[LN] ใครกันที่เป็นคนตัดสินว่าผมมีเลิฟคอมเมดี้ในชีวิตจริงไม่ได้ 23

Now you are reading [LN] ใครกันที่เป็นคนตัดสินว่าผมมีเลิฟคอมเมดี้ในชีวิตจริงไม่ได้ Chapter 23 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

*บทนี้จะเป็นมุมมองของบุคคลที่อยู่หลังฉากเลิฟคอมเมดี้—อุเอโนะฮาระ อายาโนะ*

 

 

“หืม งั้นเหรอๆ ขอโทษนะที่จู่ๆ ก็เข้ามาทักกะทันหัน”

 

ณ ทางเชื่อมที่ตะวันกำลังคล้อยและมืดมิด ฉันโบกมือแล้วก็ยิ้ม

 

“ไม่เป็นไรๆ จะว่าไปแล้ว ทั้งที่เธออยู่ห้องเรียนอื่นแท้ๆ ดูเหมือนว่าฉันจะเป็นที่รู้จักดีเลยสินะ”

 

ชายหนุ่ม (เป้าหมาย) ขยี้ผมที่ถูกมัดแน่นและจ้องมาที่ฉัน

 

ตัวเขาอาจจะคิดว่าท่าทางนั้นช่างสมบูรณ์แบบ แต่รูปลักษณ์ที่ไม่มีใครทัดเทียมกับท่าทางไร้เดียงสานั้นมันกลับทำให้เขาโดดเด่นจนราวกับเพิ่งเดบิวต์ ม.ปลาย ตามข้อมูลของนากาซากะแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะเคยเป็นนักกีฬาที่ไว้ผมสกินเฮด ดูเหมือนว่ามันจะเป็นความจริงละนะ

 

“อื้ม ฉันเคยได้ยินเรื่องของนายมาจากนากาซากะน่ะ เพราะงั้นก็เลยได้รู้จักใบหน้าของนายมาก่อน”

 

จะบอกว่าโกหกก็ไม่เชิงซะทีเดียว เพราะฉันเคยเห็นเขาอยู่ข้างหลังนากาซากะตอนที่ซ้อมเชียร์มาจริงๆ แค่แป๊บเดียวน่ะนะ

 

อย่างไรก็ตาม เพื่อไม่ให้ตอนเข้าไปคุยแล้วรู้สึกผิดธรรมชาติ ฉันจึงทำเป็นเหมือนว่าสนใจเขามานานแล้ว

 

“จริงเหรอเนี่ย อย่าบอกนะว่าเธอสนใจฉัน!?”

 

อื้ม ขนาดเรื่องว่าเขาจะสรุปไปแบบนั้นก็ยังตรงกับข้อมูลเป๊ะ

 

“คือเอ่อ… ใจเย็นๆ หน่อยสิ”

 

ฉันผลักไหล่ของเขาที่เข้ามาใกล้ออกไปเบาๆ ต้องไม่ให้ความหวังกับเขา แต่ก็ต้องไม่ตรงไปตรงมามากเกินจนทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจ แต่ในขณะเดียวกัน มืออีกข้างหนึ่งก็ต้องเตรียมพร้อมเอาไว้ตลอดเวลา

 

“เอ่อ นายคุยแบบนี้กับผู้หญิงทุกคนที่คุยด้วยเลยเหรอ”

 

“ฮ่าๆๆ ไม่ใช่หรอก ฉันทำแบบนี้กับผู้หญิงที่น่ารักเท่านั้นแหละ”

 

“ถ้างั้นนายก็คุยแบบนี้กับเมย์ด้วยใช่ไหม เห็นช่วงหลังมานี้เข้ากันได้ดีสินะ”

 

“อา ไม่หรอก กับเมย์จังน่ะนะ… ทั้งที่อยู่ด้วยกันแท้ๆ แต่กลับไม่รู้สึกเหมือนอยู่ด้วยกันเลยละนะ”

 

อา เข้าใจแล้ว นี่คือการตีความความรู้สึกของเขาตอนที่อยู่กับผู้หญิงคนนั้นสินะ

 

ไม่สิ บางทีมันอาจจะ—

 

“…อื้ม แค่นี้ก็พอแล้วล่ะ ไว้เจอกันใหม่~”

 

“อ๊ะ อย่างน้อยก็ขอข้อมูลติดต่อ—”

 

ก่อนที่เขาจะพูดอะไรที่ไม่จำเป็นออกมา ฉันก็รีบหายตัวลงไปกับบันไดอย่างรวดเร็ว

 

—หลังจากได้ติดต่อกับผู้คนมาหลายประเภท ฉันก็เริ่มมองเห็นจุดร่วมบางอย่าง

 

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเรื่องที่เมย์ออกไปเที่ยวกับหลายๆ กลุ่มมันเป็นเรื่องจริง แต่กระนั้นเองก็ใช่ว่าเธอจะสนิทสนมกับกลุ่มใดเป็นพิเศษ ราวกับขีดเส้นเอาไว้อยู่ตลอด

 

พฤติกรรมของเธอไม่ใช่ว่า ‘เข้ากับใครก็ได้’ แต่ให้ความรู้สึกเหมือนกับ ‘ไม่เข้ากับกลุ่มไหนสักกลุ่ม’ มากกว่า

 

เมื่อลองวิเคราะห์การกระทำของเมย์จากตรงนั้น ฉันก็มองไม่ค่อยเห็นจุดประสงค์ของเธอนัก

 

หากแต่… มันเป็นอย่างที่ฉันคิดเอาไว้ มันก็น่าแปลกที่ผู้ชายที่เธอติดต่อด้วยมีเพียงผู้ชายจากของเธอเอง (ห้อง 4)  เท่านั้น หากเธออยากจะทำตามวัตถุประสงค์ของตัวเอง ฉันคิดว่ามันคงจะดีกว่าถ้าเธอเข้าไปหากลุ่มสาวๆ อย่างจริงจัง

 

ฉันคิดว่าความรู้สึกไม่ลงรอยนี้มันอาจจะเป็นกุญแสสำหรับการไขสู่ความจริงก็ได้ ดังนั้นฉันจึงพยายามสำรวจห้อง 4 อย่างเต็มที่ แต่ว่า… ก็ไม่มีผลลัพธ์ที่ชัดเจนปรากฏออกมาเลย

 

อย่างที่ได้บอกไป ว่าตอนนี้ฉันอยู่ในสถานะที่ไม่มีอะไรคืบหน้าเลย ดังนั้นสิ่งที่ฉันทำได้จึงมีแค่ต้องเดินหน้าต่อไป ฉันกะว่าจะกลับไปรายงานเมื่อมีข้อมูลที่มั่นใจมากกว่านี้ ดังนั้นฉันจึงต้องพิจารณาให้ดีว่าจะทำอย่างไรต่อกับอนาคต

 

เมื่อตัดสินใจเสร็จ ฉันก็เริ่มออกเดินไปยังเป้าหมายถัดไป

 

เอาละ เป้าหมายถัดไปก็คือ ‘เขาคนนั้น’ สินะ

 

ฉันกะจังหวะดีๆ แล้วเดินเข้าไปโดยตั้งข้อสมมติไว้ว่าเขามีข้อมูลอยู่ในมือ ถึงแม้จะไม่ได้ข้อมูลอะไรกลับมา แต่การสร้างมิตรภาพเอาไว้มันก็ไม่น่าจะใช่เรื่องที่เปล่าประโยชน์อะไร

 

—จู่ๆ ฉันก็มีความคิดผุดขึ้นมาว่า นี่เราทำเกินไปหรือเปล่านะ

 

สิ่งที่ฉันได้รับมอบหมายก็คือการลาดตระเวนตามปกติเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องมาทำนอกเรื่องแบบนี้

 

แต่…ดูเหมือนว่าจะมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้ต้องตรวจสอบอย่างละเอียด

 

เพื่อให้แผนการสำเร็จแล้วก็คงช่วยไม่ได้ละนะ

 

นอกจากนี้ ดูเหมือนว่าข้อได้เปรียบของฉันจะเป็นเรื่องการเก็บข้อมูลตัวต่อตัวด้วย ในสถานการณ์ที่ขาดข้อมูลแล้ว การจัดการในส่วนที่นากาซากะไม่สามารถทำได้มันก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล

 

เอาเถอะ ของแบบนี้ไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่หรอก

 

เท่านี้เราก็จะได้ยืนยันสิ่งที่คาใจไปด้วยอีกต่อ ถือซะว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

 

—ฉันทำการเก็บข้อมูลต่อไปด้วยจิตใจที่บางเบา

 

แต่บางทีคงเป็นเพราะอยู่กับหมอนั่นตลอดเวลาจนประสาทสัมผัสเป็นอัมพาต—

 

ทำให้ฉันลืมหลักการพื้นฐานไปหมดสิ้น ว่าจริงๆ สิ่งที่ฉันทำมาทั้งหมดนั้นมันช่างเป็นเรื่องที่แสนงี่เง่า

