เลทิเซียกับชีวิต(ไม่)ธรรมดาในโรงเรียนเวทมนตร์ 10: บุตรสาวของดยุค

Now you are reading เลทิเซียกับชีวิต(ไม่)ธรรมดาในโรงเรียนเวทมนตร์ Chapter 10: บุตรสาวของดยุค at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ปี 1

บทที่ 10 – บุตรสาวของดยุค

 

เอาเป็นว่าทำเหมือนไม่ได้ยินก็แล้วกัน.. หลังจากที่มีการพูดคุยกันเหมือนว่าเธอคนนี้จะมีชื่อว่า อนาสตาเซีย เจน ไลล่าร์

เป็นขุนนางระดับดยุคเลยก็ว่าได้.. ขุนนางระดับดยุคนี่ถือว่ามียศที่สูงที่สุดในบรรดายศขุนนาง

ดูเหมือนว่าทวีปแห่งนี้จะมีแนวคิดทางฝั่งยุโรปมาค่อนข้างเยอะพอสมควร ซึ่งยศขุนนางจะแบ่งออกดังนี้ั

บารอน, ไวเคานต์, เอิร์ล, มาร์ควิสและดยุค!

เรียงจากต่ำไปสูง.. ทุกประเทศล้วนใช้ยศฐาบรรดาศักดิ์เหล่านี้เป็นบรรทัดฐาน ว่าง่ายๆ ก็คือเป็นแนวคิดพื้นฐานของขุนนางละนะ

เพราะขุนนางในโลกนี้มีหน้าที่คือการ ปกป้องและดูแลประชาชนโดยการแลกกับการให้ประชาชนจ่ายภาษีให้กับพวกเขา

นอกจากนี้ขุนนางยังต้องถูกบังคับให้ฝึกศิลปะการป้องกันตัวหรือเวทมนตร์เพราะสำหรับขุนนางแล้วหน้าที่พวกเขาก็คือการปกป้องพลเรือน

นั่นสินะ ถ้าจะให้ฉันเปรียบเทียบละก็.. ขุนนางก็คงเป็นเหมือนตำรวจและทหารที่ต้องดูดลระเบียบของประเทศ ส่วนราชวงศ์ก็เป็นเหมือนรัฐบาล

แม้จะไม่ใช่ประชาธิปไตยเต็มตัว แต่ทว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาแนวคิดเรื่องประชาธิปไตยค่อยๆ ถูกเผยแพร่เรื่อยมา

แต่สรุปง่ายๆ ขุนนางก็เหมือนอัศวินผู้คุมกฎ!

ถึงแม่ส่วนใหญ่ขุนนางจะทำแค่ขูดรีดขูดเนื้อประชาชนก็เถอะ ในยุคที่สันติสุขแห่งนี้ สำหรับฉัน ฉันคิดว่าพวกขุนนางนี่แทบไม่มีประโยชน์อะไรเลยก็เถอะนะ

อันที่จริงขุนนางคืออัศวินที่สืบเชื้อสายเลือดมาจากผู้เป็นอัศวินนั่นแหละ.. อัศวินหรือไนท์นั้นสามารถถูกแต่งตั้งได้จากการเป็นวีรบุรุษ

ในอดีตนั้นเท่าที่ฉันศึกษามาการจะรับยศอัศวินได้ยั่นต้องเป็นอภิชนเท่านั้น แต่ในปัจจุบันใครก็สามารถเป็นอัศวินได้

หากมีความสามารถมากพอจะได้รับการแต่งตั้งโดยกรษัตริย์โดยตรง เหนือกว่าอัศวินก็ยังมี บารอเนต

คนที่ได้เป็นอัศวินจะได้รับอนุญาตให้มีสิทธิ์มีเสียงทางการเมืองและสามารถแต่งงานกับชนชั้นสูงเพื่อสืบสกุลและกลายเป็นขุนนางได้

แน่นอนว่าบารอเนตเช่นกัน แต่ก็อย่างว่าในยุคที่สันติสุขเช่นนี้ อย่าว่าแต่ท่านลอร์ดแห่งบารอเนตเลย แม้แต่ท่านเซอร์อัศวินผู้ทรงเกียรติยังแทบไม่มี

ยศดยุคของเธอนั้นแม้จะเทียบกับน้องสาวฉันเลวี่ที่เป็นถึงเจ้าหญิงที่เป็นชนชั้นเจ้าไม่ได้

แต่ก็อยู่จุดสูงสุดของชนชั้นขุนนาง ถ้าจำไม่ผิดขุนนางวินเชนท์ที่เป็นคนสอนวิชาดาบให้ฉัน ถึงฉันจะไม่มีพรสวรรค์ด้านการใช้ดาบสุดๆ ก็ตาม

แต่ยังรู้เลยว่าตระกูลวินเชนท์สุดยอด แถมยังเป็นหนึ่งในเจ็ดตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรอาเดฟ

แต่ทว่า.. ยศของขุนนางวินเชนท์คือ ขุนนางระดับเอิร์ลเพียงเท่านั้น แถมถึงจะบอกว่าเป็นหนึ่งในเจ็ดตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุด

นั่นเป็นเพราะวิชาดาบเพียวๆ ของตระกูลนี้ดีเยี่ยมมาก.. แต่ถ้าหากให้เทียบกับอีกหกตระกูลที่เป็นตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุด

ในด้านการต่อสู้ขุนนางวินเชนท์ไม่อาจจะเทียบเคียงได้เลยแม้แต่น้อย!

นั่นแหละคือความสำคัญของสิ่งที่เรียกบรรดาศักดิ์ในโลกแห่งนี้

อ่ะแฮ่ม.. กลับมาเรื่องเดิมดูเหมือนว่าผู้หญิงที่ชื่ออนาสตาเซียนี้กำลังจะไปโรงเรียนลิเบอร์ที่ฉันเรียนอยู่ก็ดันบังเอิญมาเจอพวกพอดี

แต่ดูเหมือนจะเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นหลายๆ อย่างขึ้น อย่างเมื่อสักครู่คนที่ปราบสัตว์อสูรก็ดันไม่ใช่คนในห้องซะอย่างนั้น

แต่ว่า…

“อันที่จริงห้องที่คุณอนาสตาเซียจะได้อยู่ถูกกำหนดมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะค่ะ เป็นห้อง A น่ะค่ะ”

จู่ๆ อาจารย์เวโรเน่ก็พูดขึ้นมาแบบนั้นเฉยเลย ตอนแรกเหมือนผู้หญิงที่ชื่ออนาสตาเซียต้องเดินทางไปถึงโรงเรียนก่อนที่จะรู้ว่าตัวเองอยู่ห้องไหน

แต่ความจริงแล้วห้องเธอถูกกำหนดมาไว้แต่แรกแล้วนั่นแหละ ซึ่งฉันที่ทำงานวิชาการมาก่อนก็เข้าใจได้ว่ามันควรจะเป็นแบบนั้น

อาจารย์เวโรเน่ใช้ความคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะตัดสินใจว่า

“งั้นก็คนที่กำจัดนกยูงและกู้สถานการณ์คืนมาได้อย่างดีเยี่ยมก็คือคุณอนาสตาเซีย เพราะแบบนั้นคุณอนาสตาเซียถึงเป็นตัวแทนของห้อง A ค่ะ”

ตัดสินใจปุบปับเฉยเลยแฮะ..

แต่เท่านี้ฉันก็ยืนยันได้แล้วว่าเป้าหมายที่จ้องตรวจสอบความสามารถฉันไม่ใช่ใครอื่นนอกจากพวกเบื้องบนของโรงเรียน

เพราะสัตว์อสูรนี่น่าจะเป็นสิ่งที่พวกนั้นกำหนดมาไว้ หลักฐานก็คืออาจารย์เวโรเน่นั้นไม่ได้พาจัดการอสูรตนอื่นต่อแต่เลือกที่จะสรุปการต่อสู้เลย

ต่อให้เป็นโลกแห่งนี้ที่มีอสูรเพ่นพ่านเต็มไปหมด แต่การระหาอสูรสักตัวที่เพียงพอให้ทดสอบความสามารถของนักเรียนโรงเรียนเวทมนตร์ก็ไม่ใช่เรื่องที่เดินหาครู่เดียว แล้วก็เจอ

นั่นหมายความว่าทุกอย่างชัดเจนแล้ว แม้จะรู้สึกเสียดายว่าเจ้าพวกเบื้องบนของทางโรงเรียนเล็งฉันจริงๆ หรือเปล่า

เพราะมีโอกาสจะเล็งคนอื่น แต่อีกไม่นานก็คงได้รู้กัน.. แม้นักเรียนหลายๆ คนจะรู้สึกตกตะลึงกับคำพูดของอาจารย์เวโรเน่ ถึงขั้นมีบางคนยกมือขึ้นพูดประมาณว่า

“แต่ว่าอาจารย์ เธอยังไม่ใช่นักเรียนจากโรงเรียนเรานี่น่า”

แต่อาจารย์เวโรเน่ก็ตอบกลับไปว่า..

“หุบปากไปซะ พวกนายช่วยตัวเองยังทำแทบไม่ได้ ฉันถามหน่อยตอนเจ้านกนั่นระเบิดตัว มีใครสักคนที่ตอบสนองทันทีนอกจากยืนแข็งทื่อบ้าง?”

จะว่าไป.. อาจารย์เวโรเน่ก็เป็นคนที่นิสัยค่อนข้างดุดันนี่นะ ถึงบางครั้งเธอจะพยายามทำตัวให้มีเหตุผลนำหน้าก็เถอะ

อาจจะเพราะประสบการณ์ชีวิตที่มาก เธอเลยกดนิสัยเสียตัวเองได้.. ซึ่งเธอจะดูเป็นผู้มากปัญญาในทันที

แต่บางครั้งเธอก็ดันลืมตัวจนเป็นอย่างที่เห็น นักเรียนคนนั้นที่โดนอาจารย์เวโรเน่ด่าก็หดหัวกลับไปแทบจะทันที

ในขณะเดียวกันฉันก็ได้ยินเสียงพึมพำของผู้หญิงที่ชื่ออนาสตาเซีย.. ก็นะเพราะเวลาฉันต่อสู้ฉันต้องเสริมพลังร่างกายตัวเองน่ะ

เพราะพลังกายในโลกเดิมฉันค่อนข้างเยอะ พอมามีร่างกายตรงข้ามก็เลยอ่อนแออย่างที่เห็นนั่นแหละ ดังนั้นเวลาต่อสู้ฉันถึงเสริมการรับรู้

การตอบสนองและพละกลัวตลอดเวลาด้วยเวทมนตร์ ทำให้ฉันในตอนนี้ห่างออกไปหลายกิโลก็ยังได้ชัดเจน..

ฉันหันไปมองอนาสตาเซียที่กำลังพึมพำ

“แย่ล่ะสิ.. คนที่ต้องเป็นตัวแทนมันต้องเป็นท่านเลทิเซียไม่ใช่เหรอ!”

ไหงเป็นฉันล่ะนั่น แล้วคนคนนี้รู้จักฉันด้วยเหรอถึงบอกว่า ‘ต้องเป็นฉัน’ น่ะ.. อีกอย่างผู้หญิงคนนี้ค่อนข้างเว้ยระยะห่างจากฉันพอสมควรด้วย

ก็แหมตอนนี้เธอยืนห่างจากฉันประมาณสิบเมตรด้วย ก่อนหน้านี้พอเธออยู่ใกล้ฉันเหมือนจะกำเดาไหลออกมาด้วย

หรือว่าเพราะพลังเวทจองฉันกดดันเธอจนเธอรู้สึกกลัวฉัน แต่ฉันระงับไว้แล้วนี่น่า.. เป็นผู้หญิงที่แปลกชะมัด..

