ท่านเทพมาแล้ว 386 ข้าไม่เกลียดเขา

Now you are reading ท่านเทพมาแล้ว Chapter 386 ข้าไม่เกลียดเขา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
บทที่ 386 ข้าไม่เกลียดเขา

เดิมทีเขาโดดเดี่ยว แต่เพราะมีนางเคียงข้าง วันคืนเหล่านั้นของเขาถึงเปลี่ยนไปมีสีสันมากขึ้น

นางเป็นเพื่อนของเขา ถึงแม้สุดท้ายนางกับเขาจะอยู่คนละฝั่งกัน เขาก็ไม่เคยมีความคิดที่จะเอาชีวิตนางมาก่อน

สำหรับเขาความจริงใจเป็นเรื่องฟุ่มเฟือยในชีวิต ชีวิตนี้เขาสามารถมีความอบอุ่นเช่นนี้ได้ จะมีเหตุผลให้กำจัดนางได้อย่างไร

เขาเหม่อลอยอยู่ชั่วขณะ เบือนหน้าหนีก่อนเอ่ย “อย่าคิดว่าข้าใสซื่อถึงเพียงนั้นเลย ตอนนั้นที่ข้าเข้าหาเจ้าเป็นเพราะข้ามีเป้าหมาย”

“มีเป้าหมายแล้วเกี่ยวอะไรด้วย?” มู่จิ่วยิ้ม “ตอนนั้นข้าต้องการให้คนมาช่วยข้าจริง แล้วเจ้าก็โผล่ออกมา” นางพูดไปมองหน้าเขาไป “ข้าก็ไม่ได้โง่ขนาดนั้น หากเจ้ามีเป้าหมายหรือว่าคิดหลอกใช้ข้า ข้าก็คงไม่สนิทสนมกับเจ้าขนาดนั้น เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเห็นคุณสมบัติอะไรในตัวเจ้าที่ได้มายากที่สุด?”

เขาขมวดคิ้ว ไม่ตอบอะไร

“ความตรงไปตรงมาและความยึดมั่น” มู่จิ่วตอบ “ความคิดของข้าเรียบง่าย ไม่ชอบเล่นเล่ห์เพทุบาย และก็ไม่ชอบคิดเล็กคิดน้อย ดังนั้นความตรงไปตรงมาและความเปิดเผยของเจ้าเลยทำให้ข้ารู้สึกว่าเป็นเพื่อนกับเจ้าได้อย่างสบายใจ หากข้าต้องคอยระแวดระวัง ก็ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้ แต่ก็เหนื่อยเกินไป ข้าไม่ได้โง่ขนาดนั้น หากเจ้าเข้าใกล้ข้าเพียงเพื่อหลอกใช้ข้า คิดจะหลอกเอาผลประโยชน์จากข้า ข้าก็คงไม่ให้โอกาสเจ้า”

นางเป็นผู้บำเพ็ญเซียน ประโยชน์ที่ดีที่สุดในการสำเร็จเป็นเซียนของนางคงจะเป็นการได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระเสรี

นางไม่ต้องถูกกักขังอยู่ที่ใดที่หนึ่ง ทำตามกฎเพื่อจะได้ใช้ชีวิตไปวันๆ

ดังนั้นหากต้องระแวดระวัง ต้องมีไหวพริบ ต้องใส่ใจครุ่นคิดสักเล็กน้อย ก็ใช่ว่าทำไม่ได้ เพียงแค่รู้สึกว่าไม่คุ้มก็เท่านั้น

หลินเจี้ยนหรูเงียบอยู่นาน พลันเหลือบตาขึ้นมองตรงหน้า เอ่ยเหยียดหยันตัวเองว่า “เจ้าพูดเช่นนี้ ข้าเหมือนยังไม่ถึงกับไร้ทางเยียวยา”

“เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า?” มู่จิ่วจิบเหล้า คีบขนมสุ่ยจิง[1]ขึ้นมาให้เขา

“ข้าหรือ?” หลินเจี้ยนหรูยิ้มเยาะ ยกจอกเหล้าขึ้นดื่ม ถือจอกไว้ในมือยามพูดเบาๆ “ข้าก็ไม่รู้ว่าจะพูดถึงชีวิตนี้ของข้าอย่างไรดี เรื่องบุญคุณความแค้นของข้ากับแรกพยับ จะพูดก็มากมายเกินไป ข้าไม่เสียใจ ข้าเพียงเกลียดเท่านั้น หากข้าสามารถควบคุมชะตาชีวิตของข้าได้ คงไม่เลือกเกิดเป็นลูกของหลินเซี่ย”

“คนที่ข้าเกลียดที่สุดคือเขา ความชั่วร้ายทั้งหมดก็เกิดขึ้นเพราะเขา แต่เมื่อเทียบกับเขา ข้ากลับไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นกับพวกจีหมิ่นจวินแม่ลูก เพราะพวกนางไม่ใช่พ่อแม่ข้า ข้าไม่ได้เกิดมาเพราะพวกนาง มีเพียงหลินเซี่ยเท่านั้น เขาเป็นพ่อแท้ๆ ของข้า สามารถเปลี่ยนแปลงทางเดินในอนาคตของข้าและสิ่งที่ต้องเผชิญหน้าได้”

“เป็นเขาที่ไม่สนใจข้าเลย ดังนั้นทุกคนถึงได้ปฏิบัติกับข้าเป็นเพียงสุนัขตัวหนึ่ง”

“ถึงแม้ข้าไม่ได้เรียนมาเยอะ แต่ข้าก็เข้าใจหลักการมากมาย ข้ารู้ว่าข้าอยากมีชีวิตแบบไหน หลินเซี่ยให้ข้าไม่ได้ ข้าก็สามารถสร้างมันขึ้นมาได้ด้วยตนเอง ดังนั้นข้าถึงได้กัดฟันดิ้นรนเอาโอกาสที่จะได้ขึ้นสวรรค์มา ข้าอยากได้โอกาสหลีกหนีจากพวกเขา ข้าคิดว่าตัวเองต่อกรกับพวกเขาไมได้ แต่หลบเลี่ยงได้”

“แต่ความจริงก็ได้ยืนยันแล้วว่าลิขิตฟ้าก็คือลิขิตฟ้า ไม่ว่าเจ้าอยากจะเดินหนทางธรรมขนาดไหน สุดท้ายก็ยังหนีไม่พ้นเคราะห์กรรม”

เขารินเหล้าด้วยตนเอง ก่อนดื่มอีกจอก

มู่จิ่วรู้สึกผิดในใจ นางเอ่ย “ความตั้งใจของชายชุดเขียวไม่ใช่ลากเจ้าเข้าสู่ทางมาร”

“ไม่” หลินเจี้ยนหรูส่ายหน้า “เจ้าคิดว่าข้าโทษชายชุดเขียวหรือ? ไม่ใช่เลย”

มู่จิ่วเงียบ

“ข้าไม่เกลียดชายชุดเขียว ข้าเพียงโกรธวิสัยมนุษย์” หลินเจี้ยนหรูมองไปข้างหน้า “หากไม่ใช่เพราะพวกเขาอคติคงไม่ยืนกรานรังแกข้าตลอด ถึงแม้ข้าจะกลายเป็นทหารสวรรค์แล้ว พวกเขาก็ไม่ได้มองข้าดีขึ้นแม้แต่น้อย สิ่งที่ทำให้ข้ากลายเป็นมารคือความเป็นมนุษย์ที่บิดเบี้ยวของพวกเขา คือพวกเขาที่คิดว่าตนเองอยู่สูงกว่าและข้าต่ำต้อย”

“ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ สิ่งที่ข้าต้องการมีเพียงอิสระและความเท่าเทียมเท่านั้น หากพวกเขาปล่อยข้าลงจากเขาหลังจากที่แม่ของข้าตาย ไม่เสแสร้งเลี้ยงดูข้าเพื่อชื่อเสียง ข้าก็คงไม่มาถึงขั้นนี้ เหลียงชิวฉานเคยพูดว่าแรกพยับและหลินเซี่ยมีบุญคุณที่เลี้ยงดูข้าให้เติบใหญ่ บอกให้ข้าอย่าลืมบุญคุณแล้วทำเรื่องเลวร้าย”

“แต่นางมีสิทธิ์อะไรมาพูดเช่นนี้กับข้า? คนของแรกพยับมีสิทธิ์อะไรมาลำเลิกบุญคุณทำตัวเป็นผู้มีพระคุณ? ให้กำเนิดข้าไม่ใช่ทางเลือกของข้า ส่วนเรื่องที่ข้าเติบโตที่แรกพยับ บุญคุณเลี้ยงดูสั่งสอน ก็ไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการ พวกเขาที่ดึงดันเก็บข้าไว้เอง ทั้งยังทำร้ายข้ามากมาย อันที่จริงข้ามีที่ซุกหัวนอนอิ่มท้องอยู่บนเขานั้น ยังสามารถบำเพ็ญตนเป็นเซียน คนทั่วไปไม่อาจได้รับโอกาสเช่นนี้”

“แต่บาดแผลในใจนั้นลึกล้ำกว่าบาดแผลบนกายมากนัก หลายปีมานี้ สิ่งที่พวกเขาทำทั้งหมดอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยคือต้องการให้ข้ายอมรับว่าข้าต้อยต่ำ ไม่ว่าใครก็เยาะเย้ยถากถางตามใจได้ แต่สิ่งที่ข้าไม่เคยละทิ้งคือการต่อต้านพวกเขา ข้าบอกตนเองเสมอว่าอย่าได้ก้มหัว อย่าได้ยอมรับชะตาชีวิต”

“เพราะหากข้ายอมรับก็เท่ากับจบสิ้น”

“เจ้าบอกว่าข้าดื้อรั้น ใช่แล้ว ต้องโทษที่ข้าดื้อรั้นขนาดนี้ ข้าดื้อรั้นที่จะเชื่อว่าโลกนี้มีด้านที่ดีอยู่ อย่างเช่นแม่ของข้า ข้ามีช่วงเวลาอยู่กับนางไม่นาน แต่หากกระทั่งนางยังไม่ถือว่ามีจิตใจดี เช่นนั้นนางคงไม่ยอมแบกรับความกดดันมากมายขนาดนั้นเพื่อให้กำเนิดข้า”

“ตอนข้ายังเด็กก็เคยคิดอยู่หลายครั้ง หากต้องมีชีวิตอยู่แบบนี้ มิสู้นางฆ่าข้าให้ตายแต่แรกจะดีกว่า แต่ก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เมื่อข้าโตขึ้นแล้วพบว่ายังมีโอกาสอยู่ก็ไม่ได้คิดแบบนั้นอีกแล้ว ข้าก็เหมือนกับหิ่งห้อยตัวหนึ่ง เพื่อให้ได้แสงสว่างมาถึงได้ยืนหยัดตามหา ความอดทนและความเจ็บปวดของข้าล้วนเพื่อให้สมปรารถนาในท้ายที่สุด”

“ตอนที่ข้าถูกหัวชิงเรียกให้กลับมาแรกพยับ ข้ามีความคิดชั่วร้ายจริง ข้าอยากเห็นคนที่เคยกดหัวข้าทำร้ายข้า สุดท้ายกลายเป็นเหมือนสุนัขที่หมอบอยู่ใต้เท้าตน ดังนั้นข้าจึงทำไปตามความเข้าใจผิดของหัวชิง หลอกว่าตัวเองคือศิษย์ของลู่ยา ข้ารู้ว่าคงปิดเรื่องนี้ได้ไม่นาน แต่ก็ไม่สนใจอะไรแล้ว”

“ข้ายอมรับ ในกายข้ามีความบ้าคลั่งอยู่”

“พวกเขาทำข้าอับอายอยู่หลายปี อย่างน้อยก็ทำให้ใจของข้าบิดเบี้ยว แต่หากจีหมิ่นจวินไม่คิดจะมาทำร้ายข้าอีก ข้าก็คงไม่ฆ่านาง การกระทำของจีหมิ่นจวินได้ทำลายฟางเส้นนั้นของข้าลง”

“ดังนั้น คนที่ทำให้ข้ากลายเป็นมารไม่ใช่ชายชุดเขียว แต่เป็นพวกแรกพยับที่ถือตนว่าสูงส่งทำตัวเป็นสุภาพชน”

เขารินเหล้าเอง ก่อนยกขึ้นจิบ

มู่จิ่วละสายตากลับมา ค่อยๆ สูดหายใจ

นางไม่คิดเลยว่าเวลานี้เขาจะยังมีความคิดกระจ่างชัดเช่นนี้ เขาไม่ได้เกิดมาต้อยต่ำ และไม่ได้ชั่วร้ายแต่กำเนิด แต่เป็นเพราะประสบการณ์ที่เลวร้ายทำให้เขาเป็นเช่นนี้ คนผู้หนึ่งยังคงสติอยู่ได้หลังจากเกิดเรื่องมากมาย สามารถมองเห็นธาตุแท้ของเรื่องราวและยังมีความหวังในใจ นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

นางนึกถึงภพชาติหลังจากนี้ของเขาที่เห็นบนกำแพงวิญญาณ

บ้านไม้เล็กๆ ในถ้ำที่เขาคุนหลุนตะวันออกกับดอกไม้พืชผักที่ด้านหน้ายังคงกระจ่างชัดในสายตา นางจำได้ว่าเขาพูดถึงการปลูกผักได้ชำนิชำนาญนัก สร้างรั้วไม้ไผ่ขึ้นก็ทำอย่างจริงจัง ในชาติที่เขากลายเป็นมารคงต้องทำเรื่องเหล่านี้มานับครั้งไม่ถ้วน

………………………………

[1] ขนมสุ่ยจิง เป็นของกินเล่นของทางปักกิ่ง มีลักษณะใสเหมือนคริสตัล นุ่มเหนียว รสชาติหวานหอม

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด