ท่านเทพมาแล้ว 205 ธนูดอกเดียวได้เหยี่ยวสองตัว?

Now you are reading ท่านเทพมาแล้ว Chapter 205 ธนูดอกเดียวได้เหยี่ยวสองตัว? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
บทที่ 205 ธนูดอกเดียวได้เหยี่ยวสองตัว?

ลู่ยาหันหน้าไปหาอวิ๋นฉัว “เช่นนั้นก็แย่แล้ว เจ้าทำได้เพียงรอความตาย”

เขาสาดน้ำมันแล้ว! มู่จิ่วเอ่ยอันใดไม่ออก

เอ่ยคำพูดนี้ออกมา ไม่เหมือนราดน้ำมันบนกองไฟ จงใจให้พวกเขาทะเลาะกันหรือ!

เมื่ออวิ๋นเฉี่ยนได้ยิน จึงยืนขึ้นเดินไปตรงหน้าอ๋าวเชินทั้งใบหน้าเย็นชาทันที

อ๋าวเชินรู้สึกหวาดผวาจนถอยไปครึ่งก้าว กลับได้รับฝ่ามือหนึ่งของนางแล้ว

“เจ้าไม่รับปากได้ แต่ในเมื่อวันนี้เจ้ามาแล้ว ก็อย่าคิดจะออกไปจากทิวเขาริ้วหยกของพวกเรา! ถึงแม้ตระกูลอวิ๋นจะไม่มีหนทางรอดแล้ว ข้าก็ลากเจ้ากับอ๋าวเจียงและคนทั้งวังมังกรของเจ้าฝังกลบไปด้วยกันได้!”

ในดวงตานางมีเปลวเพลิงลุกโชน เผยให้เห็นความมุ่งมั่นที่ไร้ความกลัว อ๋าวเชินถูกตบหน้ากลับไม่กล้าเอาคืน ถึงแม้สีหน้ามีความโกรธลึกๆ สุดท้ายก็กัดฟันทน

“เอาละ อย่ายุ่งยากกับการลากไปฝังกลบด้วยกันเลย ข้ายังพูดไม่จบ”

ตอนนี้เอง หลังจากลู่ยาดื่มชาหมดครึ่งถ้วยอย่างช้าๆ ก็เปิดปากอีก “ความจริงแล้วตอนนี้ถึงแม้นำกุญแจจันทราหยางมาก็ใช่ว่าเรื่องจะจบลง ตอนนี้สิ่งที่เจ้าใช้คือพลังฤทธิ์ของข้า เท่ากับว่าข้าพยุงชีวิตของเจ้าอยู่ได้สามหรือห้าวันนี้ พลังนี้เข้าไม่ถึงจิตหงส์ของเจ้า สำหรับร่างกายเจ้าแล้วไม่มีประโยชน์อะไร”

“รอจนเลือดที่ระหว่างคิ้วของเจ้าหมดไป เป็นธรรมดาที่ทั้งหมดล้วนต้องกลับสู่สภาพเดิม ตอนนี้พูดเรื่องกุญแจจันทรายังนับว่าเร็วไปหน่อย”

สีหน้าของอวิ๋นเฉี่ยนพลันเปลี่ยน หันตัวมามองลู่ยาทันใด ชาดที่แต้มบนริมฝีปากราวกับออกเป็นสีขาวแล้ว

ถึงแม้รู้ชัดเจนว่าโอกาสในการหลุดพ้นด่านเคราะห์นี้มีไม่มาก แต่เมื่อคำพูดออกจากปากเขา ชัดเจนว่าเท่ากับความสิ้นหวังยิ่งลึกล้ำลงไปอีกขั้น

อวิ๋นฉัวก็ยิ่งเงียบงันกว่าก่อนหน้านี้

“ข้าเตรียมพร้อมไว้นานแล้ว”

อวิ๋นฉัวมองพื้นพลางพูดขึ้นเบาๆ “ข้ากับอ๋าวเชินไม่เหมือนกัน ความแข็งแกร่งกับการถดถอยของพลังวิญญาณข้าเกี่ยวข้องกับทั้งเผ่าพันธุ์หงส์เพลิง หากพูดว่าข้าสามารถอยู่ถึงตอนมีพลังบำเพ็ญแสนห้าหมื่นปีของชาติก่อน มีความสามารถในการควบคุมชะตาชีวิตของทั้งเผ่าพันธุ์ ทั้งหมดล้วนไม่เป็นปัญหา ข้านำรากฐานวิญญาณส่งต่อให้ราชาคนต่อไปได้ จากนั้นรักษาร่างกายต่อไป หรือเลือกกลับไปเวียนว่ายตายเกิดก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่”

“แต่สำคัญคือ ทุกย่างก้าวของข้าเกี่ยวข้องกับเผ่าพันธุ์หงส์เพลิงทั้งมวล”

“เท่ากับว่าหากข้าอยู่อย่างสงบราบรื่น นั่นคือความสุขของเผ่าพันธุ์หงส์เพลิง หากข้าได้รับเคราะห์รับความลำบาก ก็คือภัยพิบัติของพวกเขา ถึงแม้มีคนสามารถส่งผ่านพลังวิญญาณให้ข้า ก็ไม่มีหนทางเปลี่ยนอนาคตแต่เดิมของข้าได้ เฉกเช่นเมื่อแสนปีก่อนหลังจากที่ข้าสละร่างเข้ากองไฟ ถึงแม้รักษาชีพจรวิญญาณนี้ไว้ได้ การตายของข้าก็กระทบกระเทือนจิตต้นกำเนิดของเผ่าพันธุ์หงส์เพลิง เสียหายแล้วก็ไม่อาจรักษาใหม่ได้”

ถึงตอนนี้ เขาทำได้เพียงสาธยายสถานการณ์ลำบากที่พวกเขาเผชิญในตอนนี้ออกมาอย่างละเอียดที่สุด

คำพูดของลู่ยาไม่ผิด พูดถึงกุญแจจันทราตอนนี้ยังเร็วเกินไป

หากไม่สามารถเปลี่ยนชะตาชีวิตนี้ ทั้งหมดล้วนไร้ประโยชน์

มู่จิ่วมองลู่ยา ตอนนี้เวลานี้ นางทำได้เพียงเชื่อเขา

“ไม่ต้องหดหู่ใจไป” ลู่ยาลูบแก้วสักครู่ก่อนพูดอีก “เรื่องราวมักมีสองด้าน ความรุ่งโรจน์หรือความเสื่อมสลายของตระกูลอวิ๋นล้วนอิงอยู่บนร่างเจ้า เช่นนี้กลับหมายความว่า ชะตาชีวิตของตระกูลอวิ๋นไม่ได้รับการควบคุมจากวิถีแห่งฟ้า”

มู่จิ่วห้ามตัวเองไม่ได้ สำลักน้ำลายไปเล็กน้อย

เขาผู้ยิ่งใหญ่! พูดออกมาทีเดียวให้ชัดเจนไม่ได้หรือไร?

ลู่ยาเหลือบมองนาง หยิบผ้าเช็ดหน้าจากในแขนเสื้อส่งให้ จากนั้นมองพี่น้องตระกูลอวิ๋น “ไม่ได้รับการควบคุมจากวิถีแห่งฟ้า หมายถึงว่าหากข้ามีวิธีรักษาพลังวิญญาณเจ้าต่อไป รอจนเจ้าได้กุญแจจันทราหยางแล้ว เรื่องทั้งหลายทั้งปวงยังคงสามารถจบลงด้วยดี แน่นอน ก่อนอื่นอ๋าวเชินต้องรับปากให้พวกเจ้ายืมกุญแจจันทราหยาง แต่สภาพความเสียหายจิตมังกรของเขา อย่างน้อยยังต้องใช้เวลาอีกหมื่นปีถึงจะกลับสู่สภาพเดิมทั้งหมด”

“จริงหรือท่านเทพ?!”

อวิ๋นเฉี่ยนผลุงตัวยืนขึ้นมาทันที

อ๋าวเชินก็นิ่งอึ้งไป

“จริง” ลู่ยาพยักหน้า “นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมข้าถึงใช้เลือดตัวเองเรียกเขากลับมามีชีวิตอีกครั้ง วิถีแห่งฟ้าไม่สนใจพวกเจ้า ข้ายืดอายุไขให้เขาก็ไม่นับว่าผิดต่อวิถีแห่งฟ้า แต่จะทำเรื่องนี้สำเร็จต้องพูดถึงอีกเรื่องหนึ่งก่อน”

“คืออะไร?!”

ตอนนี้แม้แต่อวิ๋นเฉี่ยนยังนั่งไม่ติด ยืนขึ้นมา

ลู่ยาขมวดคิ้วพลางลูบถ้วยชา “ตอนนี้ข้าสงสัยมากว่าคนที่ทำร้ายพวกเจ้าสองคนมีเบื้องหลังเกี่ยวโยงกัน ยิ่งเป็นไปได้ว่าคือคนเดียวกัน”

“อ๋าวเชินถูกพลังวิญญาณที่เขาคุนหลุนทำร้าย แต่อวิ๋นฉัวถูกโจมตีโดยคนที่ไม่รู้ที่มาที่ไปและจงใจลบใบหน้า สันนิษฐานว่า คนที่ทำร้ายอวิ๋นฉัวรู้ว่าอ๋าวเชินเป็นคนที่เคยล่วงล้ำพลังวิญญาณ จึงจงใจใช้วิธีเดียวกันทำร้ายอวิ๋นฉัว ตั้งใจใช้กุญแจจันทรานี้กระตุ้นให้เผ่าพันธุ์ทั้งสองของพวกเจ้าสองไม่ถูกกัน?”

ตอนนี้ทุกคนตกตะลึงอย่างแท้จริง

เนิ่นนานกว่าอวิ๋นเฉี่ยนจะหาลมหายใจเจอ นางก้าวไปข้างหน้าสองก้าว พูดว่า “ท่านหมายความว่าเรื่องนี้ตั้งแต่ต้นจนจบคือแผนร้าย?”

อ๋าวเชินก็ตกตะลึงเช่นกัน “เขาคิดจะยิงธนูดอกเดียวได้เหยี่ยวสองตัว ทำลายตระกูลอ๋าวกับตระกูลอวิ๋น?”

“หากยืนยันได้ว่าคนเบื้องหลังเป็นคนเดียวกันละก็ แบบนั้นก็มีเพียงคำอธิบายนี้” ลู่ยาพูดช้าๆ “และหากการคาดเดานี้เป็นจริง เช่นนั้นเรื่องที่เหลือก็จัดการง่ายขึ้นมากแล้ว”

ที่แท้จัดการง่ายขึ้นเท่าไหร่เขากลับไม่พูด แต่ถึงแม้เป็นไปตามนั้นก็ให้ความหวังคนมากมายแล้ว

มู่จิ่วถอนหายใจยาว

ไหล่อวิ๋นเฉี่ยนที่แข็งเกร็งลู่ลง ตื่นเต้นจนขอบตาแดงก่ำ

อ๋าวเชินมองผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นบนมือมู่จิ่ว ก่อนมองลู่ยาอีก ในใจแอบตื่นเต้นอย่างยิ่งเช่นกัน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เปิดปากพูด

“สุดท้ายเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ต้องไปดูที่เกิดเหตุก่อนถึงจะได้” ลู่ยาหันไปพูดกับอวิ๋นฉัว “เจ้ามีเวลามากที่สุดห้าวัน ต้องแข่งกับเวลา เจ้า อ๋าวเชิน และข้าไปดูคุนหลุนตะวันออกด้วยกัน ส่วนอาจิ่วเจ้ากับซ่างกวนสุ่นพาอาฝูไปพร้อมกัน”

มู่จิ่วรู้ว่าเขาต้องการพานางไปหาประสบการณ์ จึงรีบกระโดดเข้าไปยืนนิ่งข้างเขาทันที

อาฝูเห็นมู่จิ่วทำแบบนี้ก็เดินเข้ามานั่งอย่างสงบเสงี่ยม

อวิ๋นฉัวเชื่อฟังคำสั่ง อ๋าวเชินแต่เดิมไม่พอใจที่พ่อหนุ่มนี่ออกคำสั่งกับเขา แต่ถึงตอนนี้ เมื่อเห็นท่าทางของลู่ยาและครุ่นคิดถึงชื่อของเขาอีก อ๋าวเชินก็แอบตกใจเนื้อตัวสั่นนานแล้ว ยิ่งคิดไปถึงว่าเรื่องนี้ช่างแปลกประหลาดจริง และเกี่ยวพันถึงความสงบของวังมังกร ไหนเลยจะกล้ามีใจไม่เชื่อฟัง?

ครั้นตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ทุกคนก็ก้าวเท้าออกประตูไป

พวกอวิ๋นชือฉางและอวิ๋นซีที่รออยู่ด้านนอกเห็นสถานการณ์แล้วก็เข้ามาห้อมล้อม ตัวอวิ๋นฉัวเองก็ไม่รู้ว่าลู่ยาแท้จริงจะทำอย่างไร อีกทั้งยังมีเรื่องในใจอยู่มาก ไหนเลยจะบอกพวกเขาอย่างละเอียดได้ทัน? จึงทำได้เพียงบอกว่ากลับจากคุนหลุนตะวันออกแล้วถึงจะอธิบายโดยละเอียดได้ อวิ๋นชือฉางได้แต่ส่งออกนอกประตูไปเท่านั้น

อ๋าวเจียงเห็นพวกเขาจะไปคุนหลุนตะวันออก ก็รีบตรงเข้าไปข้างมู่จิ่ว “ข้าไปด้วยได้หรือไม่?”

มู่จิ่วลังเล ไม่รู้ว่าลู่ยาเห็นด้วยหรือไม่

สำหรับอ๋าวเชินที่คาดเดาฐานะของลู่ยาออกแล้ว เป็นธรรมดาที่ต้องหวังให้ลูกชายสามารถติดตามมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ไปฝึกประสบการณ์ แต่เขากลับไม่กล้าเอ่ยปาก ทำแค่แอบมองลู่ยา เห็นฝ่ายนั้นไม่พูดอะไร เพียงเดินออกไปกับอวิ๋นฉัว เขาจึงดึงแขนเสื้ออ๋าวเจียงให้ไปด้วยกัน

…………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด