Memory of Tomorrow วันพรุ่งนี้ในความทรงจำ 211

Now you are reading Memory of Tomorrow วันพรุ่งนี้ในความทรงจำ Chapter 211 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 211 บทสรุปอันยิ่งใหญ่ (3)

               ลั่วจื่อหานตื่นเช้ามาก อี้เฉิงตั้งใจตื่นแต่เช้าแต่ก็ยังเผชิญหน้ากับเขา อี้เฉิงที่เดิมทีไม่ได้เป็นคนตื่นเช้าไร้ซึ่งความกระกรี้กระเปร่า ต่างกับชายหนุ่มข้างๆ ที่หน้าตาสดใสอย่างเห็นได้ชัด

            “ตื่นเช้าจังเลยนะ”

            ลั่วจื่อหานพยักหน้า “กลัวจะทำให้ธุระคุณลุงล่าช้า”

            “โอ้…” อี้เฉิงมองเขา “เอาเถอะ พวกเราไปกัน”

            อี้เฉิงก็ไม่ได้คิดจะทำให้ใครลำบากใจ เขาพาลั่วจื่อหานออกไปเดินเล่น เวลานี้ทุกคนต่างอยู่ในบ้าน ทั่วทั้งย่านเงียบสงบอย่างเห็นได้ชัด อี้เฉิงหายใจออกมาเป็นหมอก มองไปยังมุมพระอาทิตย์ที่เพิ่งโผล่พ้นขอบฟ้า

            “เสี่ยวซีไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของฉัน”

            “ครับ ผมรู้”

            “บางเรื่องฉันเข้าไปยุ่มย่ามไม่ได้ แต่ว่าส่วนที่ฉันยุ่มย่ามได้ ฉันจะไม่ใจอ่อนเด็ดขาด”

            ลั่วจื่อหานไม่ได้พูดอะไร

            “เธอคงจะสืบเรื่องชีวิตของเสี่ยวซีมาไม่น้อยสินะ ฉันก็ไม่มีอะไรจะพูดกับเธอ พวกเราไม่ได้กลัวว่าเสี่ยวซีอยู่กับเธอแล้วจะถูกรังแก แม้จะเป็นคนที่บ้านเธอ ฉันอี้เฉิงก็จะไม่อ่อนข้อให้ เพียงแต่…”

            อี้เฉิงหยิบบุหรี่ออกมาจากกระเป๋า จุดให้ตัวเอง “เขาไม่เหมาะกับสถานที่ที่ซับซ้อน เรื่องนี้เธอก็มองออก ใครๆ ก็อยากให้ลูกสาวของตัวเองถูกปกป้องเหมือนกับเจ้าหญิง ฉันพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อสร้างที่หลบภัยให้เขา ถ้าจะส่งเขาไปอีกที่นึง ก็ต้องเป็นที่หลบภัยที่อบอุ่นกว่าที่เป็นอยู่”

            “เธอน่าจะเข้าใจหัวอกของคนเป็นพ่อ ที่จริงแค่เธอก็เพียงพอที่จะปกป้องเสี่ยวซีของฉันอย่างปลอดภัยไปตลอดชีวิต แต่ว่า…แต่ว่าถ้าไม่มีเธอ ทั้งชีวิตของเสี่ยวซีก็จะยิ่งปลอดภัยกว่านี้ เขาสามารถโตขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง เขาพักอยู่ในครอบครัวเป็นครั้งคราวแล้วก็บินจากไปไกล แต่ว่าลั่วจื่อหาน ในเมื่อเสี่ยวซีเลือกเธอแล้ว เขาก็เป็นได้แค่ดอกทรัมเป็ตเถา นอกจากเลื้อยเกาะเธอแล้วยังมีที่ไหนที่ไปได้อีกเหรอ? ส่วนเธอลั่วจื่อหาน จะรับประกันว่าจะดูแลเธอคนนี้ตลอดไปได้เหรอ?”

            ท่าทีของลั่วจื่อหานกลายเป็นขึงขัง เขาครุ่นคิด “คุณลุง…” เขาขมวดคิ้ว “บางทีผมก็อยากให้เป่ยซีเป็นเด็กมากกว่านี้”

            อี้เฉิงหันมองเขา

            “เธอเป็นอิสระเกินไป และขี้ระแวงเกินไป ทำให้คน…ไม่รู้ว่าต้องปฏิบัติกับเธอยังไง ถ้าเธอสามารถเป็นเด็กอย่างที่คุณลุงพูดได้ล่ะก็ เธอก็คงไม่ทรมานแบบนี้ ผมรู้ว่าคุณลุงกำลังเป็นห่วงเรื่องอะไร ภูมิหลังของคนคนนึงใช่ว่าอยากจะแยกก็แยกได้ ก็เหมือนรากต้นไม้แก่ จะกำจัดยังไงก็กำจัดได้ไม่หมด กลับยิ่งทำให้ตัวเองเปื้อนโคลนเปล่าๆ ก็เหมือนกับที่คุณลุงคิด ถ้าสุดท้ายแล้วเป่ยซีอยู่กับผม แน่นอนว่าจะต้องเผชิญกับปัญหาที่ซับซ้อนพวกนี้”

            ลั่วจื่อหานก้มหน้า “ผมต้องขอโทษกับเรื่องนี้ด้วย ความพยายามของผมก็คงทำได้แค่นี้ แต่ว่าคุณลุงครับ คุณดูถูกเป่ยซีเกินไปแล้ว” เขาเผยยิ้มที่หยิ่งยะโสเป็นอย่างมาก “บางทีในสายตาของคนเป็นพ่อ เป่ยซีจะเป็นเด็กที่ไม่วันโตและต้องการคนปกป้องตลอดไป แต่ก็เป็นไปได้ว่าเพราะอยู่ต่อหน้าพ่อ เด็กก็เลยเป็นได้แค่เด็ก คุณลุงก็เหมือนผมที่รู้สึกได้ถึงพลังของเป่ยซี บางครั้งเวลาที่เธอถูกโจมตีแต่ก็ยังกอบกู้คืนมาได้ บางครั้งที่เธออาจจะทำอะไรเหมือนเด็กแต่ว่าความสามารถในการเรียนรู้ของเธอก็แข็งแกร่งมาก”

            “ผมจะไม่พูดกับคุณลุงและก็ไม่เคยสัญญากับเป่ยซีด้วย ว่าผมจะปกป้องเธอชั่วชีวิต ทั้งชีวิตนี้ผมจะรักเธอเหมือนตอนที่รักเธอครั้งแรก ส่วนเรื่องในอนาคตมันยากที่จะรับประกัน แต่อย่างน้อยสิ่งที่ผมพูดได้ตอนนี้ ก็คือจะไม่มีคนที่รักเป่ยซีมากกว่าผม และจะไม่มีใครที่อยากมอบครอบครัวที่สมบูรณ์แบบให้เป่ยซีได้ดีกว่าผม”

            “ในความรักของพวกเรา ไม่มีใครที่เป็นฝ่ายอ่อนแอหรือแข็งแรง ถ้าให้พูดกันจริงๆ อาจเป็นผมมากกว่าที่เป็นฝ่ายถูกดูแล”

            ลั่วจื่อหานมองพระอาทิตย์ที่โผล่ขึ้นมาทีละน้อย พระอาทิตย์ในฤดูหนาวไม่แสบตามาก สามารถมองมันได้โดยตรง ลูกบอลสีขาวส่งผ่านความอบอุ่นไปยังทั่วทุกอณูของร่างกายผ่านดวงตา

            “คุณลุงครับ ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณลุง ถ้าหากผมมีลูกสาวเหมือนเป่ยซี ผมก็จะรู้สึกว่าไม่มีใครที่คู่ควรกับเธอ เป่ยซีดีขนาดนี้ คำชื่มชมทั้งหมดในโลกใบนี้ก็ไม่สามารถอธิบายเธอได้ เธอคู่ควรกับสิ่งที่ดีที่สุด แต่ว่าคุณลุงครับ ถ้าไม่ยอมแม้แต่จะให้ลอง แล้วจะรู้ได้ยังไงว่านี่คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเธอหรือเปล่า”

            “ผมรู้จักเป่ยซีตอนแปดขวบ ตามหาเธอมาสิบกว่าปี ถึงตอนนี้คุณลุงจะไม่เห็นด้วย ผมก็จะไม่ยอมแพ้”

            อี้เฉิงมองลั่วจื่อหานอย่างเหลือเชื่อ ตอนที่เขาคุยเล่นกับเพื่อนๆ ก็เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน ตอนนั้นยังคิดว่ามันเป็นเรื่องตลก คิดว่ามันเป็นเพียงมุกขำๆ ของเด็กน้อย วันนี้อาจจะหมกมุ่นอยู่กับของเล่นชิ้นนี้ บางทีอีกไม่กี่วันก็หายไปแล้ว ทุกคนต่างคิดว่ากำลังฟังเรื่องขบขัน แต่คิดไม่ถึงว่าเด็กคนนี้จะตามหามาสิบกว่าปีจริงๆ ทำให้ผู้ใหญ่อย่างพวกเขาต่างละอายใจ

            ใครจะสามารถยืนหยัดในการทำเรื่องเดิมๆ มาเป็นเวลากว่าสิบปี โดยปราศจากความหวังหรือผลตอบรับใดๆ เหมือนงมเข็มในมหาสมุทร มีความพ่ายแพ้ สิ้นหวัง และพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่อง ถูกปฏิเสธและตั้งคำถามอย่างไม่หยุดหย่อน คนส่วนใหญ่คงมองเข็มเล่มนั้นเหมือนความฝันที่ไร้ความหมาย แต่ว่าเด็กคนนี้ เด็กอายุแปดเก้าปีคนหนึ่งกลับมีความกล้าหาญและความตั้งใจเหลือเกิน

            “เธอ…ฉันนึกว่า เสี่ยวซีรู้เรื่องนี้ไหม?”

        ลั่วจื่อหานหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจ “รู้นิดหน่อยครับ แต่ก็ไม่มีความจำเป็นต้องพูดอะไรอีก” ราวกับความทรมานและการตั้งตาคอยตลอดสิบกว่าปีหายไปพร้อมกับประโยคนี้ “สุดท้ายผมก็หาเจอ”

            อี้เฉิงก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้า “ใช่ โชคดีที่ในที่สุดก็หาเจอ”

            ทั้งสองคนเดินเล่นอยู่ข้างนอกไปรอบๆ โดยไม่พูดอะไรสักคำก่อนที่จะกลับบ้าน อี้เฉิงไม่สามารถดึงสติกลับมาจากความประหลาดใจอยู่นาน

            หลายปีมานี้เขาแสวงหาผลลัพธ์มากเกินไป เหมือนอีกาดื่มน้ำ มันเอาหินทั้งหมดที่อยู่ข้างกายโยนลงไปในเหยือกน้ำเล็กๆ เพียงเพื่อจะดื่มน้ำ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วก้อนหินเพียงไม่กี่ก้อนก็เพียงพอที่จะดื่มน้ำได้อย่างง่ายดาย ด้วยสมองตื้นเขินของเขาเช่นนี้จึงไม่สามารถจินตนาการได้ถึงความเพียรพยายามของจิงเว่ยในการถมทะเล

            เขาทำได้ยังไงกัน? อี้เฉิงสำรวจลูกเขยของตัวเองเป็นครั้งคราว เขารู้สึกทั้งกลัว ทั้งชื่นชม ทั้งชอบใจ

            ถ้าหากท้ายที่สุดแล้วลั่วจื่อหานไม่เจออี้เป่ยซีล่ะ? อี้เฉิงไม่กล้าจินตนาการถึงเรื่องนี้ จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าพฤติกรรมไม่เป็นมิตรที่เขามีต่อลั่วจื่อหานก่อนหน้านี้มันน่ารังเกียจแค่ไหน

            เรื่องโชคชะตาของบัณฑิตคู่หญิงงามนั้น เขากลับเป็นเหมือนชายชราที่ยื่นเท้าเข้ามายุ่มย่ามโดยมีผ้าห่อเท้าเอาไว้ อี้เฉิงหัวเราะเยาะตัวเอง

            เป่ยซีอยู่กับเขาจะต้องมีความสุขอย่างแน่นอน ถูกคนถูกเวลา ทำไมเขาถึงไม่สร้างความงามนี้ล่ะ?

            อาจเป็นเพราะรอพวกเขาสองคน อาหารเช้าจึงเพิ่งถูกเตรียม อี้เฉิงนั่งรออยู่สักพักก็ไม่เห็นอี้เป่ยซีลงมา

            “เสี่ยวซีไปไหนล่ะ?”

            คุณแม่อี้เพิ่งจะนั่งก็ลุกขึ้นยืน “ฉันจะไปเรียกเขา สงสัยเมื่อวานนั่งรถนานไปหน่อย คงเหนื่อยล่ะมั้ง”

            “คุณน้า” ลั่วจื่อหานลังเลเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด “ให้ผมไปเถอะ”

            “ไม่เป็นไร เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ให้ฉันจัดการเถอะ เธอกินข้าวกับพวกเขาไปก็แล้วกัน”

            ลั่วจื่อหานเห็นว่าถ้าเขาจะขอร้องอีกก็ดูไม่สมเหตุสมผลเท่าไร “เสี่ยวซี ตอนนี้ไม่อยู่ที่ห้องตัวเอง”

            ทั้งสามคนต่างมองลั่วจื่อหาน ในแววตามีความลึกลับที่ต่างกันออกไป อี้เฉิงนวดคลึงขมับอย่างปวดหัวเล็กน้อย คุณแม่อี้กลับนั่งลงที่เดิมพร้อมกับหัวเราะ

            “งั้นก็ให้เขาพักผ่อนอีกหน่อยเถอะ ไว้ตื่นแล้วค่อยอุ่นให้เขา เดี๋ยวพวกเราต้องออกไปหาเพื่อนข้างนอก ความรับผิดชอบนี้ก็ยกให้เธอก็แล้วกัน”

            ใบหน้าของลั่วจื่อหานไม่มีความเคอะเขิน พยักหน้าตามปกติ

            คุณแม่อี้ส่งสายตาให้กับสามีของตัวเอง เธอพอใจกับชีวิตรักของพวกเขาสองคน แต่ในใจของอี้เฉิงยังคงรู้สึกผิดหวังกับลูกสาวของตัวเอง

        ห่างกันไม่ได้แม้แต่คืนเดียวเชียวเหรอ?

————

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด