ลิขิตฟ้าชะตารัก 307 พลังยุทธ์ในร่าง / 308 ได้เงินหรืออย่างไร

Now you are reading ลิขิตฟ้าชะตารัก Chapter 307 พลังยุทธ์ในร่าง / 308 ได้เงินหรืออย่างไร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 307 พลังยุทธ์ในร่าง 

 

 

 

 

 

อวี้อาเหราตกตะลึง ยังไม่ทันจะได้คิดอะไร ชายชราก็แยกกลีบปากของเจาเอ๋อร์ออก แล้วสอดยาเข้าไปเสียแล้ว 

 

 

เมื่อคิดดูแล้วก็ถูก ในเมื่ออย่างไรก็ต้องตายแล้ว เช่นนั้นก็ไม่สู้ลองดูเสียหน่อย ไม่แน่ว่าอาจจะรอดชีวิตก็เป็นได้ 

 

 

รออยู่ชั่วครู่ สีหน้าขาวซีดของเจาเอ๋อร์ก็ค่อยๆ กลับมาเป็นปกติ สีหน้าของนางดีขึ้นมาก ทุกคนจึงค่อยถอนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ชายชรายิ้มกว้างอย่างพึงพอใจ “โชคดีที่แม่หนูคนนี้ดวงแข็ง หากเป็นคนอื่นถูกพิษเช่นนี้คงจะตายไปเสียนานแล้ว!” 

 

 

ฟังจากน้ำเสียงของเขาแล้ว ก็พอจะรู้ว่าพิษคงถูกถอนออกจนหมดแล้ว หลังจากถอนหายใจอย่างโล่งอกก็อดไม่ได้ที่จะเป็นกังวลขึ้นมาอีก “แต่ท่านบอกเองมิใช่หรือว่าจะต้องใช้คนที่มีลมปราณแกร่งกล้ามาช่วยถอนพิษให้นาง?” 

 

 

“จริงด้วย” ชายชราลูบใบหน้า “มัวแต่ดีใจจนลืมไปเสียสนิท ยาถอนพิษนี้ใช้เพื่อระงับพิษเอาไว้ชั่วคราวเท่านั้น แต่พิษที่อยู่ในร่างกายนั้นไม่อาจรับมือได้โดยง่าย หากยังไม่สามารถกำจัดพิษออกไปได้จนหมด ต่อไปก็อาจจะกำเริบขึ้นมาอีก เมื่อถึงตอนนั้นจะช่วยเหลือก็คงลำบากเต็มที”  

 

 

“แต่ใครเล่าจะช่วยถอนพิษให้เจาเอ๋อร์ได้” หานสือมองไปรอบๆ ทันใดนั้นก็รู้สึกทุกข์ใจขึ้นมา 

 

 

“เฮ้อ” อวี้อาเหราถอนหายใจ สายตากวาดมองไปทางฉู่ป๋าย “พลังยุทธ์ในร่างของเจ้าก็ใช้ออกมาไม่ได้แม้แต่น้อยเชียวหรือ” 

 

 

“ใช่ได้แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น” เขาตอบอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ 

 

 

ทว่าหานสือไม่เห็นด้วย “คราวก่อนที่ซื่อจื่อช่วยเหลือคุณหนูก็ได้ใช้พลังปราณไปจนหมดแล้ว ที่เหลืออยู่ก็เพียงน้อยนิด หากยังใช้เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นอีกก็คงไม่อาจรักษาชีวิตของตัวเองไว้ได้แล้วขอรับ!” 

 

 

“เอาเถิด” อวี้อาเหราไม่พูดอะไรอีก 

 

 

นางไม่อาจให้ฉู่ป๋ายสละชีวิตตัวเองเพื่อเจาเอ๋อร์ได้ หากเป็นเช่นนั้นก็เท่ากับนางได้ทำลายชีวิตคนไปหนึ่งชีวิตเลยทีเดียว แม้ว่าเขาจะยอมหรือไม่ยอมช่วย แต่นางไม่มีทางยอมให้เขาทำเช่นนี้แน่ 

 

 

ส่วนเรื่องของเจาเอ๋อร์นั้น นางก็ได้ทำอย่างเต็มความสามารถแล้ว ก็คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามบัญชาสวรรค์ก็แล้วกัน 

 

 

เมี่ยวอวี้มองทุกคนในที่แห่งนั้น จู่ๆ ก็พูดขึ้นมาว่า “คุณหนู ข้าช่วยเจาเอ๋อร์ได้เจ้าค่ะ” 

 

 

“เจ้า?” อวี้อาเหราสงสัย “เจ้ามีวรยุทธ์หรืออย่างไร” 

 

 

“ข้าไม่ขอปิดบังคุณหนูแล้ว เดิมทีเมี่ยวอวี้เป็นองครักษ์ที่ได้รับการฝึกฝนเป็นพิเศษเพื่อคุ้มครองคุณหนู แน่นอนว่าพลังยุทธ์นั้นไม่ด้อยไปกว่าองครักษ์ของเซิ่นซื่อจื่อ เชื่อว่าการช่วยเหลือเจาเอ๋อร์นั้นไม่ใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรงเจ้าคะ” เมี่ยวอวี้บอกกล่าวเรื่องทั้งหมดออกมา 

 

 

อวี้อาเหราตกใจเป็นอย่างมาก ไม่คิดว่าคนรับใช้ข้างตัวของตนเองจะมีวรยุทธ์ด้วย เหตุใดก่อนหน้านี้นางก็ไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อนเลยนะ ทั้งยังเป็นองครักษ์ที่หลิงอ๋องฝึกฝนเป็นพิเศษเพื่อเอาไว้คุ้มครองอยู่ข้างกายนาง เมี่ยวอวี้ไม่เพียงเป็นแค่คนที่หลิงอ๋องส่งมาเพื่อจับตาดูนาง แต่เหตุใดนางถึงไม่บอกเรื่องจริงออกมาเล่า? 

 

 

ราวกับเมี่ยวอวี้รู้ถึงความในใจของนาง จึงตอบกลับมาว่า “หลิงอ๋องทรงเห็นว่าคุณหนูมักจะถูกลอบทำร้ายอยู่เสมอ เพราะอย่างนั้นจึงให้บ่าวทำตัวเป็นปกติ เช่นนี้จึงจะสามารถเป็นหูเป็นตาได้ ดังนั้นจึงไม่อาจบอกให้คุณหนูรู้ถึงสถานะของข้าได้เจ้าค่ะ” 

 

 

“แล้วเจ้ามาที่นี่ได้อย่างไรกัน อีกทั้งยังนำยาถอนพิษของเจาเอ๋อร์มาได้ด้วย?” 

 

 

“เป็นเพราะหลิงอ๋องทรงทราบว่าคุณหนูหายไป จึงให้บ่าวแอบสะกดรอยตามมา ภายหลังจึงได้พบกับพวกต้าเว่ยที่กำลังต่อสู้พัวพันกับพวกโจรอยู่ เช่นนั้นจึงได้เข้าไปช่วย พวกเขากำลังคุมตัวโจรผู้นั้นแล้วนำตัวกลับมา แต่กลับหนีไปได้อีก ดังนั้นจึงให้บ่าวนำยาถอนพิษมาให้เจาเอ๋อร์ก่อนเจ้าค่ะ” 

 

 

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้” อวี้อาเหราเข้าใจขึ้นมาแล้ว เมื่อคิดเช่นนี้แล้วหลิงอ๋องคงรู้เกี่ยวกับเรื่องที่นางมายังตลาดมืดนี่นานแล้วสินะ แต่เขาก็ไม่ทำลายแผนการของนาง แล้วยังให้เมี่ยวอวี้ลอบคุ้มกันนางลับๆ นางก็เข้าใจหลิงอ๋องผิดไปเสียแล้ว ไม่คิดว่าขิงนั้นยิ่งแก่ก็ยิ่งเผ็ด 

 

 

“พวกเจ้าบ่นพึมพำกันเสร็จแล้วหรือยัง นี่ก็เสียเวลามากเกินพอแล้ว ยังมีคนนอนรอความตายอยู่ตรงนี้ทั้งคนนะ พวกเจ้าไม่คิดจะสนใจกันเลยหรืออย่างไร!” 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 308 ได้เงินหรืออย่างไร 

 

 

 

 

 

ชายชราที่ยืนมองอยู่ข้างๆ เริ่มทนมองไม่ไหว เช่นนั้นจึงตะคอกขึ้นมาด้วยความหงุดหงิด ยื่นมือออกไปเรียกเมี่ยวอวี้เข้ามา “แม่นาง เจ้ามานี่ ข้าจะดูว่าวรยุทธ์ของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง จะสามารถช่วยเหลือแม่หนูที่นอนอยู่บนเตียงได้หรือไม่” 

 

 

เมี่ยวอวี้มองไปยังอวี้อาเหรา จนกระทั่งนางพยักหน้าลงน้อยๆ เช่นนั้นจึงเดินเข้าไปหา 

 

 

ชายชราวางมือลงบนข้อมือของเมี่ยวอวี้ หลับตาลงแล้วลูบเคราไปมา ท่าทีเหมือนกับหมอจริงๆ ไม่มีผิด ในช่วงเวลานี้ใบหน้าของเขาก็ฉายรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะปล่อยมือของเมี่ยวอวี้ออก “แม่หนูนางนี้ดวงยังไม่ถึงขาดจริงๆ แม่นางเมี่ยวอวี้คนนี้มีลมปราณกล้าแกร่งยิ่งนัก ดูแล้วคงจะต้องผ่านการฝึกฝนมาอย่างยากลำบากเป็นแน่ อีกทั้งยังมีฝีมือสูงส่งกว่าเจ้าหนุ่มนักทำอาหารนั้นตั้งแยะเชียว” 

 

 

“จริงหรือ” อวี้อาเหราไม่ค่อยเชื่อคำพูดของเขาเท่าไรนัก ฝีมือของเมี่ยวอวี้จะสูงกว่าหานสืออีกหรือ นี่ก็ยากที่จะเชื่อเสียจริงๆ หากบอกว่าฝีมือเหนือกว่าพวกชิงอวิ๋นก็คงพอที่จะเชื่อได้บ้าง แต่ในทางกลับกันนางก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะอย่างน้อยๆ เจาเอ๋อร์ก็จะรอดตายแล้ว 

 

 

“หากข้าหลอกเจ้าแล้วจะได้เงินหรืออย่างไร” ชายชรากลอกตาใส่นาง ก่อนจะโบกมืออย่างรำคาญ ลุกขึ้นแล้วดันร่างอวี้อาเหราให้ออกไปด้านนอก “เจ้าออกไปรอด้านนอกก่อนเถิด ให้แม่นางเมี่ยวอวี้ช่วยรักษาแม่หนูก่อน อย่าได้รบกวนเวลาคนอื่นเดินลมปราณเลย” 

 

 

อวี้อาเหราสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของชายชราโดยไม่พูดอะไรออกมา จ้องมองมือที่ยึดแขนของตัวเองไว้อย่างอารมณ์ไม่ดีนัก “ปล่อยข้านะ!” 

 

 

“ปล่อยก็ปล่อยสิ เจ้าจะดุทำไมกัน?” ชายชรายังคงใช้โทนเสียงเหมือนเด็กน้อยพูดขึ้นมา มองนางด้วยหยาดน้ำตาที่คลอเบ้า เพราะหลังของเขาที่งุ้มงอ ทำให้ทุกครั้งที่อวี้อาเหรามองเขาจำต้องก้มหน้ามองเสียทุกครั้ง เมื่อเห็นว่าเขามีท่าทีเช่นนี้ นางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอึดอัดใจ เป็นเขาที่แกล้งนางแท้ๆ แต่เหตุใดเขาถึงชอบทำตัวเหมือนตนเองถูกรังแกตลอดเวลาด้วยนะ 

 

 

ฉู่ป๋ายและหานสือมองคนทั้งสองที่ถลึงตาใส่กันไปมา แล้วอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา 

 

 

มุมปากของหานสือแย้มออกเป็นรอยยิ้ม “คุณหนูรอง ท่านอย่าได้ถือสาอะไรกับท่านผู้เฒ่าเลยขอรับ เขาไม่กล้าทำอะไรท่านจริงๆ หรอก หากเขากล้าที่จะทำอะไรท่านจริงๆ ก็คงจะถูกท่านเตะจนตายไปแล้ว” 

 

 

“เหตุใดเจ้าถึงได้รู้นิสัยนางดีนัก” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉู่ป๋ายก็หรี่ตาลง 

 

 

หานสือรีบกระแอมไอออกมาทันที “มิได้ ข้าน้อยเพียงได้ยินเจาเอ๋อร์พูดขึ้นเท่านั้นขอรับ” 

 

 

“อ้อ?” ฉู่ป๋ายยังมีท่าทีไม่ค่อยอยากจะเชื่อนัก คิ้วของเขากระตุกยกขึ้นสูง 

 

 

“ข้าน้อยมิกล้าโกหก” เมื่อถูกสายตาเย็นชาของเขาจับจ้องเข้า ทั่วทั้งร่างของหานสือก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมาในทันที ไม่รู้ว่าจะไปวางมือเท้าเอาไว้ที่ตรงไหน 

 

 

อวี้อาเหรามองมาที่พวกเขาด้วยความแปลกใจ “พวกเจ้าสองคนกำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันอยู่” 

 

 

“ไม่มีอะไร” ตอนนี้เองฉู่ป๋ายถึงได้เคลื่อนย้ายสาตาไปจากร่างของหานสือ 

 

 

อวี้อาเหรายักไหล่อย่างไม่ใคร่จะสนใจนัก ไม่รู้ว่าสองนายบ่าวนี้กำลังทำอะไรกันอยู่ นางมองออกไปนอกเรือนไม้ เห็นประตูถูกปิดลง ทำให้มองไม่เห็นว่าด้านในเกิดอะไรขึ้นบ้าง ระหว่างที่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ชายชราก็ไม่สนใจใบไม้และดินโคลน ทรุดกายนั่งลงใต้ต้นไม้แล้วรวบรวมสมาธิ 

 

 

ด้านหลังของเรือนไม้มีลำธารสายเล็กๆ บางครั้งก็ได้ยินเสียงน้ำไหลเย็นลอยเข้ามา 

 

 

นางก้าวฝีเท้า ก่อนจะเดินไปทางด้านหลังของเรือนไม้ 

 

 

เมื่อมาถึงลำธารสายเล็กนั้นก็เห็นว่ามีเศษใบไม้ลอยอยู่ด้านหน้าไม่น้อย แต่กระนั้นน้ำก็ยังใสสะอาด เมื่อมองไปที่ผิวน้ำก็สามารถมองเห็นหินใต้น้ำได้อย่างชัดเจน แม้กระทั่งกุ้งปลาที่แหวกว่ายอยู่ในน้ำก็ยังสามารถมองเห็นได้ นี่ก็ไม่ต้องกล่าวเลยว่าแม่น้ำสายนี้ใสสะอาดจนมองเห็นก้นบึ้งมากเพียงใด 

 

 

ในขณะที่นางกำลังเหม่อมองอย่างเลื่อนลอย ชั่วครู่นั้นเอง ทันใดนั้นก็มีพิราบขาวบินมาเหนือศีรษะ 

 

 

พิราบขาวลอยวนอยู่เหนือศีรษะนางไม่ยอมไปไหน นางจึงเกิดสงสัยขึ้นมา เมื่อมองไปที่ขาของพิราบอย่างพินิจ จึงได้เห็นว่ามีกระดาษชิ้นหนึ่งผูกเอาไว้ เป็นจดหมายที่ส่งมาให้นางหรือ? อวี้อาเหราคิดอย่างสงสัย แล้วจึงค่อยดึงเอากระดาษแผ่นนั้นลงมา 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด