Legend of the mythological genes 221

Now you are reading Legend of the mythological genes Chapter 221 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“วิธีการอนุมานตำนาน(แก้จากหักลบ)และวิธีการสรุปผลตำนาน?”เฟิงหลินประหลาดใจ นี่เป็นวิธีการใหม่ ดูเหมือนว่ามันจะเข้าไปยุ่งกับธรรมชาติที่แท้จริงของการบ่มเพาะ ทำให้เขาต้องเงี่ยหูฟังไม่อยากพลาดคำใดคำหนึ่ง

“ถูกต้อง!” ยานาพยักหน้าและกล่าวว่า “ธรรมชาติที่แท้จริงของการวิวัฒนาการยีนในตำนานคือการรวมเข้าด้วยกันทำให้มันกลายเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกายของนายและไม่ต้องควบคุมมัน สิ่งนี้สามารถเข้าใจได้โดยตรง เราควบคุมเพื่อใช้พลังของยีนเป็นเครื่องมือภายนอก เหมือนสัตว์ป่าที่ต้องการฝึก ไม่ว่าจะคุ้นเคยกับการควบคุมมันแค่ไหน มันก็ยังไม่เป็นของเรา และทั้งสองก็ไม่อาจรวมและกลายเป็นหนึ่งเดียวได้”

“ในทางกลับกันการรวมเข้าด้วยกันจำเป็นต้องมีความเข้าใจในลักษณะที่แท้จริงของยีนนั้นๆ เราจะต้องสามารถแสดงความสามารถของยีนในตำนานได้อย่างเต็มที่ก่อนที่จะทำการเปลี่ยนแปลง การถอดแยก การรวมและการดูดซึม กลายเป็นหนึ่งเดียวกับมัน กลายเป็นส่วนที่แยกออกจากร่างกายของคนๆหนึ่งซึ่งจะทำให้ร่างกายสามารถผ่านการเปลี่ยนแปลงที่สมบูรณ์และทั่วถึง พลังทางพันธุกรรมจะซึมเข้าไปในทุกเซลล์ของร่างกาย ช่วยให้ระดับของก้าวไปสู่สถานะเหนือธรรมชาติ นี่คือธรรมชาติที่แท้จริงของผู้บ่มเพาะระดับสูงและเพื่อให้เป็นไปตามเงื่อนไขของการวิวัฒนาการของยีนในตำนาน เราจะต้องใช้เทคนิคสองเทคนิคซึ่งก็คือวิธีการอนุมานและวิธีสรุปผล”

 

หลังจากคำอธิบายที่ละเอียดและยาว เฟิงหลินรวบรวมความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับยีนในตำนานและรู้สึกว่าคำพูดของยานานั้นเต็มไปด้วยคำอธิบายที่ละเอียด

ด้วยสิ่งนี้มันคุ้มแล้วที่เขาช่วยสองพี่น้องนี้ไว้

 

ตอนนี้ยานาเม้มปากและพูดต่อ “พลังของยีนในตำนานต่างกันและบางส่วนก็อาจปะทะกัน มันยากมากที่จะรวมเข้าด้วยกัน ทำให้พวกมันรวมตัวกันและพัฒนา เพียงอาศัยความพยายามของมนุษย์จะเสียเวลาและความพยายามก็ยังมีความเสี่ยงอีกมากมาย อย่างไรก็ตามเส้นทางที่มนุษย์เลือกเป็นเส้นทางในตำนานทั้งหมด ตัวละครโบราณในตำนานได้รวมพลังที่แตกต่างกันเหล่านี้เข้าด้วยกัน เป็นพลังที่เหนือธรรมชาติ – เรื่องราวของตำนานได้บันทึกเส้นทางของพวกเขา และกระบวนการแปลงพลังทางพันธุกรรม  ดังนั้น วิธีการสรุปจึงใช้ตัวเองเพื่อวิเคราะห์เส้นทางที่ตัวละครในตำนานใช้ ประสบกับธรรมชาติที่แท้จริงของยีนในตำนานและจากนั้นให้การวิวัฒนาการเกิดขึ้นตามธรรมชาติ นี่คือสาเหตุที่ว่าทำไมแก่นแท้ของทฤษฎียีนในตำนานคือทุกตำนานคือเส้นทางสู่การเป็นเทพ! วิธีอนุมานตำนานพิสูจน์ถึงทฤษฎีนี้ “

“นี่หมายความว่าวิธีการสรุปผลตำนานเป็นขั้นตอนที่ทำหลังจากอนุมานเส้นทางตำนานเพื่อให้คนหนึ่งค้นพบเกี่ยวกับเส้นทางวิวัฒนาการของพวกเขาหลังจากเข้าใจธรรมชาติที่แท้จริง” คิ้วของเฟิงหลินยกขึ้น หัวเขาไวมาก

“ถูกตัอง!” ยานาพยักหน้าแล้วพูดว่า “แต่สิ่งต่างๆมันไม่ง่ายเลย ตรรกะของนายเป็นเพียงการประยุกต์ทฤษฎียีนในตำนาน แต่ทฤษฎีนั้นเข้าใจง่าย! สิ่งที่จำเป็นยังคงเป็นการปฏิบัติจริง! มันไม่ง่ายเลยที่จะทำ ความลึกซึ้งของหลักการที่อยู่เบื้องหลังนี้มีรายละเอียดจำนวนมาก ฉันสามารถบอกนายได้แค่นี้ หลังนายส่งเราสองคนไปที่ปลอดภัย ฉันจะบอกรายละเอียดของวิธีการสรุปผล”

“เอาล่ะ!” เฟิงหลินไม่บังคับ

วิธีการอนุมานตำนานและวิธีการสรุปผลตำนานฟังดูเหมือนมีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับตำนานและมีคุณค่า มันเป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับข้อมูลทั้งหมดโดยไม่ต้องจ่ายอะไรเลย

แค่ครึ่งหนึ่งก็ดีถมไปแล้ว

เขาฟังคำอธิบายของยานาเกี่ยวกับความลึกซึ้งของทฤษฏี

 

“วิธีการอนุมานเป็นเทคนิคระดับสูงสุดในโดเมนโลจิก แต่การนำไปประยุกต์ใช้ในทฤษฎียีนในตำนานคือการเปลี่ยนสภาพจิตใจ จิต วิญญาณและแก่นสำคัญผ่านการอนุมานเส้นทางในตำนาน ผ่านกระบวนการนี้เราจะค่อยๆเข้าใกล้ธรรมชาติหลักของยีนในตำนานและสะท้อนมัน จากนั้นผ่านการดูดกลืนและการดูดซึมอย่างค่อยเป็นค่อยไปเราจะสามารถแสดงพลังของยีนในตำนานได้อย่างช้าๆ แม้ว่ายีนในตำนานจะมีอยู่ในร่างกายมนุษย์มานานแล้วเนื่องจากมีช่วงเวลาพักตัวนานและการผนึกยีน พวกมันได้กลายเป็นอัตลักษณ์ของแต่ละคน แม้ว่าเมื่อผู้บ่มเพาะปลุกยีนขึ้นมาแล้วจะสามารถเข้าใจพลังทางพันธุกรรมที่เหนือธรรมชาติได้ พวกเขาก็ไม่สามารถเชื่อมต่อกับสภาพจิตใจแก่น และจิตวิญญาณ เพื่อประสานเข้าด้วยกัน อุปสรรคของยีนในตำนาน ‘เป็นเช่นเมนเฟรมของปัญญาประดิษฐ์กับไฟร์วอลล์ที่ยอดเยี่ยม ถ้าใครอยากจะรุกราน ต้องทำลายหรือทำให้มันสลาย พวกเขาต้องหารูกุญแจและกุญแจ ชื่อของยีนในตำนานได้เผยตัวสอดคล้องแล้ว ดังนั้นเราจึงใช้วิธีการอนุมานเพื่อประสานจิต แก่น และจิตวิญญาณ นำพวกมันออกมาอย่างสมบูรณ์เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายมนุษย์และสร้างอวัยวะใหม่ …

“จิตใจ แก่นและจิตวิญญาณเป็นองค์ประกอบพื้นฐานของร่างกายมนุษย์ แต่พวกมันยังเป็นสะพานที่เชื่อมโยงกับวิธีการอนุมานตำนานและพลังพันธุกรรม … ” ยานาพยายามอธิบายทฤษฎีเบื้องหลังวิธีการอนุมานตำนานในแง่ง่ายๆ ให้คำอธิบายอย่างละเอียดและในที่สุดก็เตือนเฟิงหลินว่า “ทั้งหมดนี้เป็นวิธีโดยสรุปทั้งหมด วิธีการถอดรหัสยีนในตำนานก็จะแตกต่างกันไปตามแต่ละยีน นายจะต้องหาวิธีการอนุมานของนายเอง ตามลักษณะของยีนในตำนานของนาย ในระหว่างกระบวนการนี้ความเข้าใจเกี่ยวกับเส้นทางในตำนานของนายก็จะลึกซึ้งยิ่งขึ้น … “

 

เฟิงหลินพยักหน้าดูเหมือนจะเข้าใจบางอย่าง

เธอไม่ได้โกหกเขา!

ไม่มีช่องโหว่ตามตรรกะของความรู้ที่ยานากล่าว ยิ่งไปกว่านั้นพวกเธอยังมีความรู้เกี่ยวกับตำนานที่เขารู้ ระดับความน่าเชื่อถือสูงมาก

ยิ่งไปกว่านั้นยีนวิญญาณของเฟิงหลินนั้นเฉียบคมมาก และเขาสามารถสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยที่สุดในความคิดของบุคคล มันยากมากที่เธอจะโกหกเขา

 

“เราได้บอกนายแล้วเกี่ยวกับวิธีการอนุมานตำนานแล้ว! นายจะพาเราออกไปจากที่นี่ตอนนี้เลยไหม?” แอริสพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง ราวกับว่าเฟิงหลินได้เปรียบอย่างมากในสถานการณ์นี้

เฟิงหลินไม่ได้ใส่ใจเธอ

เธอแตกต่างจากพี่สาวยานาที่เต็มไปด้วยภูมิปัญญา มันเป็นไปได้มากว่าเส้นทางที่แอริสใช้เป็นของเทพเจ้าแห่งสงครามแอรีสในตำนานกรีก เธอเป็นผู้หญิงที่หยาบคาย

ถ้าไม่มีใครเอาชนะเธอ ให้เธอยอมจำนนด้วยความแข็งแกร่ง ก็ไม่มีทางที่เธอจะพูดดีๆด้วย

“ฉันหวังว่าหลังจากที่ฉันพาพวกเธอออกไปจากที่นี่ เธอสองคนจะรักษาสัญญาจนจบนะ!” เฟิงหลินมองไปที่ยานา

 

“แน่นอน! เราสาบานในนามของเทพเจ้ากรีกว่าเราจะไม่ผิดสัญญา!” ยานากล่าว น้องสาวของเธอแสดงความรู้สึกของเธอให้เฟิงหลินเห็นแล้ว ในกรณีนี้เฟิงหลินจะต้องสงสัยพวกเธอ

“ไป!” เฟิงหลินไม่ได้พูดอะไรมากและพยักหน้า ในเวลาต่อมาพลังวิญญาณของเขาก็ขยับเมฆทั้งสองให้บินไปไกล

 

เมฆเคลื่อนไปอย่างรวดเร็ว ทะลุผ่านอากาศและหายเข้าไปในเส้นขอบฟ้าในพริบตา

โบร๋วว!

ทันใดนั้นสัตว์ร้ายหลายตัวก็ร้องดังจากทุกทิศทุกทาง ลมแรงพัดไปตามทิศทางของพวกเธอ

 

“มีบางอย่างไม่ถูกต้อง!” เฟิงหลินและยานาสามารถตรวจจับด้วยพลังจิต พวกเขาตระหนักได้ทันทีว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องและมองลงไป

อาชญากรโทษประหารที่เคยอยู่บนพื้นขี่สัตว์ประหลาดที่ดูเหมือนเทอโรซอร์ พวกมันลอยขึ้นไปในอากาศอย่างรวดเร็วและดุร้าย ปีกขนาดใหญ่ของมันกระพือปีกและก่อให้เกิดลมกระโชกแรง

“อย่าคิดฝันที่จะหลบหนี ไม่ว่าดาวอสุราจะใหญ่ขนาดไหนก็ไม่มีทางที่พวกแกจะหนีจากเราได้!” หัวหน้าของอาชญากรอาศัยสัตว์ประหลาดเทอโรซอร์ที่ใหญ่ที่สุดและตะโกน

“จับให้แน่น!” สีหน้าของเฟิงหลินเปลี่ยนเป็นน่ากลัวและในเวลาต่อมาเมฆที่อยู่ใต้เท้าของพวกเขาก็เร่งตัวขึ้นอีกครั้งลอยสูงขึ้นไปสูงจากระดับน้ำทะเล 20,000 เมตร

 

เมื่ออยู่สูงขึ้นไปบนท้องฟ้าความเข้มของรังสีแสงอันแผดเผาของดาวอสุรานั้นก็ยิ่งรุนแรง

ทั้งร่างกายของเฟิงหลินและแอริสนั้นแข็งแกร่งและไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แต่ยานานั้นอ่อนแอกว่าและมันก็ยากที่เธอจะต้านทานได้ สีหน้าของเธอดูซีดเซียวยิ่งขึ้น ซีดจนไม่มีสี อย่างไรก็ตามเธอยังคงกัดฟันและอดทน เธอรู้ดีว่าว่าสถานการณ์ปัจจุบันเป็นยังไงและไม่บ่น สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงเจตจำนงค์ที่แข็งแกร่งของเธอซึ่งไม่เหมือนกับความทนทานของร่างกาย

พรึ่บ พรึ่บ!

สัตว์เทอโรซอร์ที่คนกลุ่มนี้ขี่กระพือปีกเสียงดังมากและบินเร็วมาก อย่างไรก็ตามพวกมันยังห่างไกลกับความสามารถของขี่เมฆา  พวกมันถูกทิ้งห่างออกไปไกลและมองไม่เห็นเป้าหมายอีกต่อไป

อย่างไรก็ตามสิ่งต่างๆนั้นไม่ง่ายเลย!

เมื่อใดก็ตามที่เฟิงหลินชะลอตัวลงเล็กน้อย พวกมันจะเร่งความเร็วและตามทันพวกเขาอีกครั้ง

 

“จมูกของสัตว์ประหลาดเหล่านั้นคมชัดมาก และพวกมันสามารถไล่ตามกลิ่นของเราได้!” ยานาพูด แบ่งปันการคาดเดาของเธอ

 

เฟิงหลินพยักหน้าเขาเองก็คิดเหมือนกัน

สัตว์ป่าเหล่านี้มีความสามารถในการบิน แม้ว่าความเร็วของพวกมันจะไม่เร็วนัก แต่สิ่งนี้ก็ช่วยพวกมันได้มาก ด้วยจมูกที่ได้กลิ่นชัดเจน พวกมันยังคงติดตามพวกเขาจากระยะไกลและจะไม่สูญเสียการติดตามเป้าหมาย

 

เห็นได้ชัดว่าอาชญากรเหล่านี้มีเจตนาที่จะลากพวกเขาลงไปให้ได้ไม่ว่ายังไงก็ตาม

พวกเขาบอกได้ว่าความสามารถของขี่เมฆาใช้พลังวิญญาณจำนวนมาก ความเร็วของมันเร็วมากเป็นพิเศษ แต่ไม่ช้าก็เร็วพลังงานของเฟิงหลินก็จะหมดลงและพวกมันจะตามมาทัน

 

“เราต้องจัดการกับสัตว์ประหลาดเทอโรซอร์เหล่านั้นไม่เช่นนั้นเราจะหนีไม่พ้น!” ยานาพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นและพูดกับหญิงสาวดุร้าย “แอริสใช้กลิ่นอายทรราชของน้อง!”

“โอเค!”แอริสเตรียมพร้อม

อ๊ากก!

ใบหน้าที่กล้าหาญของเธอเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมและเธอก็ส่งเสียงคำรามที่โกรธแค้นไปสู่ท้องฟ้าเหมือนเสือดุร้าย

กลิ่นอายไม่มีที่สิ้นสุดกระจัดกระจายไปพร้อมกับคลื่นเสียงเหมือนราชาแห่งป่า พยายามปกป้องดินแดนของมันเต็มไปด้วยศักดิ์ศรีและความดุร้าย

สัตว์ประหลาดเทอโรซอร์เหล่านี้รู้สึกประหลาดใจกับกลิ่นอายและกระพือปีกของพวกมันอย่างดุเดือด ราวกับว่าพวกมันกลัว พวกมันเริ่มบินไปรอบๆอย่างบ้าคลั่งและบินต่ำลงพื้น

อาชญากรเหล่านั้นตะโกนและฟาดแส้ แต่ก็ยังไม่สามารถระงับความกลัวในหัวใจของสัตว์ประหลาดได้

 

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ !” แอริสยืนบนเมฆหัวเราะเสียงดังมือท้าวเอว เธอดูภาคภูมิใจในตัวเองมาก

นี่เป็นยีนที่เธอปลุกขึ้นมาใช่ไหม?

เฟิงหลินรู้สึกถึงกลิ่นอายที่ครอบงำอยู่ในอากาศ มันคล้ายกับกลิ่นอายที่เขาเคยพบมาก่อนหน้านี้ แต่มันครอบงำมากกว่า มันมีศักดิ์ศรีและความดุร้ายมากกว่า แต่ก็มีกลิ่นเลือดและน่าขนลุกน้อยกว่ามาก

นี่คือยีนกลิ่นอายทรราชใช่ไหม?

เฟิงหลินแอบคิดกับตัวเอง ตามที่คาดไว้ในเส้นทางของเทพแห่งสงคราม พลังทางพันธุกรรมนั้นพิเศษจริงๆ

สัตว์ประหลาดเทอโรซอร์กลิ้งไปมาและตกลงสู่พื้นดิน

 

“ปิดหูมันเดี๋ยวนี้!” หัวหน้าตะโกนด้วยความโมโห พวกอาชญากรนำสิ่งต่างๆมาปิดหูของสัตว์ประหลาด

เนื่องจากพวกมันไม่สามารถได้ยินเสียงใดๆได้ พวกมันจะไม่ประหลาดใจกับกลิ่นอายดุร้ายจากเสียงของเธอ

สัตว์ประหลาดกลับสู่สภาวะปกติ

“อ้า…”

แอริสยิ้มกว้างขึ้น เธอค้นพบว่าสัตว์ประหลาดเหล่านั้นไม่สนใจกลิ่นทรราชของเธอและเธอก็โจมตีใหม่ เธอโหยหวนด้วยความโกรธอีกครั้ง

อย่างไรก็ตามสัตว์ประหลาดเทอโรซอร์ไม่ได้รับผลกระทบอีกต่อไป

เธอตะโกนจนลำคอของเธอแหบแห้ง แต่ก็ยังไม่ได้ผล

“บ้าจริง!”แอริสโกรธเคือง เพื่อดูแลพี่สาวของเธอ เธอไม่สามารถรับมือกับอาชญากรบนท้องฟ้าได้ ตอนนี้ดูเหมือนว่าสัตว์ประหลาดเทอโรซอร์ทั้งหมดจะต่อต้านเธอได้

อุปกรณ์กลิ่นอายทรราช!

เธอปล่อยออร่าสีดำหนาเหมือนน้ำมันคลุมตัว พวกมันค่อยๆแข็งตัวกลายเป็นเกราะที่คลุมทั้งร่าง

แอริสกลายเป็นเทพธิดาแห่งการต่อสู้ที่เดินออกมาจากตำนาน กลิ่นอายของเธอหนักราวกับภูเขา ราวกับไฟและแผดเผาลงด้วยความกล้าหาญอันไม่รู้จบ

โบร๋ว…

สัตว์ประหลาดเทอโรซอร์เหล่านั้นจ้องมองด้วยตาที่เปิดกว้าง ร่างใหญ่ของพวกมันสั่นไหวไม่หยุดราวกับว่าพวกมันไม่เคยเห็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวขนาดนี้และรู้สึกกลัวจากก้นบึ้งของหัวใจ

พวกมันหมุนวนและกระโจนลงไปที่พื้นอีกครั้ง พาพวกอาชญากรไปกับพวกมัน พวกมันเข้าสู่ความโกลาหลอีกครั้ง

“ปิดตาของพวกมัน!” หัวหน้าตะโกนอีกครั้งอย่างดุเดือด

จากประสบการณ์ที่ผ่านมาอาชญาจัดการได้อย่างรวดเร็วในครั้งนี้ ปิดตาของสัตว์ประหลาดเทอโรซอร์ทำให้พวกมันบินได้โดยการติดตามกลิ่น

ตาและหูของพวกเขา … ถูกปิด!

ความพยายามของแอริสในการใช้กลิ่นอายเพื่อทำให้สัตว์ประหลาดตื่นกลัวจากระยะไกลไม่เกิดผล เธอตะโกนจนลำคอของเธอแหบแห้ง แต่ก็ไร้ความหมาย เธอรู้สึกหดหู่ใจและยอมแพ้

เมื่อเห็นว่าแอริสมีความสามารถรอบด้าน เฟิงหลินก็คิด กลิ่นอายทรราชนี้ดูเหมือนจะเพิ่มความกล้าหาญในการต่อสู้และอาจใช้เป็นรูปแบบวัตถุได้ อย่างไรก็ตามพลังที่น่าประหลาดใจนั้นจำเป็นต้องถ่ายทอดผ่านแสงและคลื่นเสียง มิฉะนั้นพวกมันจะไร้ความหมาย

หัวหน้าของอาชญากรนั้นก็เป็นผู้บ่มเพาะที่ยอดเยี่ยมและสามารถรู้ถึงสิ่งนี้ได้ ดังนั้นความพยายามของเธอกลับกลายเป็นไร้ประโยชน์

อย่างไรก็ตามแม้ว่าการปิดตาและหูจะช่วยให้พวกมันสามารถกำจัดกลิ่นอายทรราชได้ แต่พวกมันจะสามารถกำจัดพลังวิญญาณที่มองไม่เห็นได้ด้วยหรือเปล่า?

มุมปากของเฟิงหลินขดเป็นรอยยิ้ม เขาบังคับพลังวิญญาณของเขาให้เป็นดาบแล้วยิงออกไป

ดาบวิญญาณมองไม่เห็นและไร้รูปร่าง สัตว์ประหลาดทุกตัวถูกกระแทกและร่วงลงพื้นเหมือนเกี๊ยว จิตใจที่เรียบง่ายและรุนแรงของพวกมันถูกบดขยี้เป็นแป้ง

ซวบ!ซวบ!

เมื่อยานาเห็นสิ่งนี้พลังจิตอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอก็กลายเป็นลูกศรสีทองคม ยิงออกไปโจมตีสัตว์ประหลาดอย่างสมบูรณ์ พวกมันกลายเป็นกองเนื้อนุ่มใหญ่บนพื้นดิน

เฟิงหลินไม่หยุดและควบคุมขี่เมฆาให้บินไปไกล

อาชญากรโทษประหารก็ตก โมโหก่นสาปแช่งสาปไม่หยุด อย่างไรก็ตามหากไม่มีเทอโรซอร์ มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกมันจะไล่ล่าทัน

เฟิงหลินยืนอยู่ในอากาศบินเร็วกว่า 100 กิโลเมตรและมองออกไประยะไกล ทันใดนั้นเขาก็เห็นน้ำตกท่ามกลางภูเขาอันงดงาม

มีเกาะโดดเดี่ยวในเหวใต้น้ำตก ไม่มีร่องรอยของสิ่งมีชีวิตใด ๆ และเป็นสถานที่ที่เงียบสงบและเป็นส่วนตัว

เขาไม่รู้สึกถึงอันตรายมากนักจากการสแกนด้วยพลังวิญญาณของเขาและควบคุมเมฆให้ลงจอดอย่างรวดเร็วบนเกาะ

ช่วงเวลาที่พวกเขาสัมผัสพื้นแอริสก็ปกป้องพี่สาวของเธอยานาไว้ข้างหลังเธอมองเฟิงหลินอย่างระมัดระวัง

เฟิงหลินไม่สนใจเธอ แต่พูดกับยานาว่า “ฉันได้พาเธอสองคนมายังที่ที่ปลอดภัยแล้ว เธอจะบอกวิธีสรุปผลตำนานให้ฉันฟังได้หรือยัง?”

เขาปล่อยกลิ่นอายอันตรายออกมา ถ้าพี่น้องสองคนนี้กล้าที่จะโกหกเขา … !

เขาจะไม่ไว้หน้าเพียงเพราะพวกเธอเป็นผู้หญิง

ถึงแม้ว่าแอริสจะเป็นผู้บ่มเพาะระดับสูง แต่พลังของเฟิงหลินก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเธอ นอกจากนี้เขายังมีเสาศักดิ์สิทธิ์และจะไม่แพ้อย่างแน่นอน

 

ยานาน่าจะเดินตามเส้นทางของเทพีแห่งปัญญาอาธีนา สติปัญญาของเธอนั้นยิ่งใหญ่กว่าคนอื่นและเธอก็รู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเธอทำให้เฟิงหลินโกรธเคือง เธอยิ้มและไม่สร้างปัญหา “แน่นอน!”

“การสรุปผลตำนานเป็นวิธีการวิวัฒนาการของยีนที่สร้างขึ้นตามวิธีการอนุมานตำนาน เมื่อนายอนุมานเส้นทางในตำนานแล้วนายจะเป็นเหมือนนักแสดง เข้าใจเส้นทางที่ตัวละครจากตำนานเจอ สัมผัสกับธรรมชาติที่แท้จริงของยีนในตำนาน แต่จะต้องไม่พยายามส่งผ่านสิ่งที่เป็นของปลอมสู่ความเป็นจริง มันจะต้องหมกมุ่น แต่ไม่หลงระเริงอยู่ภายใน ต้องมีจิตใจที่แจ่มชัดเหมือนนักปราชญ์ผู้มีประสบการณ์ที่ได้สัมผัสกับคุณภาพที่แท้จริงของโอเปร่า การปรับแต่งแสงสว่างของธรรมชาติมนุษย์ สิ่งที่ผู้บ่มเพาะดวงดาวต้องทำคือการรวมความเข้าใจของตัวเองและแก่นสำคัญของยีนในตำนาน ทำให้พวกมันสามารถพัฒนาไปสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของยีนที่ก้าวหน้ายิ่งขึ้น! … “

“นั่นคือวิธีที่มันเป็น!” ยานาอธิบายต่อไปและเฟิงหลินก็เรียนรู้มากมายจากมันเช่นกัน ชั้นของหมอกที่ปกคลุมหัวใจของเขานั้นค่อยๆถูกลบออกเผยให้เห็นความจริงที่ซ่อนอยู่

 

ณ จุดนี้ยานาไม่พยายามซ่อนอะไรอีกต่อไป เธอยังกล่าวต่อไปว่า ” ถึงแม้ว่าวิธีการอนุมานตำนานและวิธีการสรุปตำนานจะเป็นสองขั้นตอน แต่ก็ช่วยเสริมซึ่งกันและกันและไม่จำเป็นต้องแยกมันออกจากกันโดยเจตนา ในความเป็นจริง ในสถานการณ์ส่วนใหญ่ทั้งสองจะดำเนินการควบคู่กันไป ยีนในตำนานที่เป็นเอกลักษณ์ชนิดหนึ่งมีอยู่ในโลกนี้ พวกมันถูกเรียกว่ายีนสืบทอด วิธีการวิวัฒนาการของพวกมันคือการรวมวิธีการอนุมานตำนานและวิธีสรุปตำนานเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว ไม่มีความแตกต่างใด ๆ…”

 

“ศิลปะความทรงจำ!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด