Memory of Tomorrow วันพรุ่งนี้ในความทรงจำ 156

Now you are reading Memory of Tomorrow วันพรุ่งนี้ในความทรงจำ Chapter 156 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 156

ตอนที่ 156 ด้านของพ่อแม่ (2)

             ว่ากันว่าความเจ็บป่วยนั้นมารวดเร็วปานภูผาถล่ม แต่กว่าจะหายไปนั้นเชื่องช้าราวกับหนอนที่คืบคลาน วันหยุดช่วงวันชาติสิ้นสุดลงแล้ว อี้เป่ยซีก็ยังไม่เห็นเยี่ยฉินกลับมาที่มหาวิทยาลัยอีก ‘คงไม่ได้มีเรื่องกับมู่ลี่ไป๋หรอกนะ’

            อี้เป่ยซีหาเบอร์ติดต่อของเยี่ยฉินแล้วโทรไป แต่คนที่รับสายกลับเป็นชายวัยกลางคนคนหนึ่ง อี้เป่ยซี

มองดูหมายเลข ‘ก็ถูกนี่นา ใช่เบอร์นี้แหละ’

            ทางนั้นถามว่าใครโทรมาอย่างหมดความอดทน

            “ฮัลโหล สวัสดีค่ะคุณอา หนูอยากคุยกับเยี่ยฉิน”

            “เธอรอแป๊บนะ”

            จากนั้นอี้เป่ยซีก็ได้ยินเสียงพูดคุยกันงึมงำ เยี่ยฉินก็เหมือนกับเด็กบ้านอื่นๆ บ่นเสียงเล็กเสียงน้อยกับพ่อของตัวเองราวกับเด็กน้อย

            “ฮัลโหล สวัสดีค่ะ”

            อี้เป่ยซีฟังออกว่าน้ำเสียงของเธอยังคงอ่อนแอเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วง “เยี่ยฉิน เธอเป็นอะไรไป ดีขึ้นแล้วยัง”

            “เป่ยซีเหรอ”

            “ใช่แล้วๆ ฉันเอง ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน ทำไมเสียงยังแย่แบบนี้ล่ะ”

            เยี่ยฉินหัวเราะเสียงต่ำ “อืม ไม่มีอะไร ก็แค่ช่วงนี้เป็นหวัดนิดหน่อย ฉันแค่รู้สึกว่าไม่ค่อยเหมาะกับงานที่มหา’ลัยเท่าไร ก็เลยลาออก ตอนนี้อยู่ที่บ้านพ่อแม่ เธอไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก”

            “เธอ กลับบ้านพ่อแม่เหรอ?”

            “ใช่แล้ว เดี๋ยวคิดจะไปเมืองนอก พอดีว่าอาจารย์ที่เคยสอนฉันมีตำแหน่งดีๆ อยากแนะนำให้ฉัน”

            “เธออยากจะหลบหน้ามู่ลี่ไป๋เหรอ?”

            เด็กสาวที่อยู่ปลายสายเงียบไปครู่ใหญ่ พ่นลมหัวเราะแต่กลับไม่มีน้ำเสียงใดๆ “จะเป็นไปได้ไง ฉันจะไม่เปลี่ยนชีวิตของฉันเพราะเขาหรอก แบบนั้นมันโง่เกินไปแล้ว ฉัน ทางนี้ยังมีธุระนิดหน่อย ไว้ค่อยคุยกันนะ วางหูละ บายๆ”

            เยี่ยฉินวางสาย ล้มตัวนั่งบนโซฟาเงียบๆ ร่างกายของเธอซูบผอม เธอเอามือปิดหน้าร้องไห้ออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ ‘มู่ลี่ไป๋ คราวนี้คุณวางใจเถอะ จะไม่มีคนมารบกวนชีวิตของคุณหรือขวางหูขวางตาคุณอีก ฉันจะไปแล้ว จะไม่มีวันไม่มีวันกลับมาที่นี่อีก คุณจะไม่ได้เจอฉันอีกตลอดไปและตลอดไป’

            “เสี่ยวนาน เป็นอะไรไป ทำไมถึงร้องไห้อีกแล้วล่ะ” เยี่ยฉินกอดแม่ของตัวเอง หายใจฟึดฟัด

            “เปล่าค่ะ เมื่อกี้พ่อหั่นพริกไม่ได้ล้างมือ แล้วมาโดนตัวหนู”

            “ตาแก่บ้านั่น เดี๋ยวแม่จะช่วยสั่งสอนพ่อให้ลูกเอง”

            “อืม ต้องสั่งสอนพ่อให้สาสมเลยนะคะ”

            คุณแม่เยี่ยมองลูกสาวของตัวเองด้วยความรัก “เสี่ยวนาน วางใจเถอะ ก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่ามันก็ต้องมีเวลาที่วิเคราะห์ผิดพลาดบ้าง เครื่องพวกนั้นอาจวิเคราะห์ผิดก็ได้ ตอนนี้ลูกก็อย่ากังวลนักเลย”

            “นั่นสิๆ หนูไม่กังวลหรอก”

            “เฮ้อ ยัยเด็กบ๊องของแม่เอ๊ย…”

            เยี่ยฉินพิงอยู่บนไหล่ของคุณแม่เยี่ย น้ำตาก็ไหลออกมาเงียบๆ เธอคุยเล่นกับแม่ของตัวเองครู่หนึ่งจากนั้นก็กลับห้อง ฉีกผลการวินิจฉัยทั้งหมดลงถังขยะ แล้วดึงซองจดหมายฉบับหนึ่งออกมา

            มันคือตั๋วเครื่องบินของคืนนี้ตอนสี่ทุ่ม เยี่ยฉินพิงอยู่ที่ประตู น้ำตาไหลอาบแก้ม ‘ขอโทษนะคะแม่ ให้อภัยที่ลูกสาวไม่กตัญญูด้วย แต่ว่าลูกสาวไม่อยากทำให้แม่กับพ่อต้องเหนื่อยแล้วจริงๆ พ่อกับแม่ทำเพื่อลูกสาวคนนี้มามากพอแล้ว’

            เมื่ออี้เป่ยซีกลับถึงมหาวิทยาลัยก็รู้สึกสับสน มีลางสังหรณ์ลางๆ ว่าจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น แต่ก็บอกไม่ได้ว่ามันคืออะไร และไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น แค่รู้สึกว่าจิตใจว้าวุ่นเล็กน้อย

            พอกลับถึงบ้านก็เห็นฉินรั่วเข่อที่ไม่รู้ว่ากำลังคุยอะไรอยู่กับคุณแม่อี้

            “แม่คะ หนูกลับมาแล้ว”

            “เป่ยซี ลูกขึ้นไปข้างบนก่อน”

            อี้เป่ยซีพยักหน้าอย่างว่าง่าย สังเกตเห็นว่าสายตาที่คุณแม่อี้มองฉินรั่วเข่อนั้นมีความเย็นชาที่เฉียบคม เธอยังไม่เคยเห็นแม่ของตัวเองแสดงอาการเช่นนี้กับใครเลย

            “ฉะนั้น คุณหนูฉินก็เลยคิดจะใช้วิธีนี้ไต่เต้า?”

            “เปล่านะคะ ฉันก็แค่อยากให้คุณยอมรับเด็กคนนี้ คุณก็รู้ว่าฉันไม่มีความสามารถอะไร ฉันก็เลยหวังว่าลูกของฉันจะได้รับความดูแลจากอี้เป่ยเฉินและเติบโตขึ้นอย่างปลอดภัย ฉันก็แค่อยากบอกคุณเรื่องนี้”

            คุณแม่อี้หัวเราะเย็นชา “งั้นก็เป็นเรื่องของอี้เป่ยเฉินแล้ว ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน”

            ฉินรั่วเข่อคิดไม่ถึงว่าคุณแม่อี้จะพูดอะไรแบบนี้ออกมา ริมฝีปากของเธอสั่นเทา ขาก็สั่นตามเล็กน้อย เธอหลับตาลงด้วยความขมขื่น “ขอโทษค่ะ ฉันก็แค่กลัว กลัวว่าเขาจะไม่เห็นด้วย”

            “ถ้าเธอกลัวจริงๆ ก็คงไม่ก้าวก่ายเรื่องของเป่ยเฉินกับเป่ยซีตั้งแต่แรกหรอก เธอนึกว่าฉันไม่รู้เรื่องที่เธอทำเหรอ ตอนนี้รู้ว่าเป่ยซีช่วยเธอไม่ได้ก็เลยคิดมาหาฉันงั้นเหรอ หึ คนอย่างเธอจะเอาอะไรมาพิสูจน์ฉันว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของเป่ยเฉินจริงๆ”

            ฉินรั่วเข่อถอยหลังไปสองสามก้าว น้ำตาไหลลงอาบแก้ม “นี่เป็นเลือดเนื้อของอี้เป่ยเฉินจริงๆ ฉันไม่มีคนอื่นจริงๆ ไม่มีจริงๆ คุณป้าต้องเชื่อฉันนะคะ”

            “ฉันบอกแล้วว่านี่เป็นเรื่องของเธอกับอี้เป่ยเฉิน ไม่เกี่ยวกับฉันเลยสักนิดเดียว ถ้าเธอจะไม่เอาแล้วมาโยนให้ฉันก็ต้องให้เขาเลี้ยงเองอยู่ดี มันคือการตัดสินใจของอี้เป่ยเฉิน ถ้าเธออยากจริงๆ เธอก็ไปคุยเรื่องนี้กับเขาเอง ไม่ใช่ลงแรงในสิ่งที่ไม่ควรลงแรง” คุณแม่รู้สึกรังเกียจเล็กน้อย ฉินรั่วเข่อมองเธออีกรอบ กำหมัดแน่น แม้เล็บจิกเข้าไปในเนื้อแล้วเธอก็ยังไม่รู้สึก

            เธอพูดประโยคสุดท้ายว่า ‘รบกวนแล้ว’ แล้วจากจิ่นหยวนไปอย่างอมทุมข์

            ลูกแม่ ลูกว่าแม่ต้องทำยังไงถึงจะรักษาลูกเอาไว้ได้ ตอนนี้พี่ชายของลูกก็จากไปแล้ว แม่จะไม่ยอมให้ลูกจากไปทั้งแบบนี้อีก แม่จะต้องทำยังไง ทำยังไง…

            คุณแม่อี้โทรศัพท์ ไม่รู้ว่าพูดอะไร แล้วก็ขึ้นไปหาอี้เป่ยซีที่ชั้นบน อี้เป่ยซีกำลังยืนอยู่ข้างเตียง มองดูเงาที่ค่อยๆ ไกลออกไป รู้สึกว้าวุ่นในใจ

            “เป่ยซี กำลังดูอะไรน่ะ?”

            เธอกลับหลังหัน “หา เปล่าค่ะ ก็แค่มา ดึงผ้าม่าน ดึงผ้าม่าน” อี้เป่ยซีดึงๆ ผ้าม่าน คุณแม่อี้ก็ไม่ได้เปิดโปงเธอ ดึงมือของเธอมานั่งลงบนเตียง

            “เป่ยซี คืนนี้แม่ก็จะไปแล้ว”

            “หา เร็วจังเลย?”

            “ช่วงนี้พ่อของลูกสุภาพไม่ค่อยดี ให้แม่กลับไปดูแล”

            “พ่อไม่เป็นไรนะคะ?”

            คุณแม่อี้ถอนหายใจ “เขาจะเป็นอะไรได้ แกล้งทำทั้งนั้น สงสัยไม่อยากให้แม่อยู่กับพวกเธอสองคนไม่มีคนอยู่เป็นเพื่อนเขาล่ะมั้ง ลั่วจื่อหานเขาเป็นคนดีนะ” เธอยื่นมือเอาผมของอี้เป่ยซีเกี่ยวหู “เป่ยซี ลูกควรมองต่อไปข้างหน้า คิดถึงเรื่องอนาคตได้แล้วนะ”

            “เรื่องอนาคตยังบอกไม่ได้ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะชอบเด็กสาวสวยๆ คนอื่นก็ได้”

            “เหลวไหล จะมีเด็กสาวคนไหนที่สวยกว่าเป่ยซีของพวกเราล่ะ ถ้าเขารังแกลูกจริงๆ ล่ะก็ จะให้พี่ชายของลูกหักขาเขาซะ แม่จะคอยดูว่าจะยังมีสาวที่ไหนชอบเขาอีก”

            “แม่…”

            “เป่ยซี แม่ไปแล้วลูกต้องดูแลตัวเองให้ดีนะ อย่ามัวเอาแต่ใจ เป็นคนรักกันเล็กๆ น้อยๆ ก็ยอมให้กันเข้าใจหรือเปล่า”

            อี้เป่ยซีบ่นเสียงพึมพำ “ประโยคนี้ควรจะไปบอกลั่วจื่อหาน”

            “ลั่วจื่อหานไม่ยอมลูกเหรอ?”

        เธอแลบลิ้น บอกว่าใช่

————

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด