Lady to Queen บัลลังก์แค้นจักรพรรดินี 33 ข้าตายไปแล้ว หรือยังมีชีวิตอยู่

Now you are reading Lady to Queen บัลลังก์แค้นจักรพรรดินี Chapter 33 ข้าตายไปแล้ว หรือยังมีชีวิตอยู่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ลูซิโอรู้สึกเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างกำลังบิดเบี้ยว ช่วงเวลาที่เหมือนกับ ‘วันนั้น’ กำลังคืบคลานใกล้เข้ามาอีกครั้ง มันเป็นช่วงเวลาที่ทุกความเป็นจริงที่เขารู้ได้ผิดเพี้ยนไป และเขาต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่ใหม่กว่า ลูซิโอรับรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าการเปลี่ยนแปลงได้มาถึงแล้ว และเขาไม่รู้ว่าความรู้สึกของตนจะเป็นเช่นไรในวังวนของการเปลี่ยนแปลงนั้น

เขาเป็นจักรพรรดิที่ได้รับการยกย่อง และเขาเป็นนักการเมืองที่ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ความขัดแย้งของเหล่าขุนนางสงบลงได้ด้วยอำนาจของจักรพรรดิ แต่ในเรื่องความรัก เขาเป็นเพียงคนที่ไม่รู้ประสีประสาเท่านั้น โชคชะตาได้กำหนดให้เขาเป็นเช่นนั้นมาตั้งแต่แรก หรืออย่างน้อยจนถึงตอนนี้เขาก็ยังเป็นเช่นนั้น เป็นชายที่อ่อนไหวในเรื่องความรักอย่างรุนแรง

อีกด้านหนึ่ง แพทริเซียที่จำเส้นทางที่ผ่านมาได้ก็เอ่ยปากบอกลูซิโออย่างกระตือรือร้น

“ฝ่าบาท นี่เป็นทางที่เรามาเพคะ หากโชคดีเราอาจจะกลับไปได้ทันเวลา”

“อย่างนั้นหรือ ดีเลย…อึก!”

ทันใดนั้นแพทรีเซิยก็ได้ยินเสียงร้องคล้ายเจ็บปวด จึงถามอย่างร้อนใจในขณะที่ยังควบม้าต่อไป

“ฝ่าบาท เป็นอะไรไปเพคะ!”

“อึก…ไม่มีอะ…”

แต่แล้วคำตอบก็หยุดลง แพทริเซียรีบหยุดม้าเพื่อตรวจดูอาการของลูซิโอ บ้าจริง หน้าผากของเขาร้อนเป็นไฟ ดูเหมือนว่าอาการไข้จะยังไม่หายดี หน้าผากของแพทริเซียยับย่นดูราวกับมีคำว่า ‘แย่แล้ว’ เขียนเอาไว้

หากนางมัวแต่โอ้เอ้อยู่ตรงนี้ก็ยากที่จะไปถึงสถานที่จัดงานได้ทันเวลา นางตั้งมั่นในใจว่าต้องรีบกลับไปให้เร็วที่สุด ปากก็พูดกับลูซิโอด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“ฝ่าบาท อดทนไว้ก่อนนะเพคะ”

แพทริเซียกอดลูซิโอไว้จากด้านหลังอย่างระมัดระวังเพื่อป้องกันไม่ให้เขาตกจากหลังม้า จากนั้นนางก็เริ่มควบม้าอีกครั้ง ตอนนี้ไม่มีเวลาเหลือแล้วจริงๆ หากเขายังไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องโดยเร็ว นางคงไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยในชีวิตของเขาได้

ในเวลาเดียวกันนั้น ด้านสถานที่จัดงานก็กำลังโกลาหล

“ฝ่าบาทประทับอยู่ที่ใดกันแน่!”

“พระจักรพรรดิและพระจักรพรรดินีทรงหายตัวไปพร้อมกันอย่างนั้นรึ นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น”

“หรือจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับพระองค์?”

เหล่าขุนนางกำลังตื่นตระหนกที่จักรพรรดิและจักรพรรดินีไม่กลับมาในเวลาที่กำหนด และผู้ที่ถูกซักถามเป็นกลุ่มแรกย่อมเป็นอัศวินราชองครักษ์ของทั้งสองคนซึ่งในที่นี้รวมถึงราฟาเอลาด้วย แม้ว่าคนเหล่านั้นจะทำตามคำสั่งของทั้งคู่ที่ต้องการเวลาส่วนตัว แต่ในสถานการณ์เช่นนี้หากใช้เรื่องนั้นมาเป็นข้อแก้ตัวย่อมมีแต่จะเสียมากกว่าได้

ทันใดนั้นก็มีการเปิดประชุมขุนนาง ณ กระโจมชั่วคราวในสถานที่จัดงาน เหล่าขุนนางเห็นพ้องต้องกันว่าต้องกระจายกำลังออกตามหาจักรพรรดิและจักรพรรดินี โดยจะแบ่งอัศวินที่เข้าร่วมงานออกเป็นกลุ่มๆ และกระจายกันตามหาตามพื้นที่ต่างๆ

เหล่าขุนนางแย้มยิ้มอย่างยินดีเมื่อได้ข้อสรุปที่เหมาะสม ดยุกวาเซียร์ซึ่งถูกแต่งตั้งเป็นผู้รับผิดชอบงานนี้กำลังเรียกรวมพลเหล่าอัศวินเพื่อสั่งการ

ครั้นเสร็จสิ้นการกำหนดแนวทางปฏิบัติในแต่ละส่วน ใครคนหนึ่งก็เข้ามาในกระโจม เมื่อมีคนไม่คุ้นหน้าปรากฏตัวขึ้น สายตาทุกคู่ของเหล่าขุนนางจึงมุ่งไปที่ประตู เมื่อเห็นว่าคนแปลกหน้าผู้นั้นเป็นใคร ดยุกวาเซียร์ก็ขมวดคิ้วเรียกชื่อของอีกฝ่าย

“บารอเนสเฟ็ลปส์”

“ดยุกวาเซียร์ นั่นเป็นเรื่องจริงหรือคะ”

โรสมอนด์ไต่ถามความจริงจากดยุกวาเซียร์ด้วยริมฝีปากสั่นระริก ทว่าดยุกวาเซียร์กลับถามกลับด้วยสีหน้าเย็นชา

“ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร เลดี้เฟ็ลปส์”

“เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอกค่ะ ที่ว่าฝ่าบาททรงหายตัวไปเป็นเรื่องจริงหรือคะ”

“น่าเสียดายที่เป็นเรื่องจริง”

เห็นดยุกวาเซียร์ตอบด้วยสีหน้าไม่สู้ดี ร่างกายของโรสมอนด์ก็สั่นเทาโดยไม่รู้ตัว บ้าจริง มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ ผู้เคราะห์ร้ายที่นางหวังมีเพียงแพทริเซียเท่านั้น ไม่ใช่ลูซิโอ!

“อา… จะทำอย่างไรดี…” โรสมอนด์พูดทั้งน้ำตานองหน้าอย่างน่าสงสาร

“จะมีการนำกำลังออกค้นหาในไม่ช้า เลดี้ไม่ต้องกังวล ยิ่งไปกว่านั้น เลดี้เฟ็ลปส์ซึ่งควรจะอยู่ที่พระราชวัง ไฉนจึงมาอยู่ที่นี่ได้”

“ข้าเพียงแต่ออกมารับเสด็จฝ่าบาทแล้วมาได้ยินเรื่องนี้เข้าเท่านั้นค่ะ ใต้เท้า พระเจ้าช่วย…ทำไมเรื่องเช่นนี้…”

โรสมอนด์ยืนโงนเงนคล้ายหญิงสาวผู้อ่อนแอที่ได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจ คลาราที่ยืนอยู่ด้านข้างจึงรีบเข้าไปประคองผู้เป็นนายทันที ดยุกเอเฟรนีเห็นดังนั้นก็ออกคำสั่งกับคลาราด้วยสีหน้ารำคาญใจ

“ท่าทางเลดี้เฟ็ลปส์จะตกใจมาก เจ้ารีบพานางไปที่อื่นเถิด”

“ค่ะ ใต้เท้า”

คลารารีบร้อนตอบก่อนจะประคองโรสมอนด์ออกไป โรสมอนด์แสร้งทำตัวอ่อนแอจนกระทั่งออกจากกระโจมอย่างไร้ปัญหา อาการวิงเวียนศีรษะของโรสมอนด์นั้นคล้ายเป็นการแสดงมากกว่าเป็นเรื่องจริง แต่ ณ เวลานี้โรสมอนด์ชักอยากจะเป็นลมไปจริงๆ เสียแล้ว

ที่หายไปไม่ได้มีเพียงแพทริเซียหรือนี่! สำหรับโรสมอนด์แล้วการที่ลูซิโอและแพทริเซียหายตัวไปพร้อมกันเป็นบทสรุปที่เลวร้ายที่สุด

หากลูซิโอไม่กลับมาเช่นนี้ หรือในกรณีที่เลวร้ายที่สุดคือถ้าเขาตาย ราชบัลลังก์ก็จะตกไปอยู่กับเชื้อพระวงศ์คนใดคนหนึ่ง และหากเป็นเช่นนั้น นางก็จะหมดข้ออ้างที่จะอยู่ในพระราชวังนี้ต่อไป โรสมอนด์กัดเล็บด้วยความไม่สบายใจที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้น จะลงมือทำอะไรก็สายเกินไปเสียแล้ว มิหนำซ้ำแถวนี้ยังมีหูตามากมาย

“บ้าจริง ข้าจะทำอย่างไร…”

“ใต้เท้า!”

ในตอนนั้นเอง ใครคนหนึ่งวิ่งผ่านนางเข้าไปในกระโจมอย่างรีบร้อน โรสมอนด์ขมวดคิ้วมุ่นและหันกายกลับไป ค่อยๆ ก้าวเท้าเข้าไปใกล้กระโจมเพื่อสังเกตการณ์ อัศวินที่วิ่งเข้าไปเมื่อครู่หอบหายใจก่อนจะอ้าปากรายงานอย่างชัดถ้อยชัดคำ

“ใต้เท้า พบทั้งสองพระองค์แล้วขอรับ!”

ครั้นได้ยินดังนั้น ตาของโรสมอนด์ก็เบิกโพลง นางไม่รู้ว่าในสถานการณ์เช่นนี้นางควรจะดีใจหรือเสียใจกันแน่

การหาลูซิโอพบนับเป็นความโชคดีแน่แท้ แต่ที่อัศวินคนนั้นกล่าวถึงมิใช่แค่ ‘พระจักรพรรดิ’ แต่กลับเป็น ‘ทั้งสองพระองค์’ ซึ่งหมายความว่าไม่ได้พบแค่ลูซิโอ แต่รวมถึงแพทริเซียด้วย โรสมอนด์กัดฟันกรอดด้วยโทสะที่พวยพุ่งขึ้นมา หรือจะมีอะไรผิดพลาด?

“ไอ้พวกไร้ประโยชน์”

เสียงของเหล่าขุนนางกลบเสียงพึมพำด้วยโทสะของโรสมอนด์จนหมดสิ้น

“พบทั้งสองพระองค์แล้วอย่างนั้นรึ”

“ตอนนี้ทั้งสองพระองค์ประทับอยู่ที่ใด”

“ทั้งสองพระองค์ทรงปลอดภัยดีหรือไม่”

“ใจเย็นก่อนขอรับ ใต้เท้า ทั้งสองพระองค์ทรงปลอดภัยดี ทว่า…”

ในตอนนั้นเองข้างนอกก็เกิดความวุ่นวาย อัศวินผู้นั้นจึงหยุดพูดไป ขุนนางทยอยกันออกมาดูเหตุการณ์และได้พบจักรพรรดิและจักรพรรดินีกำลังขี่ม้าเข้ามา ครั้นเห็นคนทั้งคู่ เหล่าขุนนางก็พากันตกใจรีบวิ่งเข้าไปหา

“พระจักรพรรดิ!”

“พระจักรพรรดินี ทรงปลอดภัยดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

“…”

จักรพรรดิสลบอยู่ในอ้อมแขนของจักรพรรดินี และสีหน้าของจักรพรรดินีที่ตระกองกอดจักรพรรดิอยู่ก็ดูอ่อนล้าเสียเหลือเกิน แพทริเซียรีบเปิดปากออกคำสั่งอย่างเร่งรีบ

“พระจักรพรรดิทรงต้องศรอาบยาพิษ รีบตามหมอหลวงมาเดี๋ยวนี้! หมอหลวงอยู่ที่ใด”

เป็นที่รู้กันว่าจักรพรรดินีเป็นสตรีที่มีวาจาสุภาพนอบน้อมเสมอ แม้แต่กับผู้ที่มีศักดิ์ต่ำกว่า แต่ตอนนี้นางกลับใช้คำพูดธรรมดากับคนที่ไม่ใช่นางกำนัลหรือข้ารับใช้แต่เป็นขุนนาง ราวกับว่านางพูดกับพวกเขาเช่นนี้เป็นปกติ ทุกคนในที่นั้นรวมถึงขุนนางทั้งหลายต่างตกตะลึงกับความเปลี่ยนแปลงนี้ มาร์ควิสโกรเชสเตอร์ผู้เป็นบิดาของแพทริเซียได้สติเป็นคนแรก และพูดกระตุ้นให้ทุกคนยอมรับความเปลี่ยนแปลงนั้นได้ในทันที

“ทำอะไรกันอยู่ ยังไม่รีบไปตามหมอหลวงอีกรึ!”

สิ้นเสียง ผู้คนที่มัวแต่ตกตะลึงก็เริ่มขยับตัวกันอย่างรีบร้อน เหล่าอัศวินช่วยพาแพทริเซียและลูซิโอลงจากหลังม้า แพทริเซียรู้สึกวิงเวียนด้วยฤทธิ์ของยาพิษที่ยังสลายไปไม่หมด แต่นางก็รวบรวมสติที่มีทั้งหมดเพื่อไม่ให้ตัวเองหมดสติไปเสียก่อน

ในระหว่างที่หมอหลวงรีบวิ่งเข้ามาดูอาการของลูซิโอที่สลบไปแล้ว แพทริเซียก็พบว่าโรสมอนด์ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ไม่ไกล เสี้ยววินาทีนั้นหญิงสาวรู้สึกถึงโทสะที่พวยพุ่งขึ้นมาจนแทบจะอดกลั้นไม่ไหว แต่แทนที่จะบันดาลโทสะ นางกลับไตร่ตรองก่อนว่าควรจะทำอย่างไรจึงจะใช้สถานการณ์นี้ให้เป็นประโยชน์ได้มากที่สุด แพทริเซียใช้เวลาคิดเพียงชั่วครู่ ก่อนจะเลือกวิธีที่นางคิดว่าน่าจะเหมาะสมที่สุดและจะไม่เสียใจในภายหลัง

“เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่”

“ฝ่าบาท”

โรสมอนด์ค้อมกายทำความเคารพอย่างงดงาม เป็นท่วงท่าที่หาได้มีความสั่นไหวเช่นเมื่อครู่ และเป็นท่วงท่าที่แม้แต่แพทริเซียซึ่งไม่รู้สถานการณ์ก่อนหน้านี้ยังมองว่าหน้าไม่อาย นางปล่อยให้ตัวเองหัวเราะออกมาอย่างอัดอั้น

“ใช่ เป็นเราเอง บารอเนสเฟ็ลปส์ เจ้ามาทำอะไรที่นี่อย่างนั้นหรือ”

“หม่อมฉันออกมารับเสด็จพระจักรพรรดิเพคะ ฝ่าบาท”

“การรับฝ่าบาทกลับวังเป็นหน้าที่ของภรรยาหลวงเช่นเรา มิใช่กงการอะไรของอนุภรรยาอย่างเจ้า หรือเจ้าบังอาจคิดเทียบชั้นจักรพรรดินี?”

“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไรเพคะ ฝ่าบาท”

ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด โรสมอนด์ก็ยังคงตีหน้าซื่อได้อยู่เสมอ เพราะนางตายด้านเสียจนมิอาจมีสิ่งใดมาสะเทือนอารมณ์ความรู้สึกของนางได้

อย่างไรเสียนางก็ยังคงเป็นมนุษย์ปุถุชน บางครั้งนางจึงวูบไหวไปตามอารมณ์อยู่บ้าง แม้จะพบเห็นได้ยาก แต่มีเหตุการณ์เช่นนั้นอยู่เป็นแน่…

“เจ้าคงมิได้ถ่อมาถึงนี่เพื่อรับเสด็จกระมัง ใช่หรือไม่?”

“หม่อมฉันไม่เข้าใจว่าพระองค์ตรัสถึงเรื่องใดเพคะ”

“เจ้ามาเพราะสงสัยว่าเราตายไปแล้วหรือยังมีชีวิตอยู่มิใช่หรือ”

…ดังเช่นเหตุการณ์ในตอนนี้ โรสมอนด์หน้าเสีย นางรับรู้ได้ว่าพวกขุนนางและอัศวินที่อยู่รอบๆ กำลังตกใจ

แพทริเซียเขม้นมองโรสมอนด์ด้วยสีหน้าเย็นชา เมื่อหมอหลวงมาถึงนางจึงค่อยเบนสายตาไปที่เขา และอธิบายสถานการณ์อย่างใจเย็น

“ฝ่าบาททรงรับศรพิษแทนเรา พระองค์เสวยน้ำดอกสกัลป์เลอร์เข้าไปแล้ว แต่ไม่รู้ด้วยเหตุใดจึงไม่ฟื้นคืนพระสติเสียที พวกท่านรีบตรวจดูพระอาการเถิด”

“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”

หมอหลวงรับคำหนักแน่นก่อนจะเริ่มตรวจอาการ แพทริเซียมองดูเหล่าขุนนางที่อยู่รายล้อม พวกเขากำลังส่งสายตาคล้ายต้องการคำอธิบายเรื่องทั้งหมด แพทริเซียจึงเปิดปากพูดด้วยน้ำเสียงโทนต่ำ

“อย่างที่พวกท่านได้ยิน เราถูกลอบสังหาร ฝ่าบาททรงรับศรอาบยาพิษแทนเรา และเราก็พาพระองค์ซึ่งหมดสติหลบหนีกลุ่มนักฆ่า”

เมื่อแผนลอบสังหารจักรพรรดินีถูกเปิดเผย เสียงเซ็งแซ่ก็ดังขึ้นจากทั่วทุกสารทิศ แพทริเซียยังคงใจเย็นและพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงทรงพลัง

“แต่แล้วพวกเราก็ถูกไล่ต้อนไปจนถึงริมผา ตัวเราและฝ่าบาทเกือบต้องตายด้วยน้ำมือของนักฆ่า ในท้ายที่สุด เราไม่มีทางเลือกจึงต้องทิ้งร่างลงจากหน้าผา”

“พระเจ้าช่วย!”

ครั้นฟังมาถึงตรงนี้ ขุนนางคนหนึ่งก็อุทานอย่างเสียขวัญ แม้นั่นจะเป็นปฏิกิริยาที่ไม่เลว แต่แพทริเซียก็ยังคงจดจ้องไปที่โรสมอนด์อย่างเยือกเย็น ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายสงบสติอารมณ์ได้ตั้งแต่เมื่อไร นางกำลังมองมาที่แพทริเซียและลูซิโอด้วยสีหน้าสะเทือนใจราวกับไม่มีส่วนรู้เห็น ช่างเป็นผู้หญิงไร้ยางอายที่ไม่เคยคิดว่าสิ่งที่ตนทำเป็นเรื่องน่าละอาย แพทริเซียรู้สึกคล้ายมีอะไรมาจุกที่คอแต่ก็พยายามพูดต่อไป

“ที่เรารอดมาได้คงเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า หากพระจักรพรรดิมิใช่ทายาทแห่งสุริยันแล้วล่ะก็ เรื่องคงไม่เป็นเช่นนี้”

“แม้ฝ่าบาทจะมิใช่ทายาทแห่งสุริยัน แต่ก็ยังทรงอยู่รอดปลอดภัยไร้รอยขีดข่วนเช่นนี้ ดูเหมือนพระองค์จะทรงได้รับความรักจากพระผู้เป็นเจ้านะเพคะ”

ช่างเป็นคำชมที่ไม่เหมือนคำชมจนน่าขัน แพทริเซียมิอาจห้ามตัวเองไม่ให้ส่งเสียงหัวเราะอย่างเยือกเย็นออกมาได้ นางคิดว่าตนทนต่อไปไม่ได้อีกแล้ว และความจริงแล้วนางก็ไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องทน หญิงสาวจึงเอ่ยปากพูดคำเชือดเฉือนโรสมอนด์ด้วยสีหน้าที่ไร้การปั้นแต่ง

“อ้อ นั่นสิ ชะตาชีวิตของเรากับฝ่าบาทคงไม่ดับดิ้นเพียงเพราะแผนชั่วของอนุกระมัง เพราะหากพระผู้เป็นเจ้ามีพระประสงค์เช่นนั้น เราคงไม่ได้รับเลือกให้เป็นจักรพรรดินีตั้งแต่แรก”

“…”

เสียงอื้ออึงโดยรอบเงียบกริบด้วยคำพูดเพียงประโยคเดียว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด