนเค่อไม่อยากยุ่งกับใครนั้นทำเอาคนอื่นไม่กล้าเข้าไปยุ่งย่ามกับชายหนุ่มจริงๆ ซย่าเสี่ยวมั่วไม่รู้เลยว่าจะแก้ไขสถานการณ์นี้ได้อย่างไร

 

 

“ใกล้จะถึงแล้ว” เบลล์รีบเดินก้าวเร็วขึ้นอย่างอดไม่ได้ แต่ว่าก็ยังเร็วได้ไม่เท่าการขี่จักรยาน

 

 

ประตูห้องโถงอยู่ด้านหน้าไม่ไกลนัก ไม่รู้ว่าเหยียนเค่อคิดอะไรอยู่ จึงได้เดินถอยหลังไปครึ่งก้าว

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วก็กำลังทะเลาะกับตัวเองอยู่ว่า เธอจะบุกเข้าไปหาเลยดีหรือเปล่า แต่ว่าถ้าเหยียนเค่อยังไม่สนใจเธออีกก็ไม่เท่ากับว่าเป็นการตบหน้าตัวเอกหรอกเหรอ

 

 

ตอนที่เดินเข้าใกล้ประตู เบลล์เลยเอ่ยพูดเสียงเบาๆ ไปหนึ่งประโยค “ตอนที่จะลงมืออย่าไปคิดอะไรเยอะแยะ ต่อให้เขาจะไม่สนใจคนอื่นแต่ไม่มีทางไม่สนใจคุณแน่นอน”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วเริ่มลังเลมากขึ้นไปอีก เพราะว่าเท่าที่เธอดูตอนนี้ เหยียนเค่อคงสนใจทุกคนยกเว้นเธอเสียมากกว่า

 

 

“ผู้ชายก็อย่างนี้แหล่ะ ง้อหน่อยเดี๋ยวก็หาย”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วไม่รู้จะพูดอะไร เหยียนเค่อไม่เหมือนผู้ชายปกติ อีกอย่างเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ความผิดของเธอ ไม่ว่าอย่างไรก็รู้สึกอึดอัดอยู่ดี

 

 

หลังจากที่เบลล์พูดเสร็จก็ยิ้มออกมาอย่างไม่ค่อยแน่ใจ “พวกคุณค่อยๆ คุณกันนะคะ ฉันไปก่อนล่ะ”

 

 

ตอนที่เหยียนเค่อกำลังก้มหน้าเดินอย่างเหม่อลอยก็รู้สึกเหมือนว่ามีฝ่ามือเล็กอุ่นทาบมาบนฝ่ามือของเขา

 

 

เหยียนเค่อนิ่งไป ยังไม่ทันจะได้สติฝ่ามือนั้นก็เหมือนจะชักกลับไปแล้ว เขาได้สติก็รีบจับมือนั้นเอาไว้ พอหันหลับไปมองก็เห็นว่าซย่าเสี่ยวมั่วหันหน้าไปอีกทางหนึ่งไม่ได้มองมาทางเขา

 

 

นี่คือยังโกรธอยู่ใช่ไหม เหยียนเค่ออยากจะลูบหน้าหล่อนแต่ก็กลัวว่าหล่อนจะโกรธ ยืนอยู่อย่างนั้นไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วก็หยุดเดินลงตามชายหนุ่ม ในใจก็ยังคิดว่าจะง้อเหยียนเค่ออย่างไรดี แต่ว่าฝ่ายตรงข้ามไม่พูดอะไรออกมาสักคำเดียวยืนอยู่ออย่างนั้นราวกับว่าจะชวนทะเลาะแล้ว

 

 

เธอหันหน้าหนีไม่มองหน้าเหยียนเค่อ พยายามใช้สมองคิดอย่างหนักแล้วแต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มพูดอย่างไรดี

 

 

เหยียนเค่อก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี จึงเอ่ยโพล่งออกมา “เธอไม่หนาวเหรอ รีบเข้าไปเถอะ”

 

 

“ฉันไม่หนาว” ซย่าเสี่ยวมั่วหันกลับมา นี่เขาเอาหัวสมองไปชนอะไรมาหรือเปล่าเนี่ย เธอโมโหจนอยากจะชักมือตัวเองกลับ

 

 

นี่เป็นอะไรไปอีก เหยียนเค่อจับมือหล่อนเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย “อย่าโกรธเลยนะ ฉันรู้ว่าฉันผิดแล้ว”

 

 

ผิดแล้ว? คำพูดแบบนี้ออกมาจากปากของเหยียนเค่อเหรอ ซย่าเสี่ยวมั่วมองจ้องไปที่เหยียนเค่ออย่างอึ้งๆ จากนั้นก็เบนสายตาหนี “นาย นาย ฉันรู้แล้ว”

 

 

เหยียนเค่ออยากกอด จากนั้นก็เริ่มทำตัวออดอ้อน “ฉันอยากหอมเธอ”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วคิดว่าเมื่อครู่ที่เธอเห็นว่าชายหนุ่มนั้นดูเย็นชานะจะเป็นความคิดที่ผิดอย่างแน่นอน เธอเบี่ยงตัวหลบ “ฉันไม่ให้หอม”

 

 

จากนั้นซย่าเสี่ยวมั่วก็ต้องแบกเหยียนเค่อที่แขนขายาวเก้งก้างเดินเข้าประตูห้องโถงไป จากนั้นก็พาเขากลับเข้าห้อง

 

 

เหยียนเค่อพอถูกลมพัดเข้าก็ดูเหมือนจะเมาหนักกว่าเดิม แม้ว่าจะเย็นชาใส่คนอื่นแต่กลับเกาะติดซย่าเสี่ยวมั่วแน่นกว่าตอนไม่เมาเสียอีก

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วถูกเหยียนเค่อกอดแน่น หอมซ้ายลูบขวา ทำเอาเธออายแทบแทรกแผ่นดิน ตาก็มองไปยังมือที่ลูบไปมาอย่างสะเปะสะปะ ซย่าเสี่ยวมั่วรีบรั้งไว้ก่อน “อย่าซน”

 

 

“เธอไม่ให้ฉันลูบ” เหยียนเค่อเริ่มงอแง กดทับแผ่นหลังหล่อน ทำเอาซย่าเสี่ยวมั่วแทบหายใจไม่ออก บนตัวของชายหนุ่มยังมีกลิ่นเหล้าติดอยู่ แม้ว่ากลิ่นจะไม่ได้เหม็นแต่ก็ทำเอาซย่าเสี่ยวมั่วดมไปจนจะรู้สึกเมาตามอยู่เหมือนกัน

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วใช้แรงตีไปที่ต้นขาของเหยียนเค่อ “รีบลงไปจากตัวฉันเดี๋ยวนี้”

 

 

“ไม่เอา” เหยียนเค่อเริ่มหอมไปที่ใบหน้าด้านข้างของซย่าเสี่ยวมั่วอีก “ทำไมไม่ตอบรับฉัน แต่งงานกับฉันนะ”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วชะงักกึก หันศีรษะไปรับจูบของชายหนุ่ม เหยียนเค่อเชื่องลงไปไม่น้อย เธอลองพลิกตัวเหยียนเค่อ ปรากฏว่าชายหนุ่มก็เลื้อยลงไปพิงขาเธออย่างง่ายๆ ในใจก็เริ่มพึมพำ ต้องอาศัยจังหวะที่เหยียนเค่อผ่อนแรง รีบคลานหนีไปจากตัวชายหนุ่ม แล้วรีบคลานออกไป

 

 

สัมผัสจากริมฝีปากอุ่นๆ หายไป ในอ้อมกอดเริ่มเบา เหยียนเค่อลืมตาขึ้นอย่างไม่พอใจ เห็นซย่าเสี่ยวมั่วคลานไปมาอยู่ที่พื้น ก็แกล้งแสดงต่อไปไม่ไหว

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 668 แขกไม่ได้รับเชิญยืนอยู่หน้าประตู

 

 

“เธอทำอะไรน่ะ” เหยียนเค่อเดินไปยืนขวางอยู่ด้านหน้าหล่อน

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วสูดลมหายใจเข้าปอดหนึ่งเฮือก หย่อนก้นนั่งลงบนพื้น “นายไว้ชีวิตฉันเถอะนะ”

 

 

เหยียนเค่อพยุงหล่อนขึ้นไปนั่งบนโซฟา “ทำไมชอบไปนั่งที่พื้นนักฮะ”

 

 

“ไม่ใช่เพราะนายหรือไงล่ะ” ซย่าเสี่ยวมั่วทำท่าทางน่าสงสาร ใครจะไปชอบคลานไปมาอยู่บนพื้นกันล่ะ

 

 

เหยียนเค่อโยกหัวหล่อนไปมา “ไม่กวนเธอแล้ว ฉันจะไปนอน ถึงเวลาอาหารเย็นเรียกด้วยนะ”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วพยักหน้า นี่คือไม่ได้เมาเหรอ พอนึกได้ว่าต้องคิดบัญชีกับชายหนุ่ม จากนั้นก็เห็นเหยียนเค่อกำลังเริ่มถอดเสื้อผ้าออกพอดี…

 

 

“นี่ นายจะทำอะไรน่ะ”

 

 

เหยียนเค่อไม่คิดว่าจะต้องหลบไปเปลี่ยนทำไม ขมวดคิ้วเอ่ยถามกลับไป “เธอไม่เคยเห็นฉันโป๊หรือไง”

 

 

“นาย…ฉัน…” ซย่าเสี่ยวมั่วเริ่มอึกอัก ไม่รู้จะพูดอะไรอยู่เป็นนาน เหยียนเค่อกำลังจะปลดเข็มขัดออกแล้ว ซย่าเสี่ยวมั่วก็ยังคงไม่เอ่ยอะไรออกมา หันหน้าหนีไม่มองไปที่ชายหนุ่มอีก

 

 

เหยียนเค่อหัวเราะเบาๆ ไม่ได้แกล้งหล่อนอีก

 

 

เวลาเลิกงาน ตอนเย็น อันหรานเดินออกมาจากฮุยเถิง แต่กลับเห็นเงาของหลี่หมิงฉวียืนอยู่ที่หน้าประตู

 

 

ตาขวาของเธอกระตุก รู้สึกเหมือนมีลางสังหรณ์ไม่ดี

 

 

ความจริงกะจะแกล้งทำเป็นไม่เห็นชายหนุ่มแล้วเดินผ่านไปเลย แต่ใครจะไปคิดว่าหลี่หมิงฉวีจะมาดักเธอเอาไว้

 

 

“นายจะทำอะไร” อันหรานเห็นผู้ชายคนนี้แล้วรู้สึกหงุดหงิดใจ

 

 

ตอนนั้นทำเรื่องน่ารังเกียจขนาดนั้น ก่อนหน้านี่ยังไปรังควานซย่าเสี่ยวมั่วอยู่เลย ตอนนี้กล้ามาดักรอหน้าบริษัทแล้วด้วย ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาพูดจริงๆ

 

 

หลี่หมิงฉวีเอ่ยพูดอย่างแน่วแน่ “ฉันมาหาซย่าเสี่ยวมั่ว”

 

 

ท่าทางของหลี่หมิงฉวีไม่ได้ดูวางมาดเหมือนเมื่อก่อนทำเอาอันหรานรู้สึกแปลกใจ เธอยังคิดอยู่เลยว่าตนเองต้องไปตรวจไอ้อาการความรู้สึกชอบดูถูกคนอีกรอบเสียอีก

 

 

ในเมื่อฝ่ายตรงข้ามมีท่าทีที่โอเคเธอก็ไม่สามารถทำกริยาแย่ๆ ใส่ได้ อันหรานเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ถือได้ว่านุ่มนวล “ช่วงนี้ซย่าเสี่ยวมั่วไม่เข้าบริษัท”

 

 

“อย่างนั้นตอนนี้เธออยู่ที่ไหน” ตอนนี้หลี่หมิงฉวีพูดประโยคนี้น้ำเสียงเริ่มดูร้อนรน น้ำเสียงเต็มไปด้วยความสงสัย

 

 

อันหรานพยายามกดความรู้สึกรำคาญเอาไว้ หึหึ ทำไมฉันต้องบอกนายยะ

 

 

อันหรานแบมือ “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”

 

 

หลี่หมิงฉวียังคงไม่ยอมปล่อยอันหรานไป จนกระทั่งหลี่หมิงเจ๋อโทรมาหาเขา

 

 

“ตอนนี้อยู่ไหน”

 

 

หลี่หมิงฉวีไม่จำเป็นต้องสำรวมอาการกับพี่ชายของตัวเอง อีกอย่างตอนนี้เขาหงุดหงิดจนแทบบ้าที่หาตัวซย่าเสี่ยวมั่วไม่เจอ เขาต้องการความช่วยเหลือจากพี่ชาย

 

 

“ตอนนี้ผมมาหาซย่าเสี่ยวมั่วที่ฮุยเถิง พี่ พี่รู้ไหมว่าซย่าเสี่ยวมั่วอยู่ที่ไหน”

 

 

หลี่หมิงเจ๋อได้ยินก็โมโหขึ้นมาทันที “นายจะไปหาหล่อนทำไม รีบกลับมาบริษัทเดี๋ยวนี้ ตาแก่ให้พวกเราไปคุยเรื่องสัญญากับเหยียนเค่อพรุ่งนี้”

 

 

“ผมไม่ไป ผมจะไปหาซย่าเสี่ยวมั่ว”

 

 

อันหรานเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ ถึงแม้จะไม่ได้จับใจความได้ทั้งหมด แต่ก็พอเดาๆ เอาได้

 

 

หลี่หมิงเจ๋อไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี “ซย่าเสี่ยวมั่วไปหนานซานกับเหยียนเค่อ พรุ่งนี้นายไปถึงหนานซานก็เจอหล่อนเองนั่นแหล่ะ รีบกลับมาเดี๋ยวนี้”

 

 

“เธอไปหนานซานกับเหยียนเค่อ!” หลี่หมิงฉวีตะโกนออกมาอย่างรั้งไม่อยู่ ทำให้หลี่หมิงเจ๋อตกใจจนสบถออกมา “รีบไสหัวแกกลับมาเดี๋ยวนี้”

 

 

พอหลี่หมิงฉวีวางสายเสร็จ อันหรานก็ชี้ไปยังด้านนอก “ฉันไปได้หรือยัง”

 

 

หลี่หมิงฉวีหมุนตัวเดินจากไป ไม่ได้พูดอะไรกับอันหรานแม้แต่คำเดียว

 

 

อันหรานชูนิ้วกลางให้แผ่นหลังที่เดินจากไปของชายหนุ่ม ผู้ชายนิสัยแย่ๆ ต่อให้เอามาแลกกับจีเซวียนเธอยังไม่เอาเลย

 

 

“ไม่รู้ว่ามีอะไรน่าโอ้อวดนักหนา คนแบบนี้เทียบกับเหยียนเค่อยังอยู่ได้แค่ใต้ฝ่าเท้าเท่านั้นเอง” อันหรานขึ้นมาบนรถรถแล้วก็ยังคงบ่นอยู่

 

 

รถติดอยู่บนถนน อันหรานถือโอกาสช่วงที่รถติดโทรไประบายให้ซย่าเสี่ยวมั่วฟัง

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วมองดูเหยียนเค่อที่ยังคงหลับอยู่แวบหนึ่ง จากนั้นก็ค่อยๆ ย่องออกไปรับโทรศัพท์ พอรับสายปุ๊บก็ได้ยินน้ำเสียงเสียงโมโหของอันหรานดังขึ้นทันที

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+