One Man Army 56 ปิรามิดโลกันต์ (2)

Now you are reading One Man Army Chapter 56 ปิรามิดโลกันต์ (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

One Man Army ตอนที่ 56 ปิรามิดโลกันต์ (2)

ในตอนนี้มันเป็นเรื่องยากที่จะพิชิตปิรามิดโลกันต์ไม่ต้องพูดถึงมอนเตอร์ที่มีชื่อ แม้แต่มอนเตอร์ธรรมดาในดันเจี้ยนก็แข็งแกร่งมาก

การต้องมาสังหารมอนเตอร์ธรรมดาที่แข็งแกร่งเหล่านี้ถือเป็นเรื่องน่ารําคาญอย่างมาก

 

ปัจจุบันมีกิลด์มากกว่า 10 กิลด์ที่ได้ท้าทายปิรามิดโลกันต์

อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่สามารถแม้แต่จะสังหารมอนเตอร์ที่มีชื่อตัวแรกมัมมีทมิฬได้เลย และนั่นก็เป็นเพราะพวกเขาไม่รู้จุดอ่อนของมอนเตอร์ที่มีชื่อตัวนั้น

กิลด์เทอร์ริคูลัมนั้นเข้าใจจุดอ่อนของมัมมี่ทมิฬมากที่สุดแต่ถึงจะอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่ได้รู้จุดอ่อนทั้งหมด

วิดีโอที่ซางฮยอคลงในช่องบีเจเกลนั้นช่วยกิลด์อื่นอย่างมาก

บางทีอาจเป็นเพราะเหตุนั้น กิลด์ใหญ่ที่กําลังท้าทายมอนเตอร์ที่มีชื่อตัวแรกนั้นสามารถสังหารมัมมี่ทมิฬได้ทันที และแม้กระทั้งสามารถสังหารมอนเตอร์ที่มีชื่อตัวที่ 2 แมงปองเพลิงยักษ์

เรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นหากบีเจเกลไม่เปิดเผยจุดอ่อนของมอนเตอร์ที่มีชื่อเหล่านี้

 

เมื่อเรื่องมันมาถึงจุดนี้ ผู้เล่นต่างก็หวังบีเจเกลเปิดเผยวิดีโอที่เกี่ยวกับการสังหารมอนเตอร์ที่มีชื่อทั้งหมดโดยไม่สนโบนัสการสัง

หารคนแรก อย่างไรก็ตามบีเจเกลไม่ได้เปิดเผยวิธีการสังหารมอนเตอร์ที่มีชื่อตั้งแต่ตัวที่ 3 เป็นต้นไปเลย

 

แต่เขากลับปล่อยวิดีโอการต่อสู้ของเบลคและทําให้คนดูรู้สึกหงุดหงิด ในเวลาเดียวกันซางฮยอคก็สังหารมอนเตอร์ที่มีชื่อตัวที่ 3 ตัวที่ 4 ตัวที่ 5 และตัวที่ 6

เดิมที่ซางฮยอคคิดว่าใช้เวลา 2 วันก็น่าจะเพียงพอแล้วแต่มันกลับใช้เวลามากถึง 3 วันเพื่อสังหารพวกมันทั้งหมด

ในการสังหารพวกมันทั้งหมด เขาได้รับคาร์มามาจํานวนมากและยังได้รับสมญานามระดับแรร์รวมทั้งไอเทมมากมายแต่ไม่มีสิ่งไหนเลยที่ดึงดูดความสนใจของเขาได้

อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ผิดหวัง

 

เหตุผลที่เขาไม่ได้ผิดหวังก็คือ มันเพราะมอนเตอร์ที่มีชื่อตัวสุดท้ายและเป็นบอสที่ทําให้ซางฮยอคเลือกที่จะพิชิตปิรามิดโลกันต์สฟิงซ์

 

ในความเห็นของเขา มอนเตอร์ที่มีชื่อหกตัวแรกของปิรามิดโลกนต์นั้นเป็นเพียงเครื่องประดับตกแต่งให้ปิรามิดโลกันต์

ความยากที่แท้จริงของปิรามิดโลกันต์ก็คือสฟิงซ์

หากจะให้พูดต่ออีกหน่อยก็คือบอสเพียงตัวเดียวที่คุ้มค่าที่จะสังหารในทะเลทรายโลกันต์ก็คือสฟิงซ์

 

เรื่องนี้มันหมายความว่าทะเลทรายโลกันต์นั้นเป็นพื้นที่รกร้างแต่มันก็ยังหมายความว่าสฟิงซ์นั้นเป็นมอนเตอร์ที่ค่อนข้างแข็งแกร่งแม้จะเทียบกับมอนเตอร์ระดับท็อปของทวีปอื่น

แน่นอนว่าผู้เล่นคนอื่นไม่ได้รู้ถึงความจริงข้อนี้ เนื่องจากความยากของปิรามิดโลกันต์นั้นสูงมาก พวกเขาจึงไม่รู้ว่าสฟิงซ์เปรียบเสมือนผลไม้ล้ําค่าในพื้นที่รกร้าง

 

ดังนั้นในตอนนี้การท้าทายดันเจี้ยนที่ถูกเรียกว่า “พระราชวังลวงตา” จึงเป็นที่นิยมมากกว่าการท้าทายปิรามิดโลกันต์

อย่างไรก็ตามในความคิดของซางฮยอค พระราชวังลวงตานั้นก็ธรรมดาการเคลียร์พระราชวังลวงตาถึง 10 ครั้งก็ไม่สามารถเทียบได้กับการเคลียร์ปิรามิดโลกันต์ได้แม้แต่ครั้งเดียว

 

แต่ติดอยู่ตรงที่ว่าการสังหารสฟิงซ์นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

สฟิงซ์ไม่ได้เป็นมอนเตอร์ที่สามารถสังหารได้อย่างง่ายดายเพียงแค่รู้จุดอ่อนของมัน

บางทีอาจเป็นเพราะเหตุนั้นซางฮยอคจะท้าทายสฟิงซ์มากถึง16 ครั้งในหนึ่งวัน แต่ก็ล้มเหลวทุกครั้ง

สฟิงซ์นั้นแข็งแกร่งกว่าที่เขาคิดไว้มาก

การโจมตีพายุทรายของมันต้องถูกจัดการโดยคน“หนึ่งคนและยังต้องดึงดูดความสนใจของมันอีก “หนึ่งคนแต่เนื่องจากซางฮยอคมีเพียงตัวคนเดียวเขาจึงไม่สามารถทําแบบนั้นได้

แม้แต่ซางฮยอคก็ไม่สามารถหยุดพายุทรายได้ในท้ายที่สุดก็มีเพียงวิธีเดียวคือการหลบพายุทรายทั้งหมด… แต่เมื่อการต่อสู้ถูกลากยาวออกไปพายุทรายก็จะกระจายไปทั่วทุกที่

 

วิธีดั้งเดิมที่จะหยุดพายุทรายก็คือต้องให้สมาชิกคนหนึ่งรับผิดชอบในการหลบพายุทรายและลากพวกมันไปยังจุดเดียวทําให้พวกมันซ้อนทับกันแต่ปัญหาก็คือซางฮยอคจะต้องดึงดูดความสนของสฟิงซ์ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถซ้อนทับพายุทรายให้อยู่จุดเดียวกัน

หากเขาสามารถแก้ปัญหานี้ได้ เขาก็ไม่คิดว่าการสังหารสฟิงซ์เป็นเรื่องยากอีกต่อไป

ในตอนนี้เขารู้แล้วว่าปัญหาของเขาคืออะไร เขาจึงล็อกเอ้าออกจากเกมไปนอนหลับพักผ่อน แม้แต่ในความฝันเขายังคิดถึงวิธีจัดการพายุทราย

หลังจากผ่านไปได้ไม่นาน

ซางฮยอคคิดวิธีออก แต่ไม่ว่ามันจะดีหรือไม่เขาต้องลองถึงจะรู้แต่ในทางทฤษฎีแล้วมันน่าจะเป็นไปได้

 

หลังจากคิดวิธีออก ซางฮยอคก็รีบกินซีเรียลอย่างรวดเร็วและล็อกอินเข้าเกม ในตอนที่เขากําลังพักผ่อน มอนเตอร์ธรรมดาซึ่งนําทางไปยัง“ห้องโถงแห่งการพิพากษา” พื้นที่ที่สฟิงซ์อาศัยอยู่ก็ปรากฏตัวออกมาแต่สําหรับซางฮยอคที่จะสังหารสฟิงซ์ด้วยตัว คนเดียว มอนเตอร์ธรรมดาตัวนี้จึงไม่เป็นปัญหาสําหรับเขา

ซางฮยอคสังหารมอนเตอร์ตัวนี้ได้อย่างง่ายดายและจุดคบเพลิงที่หน้าทางเข้าห้องโถงแห่งการพิพากษา

ฟรูบบบ!

 

การจุดคบเพลิงจะเป็นการอัญเชิญสฟิงซ์ออกมาและยับยั้งไม่ให้มอนเตอร์ธรรมดาเกิด

 

ทันทีที่คบเพลิงสว่างขึ้น ห้องโถงแห่งการพิพากษาก็สั่นสะเทือนจากนั้นทรายที่อยู่บนพื้นเริ่มยกตัวขึ้นสูง

 

โฮกกกก!

 

[ใครกันที่รอให้ข้าพิพากษา]

เสียงของสฟิงซ์ดังกึกก้องทั่วทั้งห้องโถงแห่งการพิพากษาทันทีที่มันพูดจบทรายก็เริ่มก่อตัวเป็นรูปร่างมอนเตอร์ขนาดใหญ่

จากนั้นรูปร่างของมันเตอร์ขนาดใหญ่ตัวนั้นก็ชัดเจนขึ้นมาซึ่งรูปร่างของมันเหมือนกับสฟิงซ์ในโลกจริงที่เฝ้าอยู่หน้าประตูปิรามิดมันคือบอสตัวสุดท้ายของปิรามิดโลกันต์สฟิงซ์

 

“ถ้าอย่างนั้นฉันควรเริ่มเลยมั้ย?

 

ซางฮยอคยิ้มออกมาในขณะที่มองสฟิงซ์ คนอื่นอาจจะรู้สึกท้อใจที่ต้องท้าทายครั้งที่ 17 แต่ซางฮยอคกลับรู้สึกยินดีกับการท้าทายครั้งที่ 17

อันที่จริงแล้ว หากเทียบกับการทํางานเหมือนทาสในชีวิตก่อนของเขาทุกสิ่งที่เขาทําในชีวิตนี้นั้นสนุกมาก

ฮยอคจะลอง

 

มันก็คือ… การใช้เอฟเฟกต์ของสมญานาม “ดยุคเงาแห่งทะเลทราย”เพื่อตุ๊กตาทรายจัดการพายุทราย

 

มันอาจทําได้ เพราะระยะเวลาที่ตุ๊กตาทรายคือ 2 ชั่วโมงและระยะเวลาการสังหารสฟิงซ์คือ 40 นาที

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือสฟิงซ์จะต้องถูกสังหารก่อนที่มันจะบ้าคลั่งหลังจากผ่านไป 40 นาที ดังนั้น 2 ชั่วโมงจึงเป็นเวลาที่มากเพียงพอที่จะสังหารมัน

ปัญหาก็คือตุ๊กตาทรายจะหายไปเมื่อมันได้รับดาเมจไปจํานวนหนึ่งหากมันพลาดไปโดนพายุทรายเข้าตุ๊กตาทรายก็จะหายไป

ดังนั้นซางฮยอคจึงต้องพยายามควบคุมตุ๊กตาทราย

โดยปกติแล้วการคุบควบตุ๊กตาทรายพร้อมกับการสังหารสฟิงซ์นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ดังนั้นเขาจึงไม่คิดว่าวิธีนี้มันง่าย

อย่างไรก็ตามเขาคิดว่าการท้าทายครั้งนี้เป็นเพียงแค่การลองผิดลองถูก สิ่งที่โชคดีก็คือหากตุ๊กตาทรายไม่ถูกทําลาย เขาสามารถอัญเชิญมันได้อีกครั้งระหว่างที่ระยะเวลาการใช้ตุ๊กตายังไม่หมด

นั้นหมายความว่าเขาจะสามารถลองทําวิธีนี้ได้ 3 ครั้งต่อวัน

 

ในชีวิตก่อนของซางฮยอค มีคนๆ หนึ่งที่เกี่ยวข้องกับเกือบทุกเหตุการณ์ของ EL ฟลอยด์ผู้ที่เป็นหัวหน้าทีมเฮลล์ซึ่งเป็นที่มถูกขนานามว่าทีมที่แข็งแกร่งที่สุดนานกว่า 10 ปี

 

หากมีใครถามเขาเกี่ยวกับเคล็ดลับในการสังหารบอสเขามักจะตอบคํานี้เสมอ

หลังจากที่คุณพบวิธีการฆ่าบอสคุณก็แค่ต้องเผชิญหน้ากับบอสอย่างบ้าคลั่ง นั่นคือวิธีที่ดีที่สุด

 

แน่นอนว่าการคิดหาวิธีการสังหารบอสก็เป็นสิ่งที่สําคัญสําหรับเรื่องนี้แต่เมื่อพบวิธีการต่อสู้แล้วการต่อสู้จะจบลงอย่างรวดเร็วหากสามารถทําตามวิธีการสังหารบอสได้โดยไม่มีข้อผิดพลาด

ในส่วนของเรื่องนั่น ซางฮยอคไม่ต้องกังวลเลยเพราะเขาต่อสู้กับบอสเพียงคนเดียวทําให้โอกาสเกิดข้อผิดพลาดนั้นน้อยมาก

เนื่องจากเขาเป็นคนที่มประสบการณ์มากมายในชีวิตก่อนของเขา เขาข้อผิดพลาดของเขาจึงน้อยมาก

การควบคุมตุ๊กตาทรายพร้อมกับต่อสู้กับสฟิงซ์ในเวลาเดียวกันเป็นเรื่องยากอย่างมาก แต่ในท้ายที่สุดเขาก็สามารถหาวิธีการจัดการกับพายุทรายได้

อย่างไรก็ตามเนื่องจากข้อผิดพลาดเล็กน้อย เขาจึงโดนการโจมตีของสฟิงซ์หรือจะพูดให้ถูกก็คือดีบัฟ “ปริศนาของสฟิงซ์” ทําให้เขาต้องยอมแพ้การท้าทายครั้งนี้ในทันที

 

ที่เขาพลาดในครั้งนี้เพราะเขาต้องทําสองสิ่งพร้อมกัน เขาจึงพลาดพลั้งไปเล็กน้อย

ดีบัฟปริศนาของสฟิงซ์นั้นจะลดพลังโจมตีของเขามากกว่า 50% ดังนั้นซางฮยอคจึงต้องหลบสกิลนี้ให้ได้

 

เดิมที่แล้วนี่เป็นส่วนที่ง่ายที่สุดในการต่อสู้กับสฟิงซ์เนื่องจากแทงเกอร์มีพลังโจมตีที่ต่ําอยู่แล้ว แต่สําหรับซางฮยอคผู้ที่โซโล่กับสฟิงซ์นั้นดีบัฟของมันเป็นส่วนที่อันตรายมาก

แต่ไม่ว่ายังไงก็ตามการท้าทายพวกนี้ของเขาก็ล้มเหลวแต่ซางฮยอคก็สามารถเห็นความเป็นไปได้ภายในการล้มเหลวพวกนี้

เนื่องจากเขาเห็นความเป็นไปได้ สิ่งต่อไปที่ต้องทําก็คือเผชิญหน้ากับบอสอย่างบ้าคลั่ง” เหมือนกับสิ่งที่ฟลอยด์เคยพูดเอาไว้

ซางฮยอคเผชิญหน้ากับสฟิงซ์มา 3 วันแล้ว

 

เนื่องจากสกิลตุ๊กตาทรายมีคูลดาวน์ 16 ชั่วโมง เขาจึงไม่สามารถท้าทายบอสได้อย่างไร้ขีดจํากัด

ในช่วง 3 วันที่ผ่านมา เขาท้าทายบอสไปประมาณ 14 ครั้งและในที่สุดเขาก็สามารถต่อสู้จนบอสมาถึงระยะที่ 5 ของสฟิงซ์แล้ว

[นี่เป็นเวลาแห่งการพิพากษา! นี่เป็นเวลาแห่งการพิพากษา!]

 

เมื่อมันเข้าสู่ระยะที่ 5 สฟิงซ์จะหยุดใช้สกิลทุกสกิลของมันและปล่อยลําแสงสีเขียวออกจากดวงตาซึ่งถูกเรียกว่า “ดวงตาแห่งการพิพากษา

 

สกิลดวงตาแห่งการพิพากษานั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถแตะต้องได้และมันเป็นการโจมตีที่น่ากลัวอย่างมากจนสามารถทําให้ผู้เล่นที่โดนลําแสงตายทันที

เนื่องจากการโจมตีครั้งนี้ถูกยิงไปทั่วทุกที่ การหลบสกิลนี้จึงเป็นเรื่องที่ยากมาก

เมื่อพิจราณาจากเรื่องนั่น ระยะที่ 5 ของสฟิงซ์ถือว่าเป็นส่วนที่ยากที่สุดอย่างไรก็ตามเมื่อวีธีการผ่านระยะที่ 5 กลายเป็นรู้จักกันมันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะผ่านระยะที่ 5 ของสฟิงซ์

จุดสําคัญในการผ่านระยะที่ 5 ของสฟิงซ์ก็คือดีบัฟปริศนาของสฟิงซ์

 

ดวงตาแห่งการพิพากษาสามารถสังหารสิ่งมีชีวิตได้ทันทีแต่มีข้อยกเว้นข้อหนึ่งคือสิ่งมีชีวิตที่กําลังตอบปริศนาของสฟองซ์ (ถูกดีบัฟ ของสฟิงซ์)จะไม่โดนดาเมจจากสกิลดวงตาแห่งการพิพากษา

ไม่จําเป็นต้องโดนดีบัฟหลายดีบัฟ เพียงแค่โดน 1 ดีบัฟก็เพียงพอดังนั้นซางฮยอคจึงต้องโดน 1 ดีบัฟก่อนที่มันจะเข้าสู่ระยะที่ 5

แน่นอนวาดีบัฟนี้จะลดพลังโจมตีของเขาลง 50%

มีเวลาเพียง 5 นาทีเท่ากันก่อนที่สฟิงซ์จะเข้าสู่สถานะเบอร์เซิร์กเกอร์ดังนั้นพลังโจมตีของเขาอาจจะไม่พอหากเขาไม่ระวัง

 

อันที่จริงแล้วมีกิลด์หลายกิลด์ที่ล้มเหลวเพียงเพราะพลังโจมตีของพวกเขาขาดไปเล็กน้อยในช่วงระยะที่ 5

ยิ่งไปกว่านั้นก็คือหนึ่งในสกิลติวตัวของสฟิงซ์ ความดื้อรั้นของสีงโตทราย” ซึ่งจะลดดาเมจที่ได้รับทั้งหมดลง 50% เมื่อ HP ของมันต่ํากว่า 10%

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือหากเขาไม่ใส่ใจกับการโจมตี เขาอาจจะเจอกับสฟิงซ์ที่เข้าสู่สถานะเบอร์เซิร์กเกอร์เพราะพลังโจมตีของเขาไม่เพียงพอ

เนื่องจากซางฮยอครู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี เขาจึงไม่ได้ดูถูกสถานการณ์แบบนี้

เขาได้ใช้การ์ดฟิวชั่น “มังกรเพลิงทมิฬ” ที่เขาเก็บไว้ก่อนหน้านี้รวมถึงการ์ดฟิวชั่นประเภทบัฟทั้งหมดที่เขาสามารถใช้ได้

ไม่จําเป็นต้องสนการป้องกัน!

ซางฮยอคพุ่งเข้าไปโจมตีสฟิงซ์ทันที

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

One Man Army 56 ปิรามิดโลกันต์ (2)

Now you are reading One Man Army Chapter 56 ปิรามิดโลกันต์ (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

One Man Army ตอนที่ 56 ปิรามิดโลกันต์ (2)

ในตอนนี้มันเป็นเรื่องยากที่จะพิชิตปิรามิดโลกันต์ไม่ต้องพูดถึงมอนเตอร์ที่มีชื่อ แม้แต่มอนเตอร์ธรรมดาในดันเจี้ยนก็แข็งแกร่งมาก

การต้องมาสังหารมอนเตอร์ธรรมดาที่แข็งแกร่งเหล่านี้ถือเป็นเรื่องน่ารําคาญอย่างมาก

 

ปัจจุบันมีกิลด์มากกว่า 10 กิลด์ที่ได้ท้าทายปิรามิดโลกันต์

อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่สามารถแม้แต่จะสังหารมอนเตอร์ที่มีชื่อตัวแรกมัมมีทมิฬได้เลย และนั่นก็เป็นเพราะพวกเขาไม่รู้จุดอ่อนของมอนเตอร์ที่มีชื่อตัวนั้น

กิลด์เทอร์ริคูลัมนั้นเข้าใจจุดอ่อนของมัมมี่ทมิฬมากที่สุดแต่ถึงจะอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่ได้รู้จุดอ่อนทั้งหมด

วิดีโอที่ซางฮยอคลงในช่องบีเจเกลนั้นช่วยกิลด์อื่นอย่างมาก

บางทีอาจเป็นเพราะเหตุนั้น กิลด์ใหญ่ที่กําลังท้าทายมอนเตอร์ที่มีชื่อตัวแรกนั้นสามารถสังหารมัมมี่ทมิฬได้ทันที และแม้กระทั้งสามารถสังหารมอนเตอร์ที่มีชื่อตัวที่ 2 แมงปองเพลิงยักษ์

เรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นหากบีเจเกลไม่เปิดเผยจุดอ่อนของมอนเตอร์ที่มีชื่อเหล่านี้

 

เมื่อเรื่องมันมาถึงจุดนี้ ผู้เล่นต่างก็หวังบีเจเกลเปิดเผยวิดีโอที่เกี่ยวกับการสังหารมอนเตอร์ที่มีชื่อทั้งหมดโดยไม่สนโบนัสการสัง

หารคนแรก อย่างไรก็ตามบีเจเกลไม่ได้เปิดเผยวิธีการสังหารมอนเตอร์ที่มีชื่อตั้งแต่ตัวที่ 3 เป็นต้นไปเลย

 

แต่เขากลับปล่อยวิดีโอการต่อสู้ของเบลคและทําให้คนดูรู้สึกหงุดหงิด ในเวลาเดียวกันซางฮยอคก็สังหารมอนเตอร์ที่มีชื่อตัวที่ 3 ตัวที่ 4 ตัวที่ 5 และตัวที่ 6

เดิมที่ซางฮยอคคิดว่าใช้เวลา 2 วันก็น่าจะเพียงพอแล้วแต่มันกลับใช้เวลามากถึง 3 วันเพื่อสังหารพวกมันทั้งหมด

ในการสังหารพวกมันทั้งหมด เขาได้รับคาร์มามาจํานวนมากและยังได้รับสมญานามระดับแรร์รวมทั้งไอเทมมากมายแต่ไม่มีสิ่งไหนเลยที่ดึงดูดความสนใจของเขาได้

อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ผิดหวัง

 

เหตุผลที่เขาไม่ได้ผิดหวังก็คือ มันเพราะมอนเตอร์ที่มีชื่อตัวสุดท้ายและเป็นบอสที่ทําให้ซางฮยอคเลือกที่จะพิชิตปิรามิดโลกันต์สฟิงซ์

 

ในความเห็นของเขา มอนเตอร์ที่มีชื่อหกตัวแรกของปิรามิดโลกนต์นั้นเป็นเพียงเครื่องประดับตกแต่งให้ปิรามิดโลกันต์

ความยากที่แท้จริงของปิรามิดโลกันต์ก็คือสฟิงซ์

หากจะให้พูดต่ออีกหน่อยก็คือบอสเพียงตัวเดียวที่คุ้มค่าที่จะสังหารในทะเลทรายโลกันต์ก็คือสฟิงซ์

 

เรื่องนี้มันหมายความว่าทะเลทรายโลกันต์นั้นเป็นพื้นที่รกร้างแต่มันก็ยังหมายความว่าสฟิงซ์นั้นเป็นมอนเตอร์ที่ค่อนข้างแข็งแกร่งแม้จะเทียบกับมอนเตอร์ระดับท็อปของทวีปอื่น

แน่นอนว่าผู้เล่นคนอื่นไม่ได้รู้ถึงความจริงข้อนี้ เนื่องจากความยากของปิรามิดโลกันต์นั้นสูงมาก พวกเขาจึงไม่รู้ว่าสฟิงซ์เปรียบเสมือนผลไม้ล้ําค่าในพื้นที่รกร้าง

 

ดังนั้นในตอนนี้การท้าทายดันเจี้ยนที่ถูกเรียกว่า “พระราชวังลวงตา” จึงเป็นที่นิยมมากกว่าการท้าทายปิรามิดโลกันต์

อย่างไรก็ตามในความคิดของซางฮยอค พระราชวังลวงตานั้นก็ธรรมดาการเคลียร์พระราชวังลวงตาถึง 10 ครั้งก็ไม่สามารถเทียบได้กับการเคลียร์ปิรามิดโลกันต์ได้แม้แต่ครั้งเดียว

 

แต่ติดอยู่ตรงที่ว่าการสังหารสฟิงซ์นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

สฟิงซ์ไม่ได้เป็นมอนเตอร์ที่สามารถสังหารได้อย่างง่ายดายเพียงแค่รู้จุดอ่อนของมัน

บางทีอาจเป็นเพราะเหตุนั้นซางฮยอคจะท้าทายสฟิงซ์มากถึง16 ครั้งในหนึ่งวัน แต่ก็ล้มเหลวทุกครั้ง

สฟิงซ์นั้นแข็งแกร่งกว่าที่เขาคิดไว้มาก

การโจมตีพายุทรายของมันต้องถูกจัดการโดยคน“หนึ่งคนและยังต้องดึงดูดความสนใจของมันอีก “หนึ่งคนแต่เนื่องจากซางฮยอคมีเพียงตัวคนเดียวเขาจึงไม่สามารถทําแบบนั้นได้

แม้แต่ซางฮยอคก็ไม่สามารถหยุดพายุทรายได้ในท้ายที่สุดก็มีเพียงวิธีเดียวคือการหลบพายุทรายทั้งหมด… แต่เมื่อการต่อสู้ถูกลากยาวออกไปพายุทรายก็จะกระจายไปทั่วทุกที่

 

วิธีดั้งเดิมที่จะหยุดพายุทรายก็คือต้องให้สมาชิกคนหนึ่งรับผิดชอบในการหลบพายุทรายและลากพวกมันไปยังจุดเดียวทําให้พวกมันซ้อนทับกันแต่ปัญหาก็คือซางฮยอคจะต้องดึงดูดความสนของสฟิงซ์ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถซ้อนทับพายุทรายให้อยู่จุดเดียวกัน

หากเขาสามารถแก้ปัญหานี้ได้ เขาก็ไม่คิดว่าการสังหารสฟิงซ์เป็นเรื่องยากอีกต่อไป

ในตอนนี้เขารู้แล้วว่าปัญหาของเขาคืออะไร เขาจึงล็อกเอ้าออกจากเกมไปนอนหลับพักผ่อน แม้แต่ในความฝันเขายังคิดถึงวิธีจัดการพายุทราย

หลังจากผ่านไปได้ไม่นาน

ซางฮยอคคิดวิธีออก แต่ไม่ว่ามันจะดีหรือไม่เขาต้องลองถึงจะรู้แต่ในทางทฤษฎีแล้วมันน่าจะเป็นไปได้

 

หลังจากคิดวิธีออก ซางฮยอคก็รีบกินซีเรียลอย่างรวดเร็วและล็อกอินเข้าเกม ในตอนที่เขากําลังพักผ่อน มอนเตอร์ธรรมดาซึ่งนําทางไปยัง“ห้องโถงแห่งการพิพากษา” พื้นที่ที่สฟิงซ์อาศัยอยู่ก็ปรากฏตัวออกมาแต่สําหรับซางฮยอคที่จะสังหารสฟิงซ์ด้วยตัว คนเดียว มอนเตอร์ธรรมดาตัวนี้จึงไม่เป็นปัญหาสําหรับเขา

ซางฮยอคสังหารมอนเตอร์ตัวนี้ได้อย่างง่ายดายและจุดคบเพลิงที่หน้าทางเข้าห้องโถงแห่งการพิพากษา

ฟรูบบบ!

 

การจุดคบเพลิงจะเป็นการอัญเชิญสฟิงซ์ออกมาและยับยั้งไม่ให้มอนเตอร์ธรรมดาเกิด

 

ทันทีที่คบเพลิงสว่างขึ้น ห้องโถงแห่งการพิพากษาก็สั่นสะเทือนจากนั้นทรายที่อยู่บนพื้นเริ่มยกตัวขึ้นสูง

 

โฮกกกก!

 

[ใครกันที่รอให้ข้าพิพากษา]

เสียงของสฟิงซ์ดังกึกก้องทั่วทั้งห้องโถงแห่งการพิพากษาทันทีที่มันพูดจบทรายก็เริ่มก่อตัวเป็นรูปร่างมอนเตอร์ขนาดใหญ่

จากนั้นรูปร่างของมันเตอร์ขนาดใหญ่ตัวนั้นก็ชัดเจนขึ้นมาซึ่งรูปร่างของมันเหมือนกับสฟิงซ์ในโลกจริงที่เฝ้าอยู่หน้าประตูปิรามิดมันคือบอสตัวสุดท้ายของปิรามิดโลกันต์สฟิงซ์

 

“ถ้าอย่างนั้นฉันควรเริ่มเลยมั้ย?

 

ซางฮยอคยิ้มออกมาในขณะที่มองสฟิงซ์ คนอื่นอาจจะรู้สึกท้อใจที่ต้องท้าทายครั้งที่ 17 แต่ซางฮยอคกลับรู้สึกยินดีกับการท้าทายครั้งที่ 17

อันที่จริงแล้ว หากเทียบกับการทํางานเหมือนทาสในชีวิตก่อนของเขาทุกสิ่งที่เขาทําในชีวิตนี้นั้นสนุกมาก

ฮยอคจะลอง

 

มันก็คือ… การใช้เอฟเฟกต์ของสมญานาม “ดยุคเงาแห่งทะเลทราย”เพื่อตุ๊กตาทรายจัดการพายุทราย

 

มันอาจทําได้ เพราะระยะเวลาที่ตุ๊กตาทรายคือ 2 ชั่วโมงและระยะเวลาการสังหารสฟิงซ์คือ 40 นาที

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือสฟิงซ์จะต้องถูกสังหารก่อนที่มันจะบ้าคลั่งหลังจากผ่านไป 40 นาที ดังนั้น 2 ชั่วโมงจึงเป็นเวลาที่มากเพียงพอที่จะสังหารมัน

ปัญหาก็คือตุ๊กตาทรายจะหายไปเมื่อมันได้รับดาเมจไปจํานวนหนึ่งหากมันพลาดไปโดนพายุทรายเข้าตุ๊กตาทรายก็จะหายไป

ดังนั้นซางฮยอคจึงต้องพยายามควบคุมตุ๊กตาทราย

โดยปกติแล้วการคุบควบตุ๊กตาทรายพร้อมกับการสังหารสฟิงซ์นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ดังนั้นเขาจึงไม่คิดว่าวิธีนี้มันง่าย

อย่างไรก็ตามเขาคิดว่าการท้าทายครั้งนี้เป็นเพียงแค่การลองผิดลองถูก สิ่งที่โชคดีก็คือหากตุ๊กตาทรายไม่ถูกทําลาย เขาสามารถอัญเชิญมันได้อีกครั้งระหว่างที่ระยะเวลาการใช้ตุ๊กตายังไม่หมด

นั้นหมายความว่าเขาจะสามารถลองทําวิธีนี้ได้ 3 ครั้งต่อวัน

 

ในชีวิตก่อนของซางฮยอค มีคนๆ หนึ่งที่เกี่ยวข้องกับเกือบทุกเหตุการณ์ของ EL ฟลอยด์ผู้ที่เป็นหัวหน้าทีมเฮลล์ซึ่งเป็นที่มถูกขนานามว่าทีมที่แข็งแกร่งที่สุดนานกว่า 10 ปี

 

หากมีใครถามเขาเกี่ยวกับเคล็ดลับในการสังหารบอสเขามักจะตอบคํานี้เสมอ

หลังจากที่คุณพบวิธีการฆ่าบอสคุณก็แค่ต้องเผชิญหน้ากับบอสอย่างบ้าคลั่ง นั่นคือวิธีที่ดีที่สุด

 

แน่นอนว่าการคิดหาวิธีการสังหารบอสก็เป็นสิ่งที่สําคัญสําหรับเรื่องนี้แต่เมื่อพบวิธีการต่อสู้แล้วการต่อสู้จะจบลงอย่างรวดเร็วหากสามารถทําตามวิธีการสังหารบอสได้โดยไม่มีข้อผิดพลาด

ในส่วนของเรื่องนั่น ซางฮยอคไม่ต้องกังวลเลยเพราะเขาต่อสู้กับบอสเพียงคนเดียวทําให้โอกาสเกิดข้อผิดพลาดนั้นน้อยมาก

เนื่องจากเขาเป็นคนที่มประสบการณ์มากมายในชีวิตก่อนของเขา เขาข้อผิดพลาดของเขาจึงน้อยมาก

การควบคุมตุ๊กตาทรายพร้อมกับต่อสู้กับสฟิงซ์ในเวลาเดียวกันเป็นเรื่องยากอย่างมาก แต่ในท้ายที่สุดเขาก็สามารถหาวิธีการจัดการกับพายุทรายได้

อย่างไรก็ตามเนื่องจากข้อผิดพลาดเล็กน้อย เขาจึงโดนการโจมตีของสฟิงซ์หรือจะพูดให้ถูกก็คือดีบัฟ “ปริศนาของสฟิงซ์” ทําให้เขาต้องยอมแพ้การท้าทายครั้งนี้ในทันที

 

ที่เขาพลาดในครั้งนี้เพราะเขาต้องทําสองสิ่งพร้อมกัน เขาจึงพลาดพลั้งไปเล็กน้อย

ดีบัฟปริศนาของสฟิงซ์นั้นจะลดพลังโจมตีของเขามากกว่า 50% ดังนั้นซางฮยอคจึงต้องหลบสกิลนี้ให้ได้

 

เดิมที่แล้วนี่เป็นส่วนที่ง่ายที่สุดในการต่อสู้กับสฟิงซ์เนื่องจากแทงเกอร์มีพลังโจมตีที่ต่ําอยู่แล้ว แต่สําหรับซางฮยอคผู้ที่โซโล่กับสฟิงซ์นั้นดีบัฟของมันเป็นส่วนที่อันตรายมาก

แต่ไม่ว่ายังไงก็ตามการท้าทายพวกนี้ของเขาก็ล้มเหลวแต่ซางฮยอคก็สามารถเห็นความเป็นไปได้ภายในการล้มเหลวพวกนี้

เนื่องจากเขาเห็นความเป็นไปได้ สิ่งต่อไปที่ต้องทําก็คือเผชิญหน้ากับบอสอย่างบ้าคลั่ง” เหมือนกับสิ่งที่ฟลอยด์เคยพูดเอาไว้

ซางฮยอคเผชิญหน้ากับสฟิงซ์มา 3 วันแล้ว

 

เนื่องจากสกิลตุ๊กตาทรายมีคูลดาวน์ 16 ชั่วโมง เขาจึงไม่สามารถท้าทายบอสได้อย่างไร้ขีดจํากัด

ในช่วง 3 วันที่ผ่านมา เขาท้าทายบอสไปประมาณ 14 ครั้งและในที่สุดเขาก็สามารถต่อสู้จนบอสมาถึงระยะที่ 5 ของสฟิงซ์แล้ว

[นี่เป็นเวลาแห่งการพิพากษา! นี่เป็นเวลาแห่งการพิพากษา!]

 

เมื่อมันเข้าสู่ระยะที่ 5 สฟิงซ์จะหยุดใช้สกิลทุกสกิลของมันและปล่อยลําแสงสีเขียวออกจากดวงตาซึ่งถูกเรียกว่า “ดวงตาแห่งการพิพากษา

 

สกิลดวงตาแห่งการพิพากษานั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถแตะต้องได้และมันเป็นการโจมตีที่น่ากลัวอย่างมากจนสามารถทําให้ผู้เล่นที่โดนลําแสงตายทันที

เนื่องจากการโจมตีครั้งนี้ถูกยิงไปทั่วทุกที่ การหลบสกิลนี้จึงเป็นเรื่องที่ยากมาก

เมื่อพิจราณาจากเรื่องนั่น ระยะที่ 5 ของสฟิงซ์ถือว่าเป็นส่วนที่ยากที่สุดอย่างไรก็ตามเมื่อวีธีการผ่านระยะที่ 5 กลายเป็นรู้จักกันมันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะผ่านระยะที่ 5 ของสฟิงซ์

จุดสําคัญในการผ่านระยะที่ 5 ของสฟิงซ์ก็คือดีบัฟปริศนาของสฟิงซ์

 

ดวงตาแห่งการพิพากษาสามารถสังหารสิ่งมีชีวิตได้ทันทีแต่มีข้อยกเว้นข้อหนึ่งคือสิ่งมีชีวิตที่กําลังตอบปริศนาของสฟองซ์ (ถูกดีบัฟ ของสฟิงซ์)จะไม่โดนดาเมจจากสกิลดวงตาแห่งการพิพากษา

ไม่จําเป็นต้องโดนดีบัฟหลายดีบัฟ เพียงแค่โดน 1 ดีบัฟก็เพียงพอดังนั้นซางฮยอคจึงต้องโดน 1 ดีบัฟก่อนที่มันจะเข้าสู่ระยะที่ 5

แน่นอนวาดีบัฟนี้จะลดพลังโจมตีของเขาลง 50%

มีเวลาเพียง 5 นาทีเท่ากันก่อนที่สฟิงซ์จะเข้าสู่สถานะเบอร์เซิร์กเกอร์ดังนั้นพลังโจมตีของเขาอาจจะไม่พอหากเขาไม่ระวัง

 

อันที่จริงแล้วมีกิลด์หลายกิลด์ที่ล้มเหลวเพียงเพราะพลังโจมตีของพวกเขาขาดไปเล็กน้อยในช่วงระยะที่ 5

ยิ่งไปกว่านั้นก็คือหนึ่งในสกิลติวตัวของสฟิงซ์ ความดื้อรั้นของสีงโตทราย” ซึ่งจะลดดาเมจที่ได้รับทั้งหมดลง 50% เมื่อ HP ของมันต่ํากว่า 10%

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือหากเขาไม่ใส่ใจกับการโจมตี เขาอาจจะเจอกับสฟิงซ์ที่เข้าสู่สถานะเบอร์เซิร์กเกอร์เพราะพลังโจมตีของเขาไม่เพียงพอ

เนื่องจากซางฮยอครู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี เขาจึงไม่ได้ดูถูกสถานการณ์แบบนี้

เขาได้ใช้การ์ดฟิวชั่น “มังกรเพลิงทมิฬ” ที่เขาเก็บไว้ก่อนหน้านี้รวมถึงการ์ดฟิวชั่นประเภทบัฟทั้งหมดที่เขาสามารถใช้ได้

ไม่จําเป็นต้องสนการป้องกัน!

ซางฮยอคพุ่งเข้าไปโจมตีสฟิงซ์ทันที

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+