สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 1 84(1)

Now you are reading สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 1 Chapter 84(1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
บทที่ 84 คนสารเลว! (1)

คาดไม่ถึงว่าจุดประสงค์ของฝ่ายตรงข้ามจะเป็นการฉวยโอกาสช่วงชุลมุนนี้จัดการเหยียนหลิงจวิน!

เห็นสีหน้าหม่นหมองของฮ่องเต้แล้ว ฉู่สวินหยางพึมพำอยู่ชั่วครู่ แล้วกวักมือเรียกชิงหลัวเข้ามาสั่งงาน 2-3 ประโยค

ชิงหลัวตั้งใจฟังแล้วตอบรับทุกถ้อยคำ

เวลานี้โฉมหน้าที่แท้จริงของนักฆ่าที่วางยาพิษถูกเปิดโปงแล้ว แน่นอนว่าคำสั่งปิดตำหนักของฮ่องเต้ก่อนหน้านี้ก็ถูกยกเลิกตามไปด้วย

ชิงหลัวอาศัยช่วงเวลาที่ความสนใจของทุกคนต่างถูกดึงไปรวมกันที่ห้องอุ่น ถอยไปหลบหลังเสาในทันใด แล้วฉวยโอกาสที่องครักษ์หละหลวม แอบออกไปทางประตูด้านข้าง

ฉู่ฉีเหยียนที่นั่งเยื้องกันดูราวกับกำลังสนใจสถานการณ์ฝั่งฮ่องเต้ด้านนั้น แท้จริงแล้วกลับแอบสังเกตทุกความเคลื่อนไหวของฉู่สวินหยางทางด้านนี้ตลอด…

เกิดเรื่องกับเหยียนหลิงจวิน นางไม่ยอมอยู่เฉยแน่

ทันใดนั้นพอเห็นชิงหลัวออกไป เขาเองก็ไม่รอช้ารีบส่งสายตาเป็นนัยไปให้หลี่หลินที่อยู่ข้างกายทันที เอ่ยเสียงเบาว่า “ตามออกไป ขวางนางไว้!”

“ขอรับ!” หลี่หลินตอบรับ แล้วก็หาทางหลบออกไปทางประตูด้านข้างที่อยู่ด้านหลังที่นั่งฝ่ายชายเหมือนกัน

แน่นอนว่าคนที่คอยสังเกตการณ์ทุกอย่างในตำหนักนี้ไม่ได้มีแค่เขาคนเดียว พอฉู่ฉีเฟิงเห็นว่าเขาสั่งให้หลี่หลินออกไปก็รู้ได้ว่าเขาไปจัดการชิงหลัว ในขณะเดียวกันเขาก็ตีหน้าตายแอบส่งสัญญาณมือให้เจี่ยงลิ่ว

เจี่ยงลิ่วรับคำสั่ง รีบตามหลี่หลินไปอีกคน

โต๊ะที่ฉู่ฉีเฟิงและฉู่ฉีเหยียนนั่งอยู่นั้น มีแค่ที่นั่งเดียวคั่นกลางระหว่างพวกเขาสองคน ดังนั้นความจริงแล้วไม่ว่าพวกเขาสองคนจะแอบทำอะไรก็ไม่สามารถหลุดรอดสายตาอีกฝ่ายไปได้แม้แต่น้อย

ฉู่ฉีเหยียนเห็นเขาจงใจยั่วโมโหก็หันไปมองเขาแล้วขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวไปชั่วขณะ

ฉู่ฉีเฟิงก็ไม่หลบตาเช่นกัน ดึงสายตากลับมาจากที่ไกลและยิ้มเยือกเย็นให้เขา

ทั้งสองคนสบตากัน

ทว่าเพียงชั่วครู่ต่างคนต่างก็ยอมรามือไปเอง แม้ในช่วงเวลานั้นคนหนึ่งจะมีท่าทีนิ่งสงบ ส่วนอีกคนก็ท่าทางสุภาพอ่อนโยน แต่จุดที่สายตามาบรรจบกันนั้นราวกับเกิดพายุหิมะในทันที พลังความหนาวดุจดั่งจะแช่แข็งทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกทั้งใบนี้

ทั้งสามคนต่างแอบลงมือกันอย่างลับๆ นอกจากไม่กี่คนที่รู้แก่ใจดีอยู่แล้ว คนอื่นก็แทบจะดูไม่ออกเลย ความสนใจของคนทั้งงานยังคงรวมอยู่ที่ฮ่องเต้ที่อยู่ในห้องอุ่นตรงนั้น

เพราะสาวใช้นางนั้นเหมือนกับ ‘เปิดประเด็น’ ขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ สายตาของทุกคนต่างก็ค่อยๆ ย้ายไปที่เหยียนหลิงจวิน

“ข้าก็ว่าคุณสมบัติของยานี้แปลกนัก คิดไม่ถึงว่าใต้เท้าเหยียนหลิงไม่ได้ตรวจแม้แต่ชีพจรของฝ่าบาทด้วยซ้ำก็กล้าลงมือฝังเข็มรักษา” พลันหมอคังนึกขึ้นมาได้ ถึงจะเป็นแค่เสียงพึมพำ แต่กลับคุมระดับเสียงนั้นให้บุคคลสำคัญไม่กี่คนที่อยู่ในที่เกิดเหตุได้ยินอย่างชัดเจนพอดี

ฮ่องเต้ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด กลับเป็นสีหน้าของหลัวฮองเฮาที่เข้มขึ้นก่อนใคร ตะโกนถามเสียงดุดันว่า “เหยียนหลิงจวิน เจ้าจะอธิบายเรื่องนี้อย่างไร?”

เหยียนหลิงจวินคารวะนางก่อน สีหน้ากลับสงบเยือกเย็นมาก และตอบอย่างไร้ความกังวลร้อนใจว่า “ตามหลักการแพทย์ ต้องปรับเปลี่ยนวิธีการไปตามสถานการณ์เฉพาะหน้า จะให้ใช้วิธีการเดิมตลอดคงไม่ได้หรอกจริงหรือไม่? พระวรกายฝ่าบาทถูกพิษชนิดร้ายแรง อันตรายดั่งชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย ถ้าหากทำตามที่หมอคังว่า หรือเจ้าไม่เห็นแก่ความปลอดภัยของฝ่าบาทแล้วงั้นรึ?”

“เจ้าอย่ามาพูดจาบ่ายเบี่ยง!” หมอคังว่า  “เรื่องอื่นยังไม่พูดถึง แต่เจ้ารักษาถูกได้ยังไงในเมื่อยังไม่ได้จับชีพจร? หากไม่ใช่เพราะรู้สรรพคุณและวิธีการใช้ยาพิษนี้มาก่อนแล้ว ไม่งั้นเจ้าจะกล้าใช้วิธีนี้ถอนพิษรึ?”

“ท่าทางสายตาของหมอคังจะไม่ค่อยดี หรือเจ้าไม่เห็นว่าเมื่อครู่ข้าไม่ได้เป็นคนถอนพิษให้ฝ่าบาท แต่ใช้ยาถอนพิษที่แย่งมาจากมือสังหารนั่นต่างหาก” เหยียนหลิงจวินตอบเสียงเรียบ แล้วเอ่ยต่ออย่างไม่อยากโต้เถียงกับเขาเลยสักนิดว่า “ข้าฝังเข็มสกัดจุดเส้นพระโลหิตบนพระหัตถ์ของฝ่าบาทก่อน ซึ่งปกติก็เป็นวิธีการทั่วไปที่ใช้กับอาการถูกพิษ หยุดการแพร่กระจายของพิษไว้ชั่วคราว หมอคังอาศัยจุดนี้เพียงจุดเดียวมาจับผิดข้า แบบนี้มันเหมือนกับ…”

เขาพูดไปส่ายหัวไปอย่างมีเลศนัย ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงถอนหายใจออกมาว่า “ใส่ความ!”

หน้าของหมอคังนั้นเปลี่ยนสีเล็กน้อย คารวะฮ่องเต้แล้วเอ่ยอย่างหวาดหวั่นว่า “ฝ่าบาท กระหม่อมไม่ได้ใส่ความใครมั่วซั่วนะพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่ว่าสาวใช้ของพระสนมหรงเฟยได้ยาพิษที่แปลกและร้ายแรงขนาดนี้มาอย่างไม่ทราบสาเหตุ เรื่องนี้ดูมีลับลมคมในจริงๆ ฝีมือการรักษาของใต้เท้าเหยียนหลิงเหนือกว่าผู้ใด ทุกคนต่างรู้ดี และยัง…”

เขาพูดไปเพื่อหลีกหนีสายตาที่มองมาอย่างคลุมเครือ เว้นวรรคไปครู่หนึ่งถึงเอ่ยต่อว่า “ตามที่เล่ากันมาตอนที่เขารักษาองค์ชายเจี่ยนก็ใช้วิธีรักษาแบบใช้พิษแก้พิษ ตอนนั้นพิษในร่างกายองค์ชายเจี่ยนแม้แต่หมอเฉินยังอับจนหนทาง ถ้าเขาสามารถใช้พิษช่วยชีวิตคนได้แบบนั้น คิดว่า…สำหรับเขาแล้วยาพิษที่พบวันนี้ก็คงไม่เกินความสามารถหรอกพ่ะย่ะค่ะ!”

สีหน้าฮ่องเต้หมองคล้ำ ถึงแม้จะกินยาถอนพิษยับยั้งไม่ให้พิษเข้าสู่กระแสเลือดโดยตรงไปแล้ว แต่ยังไงก็ถือว่าได้รับบาดเจ็บ และยังมีร่องรอยยาพิษบางส่วนเหลืออยู่บนแขนที่ต้องไปรักษาต่อ ตอนนี้ดูท่าทางไม่ค่อยดีและมีอาการอ่อนเพลียเล็กน้อย

ฮ่องเต้ไม่ได้ตรัสสักคำ แค่มองเหยียนหลิงจวินอย่างจริงจังอีกรอบเท่านั้น

เมื่อครู่ที่เหยียนหลิงจวินตอบอย่างใจเย็น ไม่ได้ทำไปเพื่อไขข้อสงสัยของหมอคัง แต่เพื่อลองใจทั่วป๋าไหวอันด้วยตนเองว่า “องค์ชายห้าคิดเห็นเช่นไร? ท่านก็คิดว่าข้ากับพระสนมหรงเฟยสมคบคิดกันก่อกบฏลองปลงพระชนม์หรือไม่?”

ทั่วป๋าไหวอันพลันอึ้งไปชั่วขณะ เงยศีรษะมองหน้าเขาอย่างสับสน

จากข้อแก้ต่างก่อนหน้านี้ หรงเอียนสาวใช้ที่ตายไปเป็นนักฆ่าจริง แต่เรื่องนี้กลับไม่มีหลักฐานที่บ่งชี้ไปที่ทั่วป๋าหรงเหยาโดยตรงเลย

ขณะนี้เหยียนหลิงจวินไม่ได้ยืนยันความบริสุทธิ์เพื่อตนเอง แต่กลับดึงเอาโทษทัณฑ์ในครั้งนี้มาไว้ที่ตนเอง และยังแบกรับด้วยกันทั่วป๋าหรงเหยา

ทั่วป๋าหรงเหยาเป็นเพียงผู้หญิงอ่อนแอ อีกทั้งยังเป็นสนมของฮ่องเต้ เหตุใดต้องลงมือกับฮ่องเต้ด้วย? เช่นนั้นแผนการขั้นต่อไปก็ชัดเจนมากพอแล้ว…

ทั่วป๋าหรงเหยาเป็นองค์หญิงแห่งโม่เป่ย นางมีเหตุผลมากพอที่จะลอบปลงพระชนม์…

เพื่อบ่อนทำลายราชสำนัก ร่วมมือกับคนโม่เป่ยโจมตีประสานกันทั้งจากด้านในและด้านนอก มุ่งทำลายราชสำนักซีเยว่อันยิ่งใหญ่

แต่นางเป็นเพียงสตรี ไม่บอกก็เดาได้ว่าเพียงแค่ดึงตัวนางมาได้ ต่อไปทั่วป๋าไหวอันต้องลากไปทำเรื่องไม่ดีแน่นอน

เหยียนหลิงจวินมองทุกอย่างทะลุปรุโปร่ง!

ทั่วป๋าไหวอันแอบกัดฟัน รีบทูลฮ่องเต้ด้วยสีหน้ายากที่จะปกปิดความวุ่นวายใจได้ว่า “ฝ่าบาท เรื่องนี้ต้องมีอะไรเข้าใจผิดแน่พ่ะย่ะค่ะ ในเมื่อพระสนมหรงเฟยถวายตัวเข้าวังแล้ว คนเดียวที่นางจะพึ่งพาอาศัยได้ก็มีแต่ฝ่าบาทเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลานี้นางกำลังตั้งครรภ์ ยิ่งไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทำเช่นนี้ ขอฝ่าบาทโปรดพิจารณาด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”

“ใครจะรู้ว่าชาวโม่เป่ยอย่างพวกเจ้าวางแผนร้ายอะไรไว้ล่ะ!” องค์ชายสี่ฉู่อี้ชิงเยาะเย้ย

หมอคังกลอกตาไปมา แล้วก็ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว กล่าวอย่างซื่อสัตย์ว่า “ฝ่าบาท ที่องค์ชายสี่พูดมานั้นก็มีเหตุผล ถ้าหากมีแค่ใต้เท้าเหยียนหลิงเป็นคนทำเรื่องนี้ ก็ยากที่จะหาเจตนาที่แท้จริงที่เขาทำเรื่องไม่ควรเช่นนี้ได้ แต่ถ้าหากสมคบคิดกับชาวโม่เป่ยล่ะก็…”

เหยียนหลิงจวินไม่สะทกสะท้าน เพียงแค่มองเขาและยิ้มอย่างไม่รู้สึกรู้สาอย่างกับเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตนเองเท่านั้น

ทั่วป๋าไหวอันหน้าเปลี่ยนสีทันที เอ่ยอย่างเดือดดาลว่า “พวกเจ้าหาเหตุเพิ่มโทษให้ข้า ตอนนี้น้องสาวของข้าก็ถูกพิษยังไม่ได้สติเหมือนกัน พวกเจ้าเป็นหมอ แต่นอกจากจะไม่คิดช่วยแล้วยังซ้ำเติมอีก เพิ่มโทษไม่ดูตาม้าตาเรือ คิดจะเล่นงานเลือดเนื้อเชื้อไขของฝ่าบาทให้ถึงตายเลยรึไง? ตาแก่ เจ้าเจตนาจะทำการใดอีก?”

หมอคังถูกเขาด่าจนโมโห ย้อนถามว่า “ข้าไม่รักษาคนนอกที่มีเจตนาร้ายจนยากที่จะรู้ได้!”

เพียงเอ่ยประโยคนี้ออกไป ฮ่องเต้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างยากที่จะสังเกตเห็น

“คนนอก!” พลันทั่วป๋าไหวอันก็ยิ้มหยัน และไม่สนใจขนบธรรมเนียมอะไรของซีเยว่อีกต่อไป ลุกขึ้นมาอุ้มทั่วป๋าหรงเหยาไว้แล้วจะเดินออกไปจากห้องอุ่น “ได้ เช่นนั้นคนนอกอย่างพวกเราก็จะไม่อยู่ที่นี่ให้ลำบากอีก ฝ่าบาทจะไม่สนความเป็นตายของเด็กก็ได้ แต่กระหม่อมไม่อาจเมินเฉยต่อความเป็นตายของน้องสาวตนเองได้ เรื่องวันนี้ถือว่าโม่เป่ยเคราะห์ร้ายเอง ขอฝ่าบาทโปรดเปิดทาง พวกกระหม่อมจะออกไปเดี๋ยวนี้!”

เขาออกเดินโดยไม่รอฮ่องเต้รับสั่งด้วยซ้ำ แต่ก็ออกไปไม่ได้ เหล่าองครักษ์กรูกันล้อมเข้ามาโดยพร้อมเพรียง ทวนยาวปิดตายขวางทางที่จะไป!

“อะไรกัน?” ทั่วป๋าไหวอันหันกลับมา นัยน์ตาทอดมองฮ่องเต้ที่นั่งอยู่อย่างเย็นชา ท่าทางไร้ซึ่งการให้เกียรติและความเคารพอย่างก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง “ฝ่าบาท นี่เป็นการรังแกแคว้นเล็กอ่อนแออย่างโม่เป่ย คิดจะใช้อำนาจบีบบังคับสกุลทั่วป๋ารึ? กล่าวหาว่าหรงเหยาสมคบคิดกับคนอื่นลอบปลงพระชนม์ แต่วันนี้ฝ่าบาทก็ประทับอยู่ที่นี่ได้ปกติดี กลับเป็นมือสังหารอย่างน้องสาวของกระหม่อมด้วยซ้ำที่ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายจะตายได้ทุกเมื่อ”

พอเขาพูดแบบนี้แล้วก็คิดอะไรขึ้นมาได้ จึงเงยหน้ามองท้องฟ้าแล้วหัวเราะเสียงดัง

หลังจากนั้นก็เลิกคิ้วมองไปที่เหยียนหลิงจวินด้วยสายตาเย็นเยียบ “ข้าว่าหาใช่เจ้ากับหรงเหยาสมคบคิดทำร้ายผู้ใดไม่ แต่ชัดเจนแล้วว่าราชาและขุนนางของพวกเจ้าร่วมมือกัน อยากจะใช้โทษกบฏปราบแคว้นโม่เป่ยให้อยู่หมัด!”

เพียงเอ่ยประโยคนี้ออกไปก็เกิดเสียงฮือฮาดังขึ้นทั้งงาน

————————————————————

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด