Devil’s love ทิ้งรักของนายปีศาจไป 69 การพบกันข้างทางในคืนราตรี

Now you are reading Devil’s love ทิ้งรักของนายปีศาจไป Chapter 69 การพบกันข้างทางในคืนราตรี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่69 การพบกันข้างทางในคืนราตรี

หลังจากวันนั้นผ่านไป ซูเมิ่งยืนยันว่าจะรอให้เจี่ยนถงหายดีก่อน แล้วค่อยให้เธอมาทำงาน

หลังจากที่เจี่ยนถงหายป่วยแล้ว ก็กลับสู่ชีวิตการทำงานเหมือนเดิม

แต่ในช่วงนี้ แม้ว่าเธอจะพยายามขนาดไหน ก็ไม่ได้งานเลย

ผู้จัดการสวี่เป็นหัวเป็นหน้าของเธอนั้น ก็ยิ่งไม่ให้งานกับเจี่ยนถง

แต่ทางด้านซูเมิ่ง ปกติแล้วจะขัดคำสั่งของเสิ่นซิวจิ่น

เจี่ยนถงนั่งอยู่คนเดียวในห้องรับรองของฝ่ายประชาสัมพันธ์ และถึงเวลาเลิกงาน

“ เลิกงานแล้วๆ เฮ้อ เหนื่อยจังเลย วันนี้ลูกค้าคนนั้นใจดีมากเลย หนึ่งในนั้นพูดขึ้น คนจำนวนมากในห้องรับรอง ทุกคนต่างพูดคุยกันอย่างยิ้มแย้ม และพูดถึงสิ่งที่เผชิญมาในวันนี้ แต่มีเพียงเจี่ยนถง ที่นั่งโง่ๆอยู่ทางนั้น

เธอเงยหน้าขึ้น และชำเลืองมอง มีผู้หญิงคนหนึ่งหยิบธนบัตรกองใหญ่ที่เรียบร้อบออกมา หนาขนาดนั้น อย่างน้อยๆก็คงมีสามหมื่นห้า เจี่ยนถงจ้องมองไปที่ธนบัตรในมือของคนนั้น จนอีกฝ่ายจับได้

“อ่าว เจี่ยนถง ” ในแววตาของคนคนนั้นเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย “ ทำไมล่ะ? ชอบอันนี้? ” เธอสะบัดเงินในมือต่อหน้าต่อตาของเจี่ยนถง

“ ฉันว่านะเจี่ยนถง ฉันคิดว่าเธอไม่ควรหน้าด้านทนอยู่ที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์แล้วนะ นี่เธอไม่ได้ทำงานนานขนาดไหนแล้ว? ”

“ เจนนี่ อย่าเอาเงินแค่นี้ของเธอ มาสะบัดต่อหน้าเจี่ยนถงแล้ว เงินแค่นี้ของเธอ เจี่ยนถงหน่ะมองว่ามันจิ๊บๆมาก เจี่ยนถงหน่ะ ทำเงินได้ตั้งเยอะ แล้วนับประสาอะไรกับเงินแค่นี้ของเธอ ”

เจนนี่นั่นยิ้มมุมปาก “ นั่นมันก็จริงนะ ใครจะเหมือนเธอที่ปรับตัวเข้ากับทุกสถานการณ์ได้หล่ะ? ไม่ว่าเงินจะเยอะขนาดไหน ฉันก็ไม่อยากได้เหมือนกัน ”

เจี่ยนถงมองไปที่นาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนัง ลุกขึ้นอย่างเงียบๆ เก็บข้าวของของตัวเอง แล้วเดินผ่านเจนนี่ไปที่นอกประตู

“ หยุดนะ! ” เจนนี่ตะโกนดังขึ้น “ เจี่ยนถง นี่คุณหมายความว่าอะไร? ”

“ เธอ! ” เจนนี่จ้องมองไปที่ดวงตาคู่งาม และชี้ไปที่จมูกของเจี่ยนถงด้วยความโกรธ “ ฉันคุยกับเธออยู่นะ เธอยังไม่ทันตอบฉันก็เดินหนีไปแล้ว นี่เธอหมายความว่าอย่างไง? ดูถูกฉันงั้นเหรอ? ”

เมื่อได้ยินข้อกล่าวที่ไร้เหตุผลแล้ว เจี่ยนถงรู้สึกปวดหัวขึ้นมา และอธิบายด้วยอารมณ์ที่ดี “ ถึงเวลาแล้ว ฉันเลิกงานแล้วนี่ ”

“ คำพูดนี้ของเธอ มันหมายความว่าอย่างไรอีก? ”

“ ฉัน…… ” เธอพูดอะไรผิดอีกแล้วเหรอ? ตอนนี้กำลังพูดเรื่องพวกนี้กับตัวเอง ชื่อว่าเจนนี่ เจี่ยนถงรู้ว่าเจนนี่คนนี้เป็นคนอย่างไง แต่ก็ไม่รู้ว่าตัวเองไปเองไปทำอะไรให้เจนนี่คนนี้เข้า คิดแล้วคิดอีก เธอก็ไม่อยากที่จะเถียงกับใครทั้งนั้น ถอนหายใจ แล้วมองไปที่เจนนี่ จากนั้นพูดขึ้นช้าๆ

“ ถ้าฉันทำอะไรให้เธอ ฉันขอโทษก็แล้วกัน ” แบบนี้มันถูกแล้วเหรอ?

เมื่อเจนนี่ได้ยินเช่นนั้น สีหน้าเบิกบาน เรื่องวันนี้ เป็นเธอที่หาเรื่องเจี่ยนถงก่อน ถ้าเกิดเจี่ยนถงทนไม่ได้แล้วทะเลาะกับตัวเองขึ้นมาแล้วละก็ ถึงเวลานั้นตัวเองจะไปฟ้องผู้จัดการสวี่ว่าเจี่ยนถงทำอะไร

แต่เธอคิดแล้วคิดอีก ก็คิดไม่ถึงว่าจริงๆแล้วเจี่ยนถงไม่อยากจะทะเลาะกับเธอ และคนรอบข้าง แต่เมื่อเจี่ยนถงขอโทษแบบนี้ กลับแสดงให้เห็นถึงความอวดดีของเจนนี่ ท่ามกลางคนมากมาย

“ ดี เธอจะขอโทษใช่ไหม? งั้นก็มาทำให้มันจริงๆหน่อย! ” ด้วยความโกรธ เจนนี่ยกมือขึ้นกวักมือ  ในตอนที่กวักมือ ทันใดนั้นเองก็มีเสียงคำรามดังขึ้นมาจากประตู

“ เจนนี่ เธอจะทำอะไร! ”

“ ผู้จัดการสวี่…… ” เจนนี่ นิ่งไป แต่ทันนั้นก็รีบรายงาน “ ผู้จัดการสวี่คะ คุณต้องเข้าข้างฉันนะคะ เจี่ยนถงเธอดูถูกฉัน ”

“ ยุ่งๆๆ หาแต่เรื่องทะเลาะทั้งวัน เจนนี่ เธอเพิ่งทะเลาะกับอย่างนี้ไปเมื่อสองวันก่อน ตอนนี้มาทะเลาะกับเจี่ยนถงอีกแล้ว ทุกวันนี้นอกจากทะเลาะแล้ว เธอทำอย่างอื่นเป็นบ้างไหม? ”

ผู้จัดการสวี่ส่งสายตาพิฆาต เจนนี่เหลือบด้วยใบหน้าที่เศร้าซึม

ถ้าเกิดว่าเป็นเมื่อก่อน เขาจะไม่พูดแบบนี้เลย แต่……ผู้จัดการสวี่มองไปที่เจี่ยนถงที่ขรึมเข้มตรงหน้า มองผู้หญิงคนนี้ซ้ายขาวบนล่างไปมา ถ้าไม่รู้เรื่องราวภายใน ก็ไม่เชื่อเลยว่าเจี่ยนถงคนนี้ จะมีความสัมพันธ์กับบอสใหญ่ที่ลึกลับคนนั้นแห่งตงหวง

“ ผู้จัดการสวี่คะ ทั้งๆที่เธอ…… ”

“เอาล่ะๆ ได้เวลาเลิกงานแล้ว ” ผู้จัดการสวี่พูดขัดเจนนี่ และแสยะตามองเธอ พูดขึ้นน้ำเสียงที่เย็นชา “ ทำงานในตงหวง ห่วงงานของตัวเองเป็นอย่างแรก อย่ายุ่งวุ่นวายไปทั่ว ”

เขาของเหลือบมองไปที่เจี่ยนถง……อะไรที่ควรเตือนเธอก็เตือนไปแล้ว ส่วนเจนนี่จะเข้าใจไหม ก็ขึ้นอยู่กับความโชคของตัวเธอเองแล้ว

เจี่ยนถงถอนหายใจในใจ หยิบของแล้วออกจากห้องรับรองไป

ออกจากตงหวงไป เธอก็เดินกลับไปทางหอพัก

สายลมยามค่ำคืน เธอเดินอยู่บนถนนคนเดินเพียงลำพัง เสียววาบสันหลังอยู่บ้าง

รถคันหนึ่งขับตามมาจากข้างหลังเจี่ยนถงอย่างช้าๆ

กระจกรถถูกปิดลง เสียวผู้ชายก้องกังวานขึ้น “ คุณเจี่ยน เราเจอกันอีกแล้วนะ ”

เมื่อได้ยินเสียงนั้น เจี่ยนถงหันกลับไป ในกระจกรถ มีใบหน้าอันหล่อเหล่าที่สามารถทำให้คนสยบได้ ภายใต้ไฟกิ่งที่สลัว ร่างที่น่าสะพรึงกลัวก็ปรากฏขึ้นทันที

“ อ่าว……คุณนี่เอง คุณรีบก็เชิญไปก่อนเลยค่ะ ”

เธอคิดว่าอีกฝ่ายแค่เดินผ่านมา และพูดขึ้นอย่างสุภาพ คิดว่าทักอย่างนี้แล้ว อีกฝ่ายจะเดินจากไป

เธอเดินต่อไปอีกสามถึงห้าเมตร รถคันนั้นก็เคลื่อนเคียงข้างเธอมาอย่างช้าๆ

มองขึ้นอย่างสงสัย “ คุณมีอะไรหรือเปล่าคะ? ”

ชายในรถเม้มปากแล้วยิ้มขึ้น “ ผมมีเกียรติที่จะเชิญคุณเจี่ยนขึ้นรถไหมครับ? ”

“ ไม่เป็นไรค่ะ หอพักของฉันอยู่ตรงหน้านี้เอง ” เธอสัมผัสได้ถึงความอันตรายของผู้ชายคนนี้โดยสัญชาตญาณ เธอไม่อยากจะเข้าใกล้สิ่งที่อันตรายมากเกินไป

“ แล้วถ้าเกิดว่าผม ผมจะดื้อดึงไปส่งคุณเจี่ยนให้ได้ล่ะ? ”

เจี่ยนถงหยุดเดิน แล้วหันกลับมา เผชิญหน้าเข้ากับชายในรถ “ คุณคะ ตอนนี้เป็นเวลาเลิกงานค่ะ ” เธอตั้งใจจะบอกว่า เธอเลิกงานแล้ว เขาไม่ใช่ลูกค้าของเธอแล้ว

ชายบนรถหัวเราะออกมาเบาๆ หยิบกระเป๋าเงินขึ้นจากเบาะ แกว่งธนบัตรไปมาต่อหน้าเจี่ยนถง “ คุณเจี่ยนก็คิดซะว่าทำงานล่วงเวลาก็แล้วกัน? ”

เธอควรจะปฏิเสธ แต่ว่า……เฮ้อ เงิน!

สิ่งที่เธอต้องการอย่างเร่งด่วน ไม่ใช่เงินเหรอ?

เสิ่นซิวจิ่นได้บอกแล้วว่า คืนทั้งหมดห้าล้านภายในหนึ่งเดือน…… แต่ช่วงนี้ก็ไม่ได้ทำงานอะไรเลย

ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป…..เธอจะคืนหนี้ห้าล้านนั้นหมดได้อย่างไง เพื่อค่าไถอิสรภาพ?

ชายบนรถยิ้มมุมปาก……เธอรักเงินจริงๆ

แต่นี่น่าจะเป็นทางที่ดีที่สุดแล้ว เขาขาดทุกอย่าง ยกเว้นเงิน ใช้ทั้งชีวิตก็ใช้ไม่หมด

เป็นเวลานาน เสียงหยาบกร้านของเจี่ยนถงค่อยๆถามขึ้น “ ฉันจะ ต้องทำอะไรให้กับคุณ เพื่อแลกกับทิปของคุณ? ”

ชายบนรถมองอย่างประหลาดใจ รอยยิ้มที่มุมปากยิ้มลึกขึ้น……ช่างน่าสนใจจริงๆ แม้ว่าจะรักเงิน แต่กลับไม่เอาไปฟรีๆ?

แต่จะพูดกันตามตรง ผู้หญิงในฝ่ายประชาสัมพันธ์ มีกี่คนบ้างที่ไม่อยากได้เงินจำนวนมหาศาลนี้มาเปล่าๆ?

“ ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น แค่ต้องนั่งข้างผม แล้วให้ผมไปส่งคุณที่หอพัก ”

ช่างเป็นเรื่องที่เสมือนกับความรัก ที่ลูกชายผู้หล่อเหลา และร่ำรวยเงินทองของขุนนาง มาพูดประโยคนี้กับผู้หญิงที่เดินอยู่ข้างถนนคนเดียวตอนดึก ไม่ว่าจะมองอย่างไร ทั้งหมดนี้ก็น่าประทับใจ

กับผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่มีใจ ก็ทำให้ใจเต้นได้

แต่ผู้หญิงที่อยู่ทางเท่านั้น กลับครุ่นคิด นิ่งเงียบอยู่นาน เหมือนว่ากำลังคิด และพิจารณาบางอย่างอยู่ ชายบนรถก็ไม่ได้

รบเร้าอะไร

ห้านาทีต่อมา เธอเงยหน้าขึ้น พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หยาบกร้าน “ คุณคะ ฉันจะต้มบะหมี่ต้นหอมให้คุณชามหนึ่งได้ไหมคะ? ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด