หมอยาหวานใจท่านประธาน 446 คุณหลอกผม / 447 คุณลองไล่ดูสิ

Now you are reading หมอยาหวานใจท่านประธาน Chapter 446 คุณหลอกผม / 447 คุณลองไล่ดูสิ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 446 คุณหลอกผม  

 

 

อีลั่วเสวี่ยหรี่ตา ยิ้มอย่างน่าดู ดวงตาที่สวยงามเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม ความสวยของเธอถึงกับทำให้หลี่ห้าวหมิงตะลึง  

 

 

“ไม่มีเทียบเชิญก็เข้าไปไม่ได้งั้นหรือ?” เธอเอียงคอ สีหน้าไร้เดียงสา  

 

 

ถึงตอนนี้หลี่ห้าวหมิงยิ่งคิดว่าอีลั่วเสวี่ยเป็นเด็กสาวไม่ประสีประสาที่เฟิงฉี่พามา อาจจะเป็นแฟนก็ได้ จึงคิดจะเล่นงานเฟิงฉี่  

 

 

“ถูกต้อง สำนักแพทย์โบราณมีกฎข้อนี้ แต่ก็ต้องดูตามสภาพ แต่ศิษย์น้องเฟิงฉี่ยังไม่มีสิทธิที่จะพาคนเข้ามา เขารับผิดชอบไม่ได้”  

 

 

ที่เขาพูดเป็นความจริง เฟิงฉี่เข้าสังกัดสำนักแพทย์โบราณหลังหลี่ห้าวหมิงหลายปี จำเป็นต้องมีอายุที่แน่นอนและไม่เคยทำความผิดร้ายแรง จึงจะสามารถพาคนเข้าไปในสำนักแพทย์โบราณโดยที่ไม่มีเทียบเชิญ  

 

 

อีกทั้งคนที่จะเข้ามาจะต้องเป็นผู้ที่รู้เรื่องการบำเพ็ญเพียร จะให้คนนอกหรือคนที่มีเจตนาร้ายเข้ามาไม่ได้เด็ดขาด  

 

 

ขณะที่เฟิงฉี่กำลังจะพูด อีลั่วเสวี่ยก็พูดขึ้น “เอ๊ะ? ถ้างั้นวันนี้ฉันก็เข้าไปไม่ได้แล้วหรือ?”  

 

 

หลี่ห้าวหมิงสั่นหัว “ก็ไม่ใช่ ผมในฐานะศิษย์พี่ของเฟิงฉี่ คุณยังเป็นเพื่อนของเขา วันนี้ถือว่าเรารู้จักกัน ดังนั้นผมคิดว่า คุณอย่าเพิ่งรีบร้อนเข้าไป หาที่ไหนพักก่อน ผมจะช่วยวิ่งเต้นข้างในให้ ไม่ช้าก็จะเข้าไปได้ ไม่รู้ว่าคุณเห็นด้วยไหม อ้อ จริงด้วย ยังไม่รู้เลยว่าคุณชื่ออะไร?”  

 

 

ขณะที่หลี่ห้าวหมิงพูดเช่นนี้ก็ไม่ลืมที่จะท้าทายเฟิงฉี่ คำพูดเขาแฝงเจตนาอื่นอย่างชัดเจน เขาอยากให้อีลั่วเสวี่ยกินข้าวกับเขาสักมื้อ “จะได้ทำความรู้จักกัน” มองออกว่าสุนัขป่ามุ่งร้ายอะไร  

 

 

หลังจากที่อีลั่วเสวี่ยมองเจตนาของหลี่ห้าวหมิงออกแล้ว ก็นึกหัวเราะเยาะในใจ แต่ไม่ได้แสดงออกมาทางสีหน้า  

 

 

“งั้นคุณคิดว่าเราจะทำความรู้จักกันอย่างไรดี”  

 

 

เฟิงฉี่รู้แล้ว่าอีลั่วเสวี่ยเตรียมจะเล่นงานคนอีกแล้ว เขารู้ดีแต่ไม่พูดออกมา เพียงแต่แกล้งขมวดคิ้ว “ศิษย์พี่ พี่ห้าวหมิงอย่าทำเกินไปดีกว่า!” แกล้งกันซึ่งหน้าแบบนี้ ไม่หน้าด้านไปหน่อยหรือ เห็นชัดๆ ว่าคิดจะจีบอีลั่วเสวี่ย  

 

 

แต่เขารู้ว่าอีลั่วเสวี่ยต้องการสั่งสอนด้วยตัวเอง จึงได้แต่โมโหแต่ไม่แสดงออกมา  

 

 

หลี่ห้าวหมิงเห็นทั้งหมดในสายตา คิดว่าเฟิงฉี่อ่อนแอเกินไป ดวงตาฉายแววดูแคลนออกมา แล้วพูดกับอีลั่วเสวี่ยอีก “เรื่องนี้ง่ายมาก คุณอยากจะทำความรู้จักอย่างไรก็ได้ ผมกับศิษย์น้องเฟิงฉี่เป็นเพื่อนกัน จะไม่ช่วยเขาได้หรือ”  

 

 

ช่วยเขา ไม่แกล้งเขาก็ไม่เลวแล้ว ยังจะช่วย ไม่รู้ว่าเขาพูดอย่างไร้ยางอายเช่นนี้ได้อย่างไร  

 

 

“งั้นก็หมายความว่าคุณเองก็ไม่อาจพาฉันเขาไปได้ นี่เท่ากับคุยโม้แต่ที่จริงทำไม่ได้ ส่วนชื่อ ทำไมฉันต้องบอกให้คุณรู้ด้วย แล้วคุณมีสิทธิอะไรที่จะไม่ให้ฉันเข้าไป?”  

 

 

หลี่ห้าวหมิงทำอะไรไม่ถูกเมื่อจู่ๆ อีลั่วเสวี่ยก็เปลี่ยนท่าที จนพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง  

 

 

ถึงตอนนี้คนเฝ้าถึงกับไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี “ถ้าพวกคุณยังเข้าไปไม่ได้ ก็หลบออกไปก่อน อย่าขวางทางคนอื่น” ขณะที่พวกเขาโต้เถียงกันอยู่ มีคนจะเข้าไป แต่ถูกบีบให้ยืนรออยู่ข้างๆ  

 

 

“คุณบังอาจหลอกผม!” หลี่ห้าวหมิงจ้องอีลั่วเสวี่ย สีหน้าไม่พอใจ หึ ชายชาตรีแท้ๆ กลับถูกผู้หญิงคนนี้หลอก น่าแค้นใจนัก  

 

 

อีลั่วเสวี่ยเลิกคิ้วขึ้น “ฉันหลอกอะไรคุณ ฉันก็แค่พูดไปตามความจริง อีกอย่าง พี่ชายคนที่เฝ้าอยู่คิดอยางไร คุณมองไม่ออกงั้นหรือ ถ้าฉันเข้าไปไม่ได้จริงๆ เขาคงเตือนแต่แรกแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้คุณมาอวดเบ่งออกคำสั่งหรอก”  

 

 

เดิมเธอไม่อยากทำตัวเด่นตั้งแต่วันแรกที่มาถึงที่นี่ เพราะอย่างไรที่นี่ก็เป็นอาณาเขตของสำนักแพทย์โบราณ  

 

 

 

 

 

ตอนที่ 447 คุณลองไล่ดูสิ  

 

 

แต่ใครใช้ให้คนอย่างหลี่ห้าวหมิงเหิมเกริมอย่างนี้ ปกติคงชอบรังแกเฟิงฉี่ เธอจะต้องช่วยกู้หน้าให้เฟิงฉี่บ้าง คิดจะจีบเธอและหวังในตัวเธอ จะต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างหนัก  

 

 

หลี่ห้าวหมิงกัดฟันกรอด “ฉันรู้แล้ว เธอมาที่สำนักแพทย์โบราณเพื่อก่อกวน เฟิงฉี่ แกมีเพื่อนแบบนี้ ทำให้สำนักแพทย์โบราณขายหน้าจริงๆ!”  

 

 

เฟิงฉี่เชิดมุมปากขึ้น พูดอย่างไม่พอใจ “ใครกันแน่ที่ทำเรื่องน่าอายก็ยังไม่แน่หรอก?” พูดจบก็มองดูข้อความบนมือถือ เขียนว่าเดี๋ยวอาจารย์ก็มาถึง  

 

 

“คุณเอะอะโวยวายเสียงดังอย่างนี้ ไม่ใช่เฟิงฉี่ทำขายหน้า แต่เป็นคุณต่างหาก” เธอตัดสินใจแล้ว ถ้าไม่เล่นงานคนคนนี้ให้หนัก เธอก็ไม่ชื่ออีลั่วเสวี่ย  

 

 

พอพูดถึงตอนนี้สีหน้าหลี่ห้าวหมิงก็ยิ่งหมองคล้ำ เพราะเขาพบว่ามีหลายคนกำลังมองมาที่ทางเข้า ยังมีส่วนหนึ่งกำลังตรวจลายนิ้วมือพร้อมกับนึกสงสัย  

 

 

เขาจ้องมองอีลั่วเสวี่ยแล้วพูด “นี่คุณ คุณมาก่อกวนใช่ไหม ตอนนี่ผมขอเตือนให้คุณรีบไปซะ ไม่งั้นผมจะเรียกรปภ.มาเชิญคุณออกไป”  

 

 

ที่สำนักแพทย์โบราณถ้านักท่องเที่ยวบุกรุกมาที่นี่หรือจงใจมาหาสร้างความเดือดร้อน พวกเชาก็จะใช้ไม้แข็งรับมือ เป็นสิ่งทำได้  

 

 

อีลั่วเสวี่ยได้ยินก็ยิ้ม “คุณจะไล่ฉันไปหรือ?”  

 

 

“รู้ก็ดีแล้ว เราสำนักแพทย์โบราณไม่ต้อรับคุณ” ต่อหน้าคนมากมายหลี่ห้าวหมิงไม่กล้าทำอะไรรุนแรง ขณะนี้ถ้าทำอะไรเกินไป ไม่ระวังถูกแอบถ่ายคลิปไว้ จะส่งผลเสียต่อพวกเขาอย่างร้ายแรง  

 

 

“คุณจะไล่ฉันไปงั้นหรือ” อีลั่วเสวี่ยฟังแล้วไม่พอใจ ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่มีอำนาจอย่างนั้น  

 

 

หลี่ห้าวหมิงยิ้มหยัน “ดูไม่ออกว่าเธอจะรู้อะไรดี เชิญไปได้” พูดแล้วหันมาทางเฟิงฉี่ “อย่าพาคนนอกมาที่นี่ตามอำเภอใจ สำนักแพทย์โบราณใครอยากจะมาก็มาได้งั้นหรือ?”  

 

 

เฟิงฉี่ถลึงตาใส่ “ใครใช้ให้แกมายุ่ง” อีกฝ่ายไม่เห็นแก่หน้าเขา เขาเองก็ไม่คิดจะเห็นแก่หน้าฝ่ายนั้น  

 

 

ถึงตอนนี้อีลั่วเสวี่ยมองเห็นมั่วเวิ่นเดินมาแต่ไกล เธอกลอกตาแล้วแกล้งพูดท้าทาย “คุณบอกให้ฉันไปฉันก็ต้องไปงั้นหรือ ที่สำนักแพทย์โบราณคุณไม่มีอำนาจตัดสินใจหรอก”  

 

 

“ถึงฉันจะไม่ใช่ผู้ดูแล แต่วันนี้ฉันไม่ยอมให้เธอเข้าไปแน่นอน เชิญกลับไป” แววตาหลี่ห้าวหมิงดูถูก ผู้หญิงคนนี้ เดี๋ยวต้องให้เธอรู้ค่าตอบแทนที่ทำให้เขาไม่พอใจ  

 

 

อีลั่วเสวี่ยถอนหายใจ ท่าทางเหมือนจนใจ “เฮ้อ ในเมื่อเป็นอย่างนี้ งั้นฉันไปดีกว่า” พูดจบก็หันหลังกลับ  

 

 

ถึงตรงนี้มั่วเวิ่นรีบเร่งฝีก้าว แผลบเดียวมาอยู่ข้างๆ เฟิงฉี่ “ยายหนู ไม่ต้องไป ฉันจะดูว่าฉันอยู่ที่นี่แล้ว ใครจะกล้าไล่เธอไป”  

 

 

หลี่ห้าวหมิงผงะทันทีเมื่อเห็นคนที่มาถึง “อาจารย์มั่วเวิ่น ท่านหมายความว่า…” ผู้หญิงคนนี้รู้จักมั่วเวิ่น เป็นอาจารย์เชิญเธอมางั้นหรือ  

 

 

“หลี่ห้าวหมิง ใจกล้าจริงนะ แม้แต่แขกของอาจารย์ ก็ยังกล้าขับไล่ อาจารย์นายสอนแบบนี้หรือ” มั่วเวิ่นโมโหมาก กว่าที่จะล่อหลอกให้เด็กสาวคนนี้มาได้ เขาเสียเวลาไปมาก พูดจนปากเปียกปากแฉะ  

 

 

มั่วเวิ่นพูดด้วยความโมโห คนรอบๆ ต่างไม่กล้าพูด โดยเฉพาะคนที่มากับหลี่ห้าวหมิง พากันแอบนึกในใจว่ายังดีที่ตนเองไม่ได้พูดอะไรออกไป ไม่เช่นนันจะกลายเป็นคนผิดไปด้วย อีกฝ่ายนั้นไม่ใช่คนธรรมดา  

 

 

“ไม่ใช่ครับ อาจารย์ ศิษย์เห็นว่าเธอไม่มีเทียบเชิญ จึงสอบถามบ้าง อีกทั้งศิษย์น้องเฟิงฉี่ไม่ได้บอกว่าเธอเป็นแขกของท่าน ผมก็เลย…”   

 

 

มั่วเวิ่นโบกมือ “พอแล้ว อาจารย์ไม่อยากฟังคำอธิบาย ยายหนู เฟิงฉี่ เราไปกัน” เมื่อคุยกันไม่ได้ก็ไม่อยากพูดมากแม้แต่คำเดียว มั่วเวิ่นในฐานะที่เป็นอาจารย์ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรกับศิษย์  

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด