หมอยาหวานใจท่านประธาน 364 หรือว่าเพื่อเธอ / 365 หนานหลิวเฟิงทุ่มสุดตัว

Now you are reading หมอยาหวานใจท่านประธาน Chapter 364 หรือว่าเพื่อเธอ / 365 หนานหลิวเฟิงทุ่มสุดตัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 364 หรือว่าเพื่อเธอ 

 

 

แล้วก็เป็นไปเช่นนี้ หลังจากนั้นเมื่อถึงเวลาที่อีลั่วเสวี่ยต้องไปเรียน เธอก็ไปเรียน หรือไม่ก็ไปตรวจงานที่บริษัท หวังเทากับเพื่อนอยู่ที่บริษัท ตั้งใจเรียนรู้ ผูกสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานได้ดี ทำให้พวกเขาพบว่านอกจากการชกต่อยฆ่าฟัน แสงสีและเหล้ายาแล้ว ที่จริงการเข้างานและเลิกงานตามเวลาก็ไม่เลวเลย 

 

 

แต่พวกเขาไม่ลืมว่าสุดสัปดาห์ต้องมาช่วยงานที่ร้าน K บาร์นรกอเวจี ทำให้ชีวิตเต็มเปี่ยมขึ้น ส่วนหงเหมากับพวกหลังจากถูกเล่นงานแล้วก็รู้ว่าเถ้าแก่คนใหม่ไม่ใช่ใครจะรังแกได้ เวลานี้จึงไม่กล้ามาก่อกวนอีก 

 

 

หันมาทางด้านหนานหลิวเฟิงบ้าง 

 

 

หลังจากที่หนานกรุ๊ปกับมั่วเฉินเซวียนและพวกได้รับหุ้นจากซีเหมินหลงเซี่ยวแล้ว กลายเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทที่ไหลย่ากรุ๊ปตั้งขึ้นในเมืองเอฟ หลังจากเตรียมการอย่างเอิกเกริกแล้วก็เริ่มเปิดดำเนินกิจการ 

 

 

ไม่เสียทีที่เป็นแบรนด์บริษัทข้ามชาติ หลังจากที่บริษัทเริ่มกิจการแล้ว ก็ขายดีเหนือความคาดหมาย จนสินค้าขาดตลาด คนที่เข้าหุ้นได้ผลกำไรไม่น้อย ขณะที่พวกเขาได้รับผลดีก็พากันหัวเราะเยาะที่เฉวียนหมิงพลาดโอกาสดีครั้งนี้ไป 

 

 

ที่ห้องหนังสือของบิดาหนานหลิวเฟิงในคฤหาสน์สกุลหนาน 

 

 

“พ่อ เรียกผมหรือครับ?” หลังจากเลิกงานกลับมาก็ได้ยินว่าบิดารอตนอยู่ที่ห้องหนังสือ หนานหลิวเฟิงวางเสื้อโค้ทและของในมือลง คลายเน็กไทออก หลังจากเคาะประตูแล้วก็เปิดออก พร้อมกับพูดขึ้น 

 

 

บิดาเขาหันหลังให้ กำลังรับโทรศัพท์อยู่ พอได้ยินเสียงเคลื่อนไหวข้างหลังก็พูดสั่งสองสามคำแล้ววางสาย เขาหันกลับมา หยิบเอกสารบนโต๊ะแล้วโยนไปที่ปลายเท้าลูกชาย 

 

 

“นี่มันอะไร แกอธิบายให้ฉันฟังซิ” สีหน้าผู้เป็นพ่อโกรธเกรี้ยว เขานั่งบนเก้าอี้ท่าทางโมโห จ้องมองลูกชายตาเขม็ง 

 

 

หนานหลิวเฟิงหยุดยืน หยิบเอกสารขึ้นมา มองแวบเดียวก็เห็นเนื้อหาในเอกสาร แววตาส่ายไปมา ไม่รีบร้อนตอบ 

 

 

“เป็นใบ้ไปแล้วหรือ? มอบบริษัทให้แก แล้วแกบริหารอย่างนี้ ถ้าวางมือให้แกทำจริงๆ ไม่แย่รึ!” ผู้เป็นพ่อดูจะโกรธมาก ใบหน้าเกรี้ยวกราด 

 

 

“พ่อ ผมทำอะไรผิด หลายโครงการก็ล้วนทำสำเร็จ ชิงโครงการพวกนี้มาได้ แม้ราคาจะสูงไปสักนิด แต่ผลสุดท้ายก็ยังได้กำไร มีอะไรไม่ดีครับ?” หนานหลิวเฟิงย้อนถาม เขาจัดเอกสารพลางเดินมาหาบิดา 

 

 

ผู้เป็นพ่อขมวดคิ้ว มือข้างหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะ พอได้ยินเช่นนั้นก็ตบโต๊ะแรงๆ “แต่ไม่ใช่ให้แกใช้วิธีที่ทำให้คนอื่นไม่พอใจ!” 

 

 

บริษัททำการประมูลย่อมต้องเสนอราคาสูงต่ำเพื่องชิงโครงการให้ได้ นี่เป็นเรื่องที่ยากจะหลีกเลี่ยงได้ ทุกฝ่ายต่างเข้าใจดี เพราะนี่คือธุรกิจ ถ้าไม่ใช่บริษัทนี้ประมูลได้ ก็เป็นบริษัทนั้นประมูลได้ ถือเป็นเรื่องปกติ 

 

 

แต่ถ้าเป็นการชิงประมูลจากบริษัทหนึ่งอย่างต่อเนื่องเพื่อแย่งโครงการมา แบบนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นพฤติกรรมที่พุ่งเป้าไปที่อีกฝ่าย 

 

 

หนานกรุ๊ปแย่งชิงหลายโครงการจากมือเฉวียนกรุ๊ป ความร่วมมือส่วนหนึ่งก็เปลี่ยนเป็นบริษัทอื่น เรื่องนี้แพร่สะพัดไปในแวดวงธุรกิจแล้ว เป็นที่รู้กันไปทั่ว 

 

 

เริ่มแรกเขาคิดว่ามีคนปล่อยข่าว แต่เวลานี้ดูแล้วไม่ใช่อย่างนั้น 

 

 

“เป็นพ่อที่สอนผมเองไม่ใช่หรือ ในวงการค้าไม่มีศัตรูหรือมิตรแท้ ผมเพียงแต่คิดว่าเหมาะสมก็ตัดสินใจทำครับ” ดูเหมือนหนานหลิวเฟิงจะเตรียมรับมือกับเรื่องนี้ไว้ก่อนแล้ว พูดตอบได้อย่างคล่องปากและมีเหตุผล 

 

 

ผู้พ่อลุกพรวดขึ้นยืน “แก! แกตั้งใจใช่ไหม หรือว่าเพราะคนที่ชื่ออีลั่วเสวี่ย?” 

 

 

ดวงตาหนานหลิวเฟิงเจิดจ้าขึ้นทันทีที่ได้ยินชื่ออีลั่วเสวี่ย “พ่อครับ ที่ผมทำทั้งหมดนี้ก็เพื่อบริษัท ไม่ใช่เพื่อใครทั้งนั้น” 

 

 

แต่ยิ่งเขาพยายามตัดความเชื่อมโยงออกไป รวมทั้งปิดบังความคิดในใจตัวเอง กลับยิ่งเผยพิรุธออกมาให้คนอื่นเห็น สีหน้าเขาอยู่ในสายตาของผู้เป็นพ่อ 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 365 หนานหลิวเฟิงทุ่มสุดตัว 

 

 

“บอกพ่อมาตามตรง แกยังคิดถึงอีลั่วเสวี่ยคนนั้นอยู่ใช่ไหม?” ใครบ้างที่ไม่ใครทำอะไรวู่วาม ใครบ้างที่ไม่ใครทำเพื่อความรักโดยไม่คำนึงถึงอะไรทั้งสิ้น แต่ปัญหาก็คือบางครั้งไม่ใช่คุณทุ่มเทก็จะสมหวังเสมอไป 

 

 

บางทีอีกฝ่ายไม่ใช่ของคุณอย่างแน่นอน หรือตั้งแต่ต้นก็เป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่ร่วมกัน ถ้าเช่นนั้นยังจะฝืนต่อไปหรือ 

 

 

ถ้าไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนนั้นเป็นคนของเฉวียนหมิง บางทีเขาอาจจะบอกกับลูกชายว่าขอเพียงมีเงินก็จะทำได้ แต่ปัญหาคืออีกฝ่ายไม่ใช่คนที่จะไปกวนใจได้ 

 

 

แม้เฉวียนหมิงจะอายุมากกว่าหนานหลิวเฟิงไม่กี่ปี แต่หลายปีนี้ที่เคยร่วมงานกัน เขาจึงพบว่าเฉวียนหมิงเป็นคนที่รับมือด้วยยาก ลูกชายตนยังอ่อนหัดไปหน่อย เขาไม่อยากถูกเฉวียนกรุ๊ปแก้แค้นเพราะเรื่องนี้ 

 

 

ตัวเขาเองไม่เป็นไร แต่ลูกชายตนอย่างไรที่ยังต้องรักษาศักดิ์ศรีบ้าง 

 

 

หนานหลิวเฟิงเงยหน้าขึ้น แววตาไม่มีความรู้สึกผิด “พ่อครับ พ่อเข้าใจผิดแล้ว ผมแค่อยากพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าผมสามารถนำหนานกรุ๊ปได้ ผมมีศักยภาพนี้ ก็เท่านั้นเอง” 

 

 

เขาจะไม่ยอมแพ้คนขี้โรคอย่างเฉวียนหมิงเด็ดขาด ดีขึ้นแล้วแล้วจะยังไง เขาไม่เชื่อว่าเฉวียนหมิงจะสุขภาพแข็งแรงอย่างต่อเนื่องได้ จะอย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ใครๆ ก็รู้เรื่องที่เฉวียนกรุ๊ปเสาะหาหมอที่มีชื่อเสียงไปทั่ว 

 

 

เฉวียนหมิงไม่ได้แข็งแรงอย่างที่มองเห็นหรอก 

 

 

“เฟิงเอ๋อ! พ่อเป็นพ่อแกนะ ระหว่างพ่อลูกไม่มีอะไรที่คุยไม่ได้ ฟังพ่อเถอะ ยอมถอย อย่าทำเรื่องที่จะทำให้ตัวเองเสียใจทีหลัง” ในเมื่อลูกชายตนไม่ยอมรับว่าสาเหตุมาจากผู้หญิงคนนั้น เขาจึงพูดเบี่ยงไปบ้าง 

 

 

หนานหลิวเฟิงยิ้ม “พ่อวางใจเถอะครับ พยัคฆ์ย่อมไม่มีลูกเป็นสุนัข ผมจะไม่ทำให้พ่อผิดหวัง ยิ่งไม่รู้สึกเสียใจภายหลัง” ขอเป็นเพียงเส้นทางที่เขาเลือก ก็จะเดินต่อไป 

 

 

ถ้าเขาไม่พิสูจน์ความสามารถของตัวเองให้คนอื่นรู้ แล้วจะทำให้คนอื่นมองเห็นความโดดเด่นของเขาได้อย่างไร 

 

 

บางทีเมื่อก่อนในมหาวิทยาลัยเขาคือคนที่อีลั่วเสวี่ยเห็นว่าดีที่สุด แต่หลังจากที่เธอพบกับเฉวียนหมิง ได้เห็นเฉวียนหมิงที่มีอำนาจและมีหน้าตาหล่อเหลากว่า ทำให้เธอเปลี่ยนใจ 

 

 

เขาเชื่อมั่นว่าหน้าตาของตนเองไม่ได้ด้อย ที่เหลือถ้าเหนือกว่าเฉวียนหมิงได้ก็ยิ่งดี เขาไม่เชื่อว่าอีลั่วเสวี่ยจะยินดีอยู่กับคนที่อายุสั้นอย่างนั้น! 

 

 

อีลั่วเสวี่ยและเฉวียนหมิงไม่รู้ว่าเวลานี้หนานหลิวเฟิงไม่ใช่แค่ไม่ปล่อยวาง แต่ยังยอมทุ่มสุดตัว 

 

 

ขณะที่ผู้เป็นพ่อกำลังจะพูดอะไร หนานหลิวเฟิงวางเอกสารในมือลง “พ่อครับ ผมเหนื่อยแล้ว ขอกลับไปก่อน พ่อวางใจได้ ในเมื่อผมกล้าทำผมก็คิดดีแล้วที่จะแบกรับผลที่จะเกิดตามมาเพราะเรื่องนี้” 

 

 

นอกจากเขาแล้ว ยังมีคนที่คอยจ้องจะเล่นงานเฉวียนกรุ๊ป เขาไม่ได้สู้รบตามลำพัง 

 

 

เขาไม่เห็นรอยยิ้มที่มุมปากลูกชายขณะที่หันหลังไป เป็นรอยยิ้มที่เปี่ยมด้วยความเชื่อมั่นในตัวเอง 

 

 

“เฟิงเอ๋อ” หนานหลิวเฟิงเดินไปเร็วมาก ผู้เป็นพ่อยังอยากจะพูดอะไรอีก แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกมา 

 

 

หนานหลิวเฟิงปิดประตู ยกมุมปากขึ้น ไม่มีท่าทางเหนื่อยล้าสักนิด แล้วเดินไปที่ห้องของตนอย่างกระฉับกระเฉง 

 

 

หลังจากผ่านการขัดเกลาที่บริษัทระยะหนึ่งแล้ว เวลานี้เขาไม่ละล้าละลังเหมือนตอนที่อยู่มหาวิทยาลัย กลับเฉียบขาดขึ้นมาก ไม่เช่นนั้นคงไม่กล้าโต้แย้งกับบิดา ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ เขาคงไม่กล้าทำ 

 

 

นอกจากทางด้านสกุลหนานที่วุ่นวายเพราะเรื่องที่โครงการของเฉวียนกรุ๊ปถูกชิงไป ยังมีอีกบุคคลหนึ่งที่โกรธเกรี้ยวเพราะเรื่องนี้ 

 

 

“เพราะอะไรนี่! เพราะอะไร! ทำไมจู่ๆ หนานกรุ๊ปก็ทำแบบนี้” เฉวียนสืออยู่ที่คฤหาสน์หลังหนึ่ง ใบหน้าเคร่งเครียดขึ้นหลังจากอ่านรายงานและดูข่าวแล้ว 

 

 

สุดท้ายก็ยกแฟ้มเอกสารฟาดโต๊ะ โมโหจนเส้นเอ็นนูนออกมา 

 

 

“บอกฉันซิ นี่มันเรื่องอะไรกัน!” เขามองบอดี้การ์ด น้ำเสียงแข็งกร้าว พูดอย่างไม่พอใจ 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด