ท่านเทพมาแล้ว 252 ใจที่มั่นคง

Now you are reading ท่านเทพมาแล้ว Chapter 252 ใจที่มั่นคง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
บทที่ 252 ใจที่มั่นคง

คลื่นจิตพสุธา?

มู่จิ่วตะลึงดังคาด คำพูดที่หลิวหยางเคยเอ่ยลอยขึ้นมา

แต่กาลก่อนปฐมวิญญาณฟื้นขึ้นมาในความวุ่นวายสับสน ส่งผานกู่ไปใช้ขวานเบิกฟ้าผ่าพิภพ เพื่อปลดปล่อยคลื่นลมที่ไม่ดีออกไป ปฐมวิญญาณทิ้งหลุมน้ำวนไว้บนฟ้าและบนดินที่ละหนึ่ง น้ำวนบนฟ้าเรียกว่าวิญญาณฟ้า น้ำวนบนดินเรียกว่าคลื่นจิตพสุธา พลังชั่วร้ายของวิญญาณ ปีศาจ และมารสามภพล้วนมาจากคลื่นจิตพสุธา ส่วนมนุษย์เทพเซียนสามภพจะสูดพลังวิญญาณและปรับสมดุลการเพิ่มลดของพลังวิญญาณผ่านวิญญาณฟ้า

คลื่นจิตพสุธาไม่เพียงเป็นสถานที่ที่มีพลังชั่วร้ายเข้มข้นกว่าปรโลก แต่ยังเป็นสถานที่อัปมงคลมากที่สุดในใต้หล้า

ชื่อเต็มของปรโลกคือปรโลกเก้าแดน เป็นสถานที่ดูแลเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดของมนุษย์ปีศาจมารทั้งสามภพ

ปรโลกแบ่งระดับตามบาปที่ทำ ชั้นที่ความดีแข็งแกร่งที่สุดบุญกุศลเต็มเปี่ยมที่สุดอยู่แดนหนึ่ง ถึงแม้คนเหล่านี้จะเป็นเทพไม่ได้ ก็สามารถไปเกิดเป็นกษัตริย์ในยุคสมัยที่ร่มเย็นเป็นสุขได้ ส่วนปีศาจมารที่ชั่วร้ายที่สุดและถึงอายุขัยแล้วอยู่แดนเก้า คนเหล่านี้มาเกิดบนโลกก็ไม่มีสภาพที่ดีอยู่แล้ว ต้องกลับไปเวียนว่ายตายเกิดใช้กรรมอีกหลายหน

ปรโลกในความทรงจำของคนเพียงดูแลจัดการวิญญาณของคนตายเท่านั้น แต่ที่จริงไม่ใช่ ปรโลกจัดการทั้งมารและปีศาจ ปรโลกเก้าแดนอยู่ใต้เมืองเฟิงตู (เมืองผี) เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยเงามืดและความคับแค้นของสามภพ ทั้งมนุษย์ปีศาจมาร ตามคำเล่าลือ ลมที่พัดออกมาจากที่นั่นก็สามารถทำให้คนสั่นได้แม้ในวันที่แดดร้อนจัด

ลมชั่วร้ายที่อยู่ในคลื่นจิตพสุธาเป็นสิ่งที่มีมาแต่กำเนิดก่อนเบิกฟ้าผ่าพิภพ พลังวิญญาณในฟ้าดินตอนนี้ยิ่งแข็งแกร่งขนาดไหน ลมอัปมงคลนี้ก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น ภายหลังยิ่งมีพลังร้ายกาจในโลกมนุษย์ด้วย กลัวว่าจะยิ่งหนักหนาขึ้น

มู่จิ่วไม่ได้รู้เรื่องนี้เป็นพิเศษ

แต่คนที่เข้าใจเรื่องนี้ในโลกคงมีไม่มาก ตั้งแต่ปฐมวิญญาณถึงตอนนี้ แต่ไหนแต่ไรไม่เคยมีคนไปที่นั่น ไม่เพียงไม่มีใครเคยไปคลื่นจิตพสุธา ตามคำบอกเล่า แม้แต่ภูเขาทัง (สถานที่ที่อาทิตย์ขึ้น) ก็แทบจะไม่มีคนเหยียบเท้าเข้าไปมาก่อน เพราะปีนั้นก่อนปฐมวิญญาณรวมเป็นหนึ่งกับวิถีฟ้า ได้ใช้พลังในร่างตนเองเปลี่ยนเป็นหกวิญญาณผนึกไว้ที่ปากประตู เพียงเข้าใกล้เขตของภูเขาทัง หกวิญญาณก็จะเคลื่อนไหวทันที

“หากเป็นภูเขาจิตอสุนีบาต แบบนั้นชัดเจนว่ายิ่งเชื่อถือได้”

ตอนที่มู่จิ่วกำลังครุ่นคิดอยู่ พวกลู่ยากลับหารือกันต่อแล้ว

เมื่อได้เบาะแสนี้แล้วซื่ออินก็อดใจไม่ไหว อยากไปดูทันที

มู่จิ่วก็คืนสติกลับมาเข้าร่วมวงสนทนา

รู้เหตุการณ์ที่อาฝูขึ้นเกี้ยวหยกของฉางเอ๋อร์แล้ว ตอนนี้นางเต็มไปด้วยความสงสัย ก่อนอื่นเลย ทำไมอาฝูถึงได้ปรากฏตัวที่ภูเขาจิตอสุนีบาต ใครส่งเขาไป? หรือตัวเขาเองใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น? ในเมื่อบริเวณใกล้ๆ ภูเขาจิตอสุนีบาตมีเงื่อนงำประหลาด เช่นนั้นความทรงจำของเขาหายไปเพราะอุบัติเหตุ หรือเกิดจากที่ลู่ยาคาดเดาไว้ว่ามีคนทำ?

นอกจากนั้น ตัวฉางเอ๋อร์ก็ราวกับมีความลับ เรื่องของนางกับเหลียงจีเกี่ยวข้องกันหรือไม่?

“ฉางเอ๋อร์กับอู๋กางไปภูเขาจิตอสุนีบาตไม่เหมือนไปเดินเล่น และเรื่องนี้ก็ไม่มีอะไรน่าปิดบัง ทำไมนางต้องปฏิเสธว่านางไม่ได้ไปที่ไหนมาก่อนถึงสวรรค์? พวกเขาไปทำอะไรที่นั่น?” ยังไม่ทันที่มู่จิ่วจะถามเรื่องที่สงสัยออกมา ซ่างกวนสุ่นกลับปากไวถามคำถามนี้ขึ้นก่อนแล้ว

“พรุ่งนี้เราไปสำรวจภูเขาจิตอสุนีบาตกันเถิด พวกเราไม่รู้ว่าพวกฉางเอ๋อร์ทำอะไร ก็ไม่จำเป็นต้องดึงดัน หาเบาะแสของอาฝูก่อนค่อยว่ากัน” มู่จิ่วพูดพลางมองท้องฟ้าข้างนอก

ทางทิศเหนือของภูเขาจิตอสุนีบาตคือถิ่นทุรกันดารทางเหนือ อาณาจักรโหย่วเจียงตั้งอยู่ทางตะวันตกของถิ่นทุรกันดารทางเหนือและทางเหนือของภูเขาจิตอสุนีบาต ดูเหมือนจะมีความเกี่ยวข้องกันซ่อนอยู่

ตอนนี้ฟ้าใกล้มืดแล้ว ไปตอนกลางคืนคงไม่สะดวกเหมือนตอนกลางวัน

และนางยังต้องไปรายงานหวังหมู่ที่สวรรค์ หากหวังหมู่รอไม่ได้แล้วลงโทษลงมาก็แย่แล้ว

ทุกคนล้วนไม่มีความเห็น

ลู่ยามองกระจกทองแดงอีก เรื่องราวต่อจากนั้นไม่มีอะไรชัดเจนเป็นพิเศษแล้ว เพียงแค่ช่วงท้ายปรากฏตอนพบอาฝูที่วังเหมันต์จันทราเมื่อครู่เท่านั้น คิดดูแล้วคงเพราะตกใจ ภาพประทับต่อเรื่องนี้จึงลึกซึ้ง

ถึงแม้ซื่ออินจะร้อนใจอย่างมาก แต่ตอนนี้กลับรอได้ เขารอมาห้าร้อยปีแล้ว นับประสาอะไรกับวันสองวัน? อีกอย่างหากไม่ใช่เพราะความโชคดีครั้งนี้ เขาถ่อไปถึงสวรรค์อันสูงส่งก็ไม่แน่ว่าจะโชคดีเชิญลู่ยามาชี้ทางสว่างให้ได้ ตอนนี้มีเขาเป็นผู้นำสืบหา ซื่ออินย่อมวางใจลงได้

เพียงแต่ไม่ว่าเขาอยู่ที่ไหน สายตากลับคอยแต่จะมองตามอาฝู

ราวกับเขามอบความอ่อนโยนและความอดทนให้อาฝูทั้งหมด หวีขนให้เขา อาบน้ำให้เขา ตอนกินข้าวก็ช่วยเขาหยิบกระดูกที่แข็งออก บางทีเขาอาจเป็นพ่อคนหนึ่งที่มีความอดทนที่สุดเท่าที่มู่จิ่วเคยเห็นมา…ถึงแม้ท้ายที่สุดอาจเป็นไปได้ว่าไม่ใช่ แต่ความรู้สึกนี้ของซื่ออินกลับไม่ใช่ของปลอม เขาเพียงมอบความรักของพ่อให้อาฝูก่อน

แต่นี่ก็ทำให้มู่จิ่วกังวลเล็กน้อย เขาทุ่มเทกับภรรยาขนาดนี้ หากสุดท้ายพบว่าอาฝูไม่ใช่ลูกชายของเขา ความหวังของเขาต้องพังทลายลงอีกครั้ง ไม่รู้เขาสามารถแบกรับผลลัพธ์แบบนี้ไหวหรือไม่?

เพื่อไม่ให้ความผิดหวังของเขามากเกินไป มู่จิ่วลังเล นางไปหาเขาที่กำลังนั่งยองมองอาฝูกลิ้งอยู่บนพื้นในลานบ้าน “เรื่องราวยังไม่ชัดเจน อย่างไรเจ้าก็เตรียมใจไว้หน่อยเป็นดีที่สุด”

สีหน้าของซื่ออินไม่ได้เปลี่ยนไปมาก มองอาฝูที่กระโดดโลดเต้นพลางพูด “ในหลายร้อยปีมานี้ข้าผ่านความหวังและความผิดหวังมาหลายครั้ง ไม่ว่าครั้งนี้จะมีผลอย่างไร ข้าล้วนรับได้ทั้งนั้น และจะไม่เปลี่ยนการตัดสินใจ สรุปคือภรรยาของข้าซื่ออินมีเพียงเหลียงจีเท่านั้น ลูกของข้าซื่ออินมีเพียงลูกที่เกิดจากเหลียงจีเท่านั้น”

มู่จิ่วถอนหายใจ

ทั้งดีใจแทนเหลียงจีเช่นกัน

ในขณะเดียวกันก็หวังว่านางจะปรากฏตัวออกมาเร็วหน่อย อย่างไรก็มีสามีที่แม้ตายไปก็ไม่เปลี่ยนแบบนี้ นางไม่ควรหายไปนานนัก

แต่ก่อนนางไม่อาจเข้าใจความรู้สึกแบบนี้ของพวกเขาได้ ทว่าตั้งแต่นางเข้าใจความรู้สึกของลู่ยา สำหรับเรื่องเหล่านี้แล้ว นางมักจะรู้สึกราวกับเคยประสบด้วยตัวเอง

นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำไมนางทุ่มเทขนาดนี้เพื่อช่วยเขา อีกอย่าง นางก็หวังให้อาฝูเป็นลูกของพวกเขา มีพ่อแม่ที่รักกันขนาดนี้ ถึงจะคุ้มค่ากับความลำบากที่อาฝูเคยได้รับมาก่อนหน้า

แต่ถึงแม้ยืนยันได้ว่าอาฝูเป็นลูกของซื่ออินก็ยังไม่พอ อย่างไรก็ยังไม่รู้ที่อยู่ของเหลียงจี

พวกเขามีคนมากขนาดนี้ รวมมหาเทพคนหนึ่งเข้าไปด้วย ทุกคนล้วนไม่รู้ว่านางหายไปได้อย่างไร นางอยู่ที่ไหน สบายดีหรือไม่? ทำไม่ถึงหายตัวไป? เรื่องทั้งหมดนี้ไม่ชัดเจน รู้เพียงนางยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น

หากตามหาคนที่รักไม่เจอ ถึงแม้จะได้ลูกของพวกเขามา สุดท้ายก็กลายเป็นความเจ็บปวดอีกอย่างหนึ่งได้กระมัง?

หากมีวันหนึ่งหาลู่ยาไม่เจอทั้งฟ้าและดิน ทั้งร่างนางอาจจะถูกความคิดถึงแผดเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน

ตั้งแต่เข้าสวรรค์มาจนถึงวันนี้ นางเห็นเรื่องรักๆ เลิกๆ และความขัดแย้งมามาก ความรักของซื่ออินกับเหลียงจีบริสุทธิ์ขนาดนี้ ก็เหมือนกับลมปราณไร้ขอบเขตที่เข้ามาหล่อเลี้ยงหัวใจนาง อย่างน้อยก็ทำให้นางยิ่งเชื่อมากขึ้น ความรักในใต้หล้านี้ไม่จำเป็นต้องซับซ้อนหรือเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม บางทีอาจมีอุปสรรคบ้าง แต่ความมั่นคงของแต่ละฝ่ายก็ทำให้ความรักนี้ยิ่งมีค่า

ตอนพระจันทร์ขึ้น มู่จิ่วนั่งเหม่ออยู่ที่ขอบหน้าต่าง

ลู่ยามาอยู่ข้างนาง วางแขนทั้งสองข้างบนขอบหน้าต่างพลางมองเงาต้นไม้ใต้ระเบียงทางเดิน

“เจ้าคิดอะไรอยู่?”

มู่จิ่วถอนหายใจ เอนหัวซบไหล่เขา ตอบว่า “ข้ากำลังคิดว่าต่อไปจะมีลูกให้เจ้าสักกี่คนดี”

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด