หมอยาหวานใจท่านประธาน 464 คล้อยไปตามสถานการณ์ / 465 ยินดีรับเข้าสำนักแพทย์โบราณ

Now you are reading หมอยาหวานใจท่านประธาน Chapter 464 คล้อยไปตามสถานการณ์ / 465 ยินดีรับเข้าสำนักแพทย์โบราณ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 464 คล้อยไปตามสถานการณ์

 

 

ผู้อำนวยเห็นดวงตาอีลั่วเสวี่ยทอประกายอ่อนโยน ก็มีรอยยิ้มที่มุมปาก “ไม่มีเรื่องสำคัญอะไร เพียงแต่ไม่รู้ว่าคุณอีมีความเห็นอย่างไรบ้างต่อสำนักแพทย์โบราณเรา?”

 

 

เมื่อคืนเขารู้แล้วว่าในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมามีเพียงอีลั่วเสวี่ยเท่านั้นที่มายังสำนักแพทย์โบราณ เขาจึงให้คนค้นประวัติของเธอจนชัดเจนแล้ว

 

 

อีลั่วเสวี่ยเป็นนายหญิงน้อยแห่งเฉวียนกรุ๊ป คือภรรยาของเฉวียนหมิง ก่อนหน้านี้เขารู้เรื่องที่พวกเขาขอร้องให้มั่วเวิ่นหลอมยาแล้ว ส่วนทางเฟิงฉี่เขานึกไม่ถึงว่าสกุลเฟิงแห่งหลิงเป่าถังจะเชิญอีลั่วเสวี่ยเป็นหมอพิเศษของที่นั่น ควรรู้ด้วยว่าเธอเป็นแค่นักศึกษาปีสาม ยังเรียนไม่จบ ทั้งสายที่เธอเรียนอยู่ก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการแพทย์เลย

 

 

แต่เขามั่นใจว่าเมื่อคืนเป็นเธออย่างไม่ต้องสงสัย และวันนี้ไอทิพย์ที่เขาสัมผัสได้นั้นก็แผ่ออกมาจากตัวเธอ

 

 

อีลั่วเสวี่ยได้ยินเช่นนี้ก็ตกใจ ไม่รู้ว่าผู้เฒ่าท่านนี้มีจุดมุ่งหมายอะไรกันแน่ “สำนักแพทย์โบราณดีมากค่ะ ฉันมาเพื่อสอบถามอาจารย์มั่วว่าต่อไปจะรักษาอาการป่วยของเฉวียนหมิงอย่างไรค่ะ”

 

 

“แล้วเธอค้นพบวิธีหรือยัง?” ดูเหมือนผู้อำนวยการจะไม่ท่าทีว่าจะจากไป เขานั่งลงบนโซฟา สายตาเหลือบมองโจ๊กในหม้อ

 

 

เฟิงฉี่กลอกตา แล้วหยิบชามกับตะเกียบออมาจากตู้ “ไม่ทราบว่าท่านผู้อำนวยการกินมื้อเช้าหรือยัง ถ้ายังไม่ได้กิน กินกับเราได้ครับ”

 

 

เฟิงฉี่แค่พูดไปอย่างนั้นเอง คิดไม่ถึงว่าผู้อำนวยการจะตอบตกลง

 

 

ระหว่างกินโจ๊กเขาสอบถามอาการของเฉวียนหมิงไปด้วย ก่อนหน้านี้มั่วเวิ่นกับอีลั่วเสวี่ยปรึกษากันแล้ว ถ้ามีใครถามถึงการรักษาเฉวียนหมิง ก็ให้บอกว่าใช้ยาเดิม ส่วนอาการจะดีขึ้นหรือไม่ก็ขึ้นกับตัวเขา

 

 

มีมั่วเวิ่นคอยพูดสนับสนุน จะหาข้ออ้างพูดแก้สถานการณ์ย่อมไม่ยาก

 

 

“ฉันเห็นว่าคุณอีเองก็รู้จักการบำเพ็ญเพียร อย่างนี้ดีไหม ถ้าคุณสนใจวิชาแพทย์ก็เข้าสังัดสำนักแพทย์โบราณของเราได้” พูดมาตั้งยาว สุดท้ายผู้อำนวยการบอกจุดมุ่งหมายออกมาแล้ว

 

 

คำพูดเขาทำให้ทั้งสามคนแปลกใจ พวกเขานึกถึงเหตุผลต่างๆ ที่ผู้อำนวยการมาพบเธอที่นี่ แต่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเรื่องนี้

 

 

“ขอบคุณที่ท่านผู้อำนวยการเชื่อมั่นในตัวฉัน แต่อาจไม่ค่อยดี ฉันไม่ได้เรียนมาทางนี้ เกรงว่าจะเรียนไม่ไหวค่ะ”

 

 

คิดไม่ถึงว่าผู้อำนวยการจะไม่โกรธกลับหัวเราะ “คุณอีไม่ต้องถ่อมตัวหรอก ถ้าคุณไม่มีฝีมือบ้าง จะกลายเป็นหมอพิเศษของหลิงเป่าถังได้หรือ”

 

 

ช่วงเวลาสั้นๆ แค่นี้ ตาแก่คนนี้สืบรู้ได้มากมายอย่างนี้ ร้ายกาจมาก

 

 

พอผู้อำนวยการเห็นสีหน้าอีลั่วเสวี่ยไม่ค่อยยินดีนัก จึงเปลี่ยนน้ำเสียง “คืออย่างนี้ ฉันไม่ตั้งใจจะสืบเรื่องคุณอี แต่คุณควรรู้ว่า โลกปัจจุบันนี้ อัจฉริยะอย่างคุณมีน้อยมาก สำนักแพทย์โบราณเราหวังอย่างยิ่งว่าคุณจะเข้าสังกัดสำนักเรา”

 

 

อีลั่วเสวี่ยนิ่งคิดครู่หนึ่งแล้วยิ้ม “ไม่เสียทีที่เป็นสำนักแพทย์โบราณ อยากสืบดูใครก็ทำได้ ที่จริงไม่ว่าสำนักไหนก็ล้วนหารือกันได้ ดูว่าใครจะมีข้อเสนอที่ดี”

 

 

เธอยึดถือความจริง โลกนี้ยึดถือผลประโยชน์มากกว่าโลกของเธอเสียอีก โลกของเธอนั้นถ้าคุณมีความสามารถพอ อยากได้อะไรก็ได้ แต่โลกนี้ต่างออกไป ยังต้องมีอำนาจและอิทธิพลด้วย

 

 

ดวงตาผู้อำนวยการเป็นประกายทันที “ข้อเสนองั้นหรือ ไม่รู้ว่าคุณอีคิดว่าตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักแพทย์โบราณเป็นอย่างไร?”

 

 

พอผู้อำนวยการพูดคำนี้ออกมา ทำให้เฟิงฉี่เกือบสำลักข้าว โอ้โห ขนาดนี้เชียวหรือ เอาตำแหน่งรองผู้อำนวยการมาเชิญให้อีลั่วเสวี่ยอยู่ต่อที่สำนักแพทย์โบราณ ใจใหญ่จริงๆ ถ้าใจไม่หวั่นไหวก็คงแปลก

 

 

 

 

ตอนที่ 465 ยินดีรับเข้าสำนักแพทย์โบราณ

 

 

อีลั่วเสวี่ยถึงกับกลั้นหายใจ แต่สีหน้ากลับเรียบเฉย ประสบการณ์ของสองภพฝึกปรือให้เธอสามารถมีสีหน้าเรียบเฉยแม้เขาไท่ซานจะถล่มลงมา

 

 

แต่ในสายตาผู้อำนวยการ นั่นหมายถึงตนเองเลือกคนไม่ผิด ไม่ได้ตัดสินใจผิดพลาด ยิ่งมั่นใจว่าเธอคือผู้ที่บำเพ็ญเพียรที่ศาลาหลังเขาเมื่อคืน

 

 

“ท่านผู้อำนวยการค่ะ อย่างนี้อาจจะไม่ค่อยเหมาะ ฉันไม่มีคุณธรรมและความสามารถพอที่จะรับตำแหน่งสำคัญเช่นนี้ ฉันเองก็ไม่มีคุณูปการต่อสำนักแพทย์โบราณ จู่ๆ ก็ได้ตำแหน่งสำคัญ คนอื่นคงแปลกใจ”

 

 

ผลประโยชน์ล่อใจมาก เธอไม่สามารถเห็นแก่เค้กก้อนใหญ่แล้วมองข้ามผลสะเทือนที่จะเกิดขึ้นเพราะเธอ

 

 

“จริงด้วย ผู้อำนวยการครับ วันนี้ท่านคงไม่กินยาผิดขนานนะ” เฟิงฉี่ชักสงสียว่าเขาคือผู้อำนวยการของพวกเขาหรือไม่

 

 

มุมปากผู้อำนวยการกระตุก “เจ้าหนุ่ม ฉันเป็นผู้อำนวยการหรือเธอผู้อำนวยการกันแน่?”

 

 

เฟิงฉี่เบ้ปาก “แต่วันนี้ท่านผู้อำนวยการแปลกมากครับ” ทั้งยังแปลกเป็นพิเศษด้วย

 

 

ถึงตอนนี้มั่วเวิ่นชะงักเล็กน้อยแล้วพูด “ท่านผู้อำนวยการ ตำแหน่งรองผู้อำนวยการไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย” ที่ผ่านมาผู้อำนวยการเข้มงวดมากกับศิษย์เอกที่เขาบ่มเพาะด้วยตนเอง แม้ตำแหน่งรองผู้อำนวยการจะไม่ต้องเข้มงวดขนาดนี้ แต่ที่จริงก็ ไม่ใช่ใครๆ ก็เป็นได้ อย่างน้อยต้องเป็นผู้ที่ผ่านการบำเพ็ญเพียรและต้องรอบรู้วิชาแพทย์ด้วย

 

 

มั่วเวิ่นเองกลับคิดว่าอีลั่วเสวี่ยรับหน้าที่นี้ได้ แต่ปัญหาก็คือในสำนักยังมีบุคคลระดับสูงหลายคน ถ้าจะให้ทุกคนยอมรับอีลั่วเสวี่ยด้วย ย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

 

 

สีหน้าผู้อำนวยการจริงจังมาก “ฉันไม่ได้ล้อเล่น คุณอีมีพรสวรรค์และฉลาด สามารถเป็นรองผู้อำนวยการของสำนักแพทย์โบราณได้ ถือเป็นเกียรติของสำนักแพทย์โบราณเรา”

 

 

“แต่ฉันไม่ต้องการเป็นรองผู้อำนวยการค่ะ” อีลั่วเสวี่ยพูดอย่างเปิดเผย ท่าทางเธอสงบนิ่ง ฐานะสูงเกินไป ทั้งยังต้องรับผิดชอบมากมาย เธอไม่สนใจที่จะดูแลคนมากมายอย่างนี้

 

 

ผู้อำนวยการกลอกตารอบหนึ่ง “ถ้างั้นคุณอีอยากได้ตำแหน่งอะไร เราหารือกันได้”

 

 

เดิมทีอีลั่วเสวี่ยไม่คิดจะรับปาก แต่วันหน้าเธอคงเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องหลอมยาอีก สถานที่ที่เหมาะที่สุดที่จะหลอมยาก็มีเพียงที่สำนักแพทย์โบราณเท่านั้น ทั้งเธอยังมีฐานะเป็นหมอพิเศษของหลิงเป่าถัง เพิ่มอีกฐานะหนึ่งก็คงไม่เป็นไร

 

 

“งานไม่ยุ่ง ไม่ถูกจำกัดความเป็นอิสระก็ได้แล้ว ทั้งฉันไม่ทำหน้าที่สอนด้วย” ถ้าเป็นครูก็ต้องสอนนักเรียน ยุ่งยากมาก ต้องมีคนมากมายคอยตามเธอ กลัวว่าเธอจะเผยพิรุธออกไป

 

 

ผู้อำนวยการยิ้มร่า “งั้นเป็นเหมือนอาจารย์มั่วเวิ่นก็แล้วกัน ถ้าสำนักแพทย์โบราณมีกิจกรรมอะไร เธอสามารถเข้าร่วมและขอข้อมูลได้ ส่วนเรื่องจะสอนศิษย์หรือไม่ ก็แล้วแต่เธอ”

 

 

อีลั่วเสวี่ยยอมรับข้อเสนอของผู้อำนวยการ

 

 

“ในเมื่อท่านผู้อำนวยการเชื่อมั่นในตัวฉัน งั้นก็ตกลงตามนี้ค่ะ” เธอไม่อยากพูดจาอ้อมค้อม เสียเวลาอภิปรายอีก ในเมื่ออีกฝ่ายมีความจริงใจ เธอย่อมมีความจริงใจตอบ

 

 

“ได้ งั้นก็ตกลงกันตามนี้ คุณอี ยินดีต้อนรับเข้าร่วมสำนักแพทย์โบราณ” ผู้อำนวยการพูดจบก็ยื่นมือออกมา จับมือกับอีลั่วเสวี่ย

 

 

มั่วเวิ่นนึกเสียดาย เดิมคิดว่าเธอจะมาเป็นลูกศิษย์เขา ทำไปทำมากลายเป็นเพื่อนร่วมงานของเขาไปแล้ว

 

 

“ขอบคุณค่ะ” อีลั่วเสวี่ยยิ้มพลางจับมือกับผู้อำนวยการ

 

 

ขณะที่จับมือกัน ทั้งสองฝ่ายหยั่งดูพลังของฝ่ายตรงข้ามอย่างเงียบๆ

 

 

อีลั่วเสวี่ยตกใจเล็กน้อย โลกนี้ไม่เพียงมีผู้บำเพ็ญเพียร ยังมีพลังฝีมือสูงถึงขั้นนี้

 

 

ส่วนผู้อำนวยการประเมินอีลั่วเสวี่ยสูงกว่า อายุน้อยเท่าก็มีพลังทิพย์กล้าแข็งถึงเพียงนี้แล้ว วันหน้าถ้าฝึกปรือยิ่งขึ้น ต้องช่วยให้สำนักแพทย์โบราณของพวกเขาส่งผลสะเทือนได้ใหญ่ขึ้นแน่นอน เขารู้สึกตนเองตัดสินใจถูกแล้ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด