[LN] ใครกันที่เป็นคนตัดสินว่าผมมีเลิฟคอมเมดี้ในชีวิตจริงไม่ได้ 1
โลกของเลิฟคอมเมดี้
เต็มด้วยความฝันและความทะเยอทะยานของหนุ่มสาว มันคือสรวงสวรรค์ชั้นสูงสุด
เพราะอะไรถึงเป็นแบบนั้นน่ะเหรอ
มีใครบ้างล่ะที่ไม่อยากยกระดับชีวิตในโรงเรียนไปกับสาวๆ เพื่อนๆ ไม่อยากพูดคุยกับสาวน่ารักๆ ที่ตรงสเปกงั้นเหรอ มีใครบ้างที่ไม่เป็นแบบนั้น ผมมั่นใจได้เลยว่าคงไม่มีใครที่ไม่อยากบูชาเรือนร่างสาวๆ ในชุดว่ายน้ำ หรือบอกว่าไม่สนใจโมเมนต์ลามกเลยแน่ๆ สนุกสนานไปกับเพื่อนๆ ในงานเทศกาลโรงเรียน ใส่ชุดยูกาตะไปดูดอกไม้ไฟ หรือจะไปเที่ยวบ่อน้ำพุร้อนในช่วงคริสต์มาส บอกผมสิว่าคุณไม่เคยอยากลองทำแบบนั้น
อย่างน้อยๆ ถ้าคุณเป็นแฟนตัวยงเลิฟคอมเมดี้เหมือนอย่างผมรับรองว่าคุณจะต้องเคยคิดมาก่อนอย่างน้อยหนึ่งครั้ง
แต่ในชีวิตจริงนั้นก็ช่างแตกต่างจากเลิฟคอมเมดี้
ถ้าจะถามว่าทำไมละก็ นั่นก็เพราะว่าผม—
ไม่มีน้องสาว ไม่มีเพื่อนสมัยเด็ก ไม่มีเพื่อนร่วมชั้นที่เป็นไอดอล ไม่มีรุ่นพี่แสนลึกลับ ไม่มีรุ่นน้องสุดเฟรนลี่ ไม่มีคุณครูประจำชั้นที่สวยเสียของ ไม่มีตัวละครซึนเดเระชอบใช้ความรุนแรง ไม่มีตัวละครสุดเจ้าเล่ห์ ไม่มีน้องสาวเป็นคนแต่งนิยาย ไม่มีนางฟ้าเป็นเพื่อนข้างห้อง [1] ไม่มีน้องสาวน่ารำคาญของเพื่อนสนิท [2] กลับกันผมยังไม่มีแม้แต่เพื่อนผู้ชายที่สนิทกันด้วยซ้ำ ไม่มีคนให้แชร์ความทรงจำสุดพิเศษ ไม่มีคนที่เริ่มมากับผมด้วยค่าความชอบสุดหลอด
ยิ่งไปกว่านั้น ผมน่ะ—
แต่งนิยายไม่เป็น วาดรูปไม่เป็น แต่งเพลงไม่เป็น เล่นดนตรีสักอย่างก็ไม่เป็น สร้างเกมไม่เป็นแถมยังเล่นไม่เก่งอีก จริงอยู่ที่ผมไม่ไช่คนพูดไม่เก่งเหมือนอย่างอินโทรเวิร์ท แต่ผมก็ไม่ได้สื่อสารเก่งเหมือนอย่างพวกชอบเข้าสังคม ผมไม่ได้เกลียดการเรียนหรือเล่นกีฬา แต่ถ้าจะบอกว่าอยู่ในระดับท็อปผมก็ยังถือว่าห่างไกล
แล้วถ้าเกิดจะถามว่าผมมีอะไรที่ผมเก่งกว่าคนอื่น นั่นก็คือครั้งหนึ่งผมเคยได้รับรางวัลจากการแข่งขันวิจัยอิสระของจังหวัด และผมก็มีรายได้มากกว่าคนทั่วไปจากงานพาร์ทไทม์คีย์ข้อมูล นอกไปจากสิ่งเหล่านี้แล้วพูดออกไปก็น่าสมเพชว่าผมไม่มีอะไรเลย
เสร็จสิ้นการสาธยายชีวิตจริงของผม—
ไม่เคยมีอีเวนต์แสนสนุกในช่วงวัยรุ่น ไม่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นเองตามชีวิตประจำวัน การได้พบฉากที่เหมือนกับแฟนเซอร์วิสนับว่าเป็นเรื่องเหลวไหล
เป็นไปไม่ได้ที่จะได้มีเลิฟคอมเมดี้กับนางเอก—จะด้วยบังเอิญหรือโชคชะตาก็ไม่มีเกิด
สำหรับผมที่อาศัยอยู่ในชีวิตจริงเหล่านี้
สำหรับผมที่เป็นหนึ่งในแฟนๆ เลิฟคอมเมดี้นับล้านคนทั่วประเทศ
การจะใช้ชีวิตวัยรุ่นแบบเลิฟคอมเมดี้มันเป็นไปไม่ได้จริงๆ ใช่ไหม
อย่างกับผมจะยอมรับมันได้
ไม่ว่าคุณจะเป็นคนธรรมดา คนเหลวแหลก คนโดดเดี่ยว โอตาคุ คนที่ไม่ใช่เรียจู [3] หรือว่าจะเป็นเรียจูแบบสุดกู่—ไม่ว่าคุณจะเป็นใครเลิฟคอมเมดี้ก็เป็นสถานที่ให้คุณแสดงบทบาทออกมาได้
เลิฟคอมเมดี้เป็นสถานที่ที่คุณสามารถเป็นตัวเอกได้แม้จะยังคงความเป็นตัวเอง
เพราะงั้นแล้วแม้แต่ผมที่ไม่มีอะไรเลยก็สมควรมีสิทธิ์ที่จะมีเลิฟคอมเมดี้
แต่ถ้าเกิดไม่ว่ายังไงเลิฟคอมเมดี้ในชีวิตจริงก็เป็นไปไม่ได้—
ผมก็แค่ต้องสร้างมันขึ้นมาใหม่ตั้งแต่ต้นซะก็สิ้นเรื่อง
◆
ลมเดือน 4 ยังคงหนาวเย็นเล็กน้อย
ผมเดินขึ้นบันไดที่อยู่นอกอาคารเรียนขึ้นไปทีละขั้น
หลังจากเดินขึ้นมาหลายก้าว สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าของผมก็คือประตูเหล็กคล้ายรั้วสูงเกือบสองเมตร และตรงลูกบิดของประตูสเตนเลสก็ได้มีรูกุญแจเล็กๆ อยู่
หลังจากกลืนน้ำลายแล้วผมก็ค่อยๆ หมุนลูกบิด
ประตูถูกเปิดออกดังแกร๊ก—ไม่ได้ล็อก เยี่ยม! เป็นไปตามข้อมูลเป๊ะ!
กะแล้วว่าในวันนี้ เวลานี้ ประตูต้องไม่ล็อก!
ผมค่อยๆ เดินข้ามเขตประตูออกไป
สิ่งที่ปรากฏออกมาต่อหน้าของผมก็คือดาดฟ้าไร้ผู้คน อาทิตย์อัสดงเจิดจรัสได้กลืนทัศนวิสัยของผมไปครึ่งหนึ่ง
“เยี่ยม! นี่มันสถานที่เพอร์เฟกต์สำหรับเรื่องราววัยรุ่นเลยไม่ใช่รึไง! ในที่สุด..ก็มาได้ถึงขนาดนี้~!”
ผมไม่สามารถควบคุมความตื่นเต้นได้และตะโกนออกไปบนท้องฟ้า
ในที่สุด โปรเจกต์ ก็เริ่มขึ้นจริงจังได้แล้ว
ทันใดนั้นผมก็ผมก็หวนนึกถึงวันวานที่ได้นำพามาจนถึงจุดนี้ ดวงตาของผมกำลังร้อนผ่าว
มันเป็นช่วงเวลาก่อนที่ผมจะได้เข้าเรียน ม.ปลาย
ผมได้ใช้เวลาทั้งหมดไปประมาณ 1 ปีกับการวางแผน
ตัวผมนั้นที่ขาดความสามารถพื้นฐานในการสร้างเลิฟคอมเมดี้
ได้ตัดสินใจทำทุกอย่าง—ด้วยการหาข้อมูลและฝึกฝนแบบซ้ำๆ เพื่อชดเชยในสิ่งที่ผมขาด
ผมสืบเสาะข้อมูลทุกอย่างและนำไปเก็บสะสมไว้ในฐานข้อมูล เรียนรู้วิธีวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้มาเพื่อนำไปใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ฝึกฝนทุกอย่างซ้ำๆ เพื่อให้ข้อมูลเหล่านั้นฝังเข้าไปในร่างกายของผม
ผมได้ฝึกฝนเพื่อที่จะต่อต้านชีวิตจริงอันแสนไร้เหตุผลด้วยวิธีการเหล่านี้
มีหลายครั้งที่เกิดข้อผิดพลาด มีหลายครั้งที่ผมเกิดท้อแท้
แต่ถึงอย่างนั้น “ชีวิตเป็นเกมกากๆ” — ผมเคยเห็นตัวเอกที่พูดอย่างนี้พิชิตเกมแห่งชีวิตได้ด้วยความพยายามเพียงอย่างเดียวมาแล้ว [4]
ด้วยเหตุนี้ผมจึงได้รู้ว่าถึงแม้เส้นทางจะยาวไกลและยากเย็นแค่ไหน ถ้าเกิดยึดมั่นและไม่ยอมแพ้แม้แต่ชีวิตจริงเองก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้
นอกจากนี้สุดยอดเรียจูที่ผมชื่นชม ไม่สิ พระเจ้าเคยตรัสเอาไว้แบบนี้ [5] “จงฝันไปให้ถึงดวงจันทร์”
ต่อให้ใครจะหัวเราะเยาะว่าเป็นเรื่องเพ้อฝันก็อย่าไปยอมแพ้และก้าวไปข้างหน้าต่อ
ด้วยความมุ่งมั่นแบบนั้นได้ทำให้ผมพยายามมาจนถึงทุกวันนี้ ถึงจะมีกระท่อนกระแท่นไปในบางครั้ง แต่นั่นมันก็ได้ทำให้ผมมาจนถึงจุดนี้
จะไม่มีคนธรรมดาที่โหยหาเลิฟคอมเมดี้อีกต่อไปแล้ว
นั่นก็เพราะว่าตอนนี้—ผมคือตัวเอกที่มีนามว่า นากาซากะ โคเฮย์!
“ใจเย็นไว้… ใจเย็นเข้าไว้ตัวฉัน…”
ผมเหลือบดูเวลาบนสมาร์ตโฟน
อีกแค่สิบห้านาทีเป้าหมาย “เธอคนนั้น” ก็จะมาถึง
เนื่องจากความตึงเครียดนิ้วมือของผมจึงได้เย็นเฉียบจนรู้สึกว่าถ้าไม่ทำตัวให้สบายร่างกายจะต้องหนาวสั่น
“บัดซบ! อย่าเพิ่งประหม่าตอนนี้สิ ต้องร่าเริงเข้าไว้ นี่เป็นอีเวนต์แรกของฉันเลยนะ เลิฟคอมเมดี้ของฉันได้เปิดฉากขึ้นแล้ว! …เดี๋ยวสิ เรื่องแบบนั้นต้องเอาไว้พูดตอนจบนี่หว่า ไม่ดีแล้ว! ใช่ๆ ไม่นับๆ!”
ในขณะที่กำลังตบมุกกับตัวเองคนเดียว ผมก็ได้เดินไปมารอบๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ไปด้วย
อ๊ะ! แต่การพูดคนเดียวแบบนี้มันเหมือนกับพระเลิฟคอมเมดี้เลยนี่เนอะ จริงด้วย พระเอกจะพูดคนเดียวตอนไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ ก็เป็นเรื่องปกติ เยี่ยม! การฝึกทั้งหมดสัมฤทธิ์ผล!
ผมเริ่มรู้สึกใจเย็นขึ้นมาได้แล้ว
ครืด
เสียงเปิดประตูดังมาจากข้างหลังของผม
เดี๋ยวนะ มาแล้ว!? นี่มันเร็วกว่าที่คิดไว้อีกนะ!
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าค่อยๆ ก้าวมาใกล้ หัวใจของผมก็ยิ่งเต้นถี่ขึ้น
ไม่เป็นไร มันต้องไม่เป็นอะไร ขอแค่ผมทำตามที่ฝึกฝนเอาไว้มันต้องผ่านไปได้ด้วยดีแน่ๆ
สูดหายใจลึกๆ หนึ่งครั้ง
ผมตบแก้มตัวเองเพื่อฟื้นคืนสติ
ชีวิตจริงของผมไม่ใช่เลิฟคอมเมดี้
ดังนั้นแล้ว ผม—
ผมจะไม่ยอมรับชีวิตจริงแบบนี้ ถ้าเกิดผมมีเลิฟคอมเมดี้ในโลกแห่งนี้ (ชีวิตจริง) ไม่ได้แล้วละก็—ผมก็จะสร้างมันขึ้นมาใหม่ทั้งหมดตั้งแต่ต้นเอง
เอ้า มาเริ่มกันเลย!
จุดเริ่มต้นโปรเจกต์ของผม—เลิฟคอมเมดี้ในโลกแห่งความเป็นจริง!
**ศัพท์ในตอน**
[1] นางฟ้าเป็นเพื่อนข้างห้อง ล้อ Otonari no Tenshi-sama ni Itsu no Ma ni ka Dame Ningen ni Sareteita Ken
[2] น้องสาวน่ารำคาญของเพื่อนสนิท ล้อ Tomodachi no Imouto ga Ore ni Dake Uzai
[3] เรียจู มาจากคำว่าเรียล ที่แปลว่าชีวิตจริง และคำว่าจูจิสึ ที่เปลว่าประสบความสำเร็จในชีวิตจริง เมื่อเอามาประกอบกันจะได้ความหมายว่า “ผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตจริง”
[4] “ชีวิตเป็นเกมกากๆ” น่าจะล้อ No Game No Life
[5] ล้อพระเอกเรื่อง Chitose-kun wa Ramune Bin no Naka ที่มีฉายาว่าพระเจ้าเลิฟคอมเมดี้ เนื่องจากเรื่องนี้มันอวยพระเอกฉายาก็เลยจะน่าหมั่นไส้หน่อยๆ
Comments
[LN] ใครกันที่เป็นคนตัดสินว่าผมมีเลิฟคอมเมดี้ในชีวิตจริงไม่ได้ 1
โลกของเลิฟคอมเมดี้
เต็มด้วยความฝันและความทะเยอทะยานของหนุ่มสาว มันคือสรวงสวรรค์ชั้นสูงสุด
เพราะอะไรถึงเป็นแบบนั้นน่ะเหรอ
มีใครบ้างล่ะที่ไม่อยากยกระดับชีวิตในโรงเรียนไปกับสาวๆ เพื่อนๆ ไม่อยากพูดคุยกับสาวน่ารักๆ ที่ตรงสเปกงั้นเหรอ มีใครบ้างที่ไม่เป็นแบบนั้น ผมมั่นใจได้เลยว่าคงไม่มีใครที่ไม่อยากบูชาเรือนร่างสาวๆ ในชุดว่ายน้ำ หรือบอกว่าไม่สนใจโมเมนต์ลามกเลยแน่ๆ สนุกสนานไปกับเพื่อนๆ ในงานเทศกาลโรงเรียน ใส่ชุดยูกาตะไปดูดอกไม้ไฟ หรือจะไปเที่ยวบ่อน้ำพุร้อนในช่วงคริสต์มาส บอกผมสิว่าคุณไม่เคยอยากลองทำแบบนั้น
อย่างน้อยๆ ถ้าคุณเป็นแฟนตัวยงเลิฟคอมเมดี้เหมือนอย่างผมรับรองว่าคุณจะต้องเคยคิดมาก่อนอย่างน้อยหนึ่งครั้ง
แต่ในชีวิตจริงนั้นก็ช่างแตกต่างจากเลิฟคอมเมดี้
ถ้าจะถามว่าทำไมละก็ นั่นก็เพราะว่าผม—
ไม่มีน้องสาว ไม่มีเพื่อนสมัยเด็ก ไม่มีเพื่อนร่วมชั้นที่เป็นไอดอล ไม่มีรุ่นพี่แสนลึกลับ ไม่มีรุ่นน้องสุดเฟรนลี่ ไม่มีคุณครูประจำชั้นที่สวยเสียของ ไม่มีตัวละครซึนเดเระชอบใช้ความรุนแรง ไม่มีตัวละครสุดเจ้าเล่ห์ ไม่มีน้องสาวเป็นคนแต่งนิยาย ไม่มีนางฟ้าเป็นเพื่อนข้างห้อง [1] ไม่มีน้องสาวน่ารำคาญของเพื่อนสนิท [2] กลับกันผมยังไม่มีแม้แต่เพื่อนผู้ชายที่สนิทกันด้วยซ้ำ ไม่มีคนให้แชร์ความทรงจำสุดพิเศษ ไม่มีคนที่เริ่มมากับผมด้วยค่าความชอบสุดหลอด
ยิ่งไปกว่านั้น ผมน่ะ—
แต่งนิยายไม่เป็น วาดรูปไม่เป็น แต่งเพลงไม่เป็น เล่นดนตรีสักอย่างก็ไม่เป็น สร้างเกมไม่เป็นแถมยังเล่นไม่เก่งอีก จริงอยู่ที่ผมไม่ไช่คนพูดไม่เก่งเหมือนอย่างอินโทรเวิร์ท แต่ผมก็ไม่ได้สื่อสารเก่งเหมือนอย่างพวกชอบเข้าสังคม ผมไม่ได้เกลียดการเรียนหรือเล่นกีฬา แต่ถ้าจะบอกว่าอยู่ในระดับท็อปผมก็ยังถือว่าห่างไกล
แล้วถ้าเกิดจะถามว่าผมมีอะไรที่ผมเก่งกว่าคนอื่น นั่นก็คือครั้งหนึ่งผมเคยได้รับรางวัลจากการแข่งขันวิจัยอิสระของจังหวัด และผมก็มีรายได้มากกว่าคนทั่วไปจากงานพาร์ทไทม์คีย์ข้อมูล นอกไปจากสิ่งเหล่านี้แล้วพูดออกไปก็น่าสมเพชว่าผมไม่มีอะไรเลย
เสร็จสิ้นการสาธยายชีวิตจริงของผม—
ไม่เคยมีอีเวนต์แสนสนุกในช่วงวัยรุ่น ไม่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นเองตามชีวิตประจำวัน การได้พบฉากที่เหมือนกับแฟนเซอร์วิสนับว่าเป็นเรื่องเหลวไหล
เป็นไปไม่ได้ที่จะได้มีเลิฟคอมเมดี้กับนางเอก—จะด้วยบังเอิญหรือโชคชะตาก็ไม่มีเกิด
สำหรับผมที่อาศัยอยู่ในชีวิตจริงเหล่านี้
สำหรับผมที่เป็นหนึ่งในแฟนๆ เลิฟคอมเมดี้นับล้านคนทั่วประเทศ
การจะใช้ชีวิตวัยรุ่นแบบเลิฟคอมเมดี้มันเป็นไปไม่ได้จริงๆ ใช่ไหม
อย่างกับผมจะยอมรับมันได้
ไม่ว่าคุณจะเป็นคนธรรมดา คนเหลวแหลก คนโดดเดี่ยว โอตาคุ คนที่ไม่ใช่เรียจู [3] หรือว่าจะเป็นเรียจูแบบสุดกู่—ไม่ว่าคุณจะเป็นใครเลิฟคอมเมดี้ก็เป็นสถานที่ให้คุณแสดงบทบาทออกมาได้
เลิฟคอมเมดี้เป็นสถานที่ที่คุณสามารถเป็นตัวเอกได้แม้จะยังคงความเป็นตัวเอง
เพราะงั้นแล้วแม้แต่ผมที่ไม่มีอะไรเลยก็สมควรมีสิทธิ์ที่จะมีเลิฟคอมเมดี้
แต่ถ้าเกิดไม่ว่ายังไงเลิฟคอมเมดี้ในชีวิตจริงก็เป็นไปไม่ได้—
ผมก็แค่ต้องสร้างมันขึ้นมาใหม่ตั้งแต่ต้นซะก็สิ้นเรื่อง
◆
ลมเดือน 4 ยังคงหนาวเย็นเล็กน้อย
ผมเดินขึ้นบันไดที่อยู่นอกอาคารเรียนขึ้นไปทีละขั้น
หลังจากเดินขึ้นมาหลายก้าว สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าของผมก็คือประตูเหล็กคล้ายรั้วสูงเกือบสองเมตร และตรงลูกบิดของประตูสเตนเลสก็ได้มีรูกุญแจเล็กๆ อยู่
หลังจากกลืนน้ำลายแล้วผมก็ค่อยๆ หมุนลูกบิด
ประตูถูกเปิดออกดังแกร๊ก—ไม่ได้ล็อก เยี่ยม! เป็นไปตามข้อมูลเป๊ะ!
กะแล้วว่าในวันนี้ เวลานี้ ประตูต้องไม่ล็อก!
ผมค่อยๆ เดินข้ามเขตประตูออกไป
สิ่งที่ปรากฏออกมาต่อหน้าของผมก็คือดาดฟ้าไร้ผู้คน อาทิตย์อัสดงเจิดจรัสได้กลืนทัศนวิสัยของผมไปครึ่งหนึ่ง
“เยี่ยม! นี่มันสถานที่เพอร์เฟกต์สำหรับเรื่องราววัยรุ่นเลยไม่ใช่รึไง! ในที่สุด..ก็มาได้ถึงขนาดนี้~!”
ผมไม่สามารถควบคุมความตื่นเต้นได้และตะโกนออกไปบนท้องฟ้า
ในที่สุด โปรเจกต์ ก็เริ่มขึ้นจริงจังได้แล้ว
ทันใดนั้นผมก็ผมก็หวนนึกถึงวันวานที่ได้นำพามาจนถึงจุดนี้ ดวงตาของผมกำลังร้อนผ่าว
มันเป็นช่วงเวลาก่อนที่ผมจะได้เข้าเรียน ม.ปลาย
ผมได้ใช้เวลาทั้งหมดไปประมาณ 1 ปีกับการวางแผน
ตัวผมนั้นที่ขาดความสามารถพื้นฐานในการสร้างเลิฟคอมเมดี้
ได้ตัดสินใจทำทุกอย่าง—ด้วยการหาข้อมูลและฝึกฝนแบบซ้ำๆ เพื่อชดเชยในสิ่งที่ผมขาด
ผมสืบเสาะข้อมูลทุกอย่างและนำไปเก็บสะสมไว้ในฐานข้อมูล เรียนรู้วิธีวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้มาเพื่อนำไปใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ฝึกฝนทุกอย่างซ้ำๆ เพื่อให้ข้อมูลเหล่านั้นฝังเข้าไปในร่างกายของผม
ผมได้ฝึกฝนเพื่อที่จะต่อต้านชีวิตจริงอันแสนไร้เหตุผลด้วยวิธีการเหล่านี้
มีหลายครั้งที่เกิดข้อผิดพลาด มีหลายครั้งที่ผมเกิดท้อแท้
แต่ถึงอย่างนั้น “ชีวิตเป็นเกมกากๆ” — ผมเคยเห็นตัวเอกที่พูดอย่างนี้พิชิตเกมแห่งชีวิตได้ด้วยความพยายามเพียงอย่างเดียวมาแล้ว [4]
ด้วยเหตุนี้ผมจึงได้รู้ว่าถึงแม้เส้นทางจะยาวไกลและยากเย็นแค่ไหน ถ้าเกิดยึดมั่นและไม่ยอมแพ้แม้แต่ชีวิตจริงเองก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้
นอกจากนี้สุดยอดเรียจูที่ผมชื่นชม ไม่สิ พระเจ้าเคยตรัสเอาไว้แบบนี้ [5] “จงฝันไปให้ถึงดวงจันทร์”
ต่อให้ใครจะหัวเราะเยาะว่าเป็นเรื่องเพ้อฝันก็อย่าไปยอมแพ้และก้าวไปข้างหน้าต่อ
ด้วยความมุ่งมั่นแบบนั้นได้ทำให้ผมพยายามมาจนถึงทุกวันนี้ ถึงจะมีกระท่อนกระแท่นไปในบางครั้ง แต่นั่นมันก็ได้ทำให้ผมมาจนถึงจุดนี้
จะไม่มีคนธรรมดาที่โหยหาเลิฟคอมเมดี้อีกต่อไปแล้ว
นั่นก็เพราะว่าตอนนี้—ผมคือตัวเอกที่มีนามว่า นากาซากะ โคเฮย์!
“ใจเย็นไว้… ใจเย็นเข้าไว้ตัวฉัน…”
ผมเหลือบดูเวลาบนสมาร์ตโฟน
อีกแค่สิบห้านาทีเป้าหมาย “เธอคนนั้น” ก็จะมาถึง
เนื่องจากความตึงเครียดนิ้วมือของผมจึงได้เย็นเฉียบจนรู้สึกว่าถ้าไม่ทำตัวให้สบายร่างกายจะต้องหนาวสั่น
“บัดซบ! อย่าเพิ่งประหม่าตอนนี้สิ ต้องร่าเริงเข้าไว้ นี่เป็นอีเวนต์แรกของฉันเลยนะ เลิฟคอมเมดี้ของฉันได้เปิดฉากขึ้นแล้ว! …เดี๋ยวสิ เรื่องแบบนั้นต้องเอาไว้พูดตอนจบนี่หว่า ไม่ดีแล้ว! ใช่ๆ ไม่นับๆ!”
ในขณะที่กำลังตบมุกกับตัวเองคนเดียว ผมก็ได้เดินไปมารอบๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ไปด้วย
อ๊ะ! แต่การพูดคนเดียวแบบนี้มันเหมือนกับพระเลิฟคอมเมดี้เลยนี่เนอะ จริงด้วย พระเอกจะพูดคนเดียวตอนไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ ก็เป็นเรื่องปกติ เยี่ยม! การฝึกทั้งหมดสัมฤทธิ์ผล!
ผมเริ่มรู้สึกใจเย็นขึ้นมาได้แล้ว
ครืด
เสียงเปิดประตูดังมาจากข้างหลังของผม
เดี๋ยวนะ มาแล้ว!? นี่มันเร็วกว่าที่คิดไว้อีกนะ!
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าค่อยๆ ก้าวมาใกล้ หัวใจของผมก็ยิ่งเต้นถี่ขึ้น
ไม่เป็นไร มันต้องไม่เป็นอะไร ขอแค่ผมทำตามที่ฝึกฝนเอาไว้มันต้องผ่านไปได้ด้วยดีแน่ๆ
สูดหายใจลึกๆ หนึ่งครั้ง
ผมตบแก้มตัวเองเพื่อฟื้นคืนสติ
ชีวิตจริงของผมไม่ใช่เลิฟคอมเมดี้
ดังนั้นแล้ว ผม—
ผมจะไม่ยอมรับชีวิตจริงแบบนี้ ถ้าเกิดผมมีเลิฟคอมเมดี้ในโลกแห่งนี้ (ชีวิตจริง) ไม่ได้แล้วละก็—ผมก็จะสร้างมันขึ้นมาใหม่ทั้งหมดตั้งแต่ต้นเอง
เอ้า มาเริ่มกันเลย!
จุดเริ่มต้นโปรเจกต์ของผม—เลิฟคอมเมดี้ในโลกแห่งความเป็นจริง!
**ศัพท์ในตอน**
[1] นางฟ้าเป็นเพื่อนข้างห้อง ล้อ Otonari no Tenshi-sama ni Itsu no Ma ni ka Dame Ningen ni Sareteita Ken
[2] น้องสาวน่ารำคาญของเพื่อนสนิท ล้อ Tomodachi no Imouto ga Ore ni Dake Uzai
[3] เรียจู มาจากคำว่าเรียล ที่แปลว่าชีวิตจริง และคำว่าจูจิสึ ที่เปลว่าประสบความสำเร็จในชีวิตจริง เมื่อเอามาประกอบกันจะได้ความหมายว่า “ผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตจริง”
[4] “ชีวิตเป็นเกมกากๆ” น่าจะล้อ No Game No Life
[5] ล้อพระเอกเรื่อง Chitose-kun wa Ramune Bin no Naka ที่มีฉายาว่าพระเจ้าเลิฟคอมเมดี้ เนื่องจากเรื่องนี้มันอวยพระเอกฉายาก็เลยจะน่าหมั่นไส้หน่อยๆ
Comments