ท่านเทพมาแล้ว 281 มีความลับ

Now you are reading ท่านเทพมาแล้ว Chapter 281 มีความลับ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
บทที่ 281 มีความลับ

หูของมู่จิ่วเกือบดับเพราะเขา นางถอนหายใจ “ใต้เท้าโปรดระงับโทสะ เรื่องนี้ข้าก็เพิ่งรู้ภายหลัง”

มาถึงตอนนี้แล้ว นางปกปิดต่อไปไม่ได้อีก ทำได้เพียงเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง

“เรื่องราวก็เป็นแบบนี้ อย่างไรข้าก็ไม่ได้จงใจปกปิดท่าน ท่านตะโกนจนข้าหูดับไปก็ไม่มีประโยชน์”

หลิวจวิ้นอดกลั้นอยู่นานค่อยคืนสติ ก่อนพึมพำ “ข้าว่าแล้วว่าทำไมเจ้าถึงทำคดีได้เก่งกาจขนาดนี้ สืบหาได้อย่างแม่นยำ ที่แท้มีเขาคอยช่วยเหลืออยู่เบื้องหลังนี่เอง” พูดดจบก็ชะงักไปครู่หนึ่ง เขาเหมือนกลับคืนสู่สภาพปกติ เหลือบมองมู่จิ่วก่อนเอ่ย “แบบนั้นพวกเจ้าวางแผนไว้อย่างไร? อยู่ๆ เขาปรากฏตัววันนี้ก็เพื่อมาจับตาดูเจ้าเช่นนั้นหรือ?”

“ก็ไม่ใช่หรอกเจ้าค่ะ…” มู่จิ่วอึกอัก “เขาเพียงมาดูๆ เท่านั้น”

หลิวจวิ้นเหลือบมองนางอีก ก่อนมองไปด้านสระหยกแล้วกัดฟัน เอ่ยว่า “เจ้าเด็กสมควรตาย ตอนนี้เจ้าสร้างความกดดันให้ข้าอย่างใหญ่หลวง ตอนนี้ข้ากลัวจนกระทั่งนอนก็นอนไม่หลับแล้ว!” มีเทพผู้ยิ่งใหญ่เพียงนี้อยู่ที่ข้างศาลของเขา ภายหลังหากเขาก้าวพลาดทำผิด ฟ้าก็ช่วยเขาไม่ได้

“ที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่” มู่จิ่วยื่นหน้าเข้าไป “ท่านทำเหมือนไม่รู้เรื่องก็ได้แล้วมิใช่หรือ? ลู่ยาพูดด้วยง่ายนัก”

“นั่นก็เพราะเป็นเจ้าหรอก!” หลิวจวิ้นไม่สบอารมณ์

ไม่เห็นสายตาเขาตอนเฝ้าปกป้องนางเมื่อครู่หรือ? ทำเหมือนกับเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่านิสัยลู่ยาเป็นอย่างไร!

ด้านข้างมีเทพเซียนมาทักทายหลิวจวิ้น

มู่จิ่วเห็นเขายุ่งจึงแยกตัวออกมา

แต่ก็ไม่มีอารมณ์เดินเล่นอีกแล้ว คำพูดนั้นของซุนหงอคงยังทำให้อารมณ์ของนางไม่สงบ รู้สึกว่าขนเส้นนั้นวางไว้ที่ไหนก็ไม่เหมาะสม ยิ่งไปกว่านั้นลู่ยาอยู่ที่นี่ เหล่าเซียนก็ระวังเนื้อระวังตัวกันมาก เพื่อไม่ให้ลู่ยานึกอยากกวาดตามองพวกตน ดังนั้นนางจึงไปลาหวังหมู่ ส่งสายตาให้ลู่ยาจากที่ไกลๆ แล้วออกจากสวรรค์ไป

ลู่ยาออกหน้ามานานขนาดนี้ ย่อมต้องรู้สึกพอนานแล้ว จึงลุกขึ้นกล่าวลาเหล่าเซียน ก่อนขึ้นเกี้ยวลาจากไป

ตอนมู่จิ่วกลับถึงบ้าน จื่อจิ้งกำลังกินน้ำแกงเม็ดบัวกับรุ่ยเจี๋ยอยู่ข้างโต๊ะ ทั้งสองคนพูดคุยกันอย่างออกรสชาติ พอเห็นนางกลับมา จื่อจิ้งก็เข้าไปตรงหน้านางทันที “มีคู่หมั้นที่แข็งแกร่งขนาดนั้นตามไปงานเลี้ยงลูกท้อ ดูยิ่งใหญ่มีอำนาจมากใช่หรือไม่? มีคนมากมายคุกเข่าต่อหน้าเจ้าหรือเปล่า?”

เขาไม่พูดเรื่องนี้ยังดี เมื่อพูดขึ้นมามู่จิ่วก็หน้าตึง ค้อมเอวลง “พูดแบบนี้แสดงว่าเจ้ารู้เรื่องนี้?”

“แน่นอน!” จื่อจิ้งกอดชามพูด “เมื่อคืนข้ายังแปลงร่างเป็นเซียนเด็กไปหาหวังหมู่ที่วังหลิงเซียวเลย”

พูดเรื่องนี้ขึ้นมาก็เหนื่อยหน่ายยิ่งนัก เขานอนอยู่ที่ระเบียงทางเดินก็ช่างเถอะ นอนไปได้ครึ่งคืนยังถูกลู่ยาปลุกมาทำงาน! ทำเอาเขาเกือบกระโดดขึ้นมาด่าทอมารดา…ยังดีที่ไม่ได้ทำ มิฉะนั้นแล้วเกรงว่าตอนนี้เขาคงไม่อยู่บนสวรรค์แล้ว

คิดถึงตรงนี้ใจของเขายังมีโทสะ แทบอยากจะกินเม็ดบัวเข้าไปอีกหลายๆ คำ

มู่จิ่วมองเขาตาขวาง แม้มีเรื่องในใจก็คร้านจะถกเถียงกับเขา เดินผ่านเขากลับห้องไปอย่างหงุดหงิด

กลับมาถึงห้องก็หยิบของวิเศษในกำไลออกมาเป็นอันดับแรก มองไปแต่ละชิ้นเห็นเพียงทุกที่มีเพียงร่องรอยของหลิวหยาง ไหนเลยจะมีร่องรอยของผูถีจู่ซือ?

แต่ซุนหงอคงทำไมยืนยันว่านางเป็นศิษย์ของผูถีจู่ซือ? นางไม่เคยไปภูเขาฟางชุ่น ย่อมต้องไม่อาจมีวาสนาเซียนกับเขา คนที่สั่งสอนนางมาตลอดคือหลิวหยาง อย่างมากก็มีกลิ่นอายของลู่ยาเพิ่มมาด้วย แต่เขากลับไม่พูดถึงคนอื่นเลย ทำไมต้องเจาะจงบอกว่าเป็นกลิ่นอายของผูถีจู่ซือ? หรือว่าหลิวหยางเป็นศิษย์ของผูถีจู่ซือ?

คิดอย่างไรนางก็ไม่เข้าใจ

ขณะกำลังสับสน เสียงของลู่ยาดังขึ้นมาข้างหู “ทำไมไม่รอข้า?”

มู่จิ่วเหลือบมอง “มิใช่ว่าเจ้ากำลังวางก้ามนั่งอยู่บนเกี้ยวหรือ? ยังต้องให้ข้ารอทำไม?”

ลู่ยายิ้มตาหยีดึงนางมากอดไว้บนตัก จากนั้นเอามือทั้งสองหนุนท้ายทอย เอนกายกึ่งนั่งกึ่งนอนบนตั่ง เอ่ยว่า “เซียนชายเหล่านั้นยามเห็นเซียนหญิงล้วนแสดงออกถึงความปรารถนา ข้าไม่ไว้ใจเรื่องเจ้า กลัวเจ้าโดนเอาเปรียบ”

มู่จิ่วส่งเสียงเหอะขึ้นจมูก เก็บของวิเศษทุกชิ้นกลับไปในกำไลไม้ก่อนกล่าว “ข้าเจอซุนหงอคงแล้ว”

ลู่ยาชะงัก

“เขาบอกว่าข้าเป็นศิษย์น้องหญิงของเขา บอกว่าข้าเป็นลูกศิษย์ของผูถีจู่ซือ” มู่จิ่วหันไปมองลู่ยา “เจ้าว่าน่าขันหรือไม่? อาจารย์ของข้าจะไปเป็นผูถีจู่ซือได้อย่างไรเล่า? เขาเป็นเพียงจินเซียนเท่านั้น ถึงแม้ข้ารู้สึกว่าเขาเก่งกาจมาก แต่ก็ไม่เก่งกาจเท่าผูถีจุ่นซือแน่นอน ใช่หรือไม่? วานรเนตรเพลิงผู้นี้จำคนผิดได้อย่างไร?”

ลู่ยาพลันรู้สึกว่านางบนตักเขาหนักเหมือนขุนเขา เขาอุ้มนางกลับไปนั่งท่าเดิม ก่อนถาม “เขายังพูดอะไรกับเจ้าอีก?”

“ไม่มีแล้ว” มู่จิ่วตอบ “หรือยังไม่น่าตื่นตกใจมากพอ?”

ลู่ยาหลบสายตานาง ลูบคางยืนขึ้นมา “ก็ยังดี”

ในความเป็นจริง จากคำพูดของยูไล พลังของจุ่นถีในเวลานี้เทียบกับตอนเป็นผูถีแล้วยิ่งก้าวหน้าล้ำลึกกว่า จุ่นถีและเจียอินเป็นวิญญาณที่มีมาแต่เดิม สามารถบำเพ็ญพลังได้อย่างไร้ขีดจำกัด เขาไม่สงสัยเกี่ยวกับพลังที่แท้จริงของจุ่นถี แต่เขาคิดไม่ถึงว่ามู่จิ่วจะได้เจอซุนหงอคง และยังได้รู้เรื่องที่หลิวหยางคือผูถีจู่ซือจากปากของซุนหงอคง

เมื่อเป็นแบบนี้ ก้าวต่อไปของนางต้องอยากกลับหงชางไปพิสูจน์แน่ เขาควรจะหลีกเลี่ยงอย่างไรดี?

ตอนนี้จะไปหาหลิวหยางจากไหนกัน?

“อีกสองวันมีเวลาว่าง ข้าต้องกลับไปดูหน่อย”

ขณะกำลังกังวล มู่จิ่วก็พูดขึ้นมาเอง

ลู่ยาตระหนกเล็กน้อย รีบเอ่ย “ไม่นานก่อนนี้เพิ่งกลับไปเอง ตอนนี้กลับไปอีกจะไม่เป็นการดีนัก อาจารย์จะคิดได้ว่าเจ้าไม่ตั้งใจ”

“ไม่เป็นไร ข้าถามคำถามเขาไม่กี่ข้อก็กลับแล้ว ใช้เวลาไม่นาน” มู่จิ่วกล่าว

ลู่ยาโน้มน้าวอีก “ถึงเป็นแค่การกลับไปเยี่ยมเล็กน้อยเท่านั้น แต่ก็รบกวนเหล่าศิษย์พี่ศิษย์หลาน แบบนี้ไม่ดียิ่งนัก”

“เช่นนั้นข้าจะไม่บอกพวกเขา แอบเข้าไปในห้องอาจารย์”

ลู่ยาจนปัญญา พูดกับนางต่อไปไม่ไหวแล้ว

มู่จิ่วยังไม่รู้ความลับเล็กๆ น้อยๆ ของเขา ทว่าคำพูดของซุนหงอคงเปิดประเด็นความคิดของนางอยู่บ้าง

อย่างเช่นก่อนนางขึ้นมาสวรรค์ หลิวหยางไปถามสาเหตุที่นางสำเร็จเป็นเซียนไม่ได้ เขารู้จักปี้เสียหยวนจิน และตอนให้ตาข่ายสวรรค์แก่นางยังจงใจพูดเรื่องของจุ่นถีเต้าเหรินกับลัทธิประจิม…หลังจากที่ซุนหงอคงสำเร็จเป็นพุทธะ ในตำนานก่อนที่ซุนหงอคงจะเดินทางไปชมพูทวีปได้กราบผูถีจู่ซือเป็นอาจารย์ ซึ่งก็คือจุ่นถีเต้าเหรินนี่เอง

เพราะเรื่องนี้นางก็เคยถามหลิวหยางมาก่อน เขากลับเลี่ยงไม่ตอบ ตอนนั้นนางไม่คิดอะไร

ตอนนี้กลับรู้สึกว่าน่าสงสัยมาก เพราะคิดย้อนกลับไปหลิวหยางแทบไม่เคยตอบตรงๆ เกี่ยวกับเรื่องของจุ่นถีและผูถีเลย นอกเสียจากเขาจะเริ่มต้นเล่าเอง เช่นตอนเอาตาข่ายสวรรค์ให้นาง

และเมื่อพูดถึงตาข่ายสวรรค์ก็มีจุดสำคัญอย่างยิ่งอีก

ตอนที่หลิวหยางพูดถึงความเป็นมาของตาข่ายสวรรค์ เล่าว่ามันสร้างมาจากจิตต้นกำเนิดของจุ่นถีเต้าเหริน ตอนนั้นนางยังสงสัยว่าจิตต้นกำเนิดที่สำคัญขนาดนี้จะนำออกมาทำของวิเศษทำไม เขากลับตอบอย่างคลุมเครือว่าจุ่นถีพัฒนาเลื่อนขั้นแล้ว และยามนั้นนางกลับไม่เคยคิดว่า ทำไมหลิวหยางที่ไม่เกี่ยวข้องกับจุ่นถีเลยถึงรู้เกี่ยวกับตาข่ายสวรรค์มากขนาดนั้น!

………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด