Pursuit of the Truth สู่วิถีอสุรา 1451

Now you are reading Pursuit of the Truth สู่วิถีอสุรา Chapter 1451 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ชั้นสามพิสูจน์เต๋า

ต้นไม้แห่งพิสูจน์เต๋า มิติชั้นสาม โลกในตำนานของแคว้นกู่จั้ง ตรงปราการสุดท้ายภายในเส้นทาง…

ทันทีที่ซูหมิงเข้ามาที่นี่ก็เห็นซากปรักหักพัง ซากปรักหักพังที่นี่เหมือนถูกคนใช้ยอดอภินิหารทำลาย ในซากเหล่านี้อบอวลไปด้วยกลิ่นอายมรณะเข้มข้น

แผ่นดินที่นี่ไม่ได้กว้างใหญ่ สัมผัสได้ถึงสุดปลายขอบ มองไปกลางแผ่นดินเป็นต้นไม้โบราณพิสูจน์เต๋าพุ่งขึ้นมาตระหง่านอยู่บนแผ่นดิน บนแมกไม้ไม่มีใบไม้ แต่กิ่งไม้ซับซ้อนกลับปกคลุมฟ้าของที่นี่ ทำให้ตอนที่เงยหน้ามองไปจะไม่เห็นฟ้า แต่เป็นกิ่งไม้เหลือคณานับ

ความรู้สึกผ่านโลกมาเนิ่นนานแผ่มาจากต้นไม้ใหญ่อย่างชัดเจน ช่วงที่ซูหมิงมองในใจพลันสั่นไหวอย่างรุนแรง การสั่นไหวนกะทันหันมาก ราวกับเดิมทีอยู่ในจิตวิญญาณเขาและตื่นขึ้นในเวลานี้

เพราะเขา…รู้สึกถึงกลิ่นอายพลังเอ้อชางเสี้ยวหนึ่งจากต้นไม้ใหญ่! หรืออาจพูดได้ว่าเอ้อชางในอดีตมีกลิ่นอายพลังของต้นไม้ใหญ่นี้เสี้ยวหนึ่ง!

ซูหมิงสูดลมหายใจเข้าลึก อดเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมิได้ นั่นคือหลังจากมหาจักรพรรดิกู่จั้งนำต้นไม้นี้กลับมาจากโลกนั้นแล้ว ต้นไม้นี้พังลงไม่น้อย ท่อนไม้บางส่วนกลายเป็นไม้เทพ กิ่งไม้บางส่วน…ให้กำเนิดชีวิตขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ

ขณะเดียวกับที่ซูหมิงมองต้นไม้พลางสัมผัสถึงการผ่านโลกมาเนิ่นนาน เขาก็รู้สึกถึงความอ้างว้างของต้นไม้แห่งพิสูจน์เต๋า บางทีคนอื่นอาจจะยากสัมผัสถึงความรู้สึกนี้ มีเพียงซูหมิง…อาจเป็นเพราะเอ้อชางเขาถึงรู้สึกชัดเจนมาก

ขณะเงียบ ปรากฏเข็มทิศขึ้นใต้เท้าซูหมิงก่อนกลายเป็นสายรุ้งยาวพุ่งไปยังต้นไม้ใหญ่ ขณะเดียวกับที่สัมผัสถึงความอ้างว้างจากต้นไม้ใหญ่ เขาก็เห็นว่าตรงปลายกิ่งไม้ที่มาแทนที่ฟ้ามีผลขนาดเล็กใหญ่สองผลสุกงอมแล้ว ผลขนาดใหญ่เปล่งแสงหม่น มีขนาดเท่าหัวเด็กทารก

ผลเล็กมีขนาดเท่าครึ่งกำปั้น ยามนี้เปล่งแสงนุ่มนวลสีส้มอมเหลือง กลิ่นอายหอมฟุ้งเข้มข้นกระจายอบอวลโลกนี้

ซูหมิงเป็นคนแรกที่เข้ามาในชั้นสามในการแย่งชิงแห่งพิสูจน์เต๋า แม้จะมีข้อได้เปรียบเพียงหลายสิบลมหายใจ แต่ข้อได้เปรียบแบบนี้ หากไม่มีพลังภายนอกมารบกวน เช่นนั้นก็มีโอกาสมากกว่าครึ่งที่จะได้ชัยชนะ

ยามนี้เขาเป็นสายรุ้งยาวพุ่งเข้าไปด้วยความรวดเร็ว หลายลมหายใจต่อมาเข้าไปใกล้ต้นพิสูจน์เต๋า ดวงตาวาววับ พลันรู้สึกว่าในมิติชั้นสามมีแรงกดดันรุนแรงอยู่ แรงกดดันที่ว่ามีอยู่แค่ต้นไม้โบราณ ตอนที่ตนสัมผัสต้นไม้ถึงจะลดลงเล็กน้อย

หรือพูดได้ว่าที่นี่…บินขึ้นไปยังผลเต๋าไม่ได้ ราวกับว่าการกระทำแบบนี้เป็นการดูหมิ่น ไม่ได้รับการอนุญาตจากต้นพิสูจน์เต๋า หากต้องการผลเต๋า ก็มีเพียงอย่างเดียวคือต้องปีนต้นไม้ขึ้นไป!

นัยน์ตาซูหมิงขยับประวาว กระโดดขึ้นไปยืนบนต้นพิสูจน์เต๋า ก่อนพุ่งขึ้นข้างบนอย่างไม่ลังเล ยิ่งเข้าไปใกล้กิ่งไม้ กลิ่นอายหอมก็ยิ่งเข้มข้น ตอนที่หายไปเขาสัมผัสได้ว่าเหมือนพลังกำลังเดือดพล่าน

ความรู้สึกเดือดพล่านทำให้เขาสังเกตเห็นแม้แต่วิญญาณเต๋าของตน และเพราะแบบนี้เองถึงเกิดความรู้สึกได้รับการบำรุง ซึ่งกลิ่นอายพลังนี้ก็เหมือนกับตอนที่เขาสูบที่มิติชั้นหนึ่งกับชั้นสองทุกประการ มิหนำซ้ำยังเข้มข้นกว่า

แต่ขณะเดียวกันยิ่งขึ้นไปสูง ความรู้สึกถึงแรงกดดันกลับยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หากไม่ใช่เพราะการบำรุงจากกลิ่นหอมฟุ้ง ตอนนี้ความเร็วเขาจะต้องลดลงมากกว่าสี่ถึงห้าส่วนแล้ว

แทบเป็นขณะเดียวกับที่ซูหมิงห้อเหยียดขึ้นต้นไม้ บนแผ่นดินปรากฏร่างเงาหลายร่าง คนเหล่านี้คือศิษย์สำนักเจ็ดจันทรา เมื่อปรากฏกายแล้วก็เงยหน้ามองซูหมิงที่กำลังขึ้นไปข้างบน หลายคนพลันมีสีหน้าเด็ดขาด พุ่งไปยังต้นไม้ใหญ่ นั่งขัดสมาธิลงใต้ต้นไม้ แต่ละคนนัยน์ตาฉายแววแน่วแน่

เป้าหมายที่พวกเขามาที่นี่คือเพื่อช่วยให้ซูหมิงได้เปรียบมากขึ้น นี่คือภารกิจจากสำนัก เป็นสิ่งที่พวกเขาต้องทำให้สำเร็จ แม้จะต้องสละชีวิตตัวเองก็ต้องทำให้สำเร็จ!

เพื่อเรื่องนี้แล้ว สำนักจ่ายให้กับพวกเขาไว้มากพอ แม้พวกเขายากจะมีโอกาสได้ใช้มันก็ตาม แต่ชนรุ่นหลังพวกเขา ครอบครัวพวกเขาล้วนได้รับอภิสิทธิ์ที่ดีขึ้นเพราะเหตุนี้

หลายคนกัดฟันหลับตาลง ร่างกายพลันเป็นสีม่วงอมแดง…

เวลาผ่านไปข้อได้เปรียบหลายสิบลมหายใจหมดลง ซูหมิงขึ้นมาบนต้นพิสูจน์เต๋าสี่พันกว่าจั้งแล้ว แม้จะห่างจากกิ่งไม้อีกไกลมาก แต่มาถึงที่นี่ได้ก็ได้เปรียบอย่างยิ่งแล้ว

ตอนนี้เองบนแผ่นดินชั้นสามมีสายรุ้งยาวอีกหลายสายพุ่งเข้ามา สองคนตรงหน้าสุดคือองค์ชายใหญ่กับองค์ชายรอง เมื่อสองคนปรากฏกายบนชั้นสามแล้วก็เห็นซูหมิงในแวบแรก นัยน์ตาเผยจิตสังหาร ก่อนสองคนจะกลายเป็นสายรุ้งยาวตรงไปยังต้นพิสูจน์เต๋า

ทว่าทันทีที่พวกเขาเข้ามาใกล้ ศิษย์สำนักเจ็ดจันทราหกคนใต้ต้นไม้พลันลืมตาขึ้น ร่างพวกเขาระเบิดออกส่งเสียงดังสนั่น

พวกเขามีพลังไม่สูง แต่ก็เตรียมตัวมานาน ดังนั้นภายใต้การระเบิดตัวเอง ภายในร่างพวกเขาจึงปะทุพลังสะเทือนฟ้า พลังที่ว่าแผ่ขยายออกก่อขึ้นเป็นลำแสงสายหนึ่งล้อมรอบต้นไม้พิสูจน์เต๋าไว้แล้วพุ่งขึ้นฟ้าไป กระทั่งเหนือกว่าจุดที่ซูหมิงอยู่ พริบตาเดียวก็ปกคลุมในความสูงเกือบหมื่นจั้ง

ต่ำกว่าหมื่นจั้ง ลำต้นพิสูจน์เต๋าถูกลำแสงโอบล้อมไว้ ทำให้คนนอกยากจะสัมผัสลำต้น หากจะเอาผลเต๋าก็มีแต่ต้องบินเท่านั้น ทะลวงผ่านแรงกดดันรุนแรงจากต้นไม้เหนือขึ้นไปหมื่นจั้งแล้วถึงสัมผัสกับลำต้นเพื่อลดแรงกดดันลง

เดิมทีผู้ฝึกฌานสำนักเจ็ดจันทราหกคนนี้ทำแบบนี้ไม่ได้ ความจริงแล้วผู้อาวุโสใหญ่เต๋าสูงศักดิ์สิบคนแห่งสำนักเจ็ดจันทราเป็นคนจ่ายสำหรับระยะห่างหมื่นจั้งนี้ พวกเขาได้เตรียมการปลดปล่อยและระเบิดมาหลายปีภายใต้เงื่อนไขที่ไม่ส่งผลถึงขั้นพลังพวกเขา

แต่มันอยู่นานไม่ได้ อยู่ได้เพียงราวๆ สามสิบลมหายใจ ทว่าแค่นี้ก็เท่ากับเพิ่มความได้เปรียบให้กับซูหมิงอย่างยิ่ง

แทบเป็นทันทีที่เกิดลำแสง องค์ชายใหญ่กับองค์ชายรองเข้ามาใกล้ เมื่อสัมผัสลำแสงแล้วพลันเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว สองคนถูกกระเทือนจนถอยไป

“สำนักเจ็ดจันทราสมควรตาย!” นัยน์ตาองค์ชายรองเผยจิตสังหารรุนแรง เขาขยับวูบไหวกลายเป็นสายรุ้งพุ่งขึ้นฟ้าไป เห็นได้ชัดว่าจะฝ่าแรงกดดันขึ้นไปเหนือหมื่นจั้ง แต่ว่าเมื่อเขาบินขึ้นมาสองพันจั้งแล้วก็หน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง แรงกดดันจากผืนฟ้าทำให้พลังเขาหายไปมากกว่าครึ่ง เขาเงยหน้าขึ้นมองลำแสงหมื่นจั้งนั้นแวบหนึ่ง ตามการคำนวนของเขาแล้วขีดจำกัดของตนคือบินขึ้นได้สามพันจั้ง

ระยะห่างหมื่นจั้งเป็นดั่งร่องหุบเขายากจะข้ามผ่าน เหมือนทำได้เพียงรอให้ลำแสงหายไปเอง ไม่ว่าจะเป็นองค์ชายใหญ่หรือองค์ชายรอง พวกเขารู้แก่ใจดีว่าลำแสงแบบนี้อยู่ได้ไม่นานนัก อย่างมากสุดก็แค่หลายสิบลมหายใจเท่านั้น

ทว่า…ก่อนหน้านี้ผ่านไปแล้วหลายสิบลมหายใจ หากตอนนี้เสียไปอีกหลายสิบลมหายใจ เช่นนั้นโอกาสที่พวกเขาจะได้ผลเต๋าในมิติชั้นสามก็น้อยมากแล้ว

ตอนนี้ซูหมิงขึ้นไปสูงเกือบห้าพันจั้ง อีกทั้งยังคงไปต่อ ภาพนี้ทำให้นัยน์ตาองค์ชายใหญ่เป็นประกายเด็ดขาด เดิมทีเขาไม่อยากรีบใช้กลอุบายอื่น ถึงอย่างไรต่อให้เป็นมหาเต๋าสูงศักดิ์ก็อยู่ที่ชั้นสามได้ไม่นานนัก นี่คือกลอุบายที่ไว้ใช้ในช่วงที่สำคัญที่สุด

แต่ตอนนี้…สถานการณ์บีบให้เขาต้องใช้!

องค์ชายใหญ่ยกมือขวาขึ้น ดวงตาวาววับพร้อมตบระหว่างคิ้วตัวเอง ก่อนนั่งขัดสมาธิลงโดยพลัน ทำสัญลักษณ์มือซ้ายชี้ไปยังจุดตันเถียนของตน

ทันใดนั้นเกิดเสียงดังครึกโครมขึ้นในร่างกาย ท่ามกลางเสียงดังกึกก้อง ใบหน้าเขาเหยเกยราวกับสัมผัสถึงความเจ็บปวดอย่างยิ่ง ขณะเดียวกันพลังปะทุขึ้นเหนือกว่าเต๋าสูงศักดิ์ กระทั่งยังใหญ่มหึมา เหนี่ยวนำพลังฟ้าดินรอบๆ ทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสีในฉับพลัน

เสียงอึกทึกดังขึ้น องค์ชายใหญ่หลับตาลง ตอนนี้เองพลังเขาปะทุขึ้นอีกครั้ง…จากเต๋าสูงศักดิ์บรรลุเป็นมหาเต๋าสูงศักดิ์!

พริบตาที่พลังก้าวไปสู่มหาเต๋าสูงศักดิ์ องค์ชายใหญ่ลืมตาขึ้นช้าๆ เผยประกายแฝงไว้ด้วยการผ่านโลกมาเนิ่นนาน เหมือนว่า…เขาในตอนนี้ไม่ใช่องค์ชายใหญ่อีก แต่เป็นอีกคน

ความรู้สึกผ่านโลกมาเนิ่นนานนั้นมีความเย็นเยียบ เขา…ไม่ใช่องค์ชายใหญ่จริงๆ แต่เป็นมหาเต๋าสูงศักดิ์แห่งสำนักเอกะเต๋า หลินตงตง!

เขาใช้วิธีให้จิตลงมาเยือน ใช้การชี้นำแห่งสายเลือดในร่างองค์ชายใหญ่ ประกอบกับวิชาแห่งดวงชะตาของสำนักเอกะเต๋า คู่กับการเปลี่ยนกฏแผ่นดินกู่จั้งที่แทบมีต้นกำเนิดเดียวกับสำนักเอกะเต๋าในมิติชั้นสาม ทำให้หลินตงตงอาศัยร่างองค์ชายใหญ่เหมือนกับการยึดร่างได้ชั่วคราว ตอนที่ยืนขึ้น หลินตงตงยิ้มเยาะมุมปาก ก่อนขยับวูบไหว…ไม่ได้โจมตีลำแสง แต่บินขึ้นฟ้าไป

การทำลายลำแสงเป็นการเปลืองเวลาในเรื่องอื่น เขาย่อมไม่ทำแบบนั้น ยามนี้ห้อทะยานฝ่าแรงกดดันจากผืนฟ้าขึ้นมาห้าพันจั้งในพริบตา ช่วงที่ยังห้อเหยียดอยู่นั้น ซูหมิงในลำแสงมองไปแวบหนึ่งก่อนมุ่งหน้าต่อไปเช่นกัน

สองคนมีลำแสงกั้น หนึ่งอยู่ข้างใน อีกหนึ่งอยู่ข้างนอก ความเร็วสมดุลกัน ถึงอย่างไรหลินตงตงอยู่ข้างนอกก็มีพลานุภาพอ่อนแอลง แต่ซูหมิงอยู่ข้างในมีกลิ่นหอมคอยบำรุง อีกทั้งแรงกดดันยังลดน้อยลงมาก ดังนั้นเมื่อสองคนต่างขึ้นไป สมดุลแบบนี้จึงยังไม่ถูกทำลาย

บนแผ่นดินข้างล่าง องค์ชายรองดวงตาเป็นประกายวูบไหว เขายกมือขวาขึ้นพลันปรากฏแผ่นหยกเก้าม้วนขึ้นในมือ ก่อนกดลงพื้นดิน

แผ่นหยกเก้าม้วนกระจายออก ก่อขึ้นเป็นวงแหวนอาคมหนึ่งจั้งกว่า เมื่อแสงจากแผ่นหยกขยับประกายเรืองรองอย่างรวดเร็วจนแสงสว่างจ้าแสบตาปกคลุมทั้งวงแหวนอาคมแล้วนั้น องค์ชายรองถึงกล่าวเสียงดังก้องด้วยความร้อนรน

“ขอให้อาจารย์ช่วยด้วย!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด