หมอยาหวานใจท่านประธาน 388 คุณพลาดอะไรไปกันแน่ / 389 คุณหนูใหญ่ ผมอยากร้องไห้

Now you are reading หมอยาหวานใจท่านประธาน Chapter 388 คุณพลาดอะไรไปกันแน่ / 389 คุณหนูใหญ่ ผมอยากร้องไห้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 388 คุณพลาดอะไรไปกันแน่

 

 

บอกว่าขอบใจ แต่ไม่ได้พูดว่าเชิญเขาเข้าไปนั่งสักครู่ ในใจหนานหลิวเฟิงรู้สึกเสียดาย แต่วันนี้สามารถส่งอีลั่วเสวี่ยกลับบ้าน สำหรับเขาแล้วเป็นความคืบหน้าที่ใหญ่มาก

 

 

ต้องรู้ว่าถ้าเป็นเมื่อก่อน เธอจะไม่พูดกับเขาด้วยซ้ำ เวลานี้เป็นความคืบหน้าที่ดีมาก อย่างน้อยตอนนี้เขาก็รู้ว่าเธอพักที่ไหน บางทีหลิ่วเฟยอวิ๋นไม่แน่ว่าจะรู้

 

 

พอหนานหลิวเฟิงคิดเช่นนี้ก็อารมณ์ดีขึ้นมากทันที แล้วบังเอิญที่หลิ่วเฟยอวิ๋นไม่รู้จริงๆ มีเพียงหลิ่วเฟยซวงและเหอเย่ว์ที่รู้ว่าเวลานี้อีลั่วเสวี่ยพักอยู่ที่นี่

 

 

“ไม่ต้องขอบใจหรอก เราเพื่อนกันไม่ใช่หรือ เอาละ ไม่พูดแล้ว คุณรีบเข้าไปเถอะ ตอนค่ำอากาศเย็น คุณยังสวมเสื้อผ้าน้อยด้วย” หนานหลิวเฟิงมีท่าทีเป็นสุภาพบุรุษและมีมารยาทมาก ครั้งนี้เขาทำตัวได้อย่างน่าพอใจ

 

 

เขาพูดจบก็กลับเข้าไปในรถ ถอยรถ แล้วเลี้ยวขับออกไปอย่างชำนาญ

 

 

อีลั่วเสวี่ยยิ้มที่มุมปาก ถือของเดินไปที่คฤหาสน์ มไม่ได้สนใจหนานหลิวเฟิงซึ่งขับรถออกไปอย่างช้าๆ

 

 

เขามองผ่านกระจกหลัง เห็นยามเปิดประตูบานเล็กรับอีลั่วเสวี่ยเข้าไป จากนั้นจึงปิดประตู แล้วไปเปิดประตูรถที่อยู่ด้านในของประตูเหล็ก วางข้าวของไว้ในรถ

 

 

จากนั้นก็เห็นอีลั่วเสวี่ยนั่งในรถคันนั้น ถูกส่งไปยังคฤหาสน์ที่เห็นลางๆ ใต้ร่มไม้ จากประตูใหญ่ไปถึงคฤหาสน์ มีการใช้รถรับส่ง ช่างหรูหราโอ่อ่าจริงๆ

 

 

ตอนนี้นึกดูแล้ว หนานหลิวเฟิงจึงเข้าใจแล้วว่าทำไมอีลั่วเสวี่ยแม้จะไม่ทำตัวเด่น แต่บนตัวเธอจึงมีกลิ่นไอคนชั้นสูงหนักมาก ที่แท้เป็นเพราะความเคยชินที่บ่มเพาะขึ้นจากสภาพแวดล้อมเช่นนี้นี่เอง

 

 

ดังนั้นเธอจึงสีหน้าไม่เปลี่ยนไม่ว่าจะเผชิญกับสถานการณ์อย่างไร ทั้งหมดนี้เป็นเพราะสายตาเธอสูงมาก ดังนั้นบรรดาคนที่มีชื่อเสียงในงานเลี้ยง สำหรับเธอแล้วก็แค่นั้นเอง

 

 

เป็นไปได้มากว่าเธอคงคิดว่าก่อนหน้านี้ตนเองชอบเด็กสาวที่ใสบริสุทธิ์น่ารัก จึงแสดงออกแบบนั้นตลอดมา แต่หลังจากที่รู้ว่าตนเองไม่สนใจเธอ เธอจึงกลับมาเป็นตัวของตัวเอง ซีรีย์ทางทีวีก็แสดงเรื่องทำนองนี้ไม่ใช่หรือ

 

 

ในดวงตาหนานหลิวเฟิงฉายความรู้สึกเสียดายออกมา แล้วเหยียบคันเร่งขับรถแล่นทะยานออกไป ทั้งหมดนี้มีเพียงลูกบอลเงินสังเกตเห็น แต่มันไม่ได้ใส่ใจ

 

 

“หนานหลิวเฟิงเอ๋ยหนานหลิวเฟิง คุณพลาดอะไรไปกันแน่!” คุณพลาดเด็กสาวแสนดีที่ชอบคุณ อีกทั้งฝ่ายนั้นอาจจมีฐานะและความสามารถเหนือกว่าคุณ

 

 

ถนนที่ว่างเปล่าไร้ผู้คนทำให้เขารู้สึกใจโหวงเหวง ยิ่งหดหู่

 

 

“ฉันจะไม่ยอมแพ้!” หนานหลิวเฟิงเม้มริมฝีปากแน่น ขณะนี้เขาคาดหวังว่านายท่านผู้เฒ่าเฉวียนจะไม่ให้อภัยอีลั่วเสวี่ย เป็นแบบนี้ต่อไป เขาก็จะมีโอกาสที่จะแสดงความสามารถให้เธอเห็น

 

 

หนานหลิวเฟิงในสภาพจิตใจเช่นนี้ค่อยๆ หายลับไปในความมืดของราตรีกาล

 

 

“คุณหนูใหญ่ กลับมาแล้ว กินข้าวหรือยัง ถ้ายังไม่ได้กิน ผมจะไปอุ่นให้ กลัวว่ากลางคืนคุณจะหิว จึงเตียมอาหารไว้ให้” อาเหมาเห็นอีลั่วเสวี่ยหิ้วของมากมายเข้ามา ก็รีบมาช่วยรับของแล้วเอ่ยถาม

 

 

อีลั่วเสวี่ยรู้สึกถึงความห่วงใยที่คุ้นเคย ทำให้ความอึดอัดใจผ่อนคลายลงมาก ทำให้เธอยิ่งตระหนักว่าบ้านตัวเองอบอุ่นที่สุด แม้ว่านี่จะเป็นบ้านที่เกิดขึ้นภายหลัง แต่ดีมาก ดีมากจริงๆ

 

 

เธอไม่รู้ว่า ที่ดีกว่ายังอยู่ภายหลัง

 

 

“งั้นคงต้องรบกวนอาเหมาแล้วค่ะ พออาพูดขึ้น ฉันก็รู้สึกหิวขึ้นมาทันที” ที่จริงบ่ายวันนี้เธอกินอะไรบ้าง แต่เพราะเดินซื้อของจนเพลิน ไม่ทันรู้ตัวท้องฟ้าก็มืดแล้ว

 

 

อาเหมายิ้มร่า วางข้าวของทั้งหมดไว้ข้างโซฟา “ได้เลย คุณหนูใหญ่รอเดี๋ยว ผมจะไปยกมาให้”

 

 

 

 

ตอนที่ 389 คุณหนูใหญ่ ผมอยากร้องไห้

 

 

ที่จริงอาเหมาใส่อาหารไว้ในกล่องเก็บความร้อน อีกทั้งเขาเองก็เพิ่งกินเสร็จเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน ตอนเที่ยงวันนี้เมื่อโทรหาอีลั่วเสวี่ย เขาผ่านโลกมามาก สังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่าง

 

 

โดยเฉพาะตอนที่วางสาย เขาได้ยินเสียงร้องหึลางๆ เขารู้ว่าเป็นเสียงใคร ที่นายท่านผู้เฒ่าเฉวียนไม่ยอมรับคุณหนูใหญ่บ้านตนนั้น เขาพอได้ยินมาบ้าง

 

 

เขาไม่เข้าใจ คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลอวิ๋นแท้ๆ ฝ่ายนั้นไม่พอใจอะไร คุณหนูใหญ่ของพวกเขาไม่ดีตรงไหน เขาไม่เชื่อว่าในเมืองเอฟจะหาหญิงสาวที่ดีกว่านี้ได้

 

 

แต่น่าเสียดายว่าอาเหมาไม่รู้ว่าที่จริงนายท่านผู้เฒ่าเฉวียไม่รู้ว่าอีลั่วเสวี่ยเวลานี้เป็นลูกสาวของอวิ๋นเว่ย ไม่งั้นเขาจะกล้าไม่ยอมรับเธอหรือ ต่อให้ไม่ชอบ ก็ไม่กล้าแสดงออกอย่างเปิดเผย

 

 

“ยังคงเป็นอาเหมาที่ดีต่อฉัน จริงสิ อาเหมา อาบอกว่าพ่อวานให้คนเอาของมาให้ฉัน เป็นอะไรหรือคะ?” ของสำคัญอะไรหรือ ถึงต้องโทรบอกเธอล่วงหน้า

 

 

อาเหมาในครัวยิ้มๆ ไม่พูดอะไร ถึงตอนนี้ประตูห้องรับแขกที่ไม่ห่างเปิดออก จ้าวจวินเดินหาวหวอดออกมา

 

 

“คุณหนูใหญ่ คุณกลับมาจนได้ ผมรอคุณนานแล้ว ต้องขอโทษด้วย นั่งรถมารู้สึกเพลีย เลยงีบหลับไป” จ้าวจวินลูบท้ายทอย ยิ้มร่าสีหน้าซื่อๆ

 

 

มุมปากอีลั่วเสวี่ยกระตุก แล้วเหลือบมองอาเหมาที่เดินออกมาจากครัว “อย่าบอกนะว่าของที่พ่อส่งมาให้ฉันก็คืออาจ้าว?” เรื่องนี้เหลือเชื่อเกินไป

 

 

“เรื่องนี้คุณหนูใหญ่คงต้องถามอาจ้าวของคุณเอง” อาเหมาวางชามตะเกียบและน้ำแกงชามหนึ่งลง ยิ้มแล้วเดินไปที่ครัว

 

 

ถึงตอนนี้จ้าวจวินเดินยิ้มร่ามา “ถ้าส่งคนมาได้ พี่อวิ๋นคงอยากส่งตัวเองมาแทบแย่แล้ว ฉันหรือ ไม่มีบุญวาสนาอย่างนั้นหรอก ฉันก็แค่ทำหน้าที่เป็นกระดาษห่อของ เอาของมาให้เธอ”

 

 

พูดแล้วก็เหมือนเล่นกล ไม่รู้ว่าเขาหยิบกล่องสีชมพูออกมาจากไหน บนกล่องยังผูกโบว์ด้วย ดูราวกับกล่องของขวัญสำหรับเด็ก

 

 

“ฮ่าฮ่า พูดแล้วเธออาจจะไม่เชื่อ นี่เป็นของที่พี่อวิ๋นหาคนทำให้คุณหนูใหญ่อย่างเธอโดยเฉพาะ” จ้าวจวินพูดจบก็ก้มตัวเล็กน้อย ใช้สองมือยื่นให้ ท่าทางราวกับคนรับใช้ยื่นของสำคัญให้

 

 

อีลั่วเสวี่ยยิ้มอย่างจนใจเมื่อเห็นท่าทางของเขา “พวกอา ถือฉันเป็นคุณหนูใหญ่สมัยโบราณที่ร้ายกาจไปแล้วหรือ?” พูดพลางยื่นมือไปรับกล่องไว้

 

 

จ้าวจวินหัวเราะร่า “เป็นคุณหนูใหญ่ไม่ผิดหรอก แต่ถ้าใครบังอาจพูดว่าร้ายกาจล่ะก็ สงสัยต้องถูกลงโทษให้วิ่งรอบสนาม ทั้งยังไม่ต่ำกว่าสี่ร้อยรอบด้วย”

 

 

“พ่อฉันลงโทษพวกอาอย่างนี้เป็นประจำหรือ?” อีลั่วเสวี่ยนั่งลง วางกล่องไว้บนโต๊ะ หยิบการ์ดบนกล่องมาอ่าน เป็นลายมือที่อวิ๋นเว่ยเขียนเอง ตัวหนังสือแข็งแกร่งและฉวัดเฉวียน ยังแฝงด้วยความเที่ยงตรง

 

 

“ใช่แล้ว สองสามอาทิตย์ก่อนหน้านี้ ฉันก็ถูกลงโทษ” ก็แค่นินทาอีลั่วเสวี่ยนิดหน่อยเท่านั้น เขาไม่ได้เอารูปให้ดูก็ยังถูกลงโทษ พูดขึ้นมาก็ยังหงุดหงิด

 

 

พออีลั่วเสวี่ยอ่านการ์ดที่อวิ๋นเว่ยเขียนก็รู้สึกหัวใจอบอุ่น อวิ๋นเว่ยทำตัวได้สมกับที่เป็นพ่อจริงๆ แล้วได้ยินที่จ้าวจวินบ่น เธอวางการ์ดในมือลงแล้วลงมือเปิดกล่อง

 

 

“ฉันรู้สึกสงสารที่อาจ้าวถูกลงโทษจังค่ะ สำหรับเรื่องนี้ฉันอยากพูดคำหนึ่งนั่นคือสงสารแต่ช่วยอะไรไม่ได้ค่ะ”

 

 

จ้าวจวินงุนงง “คุณหนูใหญ่ อาอยากร้องไห้”

 

 

“อาเหมา”

 

 

“คุณหนูใหญ่ มีอะไรหรือครับ?”

 

 

“ช่วยเตรียมกระดาษเช็ดหน้าให้อาจ้าวหน่อยค่ะ เขาบอกว่าเขาอยากร้องไห้”

 

 

อาเหมาชะงัก แล้วมองดูจ้าวจวินด้วยความสงสาร “ฉันว่าคงไม่ต้องหรอก ใช่ไหมเสี่ยวจ้าว ซ้ายมือคุณยังมีกล่องหนึ่ง ใช้หมดแล้วันค่อยเอาให้”

 

 

จ้าวจวิน “…” เวลานี้เขาไม่อยากร้องไห้แล้ว เพราะถึงจะอยากร้องแต่ไม่มีน้ำตา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด