ลิขิตฟ้าชะตารัก 701 อย่าโวยวาย / 702 อดทนอยู่

Now you are reading ลิขิตฟ้าชะตารัก Chapter 701 อย่าโวยวาย / 702 อดทนอยู่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 701 อย่าโวยวาย

 

 

“เหราเอ๋อร์…” ฉู่ป๋ายเอ่ยผ่านลมหายใจแผ่วต่ำ มองไปทางอวี้อาเหราที่กำลังตรึงร่างของเขาเอาไว้ในยามราตรีด้วยความเหลืออดและขบขัน การจู่โจมเช่นนี้ไม่เหมือนกับอวี้อาเหราในยามปกติเลยแม้แต่น้อย นางปัดป่ายไปทั่วอย่างมั่วซั่ว จนทำให้เขาแทบจะทนไม่ได้ แต่เขาก็ยังคงพยายามที่จะรักษาการควบคุมตัวเองเอาไว้ พยายามที่จะคว้ามือของนางเอาไว้ให้มั่น

 

 

อวี้อาเหราไม่สนใจใดๆ ทั้งสิ้น เพียงได้ยินเขาเรียกชื่อเหราเอ๋อร์ ในใจของนางก็เต้นรัว ทั่วทั้งร่างตึงเครียดขึ้นมา นางกำลังคิดว่าเขาตั้งใจหรือไม่ ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่านางอดใจไม่ได้ แต่ก็ยังเรียกชื่อนางเช่นนี้อย่างไม่สนใจอีก เขาต้องคิดไม่ดีเป็นแน่

 

 

เขาจะรู้หรือไม่ ว่าเพียงคำพูดธรรมดาๆ ของเขา ทำให้นางหยุดไม่ได้

 

 

ลมกลางคืนพัดเอื่อย แต่อวี้อาเหราไม่สามารถสัมผัสได้ถึงความหนาวเย็นแม้แต่น้อย ทั่วทั้งร่างร้อนเหมือนโดนไฟเผา จนนางอยากจะกระโจนลงบึงน้ำแข็งเสียให้รู้แล้วรู้รอด ทว่าในตอนนี้จะไปมีของอย่างบึงน้ำแข็งอยู่ที่ไหนกัน ด้านหน้าของนางคือฉู่ป๋าย สำหรับนางแล้วก็เหมือนตกลงสู่หนองบึงน้ำแข็งก็ไม่ปาน แล้วจะปล่อยไปง่ายๆ ได้อย่างไร?

 

 

แต่เรี่ยวแรงของนางนั้นไม่สู้เขา และยิ่งนางถูกวางยาเช่นนี้ ทั่วทั้งร่างจึงอ่อนปวกเปียกเสียจนราวกับจะเปลี่ยนไปเพียงก้อนเลือดเนื้อเท่านั้น

 

 

ในโลกนี้คงไม่มีใครทุกข์เท่านางอีกแล้ว เอาตัวเองมาวางถึงหน้าประตูยังไม่เอา นางหน้าตาขี้เหร่มากหรืออย่างไร?

 

 

ไม่สิ! หากนางหน้าตาขี้เหร่จริงๆ จวินจื่อหร่านคงไม่บีบบังคับนางเช่นเมื่อครู่นี้…

 

 

แต่หากนางหน้าตางดงาม เหตุใดเขาจึงไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้เลยแม้แต่น้อย เหตุใดเอาแต่ปฏิเสธอยู่ได้!

 

 

หรือจะเก็บเอาไว้ให้อวิ๋นเซิ่น? เพราะอย่างนั้นถึงไม่เกี่ยวกับว่านางจะมีหน้าตาอย่างไร เมื่อนึกได้เช่นนี้ ในใจของอวี้อาเหราก็นึกโกรธขึ้นมา ชั่วพริบตาอารมณ์ของนางก็เปลี่ยนไปเป็นโมโห จึงสามารถควบคุมอาการของยาที่กำเริบขึ้นมาไปชั่วขณะ นางจึงปล่อยมือจากสายรัดเอวของฉู่ป๋ายอย่างโกรธๆ

 

 

ไม่ให้ก็ไม่ให้ นางไปหาชายอื่นก็ได้!

 

 

ในหัวสมองของอวี้อาเหราตีกันมั่วไปหมด นางไม่รู้เลยแม้แต่น้อยว่าตัวเองกำลังคิดอะไรส่งเดชอยู่ นางลุกขึ้นยืนจากพื้น โดยใช้ต้นไม้ข้างๆ ในการพยุงตัวเองขึ้นมาอย่างทุลักทุเล

 

 

ฉู่ป๋ายชะงัก กลิ่นหอมข้างกายของตัวเองได้หายไปแล้ว ชั่ววินาทีนั้นเขาก็รู้สึกแปลกไป จากนั้นก็ยืนขึ้นจากพื้น ภายในรัตติกาล ดวงตาของเขาสุกใสเหมือนแสงตะเกียง มองไปทางอวี้อาเหราที่เกาะต้นไม้พยุงตัวเองเพื่อเดินไปข้างหน้า ทุกย่างก้าวของนางดูยากลำบาก หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เขาก็ก้าวเท้าตามออกไป

 

 

ยื่นมือออกไปประคองนาง

 

 

อวี้อาเหราตัวสั่นเหมือนหนาวจนไข้ขึ้น สายตาแสดงความอาลัยอาวรณ์ ผลักเขาออกด้วยกำลังอันน้อยนิด “ข้าไม่ต้องการให้เจ้าช่วย!”

 

 

“อย่าโวยวายไปเลย ข้าจะไปส่งเจ้าก่อน” น้ำเสียงของฉู่ป๋ายไม่ยินดียินร้ายใดๆ แม้จะโดนนางผลักออกแต่ก็ไม่โกรธแม้แต่น้อย ยังคงพูดเกลี้ยกล่อมอยู่เช่นเดิม

 

 

อวี้อาเหรายิ่งงุ่นง่านมากยิ่งขึ้น นางผลักเขาออกอีกครั้ง จริงๆ เลย ไม่อยากให้นางก็แล้วกันไปเถิด แต่ยังคงพูดจาเกลี้ยกล่อมกันเช่นนี้ ตั้งใจจะทำให้นางเหลืออดแน่ๆ! เมื่อนางคิดเช่นนี้ก็กัดฟันเพื่อข่มฤทธิ์ยาเอาไว้ แล้วเดินไปข้างหน้าด้วยตัวเอง

 

 

เวลาเริ่มจะดึกดื่นขึ้นเต็มที ไม่รู้ว่านางสะดุดล้มไปกี่ครั้ง มือเท้าก็บาดเจ็บจากอะไรบ้างนางก็ไม่รู้

 

 

เจ็บปวดสุดแสน ทั่วทั้งร่างของนางร้อนไปหมด

 

 

ทุกข์ยิ่งนัก

 

 

ฉู่ป๋ายเห็นนางเดินตุปัดตุเป๋ไปข้างหน้า ในที่สุดก็ทมองไม่ได้ ก้าวยาวๆ ไปข้างหน้า คว้าเอวแล้วอุ้มนางขึ้นมา เดินออกไปจากป่า เมื่อเดินออกมาแล้วก็พบถนนเส้นเล็ก

 

 

นางรู้สึกได้ถึงอ้อมกอดอันแสนเย็นสบาย ทำให้นางรู้สึกสบายขึ้น พยายามที่จะลืมตาขึ้นมา จึงมองเห็นชายหนุ่มหน้าเคร่งขรึม ใบหน้าของนางสมส่วนเป็นที่สุดในแสงรัตติกาล เค้าโครงใบหน้าของนางโค้งเว้าชัดเจน ราวกับลูกสลักหยก เมื่อมองแล้วก็ยังอยากที่จะมองอยู่ร่ำไป

 

 

 

 

ตอนที่ 702 อดทนอยู่

 

 

มีรถม้าจอดอยู่ข้างทาง เขาอุ้มอวี้อาเหราขึ้นรถม้าไปเพื่อไม่ให้นางต้องลมหนาว ร่างของนางทั้งร่างร้อนผ่าว ยากเหลือเกินที่จะควบคุมตัวเองเอาไว้ได้

 

 

ฉู่ป๋ายมองใบหน้าแดงซ่านของนาง แล้วมองไปรอบๆ อีกด้านหนึ่งก็พยายามที่จะหยุดมือของนางที่พยายามจะล้วงเข้ามาในเสื้อผ้าของเขา ส่วนอีกด้านหนึ่งก็หยิบกาน้ำชาเย็นชืดเข้ามา แล้วราดลงบนใบหน้าของนาง

 

 

เมื่อถูกน้ำเย็นสาดหน้า อวี้อาเหราก็เริ่มได้สติขึ้นมา ไม่ทำอะไรส่งเดชอีก

 

 

นางมองเขานิ่งๆ ไม่พูดจา

 

 

“เจ้าอดทนหน่อย ข้าพาเจ้ากลับแล้วจะช่วยแก้พิษให้” ฉู่ป๋ายเอ่ยปลอบใจนาง

 

 

อวี้อาเหรายังไม่พูดไม่จาเช่นเคย หัวสมองนางนั้นพร่าเลือน ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไร นางรู้แต่เพียงริมฝีปากกำลังขยับ

 

 

ฉู่ป๋ายนั่งอยู่ด้านหน้าของรถม้า ดึงเชือกบังเหียน เขารู้สึกปวดหัวเล็กน้อย รู้เช่นนี้น่าจะเรียกหานสือมาด้วยกันเสียตั้งแต่แรก ตอนนี้เขาต้องทำอะไรหลายอย่างในเวลาเดียวกัน อวี้อาเหราเอาแต่รบเร้าไม่พูดไม่จา ทั้งยังต้องขี่ม้า ภายในยามค่ำคืน อาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย

 

 

ผ่านไปสักครู่อวี้อาเหราก็ไม่อาจควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป ฤทธิ์ยาในกายของนางเริ่มกำเริบอีกแล้ว

 

 

นางค้นหาแหล่งความเย็นข้างตัว ค่อยๆ เข้าไปหาฉู่ป๋าย ทั่วทั้งร่างของนางเอนซบร่างของเขาไปทั้งตัว จากนั้นก็ลูบมือของเขา ใบหน้าขอเขา ปากของเขา…แต่แค่นี้ยังห่างไกลจากคำว่าพอนัก ตอนนี้อวี้อาเหราเคลื่อนกายไปข้างหน้าราวกับโดนผีสิง ไหนเลยจะสนใจเรื่องเสียหน้าหรือไม่

 

 

ราวกับในใจของนางยังมีเปลวไฟที่ยากเหลือเกินจะดับลงได้ นางถอดเสื้อนอกของเขา

 

 

นางยังคงลูบไล้ร่างของเขาต่อไป ราวกับมันทำให้นางรู้สึกสบายขึ้นมาบ้าง

 

 

ยื่นมือออกไปถึงสายรัดเอวของเขา ฉู่ป๋ายรีบห้าม ดึงมือของนางเอาไว้

 

 

“เชื่อฟังหน่อย เจ้าอดทนก่อน”

 

 

“ไม่เอา”

 

 

หัวใจและสมองของอวี้อาเหราอยากจะถอดเสื้อผ้าของเขาออกให้หมด ไหนเลยจะมีสติสัมปชัญญะหลงเหลืออยู่ หากนางสามารถอดทนได้ ไหนเลยนางทำเรื่องน่าอายเช่นนี้

 

 

“อดทน”

 

 

ฉู่ป๋ายเอาแต่เอ่ยประโยคเดิมช้ำๆ อีกทั้งต้องขี่ม้าไปด้วย ที่นี่ก็ไม่มีโรงเตี๋ยม ที่ใกล้ที่สุดก็คือจวนหลิงอ๋อง เขาจำต้องพานางไปที่นั่น แต่ว่าระยะทางก็ยังอยู่ไกลไปอีก

 

 

“เจ้าให้ข้าก็ไม่ตายเสียหน่อย” อวี้อาเหราโกรธแล้ว น้ำตาไหลกลิ้งจากใบหน้า

 

 

นางรู้สึกทรมานเสียจนอย่างจะฉีกกระชากร่างของตัวเองเป็นชิ้นๆ

 

 

แล้วเขายังจะบอกให้นางอดทนอยู่ได้?

 

 

หากนางสามารถอดทนไว้ได้ นางจะกล้าทำเรื่องเช่นนี้กับชายหนุ่มได้อย่างไรเล่า?

 

 

ยาของจวินจื่อหร่านช่างร้ายกาจยิ่งนัก เขาคงต้องใช้มันในปริมาณมากแน่

 

 

นางทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ในเหตุการณ์ที่น่าตะลึงตะลานตรงหน้า

 

 

“อีกครู่เดียวก็ถึงแล้ว” ฉู่ป๋ายค่อยๆ พูดขึ้น ขณะที่ใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาให้นาง ยานั่นออกฤทธิ์ร้ายยิ่งนัก จนทำให้นางเป็นทุกข์เสียจนร่ำไห้ออกมา ดูก็รู้แล้วว่านางจะต้องเป็นทกุข์มากแน่ๆ

 

 

อวี้อาเหราไม่สนใจ พยายามที่จะถอดเสื้อผ้าของเขาออกให้ได้

 

 

ฉู่ป๋ายปกป้องร่างกายของตัวเองอย่างเต็มที่ ไม่ว่านางจะใช้แรงแค่ไหนก็ไม่เป็นผล

 

 

“ฉู่ป๋าย…ฉู่ป๋าย…” อวี้อาเหราร่ำร้อง ดวงตาของนางบวมแดง ใบหน้าแดงซ่านไม่มีชิ้นดี

 

 

ฉู่ป๋ายเห็นท่าทีของนางแล้ว ในใจของเขาก็ไม่ทนต่อไปอีก คล้ายกับใจของเขาเริ่มปลดปล่อยออกมา

 

 

อวี้อาเหรารีบใช้โอกาสนี้รีบพุ่งกายไปข้างหน้า แล้วจูบลงบนใบหน้าของเขา

 

 

ไม่สนความละอายใจ ริมฝีปากของเขากำลังวาดภาพ ทุกการกระทำ ทุกสายตา เต็มไปด้วยเสน่ห์ดึงดูดที่เข้มข้นยิ่งนัก

 

 

ฉู่ป๋ายสะท้านไปทั่วทั้งร่าง สติปัญญาหายไปแล้วครึ่งหนึ่ง ทันใดนั้นรถม้าก็หยุดลง เขาโอบใบหน้าของนางเข้ามาจูบลงไปอย่างร้อนแรง

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ลิขิตฟ้าชะตารัก 701 อย่าโวยวาย / 702 อดทนอยู่

Now you are reading ลิขิตฟ้าชะตารัก Chapter 701 อย่าโวยวาย / 702 อดทนอยู่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 701 อย่าโวยวาย

 

 

“เหราเอ๋อร์…” ฉู่ป๋ายเอ่ยผ่านลมหายใจแผ่วต่ำ มองไปทางอวี้อาเหราที่กำลังตรึงร่างของเขาเอาไว้ในยามราตรีด้วยความเหลืออดและขบขัน การจู่โจมเช่นนี้ไม่เหมือนกับอวี้อาเหราในยามปกติเลยแม้แต่น้อย นางปัดป่ายไปทั่วอย่างมั่วซั่ว จนทำให้เขาแทบจะทนไม่ได้ แต่เขาก็ยังคงพยายามที่จะรักษาการควบคุมตัวเองเอาไว้ พยายามที่จะคว้ามือของนางเอาไว้ให้มั่น

 

 

อวี้อาเหราไม่สนใจใดๆ ทั้งสิ้น เพียงได้ยินเขาเรียกชื่อเหราเอ๋อร์ ในใจของนางก็เต้นรัว ทั่วทั้งร่างตึงเครียดขึ้นมา นางกำลังคิดว่าเขาตั้งใจหรือไม่ ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่านางอดใจไม่ได้ แต่ก็ยังเรียกชื่อนางเช่นนี้อย่างไม่สนใจอีก เขาต้องคิดไม่ดีเป็นแน่

 

 

เขาจะรู้หรือไม่ ว่าเพียงคำพูดธรรมดาๆ ของเขา ทำให้นางหยุดไม่ได้

 

 

ลมกลางคืนพัดเอื่อย แต่อวี้อาเหราไม่สามารถสัมผัสได้ถึงความหนาวเย็นแม้แต่น้อย ทั่วทั้งร่างร้อนเหมือนโดนไฟเผา จนนางอยากจะกระโจนลงบึงน้ำแข็งเสียให้รู้แล้วรู้รอด ทว่าในตอนนี้จะไปมีของอย่างบึงน้ำแข็งอยู่ที่ไหนกัน ด้านหน้าของนางคือฉู่ป๋าย สำหรับนางแล้วก็เหมือนตกลงสู่หนองบึงน้ำแข็งก็ไม่ปาน แล้วจะปล่อยไปง่ายๆ ได้อย่างไร?

 

 

แต่เรี่ยวแรงของนางนั้นไม่สู้เขา และยิ่งนางถูกวางยาเช่นนี้ ทั่วทั้งร่างจึงอ่อนปวกเปียกเสียจนราวกับจะเปลี่ยนไปเพียงก้อนเลือดเนื้อเท่านั้น

 

 

ในโลกนี้คงไม่มีใครทุกข์เท่านางอีกแล้ว เอาตัวเองมาวางถึงหน้าประตูยังไม่เอา นางหน้าตาขี้เหร่มากหรืออย่างไร?

 

 

ไม่สิ! หากนางหน้าตาขี้เหร่จริงๆ จวินจื่อหร่านคงไม่บีบบังคับนางเช่นเมื่อครู่นี้…

 

 

แต่หากนางหน้าตางดงาม เหตุใดเขาจึงไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้เลยแม้แต่น้อย เหตุใดเอาแต่ปฏิเสธอยู่ได้!

 

 

หรือจะเก็บเอาไว้ให้อวิ๋นเซิ่น? เพราะอย่างนั้นถึงไม่เกี่ยวกับว่านางจะมีหน้าตาอย่างไร เมื่อนึกได้เช่นนี้ ในใจของอวี้อาเหราก็นึกโกรธขึ้นมา ชั่วพริบตาอารมณ์ของนางก็เปลี่ยนไปเป็นโมโห จึงสามารถควบคุมอาการของยาที่กำเริบขึ้นมาไปชั่วขณะ นางจึงปล่อยมือจากสายรัดเอวของฉู่ป๋ายอย่างโกรธๆ

 

 

ไม่ให้ก็ไม่ให้ นางไปหาชายอื่นก็ได้!

 

 

ในหัวสมองของอวี้อาเหราตีกันมั่วไปหมด นางไม่รู้เลยแม้แต่น้อยว่าตัวเองกำลังคิดอะไรส่งเดชอยู่ นางลุกขึ้นยืนจากพื้น โดยใช้ต้นไม้ข้างๆ ในการพยุงตัวเองขึ้นมาอย่างทุลักทุเล

 

 

ฉู่ป๋ายชะงัก กลิ่นหอมข้างกายของตัวเองได้หายไปแล้ว ชั่ววินาทีนั้นเขาก็รู้สึกแปลกไป จากนั้นก็ยืนขึ้นจากพื้น ภายในรัตติกาล ดวงตาของเขาสุกใสเหมือนแสงตะเกียง มองไปทางอวี้อาเหราที่เกาะต้นไม้พยุงตัวเองเพื่อเดินไปข้างหน้า ทุกย่างก้าวของนางดูยากลำบาก หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เขาก็ก้าวเท้าตามออกไป

 

 

ยื่นมือออกไปประคองนาง

 

 

อวี้อาเหราตัวสั่นเหมือนหนาวจนไข้ขึ้น สายตาแสดงความอาลัยอาวรณ์ ผลักเขาออกด้วยกำลังอันน้อยนิด “ข้าไม่ต้องการให้เจ้าช่วย!”

 

 

“อย่าโวยวายไปเลย ข้าจะไปส่งเจ้าก่อน” น้ำเสียงของฉู่ป๋ายไม่ยินดียินร้ายใดๆ แม้จะโดนนางผลักออกแต่ก็ไม่โกรธแม้แต่น้อย ยังคงพูดเกลี้ยกล่อมอยู่เช่นเดิม

 

 

อวี้อาเหรายิ่งงุ่นง่านมากยิ่งขึ้น นางผลักเขาออกอีกครั้ง จริงๆ เลย ไม่อยากให้นางก็แล้วกันไปเถิด แต่ยังคงพูดจาเกลี้ยกล่อมกันเช่นนี้ ตั้งใจจะทำให้นางเหลืออดแน่ๆ! เมื่อนางคิดเช่นนี้ก็กัดฟันเพื่อข่มฤทธิ์ยาเอาไว้ แล้วเดินไปข้างหน้าด้วยตัวเอง

 

 

เวลาเริ่มจะดึกดื่นขึ้นเต็มที ไม่รู้ว่านางสะดุดล้มไปกี่ครั้ง มือเท้าก็บาดเจ็บจากอะไรบ้างนางก็ไม่รู้

 

 

เจ็บปวดสุดแสน ทั่วทั้งร่างของนางร้อนไปหมด

 

 

ทุกข์ยิ่งนัก

 

 

ฉู่ป๋ายเห็นนางเดินตุปัดตุเป๋ไปข้างหน้า ในที่สุดก็ทมองไม่ได้ ก้าวยาวๆ ไปข้างหน้า คว้าเอวแล้วอุ้มนางขึ้นมา เดินออกไปจากป่า เมื่อเดินออกมาแล้วก็พบถนนเส้นเล็ก

 

 

นางรู้สึกได้ถึงอ้อมกอดอันแสนเย็นสบาย ทำให้นางรู้สึกสบายขึ้น พยายามที่จะลืมตาขึ้นมา จึงมองเห็นชายหนุ่มหน้าเคร่งขรึม ใบหน้าของนางสมส่วนเป็นที่สุดในแสงรัตติกาล เค้าโครงใบหน้าของนางโค้งเว้าชัดเจน ราวกับลูกสลักหยก เมื่อมองแล้วก็ยังอยากที่จะมองอยู่ร่ำไป

 

 

 

 

ตอนที่ 702 อดทนอยู่

 

 

มีรถม้าจอดอยู่ข้างทาง เขาอุ้มอวี้อาเหราขึ้นรถม้าไปเพื่อไม่ให้นางต้องลมหนาว ร่างของนางทั้งร่างร้อนผ่าว ยากเหลือเกินที่จะควบคุมตัวเองเอาไว้ได้

 

 

ฉู่ป๋ายมองใบหน้าแดงซ่านของนาง แล้วมองไปรอบๆ อีกด้านหนึ่งก็พยายามที่จะหยุดมือของนางที่พยายามจะล้วงเข้ามาในเสื้อผ้าของเขา ส่วนอีกด้านหนึ่งก็หยิบกาน้ำชาเย็นชืดเข้ามา แล้วราดลงบนใบหน้าของนาง

 

 

เมื่อถูกน้ำเย็นสาดหน้า อวี้อาเหราก็เริ่มได้สติขึ้นมา ไม่ทำอะไรส่งเดชอีก

 

 

นางมองเขานิ่งๆ ไม่พูดจา

 

 

“เจ้าอดทนหน่อย ข้าพาเจ้ากลับแล้วจะช่วยแก้พิษให้” ฉู่ป๋ายเอ่ยปลอบใจนาง

 

 

อวี้อาเหรายังไม่พูดไม่จาเช่นเคย หัวสมองนางนั้นพร่าเลือน ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไร นางรู้แต่เพียงริมฝีปากกำลังขยับ

 

 

ฉู่ป๋ายนั่งอยู่ด้านหน้าของรถม้า ดึงเชือกบังเหียน เขารู้สึกปวดหัวเล็กน้อย รู้เช่นนี้น่าจะเรียกหานสือมาด้วยกันเสียตั้งแต่แรก ตอนนี้เขาต้องทำอะไรหลายอย่างในเวลาเดียวกัน อวี้อาเหราเอาแต่รบเร้าไม่พูดไม่จา ทั้งยังต้องขี่ม้า ภายในยามค่ำคืน อาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย

 

 

ผ่านไปสักครู่อวี้อาเหราก็ไม่อาจควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป ฤทธิ์ยาในกายของนางเริ่มกำเริบอีกแล้ว

 

 

นางค้นหาแหล่งความเย็นข้างตัว ค่อยๆ เข้าไปหาฉู่ป๋าย ทั่วทั้งร่างของนางเอนซบร่างของเขาไปทั้งตัว จากนั้นก็ลูบมือของเขา ใบหน้าขอเขา ปากของเขา…แต่แค่นี้ยังห่างไกลจากคำว่าพอนัก ตอนนี้อวี้อาเหราเคลื่อนกายไปข้างหน้าราวกับโดนผีสิง ไหนเลยจะสนใจเรื่องเสียหน้าหรือไม่

 

 

ราวกับในใจของนางยังมีเปลวไฟที่ยากเหลือเกินจะดับลงได้ นางถอดเสื้อนอกของเขา

 

 

นางยังคงลูบไล้ร่างของเขาต่อไป ราวกับมันทำให้นางรู้สึกสบายขึ้นมาบ้าง

 

 

ยื่นมือออกไปถึงสายรัดเอวของเขา ฉู่ป๋ายรีบห้าม ดึงมือของนางเอาไว้

 

 

“เชื่อฟังหน่อย เจ้าอดทนก่อน”

 

 

“ไม่เอา”

 

 

หัวใจและสมองของอวี้อาเหราอยากจะถอดเสื้อผ้าของเขาออกให้หมด ไหนเลยจะมีสติสัมปชัญญะหลงเหลืออยู่ หากนางสามารถอดทนได้ ไหนเลยนางทำเรื่องน่าอายเช่นนี้

 

 

“อดทน”

 

 

ฉู่ป๋ายเอาแต่เอ่ยประโยคเดิมช้ำๆ อีกทั้งต้องขี่ม้าไปด้วย ที่นี่ก็ไม่มีโรงเตี๋ยม ที่ใกล้ที่สุดก็คือจวนหลิงอ๋อง เขาจำต้องพานางไปที่นั่น แต่ว่าระยะทางก็ยังอยู่ไกลไปอีก

 

 

“เจ้าให้ข้าก็ไม่ตายเสียหน่อย” อวี้อาเหราโกรธแล้ว น้ำตาไหลกลิ้งจากใบหน้า

 

 

นางรู้สึกทรมานเสียจนอย่างจะฉีกกระชากร่างของตัวเองเป็นชิ้นๆ

 

 

แล้วเขายังจะบอกให้นางอดทนอยู่ได้?

 

 

หากนางสามารถอดทนไว้ได้ นางจะกล้าทำเรื่องเช่นนี้กับชายหนุ่มได้อย่างไรเล่า?

 

 

ยาของจวินจื่อหร่านช่างร้ายกาจยิ่งนัก เขาคงต้องใช้มันในปริมาณมากแน่

 

 

นางทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ในเหตุการณ์ที่น่าตะลึงตะลานตรงหน้า

 

 

“อีกครู่เดียวก็ถึงแล้ว” ฉู่ป๋ายค่อยๆ พูดขึ้น ขณะที่ใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาให้นาง ยานั่นออกฤทธิ์ร้ายยิ่งนัก จนทำให้นางเป็นทุกข์เสียจนร่ำไห้ออกมา ดูก็รู้แล้วว่านางจะต้องเป็นทกุข์มากแน่ๆ

 

 

อวี้อาเหราไม่สนใจ พยายามที่จะถอดเสื้อผ้าของเขาออกให้ได้

 

 

ฉู่ป๋ายปกป้องร่างกายของตัวเองอย่างเต็มที่ ไม่ว่านางจะใช้แรงแค่ไหนก็ไม่เป็นผล

 

 

“ฉู่ป๋าย…ฉู่ป๋าย…” อวี้อาเหราร่ำร้อง ดวงตาของนางบวมแดง ใบหน้าแดงซ่านไม่มีชิ้นดี

 

 

ฉู่ป๋ายเห็นท่าทีของนางแล้ว ในใจของเขาก็ไม่ทนต่อไปอีก คล้ายกับใจของเขาเริ่มปลดปล่อยออกมา

 

 

อวี้อาเหรารีบใช้โอกาสนี้รีบพุ่งกายไปข้างหน้า แล้วจูบลงบนใบหน้าของเขา

 

 

ไม่สนความละอายใจ ริมฝีปากของเขากำลังวาดภาพ ทุกการกระทำ ทุกสายตา เต็มไปด้วยเสน่ห์ดึงดูดที่เข้มข้นยิ่งนัก

 

 

ฉู่ป๋ายสะท้านไปทั่วทั้งร่าง สติปัญญาหายไปแล้วครึ่งหนึ่ง ทันใดนั้นรถม้าก็หยุดลง เขาโอบใบหน้าของนางเข้ามาจูบลงไปอย่างร้อนแรง

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+