Pursuit of the Truth สู่วิถีอสุรา 1447

Now you are reading Pursuit of the Truth สู่วิถีอสุรา Chapter 1447 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ปะทะองค์ชายรอง

ทันทีที่ปรากฏเส้นทางนี้ ชายชราสี่คนข้างองค์ชายรองก้าวเดินออกมา กลายเป็นสายรุ้งยาวพุ่งตรงไปหาสุนัขใหญ่สีขาวสี่ตัวรอบซูหมิง

สุนัขใหญ่สีขาวสี่ตัวนี้มีพลังเต๋าสูงศักดิ์ ช่วงที่ซูหมิงขึ้นมายังแท่นราบนี้ ผู้คนโดยรอบก็รับรู้แล้ว ยามนี้เข้ามาใกล้ สุนัขใหญ่สีขาวสี่ตัวเผยประกายดุร้ายก่อนพุ่งตามไป เสียงดังสนั่นฟ้า นั่นคือเสียงที่เกิดจากการปะทะกันระหว่างสุนัขใหญ่สีขาวสี่ตัวกับเต๋าสูงศักดิ์สี่คน

ขณะเดียวกันองค์ชายรองเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยด้วยสีหน้าโอหัง วางหมวกในมือลงข้างๆ สะบัดแขนเสื้อกลายเป็นสายรุ้งยาวสีเหลืองพุ่งเข้าไปหาซูหมิง

ซูหมิงมีสีหน้าปกติ มององค์ชายรองเข้ามาใกล้อย่างเย็นชา ตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้เขาไม่กล่าวเลย เพียงแต่ตอนนี้ยกมือขวาขึ้น แส้ดาราเหนี่ยวนำการเปลี่ยนแปลงของฟ้าดิน เหมือนมีดารานับไม่ถ้วนอัดแน่นเต็มฟ้า ดาราเหล่านั้นเชื่อมเข้าด้วยกันแล้วรวมเป็นเงาแส้ ด้านหนึ่งอยู่บนฟ้า อีกด้านอยู่ในมือขวาซูหมิง

ปรากฏเข็มทิศขึ้นใต้เท้า จากนั้นซูหมิงเดินหนึ่งก้าวเข้าปะทะกับองค์ชายรองตรงพื้นที่กว้างที่คนหลายหมื่นคนถอยไป

องค์ชายรองทำสัญลักษณ์มือขวาชี้ไปข้างหน้า พลันมีเสียงคำรามมังกรดังสนั่นฟ้าจากข้างหลัง ระหว่างมวลอากาศบิดเบี้ยวปรากฏมังกรเหลืองตัวหนึ่ง หัวมังกรใหญ่คำรามสะเทือนฟ้าดิน ข้ามผ่านร่างองค์ชายรองมาปรากฏข้างหน้า ก่อนอ้าปากเขมือบไปทางซูหมิง

ซูหมิงสะบัดมือขวา ฟ้าดินดังสนั่นหวั่นไหว แส้ดาราขยับแสงวาววับฟาดเข้าที่ร่างมังกรเหลือง ชั่วขณะที่มังกรเหลืองร้องคำราม เงาแส้ดาราม้วนร่างมันเอาไว้ จากนั้นซูหมิงสะบัดมือ มังกรเหลืองที่พุ่งเข้ามาหาเขาจึงถูกเปลี่ยนทิศทางไปยังด้านขวา มองแวบแรกเหมือนเขาข้ามผ่านจากในร่างมังกรเหลือง พุ่งไปตรงหาองค์ชายรอง ชกหมัดซ้ายเข้าไป

เกิดเสียงโครมครามดังสะเทือนฟ้า องค์ชายรองอาภรณ์โบกสะบัดทั้งตัว ชกหมัดขวาต้านหมัดซูหมิงเช่นเดียวกัน

ระหว่างสองคนห่างกันราวสิบจั้ง หนึ่งหมัดของสองฝ่ายปะทะอากาศ แต่กลับระเบิดเป็นเสียงดังสนั่นสะเทือนแก้วหู

ช่วงที่เกิดเสียงดังสนั่นขึ้นยังมีแรงปะทะกระจายไปรอบๆ ถาโถมใส่ร่างซูหมิง ทำให้เขาถอยไปสิบกว่าจั้ง ส่วนองค์ชายรองถอยไปสิบกว่าก้าว

“สมกับเป็นน้องเล็กข้าจริงๆ…เจ้าคู่ควรแก่ข้า แสดงพลังที่แท้จริงออกมา!” องค์ชายรองดวงตาขยับประกายวาว ขณะถอยไปยังยกมือขวาคว้าอากาศไปข้างหลัง หมวกเหล็กนั้นพลันลอยขึ้น เมื่อคว้าเอาไว้แล้วก็สวมที่หัว ทันใดนั้นเองเขาร้องคำรามเสียงแหลมอย่างเหี้ยมโหด

ขณะเดียวกันร่างองค์ชายรองขยายใหญ่ขึ้นโดยพลัน กายเนื้อใหญ่ขึ้น อาภรณ์ถูกฉีก ตอนที่ฉีกเป็นแผลเหวอะหวะ ทั้งตัวเขามีขนาดสิบจั้งแล้ว ก่อนจะคำรามดังสนั่นฟ้าอีกครั้ง เกิดเสียงปุงปังดังจากร่างกาย จากขนาดสิบจั้งก็กลายเป็นสามสิบจั้ง อาภรณ์หายไปนานแล้ว เผยเป็นผิวหนังสีดำ อีกทั้งยังปรากฏเสื้อเกราะสีดำบนร่างกายใหญ่ยักษ์!

เสื้อเกราะนี้ดูน่าตกใจยิ่ง ปกคลุมร่างมากกว่าครึ่ง ประกอบกับหมวกเหล็กนั้นแล้วทำให้ทุกคนที่มองมาจะเกิดความรู้สึกว่ากำลังมองเทพอสูรโบราณ

องค์ชายรองในขนาดสามสิบจั้งคำรามเสียงดัง ฟ้าดินเกิดระลอกคลื่นรุนแรง ระลอกคลื่นเหล่านี้ปะทะร่างซูหมิงดั่งพายุคลั่ง อาภรณ์และเส้นผมยาวโบกสะบัด ทำให้นัยน์ตาซูหมิงเผยแสงหม่น

ตอนนี้เององค์ชายรองก้าวเท้ายาวตรงมาที่ซูหมิง ขณะเดียวกับที่เข้ามาใกล้ยังยกมือขวาขึ้นคว้าไปบนฟ้า เรียกทวนยาวยักษ์ เมื่อกำไว้ในมือแล้วก็ปาไปทางซูหมิง

ทั้งฟ้าดินเหมือนถูกทวนยาวฉีกเป็นรอยแยกยักษ์ พริบตาที่เข้ามาใกล้ซูหมิง ดวงตาที่สามตรงระหว่างคิ้วเขาเปิดออก วิญญาณเต๋าขั้นสี่ลืมตาทั้งหมด พร้อมกันนั้นเขาสูดลมหายใจเข้าลึก ยกมือขวาขึ้น ในมือปรากฏขวานที่ดูธรรมดามากเล่มหนึ่ง

ขวานเล่มนี้เป็นของตาแก่คนนั้น ซูหมิงใช้ตัดฟืนทุกวัน ตอนเดินทางตาแก่ให้มาด้วย ตอนนี้ซูหมิงยืนอยู่บนที่ราบ ช่วงที่ยกขวานขึ้น ดวงตาเขามัวหมองราวกับไร้สติ ไม่มีเงาสะท้อนร่างองค์ชายรอง และก็ไม่มีทวนยาวที่ตรงเข้ามาด้วยจิตสังหารเหลือล้น มีเพียง…ไม้ท่อนหนึ่ง!

ชั่วขณะที่ทวนยาวเข้ามาใกล้ซูหมิงทำให้อาภรณ์กับเส้นผมยาวแกว่งไกวอย่างรวดเร็วและจะทะลวงหน้าอกเขานั้น เขายกขวานในมือขวาขึ้นแล้วฟันลงช้าๆ เหมือนว่าเขาฝึกฝนมาเป็นล้านครั้ง คล้ายว่าทวนยาวตรงหน้าคือไม้ท่อนหนึ่งที่ตัดเป็นสองส่วนได้

เมื่อฟันขวานลง ทั้งฟ้าดิน ทั้งโลกเหมือนหยุดนิ่ง แม้แต่ลมหายใจและสายตาจากผู้คนรอบๆ ยังแข็งค้าง มีเพียงวงโคจรฟันลงของขวาน ตอนที่ปะทะทวนยาวและลากผ่านนั้น ทวนยาวถูกตัดเป็นสองส่วนตรงหน้าเขา เคลื่อนผ่านสองข้างกายไปในพริบตา

ขณะเดียวกันร่างสามสิบกว่าจั้งขององค์ชายรองมาปรากฏอยู่ตรงหน้าซูหมิง เขายกมือขวาขึ้นกดลงพร้อมเปลี่ยนเป็นฝ่ามือกดที่ศีรษะซูหมิง ทว่ากลับปะทะกับมือขวาซูหมิงที่ยกขึ้น

ทั้งโลกในตอนนี้เหมือนคืนจากสภาวะหยุดนิ่งก่อนหน้า เมื่อเสียงลมหายใจดังขึ้น ทุกสายตาเพ่งมองซูหมิงกับองค์ชายรอง

พวกเขาสองคนยืนอยู่ด้วยกัน หนึ่งอยู่สูง อีกหนึ่งอยู่ต่ำ หนึ่งมือขวากดเหนืออีกฝ่าย อีกหนึ่งยกมือขวาขึ้นปะทะฝ่ามืออีกฝ่าย

ช่วงที่สองคนสบตากัน ซูหมิงมีสีหน้าปกติ ส่วนองค์ชายรองเงียบไม่กล่าวใดๆ

ราวหลายลมหายใจต่อมา องค์ชายรองดวงตาเป็นประกายวาว

“เจ้ากับข้าต่อสู้กันทำให้องค์ชายใหญ่ของเราได้ประโยชน์ เรื่องนี้ไม่ดี…” เขากล่าวพลางยกมือขวาขึ้นแล้วถอยไปสามก้าว ทุกย่างก้าวร่างกายจะหดเล็กลง จนเมื่อถอยไปครบสามก้าวแล้วก็ไม่มีขนาดสามสิบกว่าจั้งอีก แต่เป็นรูปลักษณ์ก่อนหน้า สวมชุดคลุมยาวสีเหลือง สวมหมวกเหล็ก ยิ้มมองซูหมิง

ซูหมิงไม่ตอบ แต่มององค์ชายรอง โดยเฉพาะดวงตาขวาอีกฝ่าย

“ข้าควรจะเรียกเจ้าว่าองค์ชายรองหรือว่า…ตี้เทียน” ซูหมิงกล่าวเรียบๆ

แทบเป็นทันทีที่เขากล่าวขึ้น น้ำวนนั้นในดวงตาขวาองค์ชายรองฉีกออก เผยเป็นร่างเงาหนึ่งรางๆ ทว่าร่างเงาเพิ่งปรากฏก็ถูกน้ำวนจมหายไปอีกครั้ง

องค์ชายรองยิ้มเล็กน้อย ไม่ตอบ

ซูหมิงเดินหนึ่งก้าวไปบนฟ้า สุนัขใหญ่สี่ตัวก็ถอยออกมา กลายเป็นสายรุ้งยาวตามซูหมิงขึ้นข้างบนไปภายใต้สายตาของผู้ฝึกฌานหลายหมื่นคนบนแท่นราบชั้นเจ็ด

จนกระทั่งซูหมิงหายไปแล้ว องค์ชายรองพลันตัวสั่น มุมปากมีโลหิตไหล รอยยิ้มหายไปกลายเป็นทะมึนทึบ เขายกมือขวาขึ้นช้าๆ ผิวหนังส่วนใหญ่ตรงนั้นแห้งเหี่ยว…

“สมกับเป็นองค์ชายเล็กที่เคยได้รับความชอบจากท่านพ่อมากที่สุดจริงๆ…” องค์ชายรองกล่าวเสียงเบา ก่อนหมุนตัวกลับเดินไกลออกไป นั่งขัดสมาธิลงหลับตาทำสมาธิ

“แต่ว่าการต่อสู้ระหว่างเราเพียงแค่เริ่มต้น พวกเราจะได้พบกันอีกในฟ้าชั้นเก้า”

ร่างเงาซูหมิงห้อเหยียดไป พาสุนัขใหญ่สีขาวสี่ตัวพุ่งขึ้นฟ้าชั้นแปด เพียงหนึ่งก้านธูป ช่วงที่เห็นแท่นราบใหญ่ยักษ์ไร้ที่เปรียบบนฟ้า เขาเห็นว่าตรงใจกลางแท่นราบนี้…มีลำต้นไม้ยักษ์ต้นหนึ่ง!

ลำต้นนี้มีความหนาแสนกว่าจั้ง มองแวบแรกจะต้องตกตะลึงต้นไม้สูงเสียดฟ้านี้อย่างแน่นอน ลำต้นมันแห้งเล็กน้อย ตอนที่เงยหน้ามองจะไม่เห็นสุดปลาย ราวกับว่าพื้นที่ทั้งหมดที่มองเห็นมีเพียงลำต้นของมันเท่านั้น

นี่คือต้นไม้พิสูจน์เต๋าที่เติบโตอยู่ฟ้าชั้นแปด กิ่งไม้มันขึ้นไปอยู่ฟ้าชั้นเก้าที่ไม่มีสิ้นสุดข้างบน!

เวลานี้กู่ไท่นั่งขัดสมาธิอยู่ใต้ต้นไม้ องค์ชายใหญ่นั่งขัดสมาธิตรงข้าม อีกทางหนึ่งเป็นหญิงชรากำลังนั่งขัดสมาธิอยู่เช่นกัน

รอบๆ ล้อมไว้ด้วยผู้ฝึกฌานหลายหมื่นคน แบ่งเป็นคนสามสำนัก ตอนนี้ต่างนั่งขัดสมาธิแน่นิ่ง

การมาของซูหมิงไม่ได้ทำให้ผู้ฝึกฌานเหล่านี้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ ราวกับมองไม่เห็น เพียงแต่ตอนที่ซูหมิงมององค์ชายใหญ่ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย ทว่าเขาไม่ได้มององค์ชายใหญ่ แต่มองชายชราผมขาวที่ลอยอยู่เหนือองค์ชายใหญ่ต่างหาก ชายชราคนนี้ร่างเป็นมายา มีหมอกขาวเชื่อมระหว่างเขากับกลางกระหม่อมองค์ชายใหญ่

ส่วนหญิงชราคนนั้น ซูหมิงพบกลิ่นอายพลังขององค์ชายรองจากตัวนาง นั่นเหมือนกับหมวกเหล็กที่องค์ชายรองถือไว้ก่อนหน้านี้ทุกประการ

หญิงชราถือหมวกเหล็กไว้ในมือ กลายเป็นพลังอำนาจฝ่ายที่สามสูสีกับกู่ไท่และองค์ชายใหญ่

“กู่ไท่ พวกเราคงตัดสินแพ้ชนะกันในมิติชั้นสามไม่ได้” เสียงแก่ชราดังเรียบๆ มาจากชายชราร่างมายาตรงหัวองค์ชายใหญ่

“ที่นี่เจ้ามีพลังเหมาะสมที่สุดจริงๆ ต่อให้ข้าบรรลุมหาเต๋าสูงศักดิ์ก็ต้องถูกจำกัดไว้ที่นี่ ทว่า…สหายเยี่ยหลัวเอาหมวกเหล็กเทพอสูรมาด้วยเลยลดพลานุภาพที่นี่ได้ ดังนั้นแล้ว…เจ้าไม่มีทางให้สำนักเจ็ดจันทราเข้าไปในชั้นสามก่อนได้แน่” ช่วงที่เสียงชายชราดังกังวาน หญิงชราลืมตาขึ้นมองกู่ไท่

ซูหมิงเข้ามาใกล้ช้าๆ จนกระทั่งมาอยู่ข้างหลังกู่ไท่ มองชายชรากับหญิงชราด้วยแววตาเย็นชา

“ถ้าอย่างนั้นพวกเราไม่เข้าไปยุ่งเรื่องใครเข้ามิติชั้นสามเป็นฝ่ายแรกก่อนดีหรือไม่ ให้องค์ชายสามแย่งชิงเอาเองเป็นอย่างไร?” ขณะที่หญิงชราพูดเสียงแหบแห้ง กู่ไท่ลืมตาขึ้นช้าๆ เผยความเหนื่อยล้า

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด