[LN] ใครกันที่เป็นคนตัดสินว่าผมมีเลิฟคอมเมดี้ในชีวิตจริงไม่ได้ 36

Now you are reading [LN] ใครกันที่เป็นคนตัดสินว่าผมมีเลิฟคอมเมดี้ในชีวิตจริงไม่ได้ Chapter 36 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ถ้างั้นเราจะมาพูดถึง ‘จิตอาสาทำความสะอาดชุมชน’ กันนะ”

 

ระหว่างช่วงโฮมรูมสั้น ๆ ก่อนกลับบ้าน ผมยืนพูดอยู่ตรงที่โพเดียม

 

คุณครูโทชิมะไม่อยู่เพราะว่าก่อนหน้านี้กล่าวเลิกเรียนไปแล้ว ดังนั้นในห้องเรียนจึงเต็มไปด้วยบรรยากาศที่รีแลกซ์

                

“บางคนคงจะรู้อยู่แล้วสินะ ว่าอีเวนต์นี้จะเป็นการแข่งขันระหว่างห้อง ที่ผลแพ้ชนะจะตัดสินจากจำนวนขยะที่เก็บได้”

 

“นี่มันระบบคัดเลือกยอดคนชัด ๆ คนแพ้จะถูกไล่ออกสินะ”

 

ผมได้ยินอานายามะ ที่เป็นหัวหน้ากลุ่มโอตาคุของห้องกำลังคุยกับเพื่อนโอตาคุที่อยู่ข้าง ๆ ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังคุยกันอยู่อย่างสนุกสนานด้วยเสียงกระซิบ

 

อื้ม ๆ บรรยากาศไม่ได้แย่

 

ผมเมินพวกเขาแล้วก็พูดต่อ

 

“นอกจากนี้ ถ้าเกิดชนะสภานักเรียนก็จะมีรางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ด้วย เป็นงานแข่งสบาย ๆ น่ะ เพราะงั้นไม่มีบทลงโทษหรอก”

                

“ผิดแล้ว ไม่มีงานแข่งไหนสบาย ๆ หรอก”

 

คราวนี้ผมได้ยินเสียงพูดอันเด็ดเดี่ยวดังออกมาจากที่นั่งริมหน้าต่าง เธอก็คือจุดศูนย์กลางของชมรมกีฬา—คุณโคอิซึมิ อาโอะนั่นเอง

 

จากนั้นก็มีเสียงพูดดังกระจัดกระจายตามมา “อิซึมิ เธอนี่เลือดร้อนเกินไปแล้วนะ” “ก็อิซึมิจริงจังแม้แต่ในคาบพละเลยนี่นะ”

 

แจ๋วมาก ๆ ตามน้ำเข้าไปอย่างนั้นแหละ

 

“ที่จริงแล้วไม่ใช่ว่าการเก็บขยะมันน่าเบื่อหรอกเหรอ อย่างกับกิจกรรมของพวกคุณปู่คุณย่างั้นแหละ”

 

คำตอบถัดมาเป็นเสียงเจื้อยแจ้วที่ดังมาจากที่นั่งกลางห้อง ผู้ที่สร้างบรรยากาศเก่งที่สุดในหมู่พวกขี้หลี—อิเดะ มาซานาริ 

                

“แล้วก็รางวัลของห้องที่ชนะจะถูกมอบให้โดยรุ่นพี่สุดสวยสภานักเรียนเลยนะ อิเดะไม่อยากขึ้นเป็นตัวแทนเหรอ”

                

“ฮะ เอาจริงดิ ฉันลืมบอกน่ะ ที่จริงแล้วฉันก็อยากเป็นอาสาสมัครอยู่เหมือนกัน”

               

เขาเสยผมหน้าม้าและตอบกลับมาอย่างร่าเริง

 

จากนั้นคนรอบข้างก็ตะโกนออกมาว่า “เอ็งก็แค่เล็งรุ่นพี่ไม่ใช่รึไงวะ” “แดกแห้วไปกี่คนแล้ว”

 

อื้ม ๆ ๆ โชคดีที่เขาง่าย คนแบบนี้แหละที่มีค่าเลิฟคอมเมดี้สูง ยกนิ้วให้เลย

 

เหล่าเพื่อนร่วมชั้นต่างเมาท์มอยกันอย่างสนุกสนาน บรรยากาศภายในห้องเรียนเป็นไปในเชิงบวกเป็นอย่างมาก ผมคิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไรเป็นพิเศษแล้ว

 

—เอาละ ดูเหมือนว่าจะโอเคแล้ว เริ่มเข้าประเด็นเลยละกัน

 

“เอ่อ งั้นก็มาหาโซนที่จะส่งไปให้สภานักเรียนเลยนะครับ ดูเหมือนว่าทุกปีทีมที่ชนะจะเลือกตรงโซนขอบแม่น้ำ”

 

นอกจากนี้ริมแม่น้ำยังมีค่าปริมาณขยะสูงที่สุดอีกด้วย จากสถิติที่เก็บมาหลายปีแล้วไม่น่ามีข้อผิดพลาด

 

“แต่ทุกคนก็คงจะเดาได้นะครับว่าโซนนั้นมีคู่แข่งเยอะมาก ดังนั้นโดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่าถ้าหาโซนลับได้ก็คงจะดีกว่า”

 

ส่วนหนึ่งในห้องเริ่มคร่ำครวญกับคำพูดนั้น ฮุ ๆ ดีมาก ๆ และจงเซอร์ไพรส์ซะ

 

จากผลการตรวจสอบเบื้องต้นกับอุเอโนะฮาระ ทำให้พวกเราได้พบเจอโซนที่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมอย่างน่าแปลกใจที่หนึ่ง แต่ค่าปริมาณขยะในชุมชนกลับสูง ยิ่งกว่านั้นยังเป็นโซนอันยอดเยี่ยมที่มีกำหนดจัดงานอะไรบางอย่างก่อนกิจกรรมทำความสะอาด มันเป็นสถานที่ที่ปกติจะไม่จัดงานดังกล่าว ดูเหมือนว่าในปีนี้จะเป็นกรณีพิเศษ ดังนั้นโอกาสที่จะมีคนรู้เรื่องนี้ล่วงหน้าจึงต่ำ

 

 เรียกได้ว่านอกจากจะเป็นโซนลับที่เหมาะจะเลือกเป็นแรก ยังเป็นที่ที่ดีพอสำหรับการชิงที่ 1 อีกด้วย

 

“แล้วก็นะครับ ในส่วนของโซนนั้น…”

 

แต่ในขณะที่ผมกำลังจะนำเสนอผลการตรวจสอบอย่างโอ้อวดนั้น…

 

“เฮ้อ~ น่าเบื่อชะมัดยาด”

 

ก็ได้มีเสียงที่ไม่พอใจอย่างชัดเจนส่งออกมาดังว่า “ชิ” จากนั้นห้องเรียนก็เงียบไปสักพัก

 

สายตาของเพื่อน ๆ ในห้องส่งไปที่ผู้พูดทันที

 

“ก่อนอื่นเลย ทำไมฉันถึงต้องถูกบังคับให้ไปเป็นอาสาสมัครด้วยละ”

 

—โว้ย บัดซบ

 

เล็งขัดจังหวะนี้เอาไว้อยู่แล้วสินะ คัตสึนุมะ!

                

คัตสึนุมะไขว่ห้าง เอามือพิงแก้ม และขมวดตากับคิ้ว

 

“เธอก็คิดแบบนั้นเหมือนกันสินะ ฮิบิกิ”

 

“อื้อ น่าเบื่อจริง ๆ นั่นแหละ”

 

คนที่ตอบรับกลับมาอย่างเนือย ๆ ก็คือคนที่ใกล้ชิดที่สุดของคัตสึนุมะ—ทาฮาบาตะ ฮิบิกิ

 

และด้วยคำเดียวที่เป็นตัวกระตุ้น คนอื่น ๆ จึงส่งเสียงเซ็งแซ่ตามมาด้วย

 

“พวกงานอาสาสมัครให้คนที่อยากทำทำไปไม่ดีกว่าเหรอ” “ถึงจะบอกว่าได้รางวัลก็เหอะ แต่ก็แค่น้ำผลไม้ใช่ไหมละ  ค่าจ้างชั่วโมงละเท่าไหร่” “ถ้าเกิดเป็นแบบนั้นทำพาร์ตไทม์ดีกว่า” “ฉันไม่อยากเลอะด้วยสิ” “ช่วงนี้อากาศร้อนด้วยสิ ถ้าเกิดเป็นลมแดดไปจะทำยังไงละ” “นั่นสิ! ไปฆ่าเวลาที่คาราโอเกะที่ไหนสักแห่งดีกว่าหรือเปล่า” “ก็ว่างั้นแหละ!”

 

เดี๋ยวนะ เป็นกันทุกกลุ่มเลยเรอะ!?

 

จำนวนเสียงมันมากเกินกว่าจะเพิกเฉยได้แล้ว แต่ผมก็ยังพูดต่อแม้ว่าในใจจะร้อนรนมาก

 

“คือว่ามันก็เหมือนกับซ้อมเชียร์น่ะ เป็นกิจกรรมของโรงเรียนสำหรับทุกปีแล้วก็ทุกห้อง เพราะงั้นจะไม่ทำไม่ได้หรอกนะ”

 

“ไอ้เรื่องนั้นน่ะ เราไปคาราโอเกะแล้วก็เก็บขยะจากร้านมาก็ได้นี่ ฉันนี่อัจฉริยะใช่ไหมละ”

 

คัตสึนุมะมองไปรอบ ๆ ก๊วนตัวเองราวกับเพิ่งคิดไอเดียดี ๆ ขึ้นมาได้

 

จากนั้นทุกคนก็ส่งเสียงเห็นด้วย

 

แน่นอนว่าการเก็บขยะจากร้านค้าและบ้านส่วนตัวนั้นขัดต่อวัตถุประสงค์ของกิจกรรม เพราะงั้นจึงไม่ได้รับอนุญาต ในแต่ละห้องจะมีหัวงานจากสภานักเรียนมาคุมด้วย ถ้าเกิดถูกพวกเขาจับได้ จะต้องถูกตัดสิทธิ์สถานเดียวแน่

 

“ไม่ได้สิ ถ้าเกิดทำแบบนั้นจะถูกตัดสิทธิ์…”

 

“น่ารำคาญโว้ย แค่ฮุบเงียบเอาไว้เขาก็ไม่รู้แล้ว!”

 

เสียงตะโกนดังสนั่นไปทั่วทั้งห้องราวกับจะขัดคำพูดผม

 

ผมรู้สึกได้ว่าบรรยากาศนั้นพังไปแล้ว

                

—ไม่ดีแล้ว บรรยากาศแย่มาก

 

เนื่องจากเริ่มรู้สึกแย่ ผมจึงรีบปรบมือทั้งสองข้างเพื่อให้พวกเขามาสน

 

“เอ้าเงียบ งั้นเอาเป็นว่ามาตัดสินจากผลโหวตแล้วกันนะ”

 

นี่ไม่ใช่เวลาจะมาคุยโวแล้ว ต้องรีบตัดสินผลโดยเร็วที่สุด

 

หากดูจากปฏิกิริยาจนถึงจุดนี้ จะเห็นได้ว่าไม่มีใครนอกจากก๊วนคัตสึนุมะที่ต่อต้านแบบโจ่งแจ้ง ถ้ายึดจากเสียงข้างมากต้องผ่านแน่!

 

“กลุ่มแรก คนที่อยากเลือกโซนเพื่อชัยชนะโปรดยกมือขึ้น!”

 

แต่ว่า

 

“ “ “…” ” ”

 

ห้องเรียนกลับเงียบ และไม่มีแม้แต่คนเดียวที่ยกมือขึ้น

 

—เอ๊ะ ทำไมละ

 

“เอ๊ะ ฮะ…”

 

ไม่ยก? ไม่มีใครยกเลยเหรอ?

 

ผมชำเลืองไปที่อานายามะ แต่เขาก็นั่งขดตัวอยู่ตรงที่นั่ง และมองไปยังโทรศัพท์ด้วยสีหน้ายอมจำนนเงียบ

 

ราวกับจะบอกว่า “ผมไม่พูด และจะไม่พูดอะไรทั้งสิ้น”

                

“เฮ้อ… ชักเบื่อแล้วสิ”

                

ในขณะที่ผมกำลังสับสนว่าจะทำอย่างไรกับสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง เสียงดังกล่าวก็ดังออกมาจากที่นั่งข้างหน้าต่าง

 

“คะ คุณอิซึมิ”

 

“ถึงเวลาเข้ามรมแล้ว ฉันไม่ว่าอะไรหรอก จะเลือกอะไรก็เลือกไปเถอะ”

 

เธอลุกขึ้นจากที่นั่งพร้อมกับถือกระเป๋า

 

ฮะ? เดี๋ยวสิ นี่มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ!?

 

“คือว่า”

 

“ไปละ”

                

เธอทำท่าไม่สนใจสิ่งที่พูด และเดินออกไปจากห้อง

 

ก๊วนนักกีฬาก็เริ่มลุกขึ้นตามราวกับทำตามเธอ บรรยากาศทุกคนดูขาวโพลนไปหมด ราวกับบรรยากาศที่เคยมีก่อนหน้านี้หายไปเหมือนเรื่องโกหก

 

“เดี๋ยวสิ พวกเรายังไม่ได้ตัดสิน…”

 

“เจ๋งมากอายูมิ ไปคาราโอเกะสิสนุกกว่าเยอะ!”

 

อิเดะลุกจากขึ้นที่นั่งเสียงดัง และพูดราวกับสนับสนุนเธอ

 

โว้ยย ไอ้พวกใจง่ายมันก็เป็นซะแบบนี้! อย่าเพิ่งรีบเปลี่ยนใจปุบปับสิฟะ!

 

คัตสึนุมะเหลือบมองอิเดะด้วยใบหน้าเมินเฉย

 

“ก็แค่พูดเรื่อที่เห็นอยู่ชัด ๆ แล้วเสียงนายมันก็รำคาญด้วย หนวกหูย่ะ”

 

“อุ ขอโทษ…”

 

หลังจากถูกสับเละ อิเดะก็กระตุกจมูกและกลับลงไปยังที่นั่ง

 

บรรยากาศภายในห้องเหือดแห้งไปแล้ว มีเพียงก๊วนคัตสึนุมะที่ส่งเสียงดังเท่านั้น คนในห้องที่เหลือดูจะความสนใจหมดสิ้น ราวกับอยากถูกปล่อยตัวเร็ว ๆ เท่านั้น

 

โทคิวะจ้องมองคัตสึนุมะด้วยใบหน้าบอกไม่ถูก โทริซาวะฟูบหลับอยู่บนโต๊ะ ส่วนคุณคิโยซาโตะก็ส่งยิ้มมาอย่างเก้ ๆ กัง ๆ เท่านั้น

 

แน่นอนว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาโหวตเสียงส่วนใหญ่อีกแล้ว

 

ปัดโธ่เว้ย

 

กะแล้วว่าชีวิตจริงของผมมันต้องไม่ยอมให้มีเลิฟคอมเมดี้ได้ง่าย ๆ

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[LN] ใครกันที่เป็นคนตัดสินว่าผมมีเลิฟคอมเมดี้ในชีวิตจริงไม่ได้ 36

Now you are reading [LN] ใครกันที่เป็นคนตัดสินว่าผมมีเลิฟคอมเมดี้ในชีวิตจริงไม่ได้ Chapter 36 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ถ้างั้นเราจะมาพูดถึง ‘จิตอาสาทำความสะอาดชุมชน’ กันนะ”

 

ระหว่างช่วงโฮมรูมสั้น ๆ ก่อนกลับบ้าน ผมยืนพูดอยู่ตรงที่โพเดียม

 

คุณครูโทชิมะไม่อยู่เพราะว่าก่อนหน้านี้กล่าวเลิกเรียนไปแล้ว ดังนั้นในห้องเรียนจึงเต็มไปด้วยบรรยากาศที่รีแลกซ์

                

“บางคนคงจะรู้อยู่แล้วสินะ ว่าอีเวนต์นี้จะเป็นการแข่งขันระหว่างห้อง ที่ผลแพ้ชนะจะตัดสินจากจำนวนขยะที่เก็บได้”

 

“นี่มันระบบคัดเลือกยอดคนชัด ๆ คนแพ้จะถูกไล่ออกสินะ”

 

ผมได้ยินอานายามะ ที่เป็นหัวหน้ากลุ่มโอตาคุของห้องกำลังคุยกับเพื่อนโอตาคุที่อยู่ข้าง ๆ ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังคุยกันอยู่อย่างสนุกสนานด้วยเสียงกระซิบ

 

อื้ม ๆ บรรยากาศไม่ได้แย่

 

ผมเมินพวกเขาแล้วก็พูดต่อ

 

“นอกจากนี้ ถ้าเกิดชนะสภานักเรียนก็จะมีรางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ด้วย เป็นงานแข่งสบาย ๆ น่ะ เพราะงั้นไม่มีบทลงโทษหรอก”

                

“ผิดแล้ว ไม่มีงานแข่งไหนสบาย ๆ หรอก”

 

คราวนี้ผมได้ยินเสียงพูดอันเด็ดเดี่ยวดังออกมาจากที่นั่งริมหน้าต่าง เธอก็คือจุดศูนย์กลางของชมรมกีฬา—คุณโคอิซึมิ อาโอะนั่นเอง

 

จากนั้นก็มีเสียงพูดดังกระจัดกระจายตามมา “อิซึมิ เธอนี่เลือดร้อนเกินไปแล้วนะ” “ก็อิซึมิจริงจังแม้แต่ในคาบพละเลยนี่นะ”

 

แจ๋วมาก ๆ ตามน้ำเข้าไปอย่างนั้นแหละ

 

“ที่จริงแล้วไม่ใช่ว่าการเก็บขยะมันน่าเบื่อหรอกเหรอ อย่างกับกิจกรรมของพวกคุณปู่คุณย่างั้นแหละ”

 

คำตอบถัดมาเป็นเสียงเจื้อยแจ้วที่ดังมาจากที่นั่งกลางห้อง ผู้ที่สร้างบรรยากาศเก่งที่สุดในหมู่พวกขี้หลี—อิเดะ มาซานาริ 

                

“แล้วก็รางวัลของห้องที่ชนะจะถูกมอบให้โดยรุ่นพี่สุดสวยสภานักเรียนเลยนะ อิเดะไม่อยากขึ้นเป็นตัวแทนเหรอ”

                

“ฮะ เอาจริงดิ ฉันลืมบอกน่ะ ที่จริงแล้วฉันก็อยากเป็นอาสาสมัครอยู่เหมือนกัน”

               

เขาเสยผมหน้าม้าและตอบกลับมาอย่างร่าเริง

 

จากนั้นคนรอบข้างก็ตะโกนออกมาว่า “เอ็งก็แค่เล็งรุ่นพี่ไม่ใช่รึไงวะ” “แดกแห้วไปกี่คนแล้ว”

 

อื้ม ๆ ๆ โชคดีที่เขาง่าย คนแบบนี้แหละที่มีค่าเลิฟคอมเมดี้สูง ยกนิ้วให้เลย

 

เหล่าเพื่อนร่วมชั้นต่างเมาท์มอยกันอย่างสนุกสนาน บรรยากาศภายในห้องเรียนเป็นไปในเชิงบวกเป็นอย่างมาก ผมคิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไรเป็นพิเศษแล้ว

 

—เอาละ ดูเหมือนว่าจะโอเคแล้ว เริ่มเข้าประเด็นเลยละกัน

 

“เอ่อ งั้นก็มาหาโซนที่จะส่งไปให้สภานักเรียนเลยนะครับ ดูเหมือนว่าทุกปีทีมที่ชนะจะเลือกตรงโซนขอบแม่น้ำ”

 

นอกจากนี้ริมแม่น้ำยังมีค่าปริมาณขยะสูงที่สุดอีกด้วย จากสถิติที่เก็บมาหลายปีแล้วไม่น่ามีข้อผิดพลาด

 

“แต่ทุกคนก็คงจะเดาได้นะครับว่าโซนนั้นมีคู่แข่งเยอะมาก ดังนั้นโดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่าถ้าหาโซนลับได้ก็คงจะดีกว่า”

 

ส่วนหนึ่งในห้องเริ่มคร่ำครวญกับคำพูดนั้น ฮุ ๆ ดีมาก ๆ และจงเซอร์ไพรส์ซะ

 

จากผลการตรวจสอบเบื้องต้นกับอุเอโนะฮาระ ทำให้พวกเราได้พบเจอโซนที่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมอย่างน่าแปลกใจที่หนึ่ง แต่ค่าปริมาณขยะในชุมชนกลับสูง ยิ่งกว่านั้นยังเป็นโซนอันยอดเยี่ยมที่มีกำหนดจัดงานอะไรบางอย่างก่อนกิจกรรมทำความสะอาด มันเป็นสถานที่ที่ปกติจะไม่จัดงานดังกล่าว ดูเหมือนว่าในปีนี้จะเป็นกรณีพิเศษ ดังนั้นโอกาสที่จะมีคนรู้เรื่องนี้ล่วงหน้าจึงต่ำ

 

 เรียกได้ว่านอกจากจะเป็นโซนลับที่เหมาะจะเลือกเป็นแรก ยังเป็นที่ที่ดีพอสำหรับการชิงที่ 1 อีกด้วย

 

“แล้วก็นะครับ ในส่วนของโซนนั้น…”

 

แต่ในขณะที่ผมกำลังจะนำเสนอผลการตรวจสอบอย่างโอ้อวดนั้น…

 

“เฮ้อ~ น่าเบื่อชะมัดยาด”

 

ก็ได้มีเสียงที่ไม่พอใจอย่างชัดเจนส่งออกมาดังว่า “ชิ” จากนั้นห้องเรียนก็เงียบไปสักพัก

 

สายตาของเพื่อน ๆ ในห้องส่งไปที่ผู้พูดทันที

 

“ก่อนอื่นเลย ทำไมฉันถึงต้องถูกบังคับให้ไปเป็นอาสาสมัครด้วยละ”

 

—โว้ย บัดซบ

 

เล็งขัดจังหวะนี้เอาไว้อยู่แล้วสินะ คัตสึนุมะ!

                

คัตสึนุมะไขว่ห้าง เอามือพิงแก้ม และขมวดตากับคิ้ว

 

“เธอก็คิดแบบนั้นเหมือนกันสินะ ฮิบิกิ”

 

“อื้อ น่าเบื่อจริง ๆ นั่นแหละ”

 

คนที่ตอบรับกลับมาอย่างเนือย ๆ ก็คือคนที่ใกล้ชิดที่สุดของคัตสึนุมะ—ทาฮาบาตะ ฮิบิกิ

 

และด้วยคำเดียวที่เป็นตัวกระตุ้น คนอื่น ๆ จึงส่งเสียงเซ็งแซ่ตามมาด้วย

 

“พวกงานอาสาสมัครให้คนที่อยากทำทำไปไม่ดีกว่าเหรอ” “ถึงจะบอกว่าได้รางวัลก็เหอะ แต่ก็แค่น้ำผลไม้ใช่ไหมละ  ค่าจ้างชั่วโมงละเท่าไหร่” “ถ้าเกิดเป็นแบบนั้นทำพาร์ตไทม์ดีกว่า” “ฉันไม่อยากเลอะด้วยสิ” “ช่วงนี้อากาศร้อนด้วยสิ ถ้าเกิดเป็นลมแดดไปจะทำยังไงละ” “นั่นสิ! ไปฆ่าเวลาที่คาราโอเกะที่ไหนสักแห่งดีกว่าหรือเปล่า” “ก็ว่างั้นแหละ!”

 

เดี๋ยวนะ เป็นกันทุกกลุ่มเลยเรอะ!?

 

จำนวนเสียงมันมากเกินกว่าจะเพิกเฉยได้แล้ว แต่ผมก็ยังพูดต่อแม้ว่าในใจจะร้อนรนมาก

 

“คือว่ามันก็เหมือนกับซ้อมเชียร์น่ะ เป็นกิจกรรมของโรงเรียนสำหรับทุกปีแล้วก็ทุกห้อง เพราะงั้นจะไม่ทำไม่ได้หรอกนะ”

 

“ไอ้เรื่องนั้นน่ะ เราไปคาราโอเกะแล้วก็เก็บขยะจากร้านมาก็ได้นี่ ฉันนี่อัจฉริยะใช่ไหมละ”

 

คัตสึนุมะมองไปรอบ ๆ ก๊วนตัวเองราวกับเพิ่งคิดไอเดียดี ๆ ขึ้นมาได้

 

จากนั้นทุกคนก็ส่งเสียงเห็นด้วย

 

แน่นอนว่าการเก็บขยะจากร้านค้าและบ้านส่วนตัวนั้นขัดต่อวัตถุประสงค์ของกิจกรรม เพราะงั้นจึงไม่ได้รับอนุญาต ในแต่ละห้องจะมีหัวงานจากสภานักเรียนมาคุมด้วย ถ้าเกิดถูกพวกเขาจับได้ จะต้องถูกตัดสิทธิ์สถานเดียวแน่

 

“ไม่ได้สิ ถ้าเกิดทำแบบนั้นจะถูกตัดสิทธิ์…”

 

“น่ารำคาญโว้ย แค่ฮุบเงียบเอาไว้เขาก็ไม่รู้แล้ว!”

 

เสียงตะโกนดังสนั่นไปทั่วทั้งห้องราวกับจะขัดคำพูดผม

 

ผมรู้สึกได้ว่าบรรยากาศนั้นพังไปแล้ว

                

—ไม่ดีแล้ว บรรยากาศแย่มาก

 

เนื่องจากเริ่มรู้สึกแย่ ผมจึงรีบปรบมือทั้งสองข้างเพื่อให้พวกเขามาสน

 

“เอ้าเงียบ งั้นเอาเป็นว่ามาตัดสินจากผลโหวตแล้วกันนะ”

 

นี่ไม่ใช่เวลาจะมาคุยโวแล้ว ต้องรีบตัดสินผลโดยเร็วที่สุด

 

หากดูจากปฏิกิริยาจนถึงจุดนี้ จะเห็นได้ว่าไม่มีใครนอกจากก๊วนคัตสึนุมะที่ต่อต้านแบบโจ่งแจ้ง ถ้ายึดจากเสียงข้างมากต้องผ่านแน่!

 

“กลุ่มแรก คนที่อยากเลือกโซนเพื่อชัยชนะโปรดยกมือขึ้น!”

 

แต่ว่า

 

“ “ “…” ” ”

 

ห้องเรียนกลับเงียบ และไม่มีแม้แต่คนเดียวที่ยกมือขึ้น

 

—เอ๊ะ ทำไมละ

 

“เอ๊ะ ฮะ…”

 

ไม่ยก? ไม่มีใครยกเลยเหรอ?

 

ผมชำเลืองไปที่อานายามะ แต่เขาก็นั่งขดตัวอยู่ตรงที่นั่ง และมองไปยังโทรศัพท์ด้วยสีหน้ายอมจำนนเงียบ

 

ราวกับจะบอกว่า “ผมไม่พูด และจะไม่พูดอะไรทั้งสิ้น”

                

“เฮ้อ… ชักเบื่อแล้วสิ”

                

ในขณะที่ผมกำลังสับสนว่าจะทำอย่างไรกับสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง เสียงดังกล่าวก็ดังออกมาจากที่นั่งข้างหน้าต่าง

 

“คะ คุณอิซึมิ”

 

“ถึงเวลาเข้ามรมแล้ว ฉันไม่ว่าอะไรหรอก จะเลือกอะไรก็เลือกไปเถอะ”

 

เธอลุกขึ้นจากที่นั่งพร้อมกับถือกระเป๋า

 

ฮะ? เดี๋ยวสิ นี่มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ!?

 

“คือว่า”

 

“ไปละ”

                

เธอทำท่าไม่สนใจสิ่งที่พูด และเดินออกไปจากห้อง

 

ก๊วนนักกีฬาก็เริ่มลุกขึ้นตามราวกับทำตามเธอ บรรยากาศทุกคนดูขาวโพลนไปหมด ราวกับบรรยากาศที่เคยมีก่อนหน้านี้หายไปเหมือนเรื่องโกหก

 

“เดี๋ยวสิ พวกเรายังไม่ได้ตัดสิน…”

 

“เจ๋งมากอายูมิ ไปคาราโอเกะสิสนุกกว่าเยอะ!”

 

อิเดะลุกจากขึ้นที่นั่งเสียงดัง และพูดราวกับสนับสนุนเธอ

 

โว้ยย ไอ้พวกใจง่ายมันก็เป็นซะแบบนี้! อย่าเพิ่งรีบเปลี่ยนใจปุบปับสิฟะ!

 

คัตสึนุมะเหลือบมองอิเดะด้วยใบหน้าเมินเฉย

 

“ก็แค่พูดเรื่อที่เห็นอยู่ชัด ๆ แล้วเสียงนายมันก็รำคาญด้วย หนวกหูย่ะ”

 

“อุ ขอโทษ…”

 

หลังจากถูกสับเละ อิเดะก็กระตุกจมูกและกลับลงไปยังที่นั่ง

 

บรรยากาศภายในห้องเหือดแห้งไปแล้ว มีเพียงก๊วนคัตสึนุมะที่ส่งเสียงดังเท่านั้น คนในห้องที่เหลือดูจะความสนใจหมดสิ้น ราวกับอยากถูกปล่อยตัวเร็ว ๆ เท่านั้น

 

โทคิวะจ้องมองคัตสึนุมะด้วยใบหน้าบอกไม่ถูก โทริซาวะฟูบหลับอยู่บนโต๊ะ ส่วนคุณคิโยซาโตะก็ส่งยิ้มมาอย่างเก้ ๆ กัง ๆ เท่านั้น

 

แน่นอนว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาโหวตเสียงส่วนใหญ่อีกแล้ว

 

ปัดโธ่เว้ย

 

กะแล้วว่าชีวิตจริงของผมมันต้องไม่ยอมให้มีเลิฟคอมเมดี้ได้ง่าย ๆ

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+