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[LN] ใครกันที่เป็นคนตัดสินว่าผมมีเลิฟคอมเมดี้ในชีวิตจริงไม่ได้ 23

Now you are reading [LN] ใครกันที่เป็นคนตัดสินว่าผมมีเลิฟคอมเมดี้ในชีวิตจริงไม่ได้ Chapter 23 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

*บทนี้จะเป็นมุมมองของบุคคลที่อยู่หลังฉากเลิฟคอมเมดี้—อุเอโนะฮาระ อายาโนะ*

 

 

“หืม งั้นเหรอๆ ขอโทษนะที่จู่ๆ ก็เข้ามาทักกะทันหัน”

 

ณ ทางเชื่อมที่ตะวันกำลังคล้อยและมืดมิด ฉันโบกมือแล้วก็ยิ้ม

 

“ไม่เป็นไรๆ จะว่าไปแล้ว ทั้งที่เธออยู่ห้องเรียนอื่นแท้ๆ ดูเหมือนว่าฉันจะเป็นที่รู้จักดีเลยสินะ”

 

ชายหนุ่ม (เป้าหมาย) ขยี้ผมที่ถูกมัดแน่นและจ้องมาที่ฉัน

 

ตัวเขาอาจจะคิดว่าท่าทางนั้นช่างสมบูรณ์แบบ แต่รูปลักษณ์ที่ไม่มีใครทัดเทียมกับท่าทางไร้เดียงสานั้นมันกลับทำให้เขาโดดเด่นจนราวกับเพิ่งเดบิวต์ ม.ปลาย ตามข้อมูลของนากาซากะแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะเคยเป็นนักกีฬาที่ไว้ผมสกินเฮด ดูเหมือนว่ามันจะเป็นความจริงละนะ

 

“อื้ม ฉันเคยได้ยินเรื่องของนายมาจากนากาซากะน่ะ เพราะงั้นก็เลยได้รู้จักใบหน้าของนายมาก่อน”

 

จะบอกว่าโกหกก็ไม่เชิงซะทีเดียว เพราะฉันเคยเห็นเขาอยู่ข้างหลังนากาซากะตอนที่ซ้อมเชียร์มาจริงๆ แค่แป๊บเดียวน่ะนะ

 

อย่างไรก็ตาม เพื่อไม่ให้ตอนเข้าไปคุยแล้วรู้สึกผิดธรรมชาติ ฉันจึงทำเป็นเหมือนว่าสนใจเขามานานแล้ว

 

“จริงเหรอเนี่ย อย่าบอกนะว่าเธอสนใจฉัน!?”

 

อื้ม ขนาดเรื่องว่าเขาจะสรุปไปแบบนั้นก็ยังตรงกับข้อมูลเป๊ะ

 

“คือเอ่อ… ใจเย็นๆ หน่อยสิ”

 

ฉันผลักไหล่ของเขาที่เข้ามาใกล้ออกไปเบาๆ ต้องไม่ให้ความหวังกับเขา แต่ก็ต้องไม่ตรงไปตรงมามากเกินจนทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจ แต่ในขณะเดียวกัน มืออีกข้างหนึ่งก็ต้องเตรียมพร้อมเอาไว้ตลอดเวลา

 

“เอ่อ นายคุยแบบนี้กับผู้หญิงทุกคนที่คุยด้วยเลยเหรอ”

 

“ฮ่าๆๆ ไม่ใช่หรอก ฉันทำแบบนี้กับผู้หญิงที่น่ารักเท่านั้นแหละ”

 

“ถ้างั้นนายก็คุยแบบนี้กับเมย์ด้วยใช่ไหม เห็นช่วงหลังมานี้เข้ากันได้ดีสินะ”

 

“อา ไม่หรอก กับเมย์จังน่ะนะ… ทั้งที่อยู่ด้วยกันแท้ๆ แต่กลับไม่รู้สึกเหมือนอยู่ด้วยกันเลยละนะ”

 

อา เข้าใจแล้ว นี่คือการตีความความรู้สึกของเขาตอนที่อยู่กับผู้หญิงคนนั้นสินะ

 

ไม่สิ บางทีมันอาจจะ—

 

“…อื้ม แค่นี้ก็พอแล้วล่ะ ไว้เจอกันใหม่~”

 

“อ๊ะ อย่างน้อยก็ขอข้อมูลติดต่อ—”

 

ก่อนที่เขาจะพูดอะไรที่ไม่จำเป็นออกมา ฉันก็รีบหายตัวลงไปกับบันไดอย่างรวดเร็ว

 

—หลังจากได้ติดต่อกับผู้คนมาหลายประเภท ฉันก็เริ่มมองเห็นจุดร่วมบางอย่าง

 

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเรื่องที่เมย์ออกไปเที่ยวกับหลายๆ กลุ่มมันเป็นเรื่องจริง แต่กระนั้นเองก็ใช่ว่าเธอจะสนิทสนมกับกลุ่มใดเป็นพิเศษ ราวกับขีดเส้นเอาไว้อยู่ตลอด

 

พฤติกรรมของเธอไม่ใช่ว่า ‘เข้ากับใครก็ได้’ แต่ให้ความรู้สึกเหมือนกับ ‘ไม่เข้ากับกลุ่มไหนสักกลุ่ม’ มากกว่า

 

เมื่อลองวิเคราะห์การกระทำของเมย์จากตรงนั้น ฉันก็มองไม่ค่อยเห็นจุดประสงค์ของเธอนัก

 

หากแต่… มันเป็นอย่างที่ฉันคิดเอาไว้ มันก็น่าแปลกที่ผู้ชายที่เธอติดต่อด้วยมีเพียงผู้ชายจากของเธอเอง (ห้อง 4)  เท่านั้น หากเธออยากจะทำตามวัตถุประสงค์ของตัวเอง ฉันคิดว่ามันคงจะดีกว่าถ้าเธอเข้าไปหากลุ่มสาวๆ อย่างจริงจัง

 

ฉันคิดว่าความรู้สึกไม่ลงรอยนี้มันอาจจะเป็นกุญแสสำหรับการไขสู่ความจริงก็ได้ ดังนั้นฉันจึงพยายามสำรวจห้อง 4 อย่างเต็มที่ แต่ว่า… ก็ไม่มีผลลัพธ์ที่ชัดเจนปรากฏออกมาเลย

 

อย่างที่ได้บอกไป ว่าตอนนี้ฉันอยู่ในสถานะที่ไม่มีอะไรคืบหน้าเลย ดังนั้นสิ่งที่ฉันทำได้จึงมีแค่ต้องเดินหน้าต่อไป ฉันกะว่าจะกลับไปรายงานเมื่อมีข้อมูลที่มั่นใจมากกว่านี้ ดังนั้นฉันจึงต้องพิจารณาให้ดีว่าจะทำอย่างไรต่อกับอนาคต

 

เมื่อตัดสินใจเสร็จ ฉันก็เริ่มออกเดินไปยังเป้าหมายถัดไป

 

เอาละ เป้าหมายถัดไปก็คือ ‘เขาคนนั้น’ สินะ

 

ฉันกะจังหวะดีๆ แล้วเดินเข้าไปโดยตั้งข้อสมมติไว้ว่าเขามีข้อมูลอยู่ในมือ ถึงแม้จะไม่ได้ข้อมูลอะไรกลับมา แต่การสร้างมิตรภาพเอาไว้มันก็ไม่น่าจะใช่เรื่องที่เปล่าประโยชน์อะไร

 

—จู่ๆ ฉันก็มีความคิดผุดขึ้นมาว่า นี่เราทำเกินไปหรือเปล่านะ

 

สิ่งที่ฉันได้รับมอบหมายก็คือการลาดตระเวนตามปกติเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องมาทำนอกเรื่องแบบนี้

 

แต่…ดูเหมือนว่าจะมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้ต้องตรวจสอบอย่างละเอียด

 

เพื่อให้แผนการสำเร็จแล้วก็คงช่วยไม่ได้ละนะ

 

นอกจากนี้ ดูเหมือนว่าข้อได้เปรียบของฉันจะเป็นเรื่องการเก็บข้อมูลตัวต่อตัวด้วย ในสถานการณ์ที่ขาดข้อมูลแล้ว การจัดการในส่วนที่นากาซากะไม่สามารถทำได้มันก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล

 

เอาเถอะ ของแบบนี้ไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่หรอก

 

เท่านี้เราก็จะได้ยืนยันสิ่งที่คาใจไปด้วยอีกต่อ ถือซะว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

 

—ฉันทำการเก็บข้อมูลต่อไปด้วยจิตใจที่บางเบา

 

แต่บางทีคงเป็นเพราะอยู่กับหมอนั่นตลอดเวลาจนประสาทสัมผัสเป็นอัมพาต—

 

ทำให้ฉันลืมหลักการพื้นฐานไปหมดสิ้น ว่าจริงๆ สิ่งที่ฉันทำมาทั้งหมดนั้นมันช่างเป็นเรื่องที่แสนงี่เง่า

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[LN] ใครกันที่เป็นคนตัดสินว่าผมมีเลิฟคอมเมดี้ในชีวิตจริงไม่ได้ 23

Now you are reading [LN] ใครกันที่เป็นคนตัดสินว่าผมมีเลิฟคอมเมดี้ในชีวิตจริงไม่ได้ Chapter 23 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

*บทนี้จะเป็นมุมมองของบุคคลที่อยู่หลังฉากเลิฟคอมเมดี้—อุเอโนะฮาระ อายาโนะ*

 

 

“หืม งั้นเหรอๆ ขอโทษนะที่จู่ๆ ก็เข้ามาทักกะทันหัน”

 

ณ ทางเชื่อมที่ตะวันกำลังคล้อยและมืดมิด ฉันโบกมือแล้วก็ยิ้ม

 

“ไม่เป็นไรๆ จะว่าไปแล้ว ทั้งที่เธออยู่ห้องเรียนอื่นแท้ๆ ดูเหมือนว่าฉันจะเป็นที่รู้จักดีเลยสินะ”

 

ชายหนุ่ม (เป้าหมาย) ขยี้ผมที่ถูกมัดแน่นและจ้องมาที่ฉัน

 

ตัวเขาอาจจะคิดว่าท่าทางนั้นช่างสมบูรณ์แบบ แต่รูปลักษณ์ที่ไม่มีใครทัดเทียมกับท่าทางไร้เดียงสานั้นมันกลับทำให้เขาโดดเด่นจนราวกับเพิ่งเดบิวต์ ม.ปลาย ตามข้อมูลของนากาซากะแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะเคยเป็นนักกีฬาที่ไว้ผมสกินเฮด ดูเหมือนว่ามันจะเป็นความจริงละนะ

 

“อื้ม ฉันเคยได้ยินเรื่องของนายมาจากนากาซากะน่ะ เพราะงั้นก็เลยได้รู้จักใบหน้าของนายมาก่อน”

 

จะบอกว่าโกหกก็ไม่เชิงซะทีเดียว เพราะฉันเคยเห็นเขาอยู่ข้างหลังนากาซากะตอนที่ซ้อมเชียร์มาจริงๆ แค่แป๊บเดียวน่ะนะ

 

อย่างไรก็ตาม เพื่อไม่ให้ตอนเข้าไปคุยแล้วรู้สึกผิดธรรมชาติ ฉันจึงทำเป็นเหมือนว่าสนใจเขามานานแล้ว

 

“จริงเหรอเนี่ย อย่าบอกนะว่าเธอสนใจฉัน!?”

 

อื้ม ขนาดเรื่องว่าเขาจะสรุปไปแบบนั้นก็ยังตรงกับข้อมูลเป๊ะ

 

“คือเอ่อ… ใจเย็นๆ หน่อยสิ”

 

ฉันผลักไหล่ของเขาที่เข้ามาใกล้ออกไปเบาๆ ต้องไม่ให้ความหวังกับเขา แต่ก็ต้องไม่ตรงไปตรงมามากเกินจนทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจ แต่ในขณะเดียวกัน มืออีกข้างหนึ่งก็ต้องเตรียมพร้อมเอาไว้ตลอดเวลา

 

“เอ่อ นายคุยแบบนี้กับผู้หญิงทุกคนที่คุยด้วยเลยเหรอ”

 

“ฮ่าๆๆ ไม่ใช่หรอก ฉันทำแบบนี้กับผู้หญิงที่น่ารักเท่านั้นแหละ”

 

“ถ้างั้นนายก็คุยแบบนี้กับเมย์ด้วยใช่ไหม เห็นช่วงหลังมานี้เข้ากันได้ดีสินะ”

 

“อา ไม่หรอก กับเมย์จังน่ะนะ… ทั้งที่อยู่ด้วยกันแท้ๆ แต่กลับไม่รู้สึกเหมือนอยู่ด้วยกันเลยละนะ”

 

อา เข้าใจแล้ว นี่คือการตีความความรู้สึกของเขาตอนที่อยู่กับผู้หญิงคนนั้นสินะ

 

ไม่สิ บางทีมันอาจจะ—

 

“…อื้ม แค่นี้ก็พอแล้วล่ะ ไว้เจอกันใหม่~”

 

“อ๊ะ อย่างน้อยก็ขอข้อมูลติดต่อ—”

 

ก่อนที่เขาจะพูดอะไรที่ไม่จำเป็นออกมา ฉันก็รีบหายตัวลงไปกับบันไดอย่างรวดเร็ว

 

—หลังจากได้ติดต่อกับผู้คนมาหลายประเภท ฉันก็เริ่มมองเห็นจุดร่วมบางอย่าง

 

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเรื่องที่เมย์ออกไปเที่ยวกับหลายๆ กลุ่มมันเป็นเรื่องจริง แต่กระนั้นเองก็ใช่ว่าเธอจะสนิทสนมกับกลุ่มใดเป็นพิเศษ ราวกับขีดเส้นเอาไว้อยู่ตลอด

 

พฤติกรรมของเธอไม่ใช่ว่า ‘เข้ากับใครก็ได้’ แต่ให้ความรู้สึกเหมือนกับ ‘ไม่เข้ากับกลุ่มไหนสักกลุ่ม’ มากกว่า

 

เมื่อลองวิเคราะห์การกระทำของเมย์จากตรงนั้น ฉันก็มองไม่ค่อยเห็นจุดประสงค์ของเธอนัก

 

หากแต่… มันเป็นอย่างที่ฉันคิดเอาไว้ มันก็น่าแปลกที่ผู้ชายที่เธอติดต่อด้วยมีเพียงผู้ชายจากของเธอเอง (ห้อง 4)  เท่านั้น หากเธออยากจะทำตามวัตถุประสงค์ของตัวเอง ฉันคิดว่ามันคงจะดีกว่าถ้าเธอเข้าไปหากลุ่มสาวๆ อย่างจริงจัง

 

ฉันคิดว่าความรู้สึกไม่ลงรอยนี้มันอาจจะเป็นกุญแสสำหรับการไขสู่ความจริงก็ได้ ดังนั้นฉันจึงพยายามสำรวจห้อง 4 อย่างเต็มที่ แต่ว่า… ก็ไม่มีผลลัพธ์ที่ชัดเจนปรากฏออกมาเลย

 

อย่างที่ได้บอกไป ว่าตอนนี้ฉันอยู่ในสถานะที่ไม่มีอะไรคืบหน้าเลย ดังนั้นสิ่งที่ฉันทำได้จึงมีแค่ต้องเดินหน้าต่อไป ฉันกะว่าจะกลับไปรายงานเมื่อมีข้อมูลที่มั่นใจมากกว่านี้ ดังนั้นฉันจึงต้องพิจารณาให้ดีว่าจะทำอย่างไรต่อกับอนาคต

 

เมื่อตัดสินใจเสร็จ ฉันก็เริ่มออกเดินไปยังเป้าหมายถัดไป

 

เอาละ เป้าหมายถัดไปก็คือ ‘เขาคนนั้น’ สินะ

 

ฉันกะจังหวะดีๆ แล้วเดินเข้าไปโดยตั้งข้อสมมติไว้ว่าเขามีข้อมูลอยู่ในมือ ถึงแม้จะไม่ได้ข้อมูลอะไรกลับมา แต่การสร้างมิตรภาพเอาไว้มันก็ไม่น่าจะใช่เรื่องที่เปล่าประโยชน์อะไร

 

—จู่ๆ ฉันก็มีความคิดผุดขึ้นมาว่า นี่เราทำเกินไปหรือเปล่านะ

 

สิ่งที่ฉันได้รับมอบหมายก็คือการลาดตระเวนตามปกติเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องมาทำนอกเรื่องแบบนี้

 

แต่…ดูเหมือนว่าจะมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้ต้องตรวจสอบอย่างละเอียด

 

เพื่อให้แผนการสำเร็จแล้วก็คงช่วยไม่ได้ละนะ

 

นอกจากนี้ ดูเหมือนว่าข้อได้เปรียบของฉันจะเป็นเรื่องการเก็บข้อมูลตัวต่อตัวด้วย ในสถานการณ์ที่ขาดข้อมูลแล้ว การจัดการในส่วนที่นากาซากะไม่สามารถทำได้มันก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล

 

เอาเถอะ ของแบบนี้ไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่หรอก

 

เท่านี้เราก็จะได้ยืนยันสิ่งที่คาใจไปด้วยอีกต่อ ถือซะว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

 

—ฉันทำการเก็บข้อมูลต่อไปด้วยจิตใจที่บางเบา

 

แต่บางทีคงเป็นเพราะอยู่กับหมอนั่นตลอดเวลาจนประสาทสัมผัสเป็นอัมพาต—

 

ทำให้ฉันลืมหลักการพื้นฐานไปหมดสิ้น ว่าจริงๆ สิ่งที่ฉันทำมาทั้งหมดนั้นมันช่างเป็นเรื่องที่แสนงี่เง่า

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[LN] ใครกันที่เป็นคนตัดสินว่าผมมีเลิฟคอมเมดี้ในชีวิตจริงไม่ได้ 23

Now you are reading [LN] ใครกันที่เป็นคนตัดสินว่าผมมีเลิฟคอมเมดี้ในชีวิตจริงไม่ได้ Chapter 23 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

*บทนี้จะเป็นมุมมองของบุคคลที่อยู่หลังฉากเลิฟคอมเมดี้—อุเอโนะฮาระ อายาโนะ*

 

 

“หืม งั้นเหรอๆ ขอโทษนะที่จู่ๆ ก็เข้ามาทักกะทันหัน”

 

ณ ทางเชื่อมที่ตะวันกำลังคล้อยและมืดมิด ฉันโบกมือแล้วก็ยิ้ม

 

“ไม่เป็นไรๆ จะว่าไปแล้ว ทั้งที่เธออยู่ห้องเรียนอื่นแท้ๆ ดูเหมือนว่าฉันจะเป็นที่รู้จักดีเลยสินะ”

 

ชายหนุ่ม (เป้าหมาย) ขยี้ผมที่ถูกมัดแน่นและจ้องมาที่ฉัน

 

ตัวเขาอาจจะคิดว่าท่าทางนั้นช่างสมบูรณ์แบบ แต่รูปลักษณ์ที่ไม่มีใครทัดเทียมกับท่าทางไร้เดียงสานั้นมันกลับทำให้เขาโดดเด่นจนราวกับเพิ่งเดบิวต์ ม.ปลาย ตามข้อมูลของนากาซากะแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะเคยเป็นนักกีฬาที่ไว้ผมสกินเฮด ดูเหมือนว่ามันจะเป็นความจริงละนะ

 

“อื้ม ฉันเคยได้ยินเรื่องของนายมาจากนากาซากะน่ะ เพราะงั้นก็เลยได้รู้จักใบหน้าของนายมาก่อน”

 

จะบอกว่าโกหกก็ไม่เชิงซะทีเดียว เพราะฉันเคยเห็นเขาอยู่ข้างหลังนากาซากะตอนที่ซ้อมเชียร์มาจริงๆ แค่แป๊บเดียวน่ะนะ

 

อย่างไรก็ตาม เพื่อไม่ให้ตอนเข้าไปคุยแล้วรู้สึกผิดธรรมชาติ ฉันจึงทำเป็นเหมือนว่าสนใจเขามานานแล้ว

 

“จริงเหรอเนี่ย อย่าบอกนะว่าเธอสนใจฉัน!?”

 

อื้ม ขนาดเรื่องว่าเขาจะสรุปไปแบบนั้นก็ยังตรงกับข้อมูลเป๊ะ

 

“คือเอ่อ… ใจเย็นๆ หน่อยสิ”

 

ฉันผลักไหล่ของเขาที่เข้ามาใกล้ออกไปเบาๆ ต้องไม่ให้ความหวังกับเขา แต่ก็ต้องไม่ตรงไปตรงมามากเกินจนทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจ แต่ในขณะเดียวกัน มืออีกข้างหนึ่งก็ต้องเตรียมพร้อมเอาไว้ตลอดเวลา

 

“เอ่อ นายคุยแบบนี้กับผู้หญิงทุกคนที่คุยด้วยเลยเหรอ”

 

“ฮ่าๆๆ ไม่ใช่หรอก ฉันทำแบบนี้กับผู้หญิงที่น่ารักเท่านั้นแหละ”

 

“ถ้างั้นนายก็คุยแบบนี้กับเมย์ด้วยใช่ไหม เห็นช่วงหลังมานี้เข้ากันได้ดีสินะ”

 

“อา ไม่หรอก กับเมย์จังน่ะนะ… ทั้งที่อยู่ด้วยกันแท้ๆ แต่กลับไม่รู้สึกเหมือนอยู่ด้วยกันเลยละนะ”

 

อา เข้าใจแล้ว นี่คือการตีความความรู้สึกของเขาตอนที่อยู่กับผู้หญิงคนนั้นสินะ

 

ไม่สิ บางทีมันอาจจะ—

 

“…อื้ม แค่นี้ก็พอแล้วล่ะ ไว้เจอกันใหม่~”

 

“อ๊ะ อย่างน้อยก็ขอข้อมูลติดต่อ—”

 

ก่อนที่เขาจะพูดอะไรที่ไม่จำเป็นออกมา ฉันก็รีบหายตัวลงไปกับบันไดอย่างรวดเร็ว

 

—หลังจากได้ติดต่อกับผู้คนมาหลายประเภท ฉันก็เริ่มมองเห็นจุดร่วมบางอย่าง

 

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเรื่องที่เมย์ออกไปเที่ยวกับหลายๆ กลุ่มมันเป็นเรื่องจริง แต่กระนั้นเองก็ใช่ว่าเธอจะสนิทสนมกับกลุ่มใดเป็นพิเศษ ราวกับขีดเส้นเอาไว้อยู่ตลอด

 

พฤติกรรมของเธอไม่ใช่ว่า ‘เข้ากับใครก็ได้’ แต่ให้ความรู้สึกเหมือนกับ ‘ไม่เข้ากับกลุ่มไหนสักกลุ่ม’ มากกว่า

 

เมื่อลองวิเคราะห์การกระทำของเมย์จากตรงนั้น ฉันก็มองไม่ค่อยเห็นจุดประสงค์ของเธอนัก

 

หากแต่… มันเป็นอย่างที่ฉันคิดเอาไว้ มันก็น่าแปลกที่ผู้ชายที่เธอติดต่อด้วยมีเพียงผู้ชายจากของเธอเอง (ห้อง 4)  เท่านั้น หากเธออยากจะทำตามวัตถุประสงค์ของตัวเอง ฉันคิดว่ามันคงจะดีกว่าถ้าเธอเข้าไปหากลุ่มสาวๆ อย่างจริงจัง

 

ฉันคิดว่าความรู้สึกไม่ลงรอยนี้มันอาจจะเป็นกุญแสสำหรับการไขสู่ความจริงก็ได้ ดังนั้นฉันจึงพยายามสำรวจห้อง 4 อย่างเต็มที่ แต่ว่า… ก็ไม่มีผลลัพธ์ที่ชัดเจนปรากฏออกมาเลย

 

อย่างที่ได้บอกไป ว่าตอนนี้ฉันอยู่ในสถานะที่ไม่มีอะไรคืบหน้าเลย ดังนั้นสิ่งที่ฉันทำได้จึงมีแค่ต้องเดินหน้าต่อไป ฉันกะว่าจะกลับไปรายงานเมื่อมีข้อมูลที่มั่นใจมากกว่านี้ ดังนั้นฉันจึงต้องพิจารณาให้ดีว่าจะทำอย่างไรต่อกับอนาคต

 

เมื่อตัดสินใจเสร็จ ฉันก็เริ่มออกเดินไปยังเป้าหมายถัดไป

 

เอาละ เป้าหมายถัดไปก็คือ ‘เขาคนนั้น’ สินะ

 

ฉันกะจังหวะดีๆ แล้วเดินเข้าไปโดยตั้งข้อสมมติไว้ว่าเขามีข้อมูลอยู่ในมือ ถึงแม้จะไม่ได้ข้อมูลอะไรกลับมา แต่การสร้างมิตรภาพเอาไว้มันก็ไม่น่าจะใช่เรื่องที่เปล่าประโยชน์อะไร

 

—จู่ๆ ฉันก็มีความคิดผุดขึ้นมาว่า นี่เราทำเกินไปหรือเปล่านะ

 

สิ่งที่ฉันได้รับมอบหมายก็คือการลาดตระเวนตามปกติเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องมาทำนอกเรื่องแบบนี้

 

แต่…ดูเหมือนว่าจะมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้ต้องตรวจสอบอย่างละเอียด

 

เพื่อให้แผนการสำเร็จแล้วก็คงช่วยไม่ได้ละนะ

 

นอกจากนี้ ดูเหมือนว่าข้อได้เปรียบของฉันจะเป็นเรื่องการเก็บข้อมูลตัวต่อตัวด้วย ในสถานการณ์ที่ขาดข้อมูลแล้ว การจัดการในส่วนที่นากาซากะไม่สามารถทำได้มันก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล

 

เอาเถอะ ของแบบนี้ไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่หรอก

 

เท่านี้เราก็จะได้ยืนยันสิ่งที่คาใจไปด้วยอีกต่อ ถือซะว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

 

—ฉันทำการเก็บข้อมูลต่อไปด้วยจิตใจที่บางเบา

 

แต่บางทีคงเป็นเพราะอยู่กับหมอนั่นตลอดเวลาจนประสาทสัมผัสเป็นอัมพาต—

 

ทำให้ฉันลืมหลักการพื้นฐานไปหมดสิ้น ว่าจริงๆ สิ่งที่ฉันทำมาทั้งหมดนั้นมันช่างเป็นเรื่องที่แสนงี่เง่า

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+