ไม่สิ ไม่สิ เลทิเซียเธอลืมไปแล้วเหรอว่าตัวเองต้องยึดครองโรงเรียนลิเบอร์ให้ได้ นักเรียนทุกคนก็ต้องอยู่ในแผนการกระชับมิตร

ใช่แล้ว ฉันต้องสร้างสายสัมพันธ์กับเธอ พอฉันก้าวขาเข้าไปทางที่เธออยู่.. เธอก็ถอยห่างออกอีกหนึ่งก้าวเหมือนกับเป็นสัญชาตญาณ

ทั้งๆ ที่ไม่ได้มองมาทางนี้แท้ๆ .. พอฉันก้าวไปอีกก้าวเธอก็ขยับออกไปอีกหนึ่งก้าว…ในขณะที่ฉันกำลังสับสนนั้นเอง

“เอาล่ะกลับโรงเรียนกันเถอะ”

นับตั้งแต่ออกโรงเรียนมาก็ใช้เวลาประมาณห้าวันแล้ว พรุ่งนี้เป็นวันหยุดเสาร์อาทิตย์ซึ่งก็ยังเป็นวันที่ฉันมีงานต้องทำเหมือนเดิม

พวกเรามุ่งหน้ากลับโรงเรียนพร้อมกับนักเรียนใหม่ที่มีชื่อว่าอนาสตาเซียนั่น ที่เหมือนเธอจะเว้นระยะห่างจากฉันอยู่เสมอ

หรือว่านี่เธอกลัวฉันจริงๆ เหรอ?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เลทิเซียกับชีวิต(ไม่)ธรรมดาในโรงเรียนเวทมนตร์ 10: บุตรสาวของดยุค

Now you are reading เลทิเซียกับชีวิต(ไม่)ธรรมดาในโรงเรียนเวทมนตร์ Chapter 10: บุตรสาวของดยุค at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ปี 1

บทที่ 10 – บุตรสาวของดยุค

 

เอาเป็นว่าทำเหมือนไม่ได้ยินก็แล้วกัน.. หลังจากที่มีการพูดคุยกันเหมือนว่าเธอคนนี้จะมีชื่อว่า อนาสตาเซีย เจน ไลล่าร์

เป็นขุนนางระดับดยุคเลยก็ว่าได้.. ขุนนางระดับดยุคนี่ถือว่ามียศที่สูงที่สุดในบรรดายศขุนนาง

ดูเหมือนว่าทวีปแห่งนี้จะมีแนวคิดทางฝั่งยุโรปมาค่อนข้างเยอะพอสมควร ซึ่งยศขุนนางจะแบ่งออกดังนี้ั

บารอน, ไวเคานต์, เอิร์ล, มาร์ควิสและดยุค!

เรียงจากต่ำไปสูง.. ทุกประเทศล้วนใช้ยศฐาบรรดาศักดิ์เหล่านี้เป็นบรรทัดฐาน ว่าง่ายๆ ก็คือเป็นแนวคิดพื้นฐานของขุนนางละนะ

เพราะขุนนางในโลกนี้มีหน้าที่คือการ ปกป้องและดูแลประชาชนโดยการแลกกับการให้ประชาชนจ่ายภาษีให้กับพวกเขา

นอกจากนี้ขุนนางยังต้องถูกบังคับให้ฝึกศิลปะการป้องกันตัวหรือเวทมนตร์เพราะสำหรับขุนนางแล้วหน้าที่พวกเขาก็คือการปกป้องพลเรือน

นั่นสินะ ถ้าจะให้ฉันเปรียบเทียบละก็.. ขุนนางก็คงเป็นเหมือนตำรวจและทหารที่ต้องดูดลระเบียบของประเทศ ส่วนราชวงศ์ก็เป็นเหมือนรัฐบาล

แม้จะไม่ใช่ประชาธิปไตยเต็มตัว แต่ทว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาแนวคิดเรื่องประชาธิปไตยค่อยๆ ถูกเผยแพร่เรื่อยมา

แต่สรุปง่ายๆ ขุนนางก็เหมือนอัศวินผู้คุมกฎ!

ถึงแม่ส่วนใหญ่ขุนนางจะทำแค่ขูดรีดขูดเนื้อประชาชนก็เถอะ ในยุคที่สันติสุขแห่งนี้ สำหรับฉัน ฉันคิดว่าพวกขุนนางนี่แทบไม่มีประโยชน์อะไรเลยก็เถอะนะ

อันที่จริงขุนนางคืออัศวินที่สืบเชื้อสายเลือดมาจากผู้เป็นอัศวินนั่นแหละ.. อัศวินหรือไนท์นั้นสามารถถูกแต่งตั้งได้จากการเป็นวีรบุรุษ

ในอดีตนั้นเท่าที่ฉันศึกษามาการจะรับยศอัศวินได้ยั่นต้องเป็นอภิชนเท่านั้น แต่ในปัจจุบันใครก็สามารถเป็นอัศวินได้

หากมีความสามารถมากพอจะได้รับการแต่งตั้งโดยกรษัตริย์โดยตรง เหนือกว่าอัศวินก็ยังมี บารอเนต

คนที่ได้เป็นอัศวินจะได้รับอนุญาตให้มีสิทธิ์มีเสียงทางการเมืองและสามารถแต่งงานกับชนชั้นสูงเพื่อสืบสกุลและกลายเป็นขุนนางได้

แน่นอนว่าบารอเนตเช่นกัน แต่ก็อย่างว่าในยุคที่สันติสุขเช่นนี้ อย่าว่าแต่ท่านลอร์ดแห่งบารอเนตเลย แม้แต่ท่านเซอร์อัศวินผู้ทรงเกียรติยังแทบไม่มี

ยศดยุคของเธอนั้นแม้จะเทียบกับน้องสาวฉันเลวี่ที่เป็นถึงเจ้าหญิงที่เป็นชนชั้นเจ้าไม่ได้

แต่ก็อยู่จุดสูงสุดของชนชั้นขุนนาง ถ้าจำไม่ผิดขุนนางวินเชนท์ที่เป็นคนสอนวิชาดาบให้ฉัน ถึงฉันจะไม่มีพรสวรรค์ด้านการใช้ดาบสุดๆ ก็ตาม

แต่ยังรู้เลยว่าตระกูลวินเชนท์สุดยอด แถมยังเป็นหนึ่งในเจ็ดตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรอาเดฟ

แต่ทว่า.. ยศของขุนนางวินเชนท์คือ ขุนนางระดับเอิร์ลเพียงเท่านั้น แถมถึงจะบอกว่าเป็นหนึ่งในเจ็ดตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุด

นั่นเป็นเพราะวิชาดาบเพียวๆ ของตระกูลนี้ดีเยี่ยมมาก.. แต่ถ้าหากให้เทียบกับอีกหกตระกูลที่เป็นตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุด

ในด้านการต่อสู้ขุนนางวินเชนท์ไม่อาจจะเทียบเคียงได้เลยแม้แต่น้อย!

นั่นแหละคือความสำคัญของสิ่งที่เรียกบรรดาศักดิ์ในโลกแห่งนี้

อ่ะแฮ่ม.. กลับมาเรื่องเดิมดูเหมือนว่าผู้หญิงที่ชื่ออนาสตาเซียนี้กำลังจะไปโรงเรียนลิเบอร์ที่ฉันเรียนอยู่ก็ดันบังเอิญมาเจอพวกพอดี

แต่ดูเหมือนจะเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นหลายๆ อย่างขึ้น อย่างเมื่อสักครู่คนที่ปราบสัตว์อสูรก็ดันไม่ใช่คนในห้องซะอย่างนั้น

แต่ว่า…

“อันที่จริงห้องที่คุณอนาสตาเซียจะได้อยู่ถูกกำหนดมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะค่ะ เป็นห้อง A น่ะค่ะ”

จู่ๆ อาจารย์เวโรเน่ก็พูดขึ้นมาแบบนั้นเฉยเลย ตอนแรกเหมือนผู้หญิงที่ชื่ออนาสตาเซียต้องเดินทางไปถึงโรงเรียนก่อนที่จะรู้ว่าตัวเองอยู่ห้องไหน

แต่ความจริงแล้วห้องเธอถูกกำหนดมาไว้แต่แรกแล้วนั่นแหละ ซึ่งฉันที่ทำงานวิชาการมาก่อนก็เข้าใจได้ว่ามันควรจะเป็นแบบนั้น

อาจารย์เวโรเน่ใช้ความคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะตัดสินใจว่า

“งั้นก็คนที่กำจัดนกยูงและกู้สถานการณ์คืนมาได้อย่างดีเยี่ยมก็คือคุณอนาสตาเซีย เพราะแบบนั้นคุณอนาสตาเซียถึงเป็นตัวแทนของห้อง A ค่ะ”

ตัดสินใจปุบปับเฉยเลยแฮะ..

แต่เท่านี้ฉันก็ยืนยันได้แล้วว่าเป้าหมายที่จ้องตรวจสอบความสามารถฉันไม่ใช่ใครอื่นนอกจากพวกเบื้องบนของโรงเรียน

เพราะสัตว์อสูรนี่น่าจะเป็นสิ่งที่พวกนั้นกำหนดมาไว้ หลักฐานก็คืออาจารย์เวโรเน่นั้นไม่ได้พาจัดการอสูรตนอื่นต่อแต่เลือกที่จะสรุปการต่อสู้เลย

ต่อให้เป็นโลกแห่งนี้ที่มีอสูรเพ่นพ่านเต็มไปหมด แต่การระหาอสูรสักตัวที่เพียงพอให้ทดสอบความสามารถของนักเรียนโรงเรียนเวทมนตร์ก็ไม่ใช่เรื่องที่เดินหาครู่เดียว แล้วก็เจอ

นั่นหมายความว่าทุกอย่างชัดเจนแล้ว แม้จะรู้สึกเสียดายว่าเจ้าพวกเบื้องบนของทางโรงเรียนเล็งฉันจริงๆ หรือเปล่า

เพราะมีโอกาสจะเล็งคนอื่น แต่อีกไม่นานก็คงได้รู้กัน.. แม้นักเรียนหลายๆ คนจะรู้สึกตกตะลึงกับคำพูดของอาจารย์เวโรเน่ ถึงขั้นมีบางคนยกมือขึ้นพูดประมาณว่า

“แต่ว่าอาจารย์ เธอยังไม่ใช่นักเรียนจากโรงเรียนเรานี่น่า”

แต่อาจารย์เวโรเน่ก็ตอบกลับไปว่า..

“หุบปากไปซะ พวกนายช่วยตัวเองยังทำแทบไม่ได้ ฉันถามหน่อยตอนเจ้านกนั่นระเบิดตัว มีใครสักคนที่ตอบสนองทันทีนอกจากยืนแข็งทื่อบ้าง?”

จะว่าไป.. อาจารย์เวโรเน่ก็เป็นคนที่นิสัยค่อนข้างดุดันนี่นะ ถึงบางครั้งเธอจะพยายามทำตัวให้มีเหตุผลนำหน้าก็เถอะ

อาจจะเพราะประสบการณ์ชีวิตที่มาก เธอเลยกดนิสัยเสียตัวเองได้.. ซึ่งเธอจะดูเป็นผู้มากปัญญาในทันที

แต่บางครั้งเธอก็ดันลืมตัวจนเป็นอย่างที่เห็น นักเรียนคนนั้นที่โดนอาจารย์เวโรเน่ด่าก็หดหัวกลับไปแทบจะทันที

ในขณะเดียวกันฉันก็ได้ยินเสียงพึมพำของผู้หญิงที่ชื่ออนาสตาเซีย.. ก็นะเพราะเวลาฉันต่อสู้ฉันต้องเสริมพลังร่างกายตัวเองน่ะ

เพราะพลังกายในโลกเดิมฉันค่อนข้างเยอะ พอมามีร่างกายตรงข้ามก็เลยอ่อนแออย่างที่เห็นนั่นแหละ ดังนั้นเวลาต่อสู้ฉันถึงเสริมการรับรู้

การตอบสนองและพละกลัวตลอดเวลาด้วยเวทมนตร์ ทำให้ฉันในตอนนี้ห่างออกไปหลายกิโลก็ยังได้ชัดเจน..

ฉันหันไปมองอนาสตาเซียที่กำลังพึมพำ

“แย่ล่ะสิ.. คนที่ต้องเป็นตัวแทนมันต้องเป็นท่านเลทิเซียไม่ใช่เหรอ!”

ไหงเป็นฉันล่ะนั่น แล้วคนคนนี้รู้จักฉันด้วยเหรอถึงบอกว่า ‘ต้องเป็นฉัน’ น่ะ.. อีกอย่างผู้หญิงคนนี้ค่อนข้างเว้ยระยะห่างจากฉันพอสมควรด้วย

ก็แหมตอนนี้เธอยืนห่างจากฉันประมาณสิบเมตรด้วย ก่อนหน้านี้พอเธออยู่ใกล้ฉันเหมือนจะกำเดาไหลออกมาด้วย

หรือว่าเพราะพลังเวทจองฉันกดดันเธอจนเธอรู้สึกกลัวฉัน แต่ฉันระงับไว้แล้วนี่น่า.. เป็นผู้หญิงที่แปลกชะมัด..

ไม่สิ ไม่สิ เลทิเซียเธอลืมไปแล้วเหรอว่าตัวเองต้องยึดครองโรงเรียนลิเบอร์ให้ได้ นักเรียนทุกคนก็ต้องอยู่ในแผนการกระชับมิตร

ใช่แล้ว ฉันต้องสร้างสายสัมพันธ์กับเธอ พอฉันก้าวขาเข้าไปทางที่เธออยู่.. เธอก็ถอยห่างออกอีกหนึ่งก้าวเหมือนกับเป็นสัญชาตญาณ

ทั้งๆ ที่ไม่ได้มองมาทางนี้แท้ๆ .. พอฉันก้าวไปอีกก้าวเธอก็ขยับออกไปอีกหนึ่งก้าว…ในขณะที่ฉันกำลังสับสนนั้นเอง

“เอาล่ะกลับโรงเรียนกันเถอะ”

นับตั้งแต่ออกโรงเรียนมาก็ใช้เวลาประมาณห้าวันแล้ว พรุ่งนี้เป็นวันหยุดเสาร์อาทิตย์ซึ่งก็ยังเป็นวันที่ฉันมีงานต้องทำเหมือนเดิม

พวกเรามุ่งหน้ากลับโรงเรียนพร้อมกับนักเรียนใหม่ที่มีชื่อว่าอนาสตาเซียนั่น ที่เหมือนเธอจะเว้นระยะห่างจากฉันอยู่เสมอ

หรือว่านี่เธอกลัวฉันจริงๆ เหรอ?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+