P.Plan เส้นทางลิขิต ปฏิวัติโลก 233
Time< Two Hundred Thirty Third>
สุขภาพเสื่อมโทรม
วันที่ 30 พฤศจิกายน ค.ศ. 2049 เวลา 19: 31 น. (+9H)
โรงเรียน
“แล้วเกิดอะไรขึ้นกับคาร์ลอสคนเดิม?”
คาร์ลอสที่ได้ยินคำถามถอนหายใจด้วยความเสียดาย “เขา…เขาตายหลังจากนั้นไม่นาน” เขานึกถึงวันที่คาร์ลอสกับคาร์ลอสเวก้าทะเลาะกันในเรื่องการเดินทาง จนสุดท้ายได้เป็นเพื่อนร่วมรบกัน แต่คาร์ลอสคนเดิมตายก่อนที่พวกเขาจะพบนาระ….
“เขาเป็นสมาชิกที่เก่าแก่ที่สุดคนหนึ่ง…..การเสียเขาไปมัน…มัน…แย่กับกลุ่มของเรา” คาร์ลอสจำวันที่โจดี้ร้องไห้จนต้องให้คาร์ล่าคอยปลอบโยน เขาไม่เคยเห็นเธอเสียใจมากขนาดนั้นมาก่อน และสำหรับคนอื่นที่ยังมีชีวิตอยู่ การเสียเพื่อนไปแม้แต่คนเดียวก็มากพอที่จะกระทบกับการตัดสินใจของกลุ่ม
“เพราะงั้น พวกคุณจึงตามหาครูนาระสินะ” มิยามิอ่านขาด เธอลองคำนวณเวลาที่พวกคาร์ลอสออกเดินทางรอบโลก และพบว่าเวลาใกล้เคียงกับตอนที่ครูนาระ ‘ขอลาออก’ พอดิบพอดี
“เราไม่มีทางเลือก เจถูกลักพาตัว และเราต้องรีบช่วยออกมา”
“แต่สายเกินไป” มิยามิเปิดหน้าจอแท็บเล็ตที่เป็นหน้าของราชินีเจสสิก้าแห่งซุนสเซต “เธอถูกล้างสมอง?…”
“ครับ” คาร์ลอสพยักหน้า “เจอาจเป็นคนยึดความรู้สึกกับอุดมการณ์เป็นความสำคัญ แต่เธอโกหกใครไม่เป็นและอ่านใจง่าย” เขา,ฟลิบ,บุ๊คแมน,ราชิดิ,โจดี้กับคาร์ล่าอยู่กับเจทำให้รู้สึกนิสัยใจคอของเธอเป็นอย่างดี แต่เจในปัจจุบันนอกจากหน้าตาแล้วไม่เหลือเค้าเดิมแม้แต่เศษเสี้ยวเดียว
มิยามิมองหน้ากับคนอื่นๆ ต่างคนต่างเข้าใจสถานการณ์ ขนาดพวกทหารที่มีพร้อมทุกอย่างยังทำได้แค่ประคองสถานการณ์ ส่วนพวกเธอที่อาศัยการคุ้มครองจากรัฐบาลมันคนละลีคกัน
“แต่พวกยูเรียลเปิดประตูวาร์ปได้ใช่มะ พวกเราคงนั่งเฉยๆแบบนี้ไม่ได้!” ลีแสดงความคิดเห็น รัฐบาลพยายามปิดข่าวเรื่องนี้เพื่อไม่ให้ประชาชนตกอยู่ในความโกลาหล แต่การไม่ทำอะไรเลยและรออีกฝ่ายบุกเข้ามาก็ไม่ต่างจากการรอความตาย
“ลีเราทำได้แค่เฝ้าระวัง นายคิดว่าจะมีคนแจกอาวุธให้เราฟรีเพราะเราคิดจะเข้าร่วมสงครามหรือไง?” ชินโนะสุเกะเอ็ด แค่อาวุธที่ใช้ในสงครามกองทัพผสมยังต้องพยายามประหยัดใช้ แค่มีมีดให้คนละเล่มก็รวยแล้ว
“แล้วโรแกนละ หมอนั้นค้าอาวุธนิ?”
ทุกคนนึกถึงเพื่อนที่ชื่อโรแกนที่เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนและเพราะสงครามทำให้ติดที่ฟิลิปปินส์มาที่นี้ไม่ได้
“เพราะเตเดสคุงติดอยู่ที่ฟิลิปปินส์ แค่คุยกันยังยาก กระสุนสักนัดยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ” มิยามิด่าที่เจ้าบ้าลีคิดก่อเรื่องให้โรแกน เตเดสซวย
โรแกน เตเดสเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนจากฟิลิปปินส์ที่พ่อเป็นอดีตขุนศึกทำอาชีพพ่อค้าอาวุธ แค่ลอบขนอาวุธก็เจอปัญหาแล้ว ยิ่งในช่วงสงครามที่อาวุธทั้งหมดถูกใช้ในการสงครามปกป้องเผ่าพันธุ์มนุษย์ ขโมยของมีสิทธิ์ถูกประหารชีวิต
คาร์ลอสที่ได้ยินกระดิกคิ้ว “ผมคิดว่าการลักลอบขนอาวุธทำได้”
““““อะไรนะ!””””
ทุกคนมองคาร์ลอสที่หลับตานึกเรื่องสำคัญก่อนที่เขาจะลืมตาขึ้นและอธิบาย “มีคิสึเนะคนหนึ่งสามารถเปิดประตูมิติสำหรับเดินทางข้ามทวีป แต่วิธีนี้คงไม่ดีเท่าไร” เขาอธิบายเหตุผลว่าทำไมวิธีนี้ไม่ดี
ความสามารถในการเปิดประตูมิติสามารถสร้างความได้เปรียบในการรบจากการจู่โจมฉับพลันในจุดอับของข้าศึกหรือใช้ในเชิงลำเลียงยุทโธปกรณ์ แต่ในทางกลับกันข้าศึกอาจใช้โอกาสนี้จู่โจมกลับเช่นกัน ที่สำคัญที่สุดคือพวกเขาอยู่ในพื้นที่ชุมชนหนาแน่น ถ้าเกิดมีมนุษย์โคลนกับสัตว์ประหลาดของยูเรียลหลุดมาแค่ตัวเดียว ความเสียหายที่เกิดขึ้นมากเกินคณา
และถ้าอยากให้ปลอดภัยก็ต้องติดต่อกับรัฐบาล ซึ่งพวกเขาถ้าไม่ถูกฆ่าปิดปากก็จะถูกกักบริเวณ…..แถมทามะมิคงเด็ดหัวเขาที่คิดใช้งานซานะอย่างแน่นอน
“งั้น…..พวกเราต้องเตรียมตัว ช่วงนี้คงต้องเหนื่อยกันหน่อยใช่ไหมพวกเรา!!!” ชินโนสุเกะทำการดราฟแผนรักษาความปลอดภัยกับสิ่งที่ไม่คาดฝัน และถ้าพวกเขาเกิดจำเป็นขึ้นมาจะได้ช่วยครูนาระหรืออย่างน้อยก็ช่วยแบ่งเบาภาระให้มากที่สุดในส่วนของพวกเขา
คาร์ลอสได้ยินก็รู้สึกยินดี จากสถานการณ์ที่โรงเรียน นาระได้รับความนิยมในระดับหนึ่ง และชื่อเสียงก็ค่อนไปทางดี ถ้าโรงเรียนที่ว่าสามารถใช้เป็นปราการก็จะดีมาก
“แต่พวกเราไม่มีทรัพยากร” ลีส่ายหน้า “ขนาดครอบครัวฉันรวยยังลำบาก” สาเหตุที่ลีต้องการให้โรแกนช่วย เพราะทางการควบคุมสินค้าเข้าออกเข้มงวด ตอนกำลังพูดตรงนี้ยังรู้สึกร้อนๆหนาวๆว่าจะถูกลักพาตัว
คาร์ลอสสังเกตทุกคน เขาคิดว่ารัฐบาลคงยังไม่กล้าลงมือกับพวกเขาจนกว่าจะเข้าตาจนจริงๆ การจับกุมประชาชนโดยไร้เหตุผลจะถูกวิพากษ์วิจารณ์และการยัดคดีในยุคนี้ประเทศนี้ไม่ใช่วิธีที่ฉลาดสักเท่าไร
แต่เขาไม่แน่ใจกับความปลอดภัยเลยหยิบวีซ่ากับพาสปอร์ตปลอมที่ทามะมิทำให้ขึ้นมาลูบ อย่างน้อยโจดี้กับคาร์ล่ามีครอบครัวค่อยให้ความช่วยเหลือ คาร์ลอสเลยสบายใจไปเปาะหนึ่ง
เขาตัดสินใจไปที่โรงเรียนเพื่อทำการติดตั้งอุปกรณ์กับปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับการเป็นฐานทัพทางการทหารปลอมๆ
ชินโนสุเกะตบมือเรียกความสนใจของทุกคน “คืนนี้ไม่ต้องนอน เราต้องเตรียมความพร้อม!” ทุกคนกำมือและยกแขนสุดกำลัง
“โอ้ว!!!!”
โจดี้ที่กำลังแช่น้ำร้อนมองพวกพี่สาวที่ช่วยคาร์ล่าทำความสะอาดร่างกาย หญิงสาวพิการได้รับการดูแลอย่างทะนุถนอม สำหรับคาร์ล่า นอกจากจะได้ครอบครัวเพิ่มแล้ว พี่สาวร่างโคลนทุกคนสามารถปรับคลื่นสมองทำให้สามารถโทรจิตกับคาร์ล่าทำให้เธอยิ้มแย้มอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
“อุ่นกำลังดี….” โจดี้แหวกตัวไปตามคลื่นน้ำและไปการนั่งนิ่งๆใต้น้ำทำให้ยิ่งรู้สึกดีขึ้นไปอีก
“ผิวพรรณของเธอทั้งสองคนบ่งบอกว่าเจออะไรมามากนัก” มาซากะแตะผิวโจดี้และลองเปรียบเทียบกับของเธอ “เป็นผู้หญิงก็ควรจะบำรุงตัวเองสักหน่อย”
โจดี้ที่หลับตาขมวดคิ้ว “ก็…ไม่อยากยืมเงินราชิดิ….” เธอเล่าเรื่องของคนตะวันออกกลางฐานะมีอันจะกินให้พี่น้องฟัง หล่อนคงอยากให้เธอหัดขอความช่วยเหลือคนอื่นเพื่อความงดงาม
“อย่างน้อยก็ควรพัก เธอกับคาร์ล่าไม่ใช่คนที่เข้าร่วมสงคราม เรื่องพวกนี้ให้คนเก่งเฉพาะทางจัดการจะดีกว่านะ การอวยพรอยู่เบื้องหลังก็เป็นสิ่งจำเป็นของคนที่จับอาวุธอยู่เบื้องหน้า”
‘โจดี้……ฉันไม่อยากเป็นตัวถ่วง’ ความคิดของคาร์ล่าที่ส่งต่อให้โจดี้ถูกแชร์ให้กับทุกคน จนร่างโคลนต่างพากันหัวเราะ
“ไม่เกี่ยวกับคำว่าภาระ แต่ทุกคนคือครอบครัวและเป็นคนสำคัญ”
“เรื่องปกติ พวกเราปกป้องคนในครอบครัว”
“ดิฉันว่า ราชิดิคงไม่สนใจเรื่องยิบย่อยพรรคนี้หรอก ก็เพื่อนกันนินะ”
อดีตร่างโคลนนิชิกิต่างแสดงความคิดเห็นของตัวเอง และช่วยกันปลอบคาร์ล่าที่มีความรู้สึกด้อยกว่าทุกคนในที่แห่งนี้
“ความพิกลพิการเองก็มีประโยชน์ในแบบของมัน” ผู้หญิงที่ปิดบังเรือนร่างด้วยผ้าเช็ดตัวเดินเข้ามาในห้องน้ำ
“คุณชาร์ล็อต!!!” คาตากานะทำความเคารพ ซากุระ ชาร์ล็อตที่เป็นหนึ่งในพี่น้องที่ร่างโคลนรุ่นโฮชิโนะต่างพากันยอมรับ
ชาร์ล็อตถอดผ้าเช็ดตัว เนื้อตัวเธอเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นมากมาย แต่ที่เด่นที่สุดคือรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ที่ท้องน้อยที่เหมือนกับลำตัวถูกฉีกออกจนถึงแผ่นหลัง
เธอส่งความคิดของเธอให้กับคาร์ล่าโดยตรง
‘ทุกคนมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน อย่างตัวเธอที่พิกลพิการ แต่มีบางสิ่งที่แม้แต่ฉันกับพี่น้องทุกคนไม่มี’
‘แต่ว่า หนูในตอนนี้ทำประโยชน์ให้ใครไม่ได้เลย’ คาร์ล่าร้องไห้เสียใจ แต่ชาร์ล็อตก็ทำการปลอบโยน
“เธอแค่ยังหามันไม่เจอเท่านั้นเอง การใจร้อนไม่ใช่เรื่อง เพราะจะทำให้เสียการ”
ชาร์ล็อตเล่าเรื่องสมัยที่เธอยังเป็นร่างโคลนที่รับใช้ตระกูลนิชิกิอย่างซื่อสัตย์ จนกระทั้งวันหนึ่งเธอได้ความเป็นเอกเทศและหลุดจากบ่วงที่คล้องเอาไว้ตั้งแต่เกิด
เธอที่มีความคิดเป็นของตัวเองเจอคนมากมายที่ทำเรื่องผิดพลาดเพราะความร้อนรน และต้องเห็นพี่น้องคนอื่นที่เสียไปเพราะไม่อาจทนรับกับอิสรภาพที่เพิ่งได้รับครั้งแรกในชีวิต
และหนึ่งในนั้นคือ นิชิกิ โฮชิโนะคนที่สองแห่งสการ์เล็ต………
“โง่จริง….” ชาร์ล็อตแสดงสีหน้าเสียใจ เธอยังจำวันที่ต้องเสียพี่น้องคนนี้ไป แต่สิ่งที่ทำให้เหตุการณ์ยิ่งแย่ลงไปอีก เพราะ คนที่ฆ่าโฮชิโนะคนนั้นคือนาระ….ที่การกระทำเพื่อปกป้องนักเรียนของตัวเอง, เพื่อปกป้องนานะ และเพื่อปกป้องร่างโคลนคนอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
‘ทำไม!? ทำไม!? ทำไม!? ทำไมฉันต้องเป็นตัวปลอม!!!’
‘โฮชิโนะหยุดนะ! ???? กรี๊ด!!!!’
ชาร์ล็อตนึกถึงเรื่องในอดีต ตอนที่โฮชิโนะเสียสติ และสร้างบาดแผลถึงตาย แต่โชคดีที่เธอรอดชีวิตอย่างหวุดหวิดด้วยความช่วยเหลือของทุกคน…..
‘ความทรงจำของคุณ!? แผลนั่น….’
คาร์ล่ามองเห็นความทรงจำของชาร์ล็อตที่หลุดมากับการสื่อสาร เธอมองเห็นแววตาที่บ้าคลั่งของผู้หญิงที่มีหน้าตาเหมือนกับเธอที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือด และรู้สึกได้ถึงความหวาดกลัวกับความเจ็บปวดของชาร์ล็อต
‘แต่น้องสาวยังคงอยู่กับฉันตลอดไป’ แผลที่ท้องของเธอคือหลักฐานของครอบครัว เธอมองพี่น้องทุกคนที่พยักหน้า เพราะเธอเสียอวัยวะส่วนนั้นไปทั้งหมด และทุกคนได้ทำการแบ่งเลือดเนื้อให้กับเธอเพื่อช่วยชีวิตของเธอเอาไว้จนเป็นสำเร็จ
“หมอเก่งจัง” โจดี้กล่าวชื่นชมหลังจากที่ได้รับความทรงจำที่คาร์ล่าแชร์มา หมอที่เก่งที่สุดของกลุ่มคือบุ๊คแมน และอีกคนที่เธอรู้จักก็เป็นคนที่เธอเคยได้ยินแค่ชื่อไม่เคยพบหน้าแม้แต่ครั้งเดียว
ขณะเดียวกัน
นาระลูบหน้าผากที่เรียบเนียน “ว้าว! สุดยอดไปเลย” เขาเคาะหน้าผากที่กลับมาปกติอีกครั้งหลังจากที่ต้องรู้สึกแสลงๆเพราะมีโลหะปักคาหน้าผาก
“แค่ทำให้เนียนไปกับกะโหลก ระวังอย่าไปกระทบกระทั้ง” หมอพูดก่อนที่จะเลือกตัวยาให้นาระใช้ “ยาตัวนี้ทานทุกครั้งที่รู้สึกคัน แต่ยาทานเกินไม่งั้นจะเกิดอาการแพ้ คราวนี้ตัวนายจะเน่าเอา”
หมอเตือนนาระที่ร่างกายผิดปกติกว่าครั้งล่าสุดจนอดถามไม่ได้ “เอ็งฝืนมากขนาดนี้ได้ไง ดีที่หมอที่ดูแลนายก่อนหน้านี้เป็นระดับเทพ ถ้าแค่ฉันนายจะนอนเป็นผักไปแล้ว”
นาระหัวเราะ “โทษที บังเอิญเรื่องไม่ยาว” แต่หมอเปิดคลิปดังของนาระให้เจ้าตัวดู
“รู้กันหมดแล้ว แต่ฟังฉันนะ แกลุยทีหนึ่งก็ต้องเข้าโรงหมอทีหนึ่ง ไม่คิดว่าชีวิตแบบนี้มันแย่มากนักหรอ?”
“นายรู้คำตอบอยู่แล้วนิ” นาระกระดิกคิ้ว “ไม่ต้องเป็นหัวฉันนัก ทหารหน้าที่คือทำศึก หมอหน้าที่คือรักษาคนไข้”
“ไปไกลๆเลย ฉันเป็นคนมีจรรยาบรรณ” หมอเคาะที่เขี่ยบุหรี่และคิดจะใช้เคาะหัวนาระสักเปรี้ยง
นาระถอนหายใจ “ทาเคชิ เวลาฉันเหลืออยู่ไม่มาก ฉันจึงพยายามทำทุกอย่างในช่วงเวลาที่เหลืออยู่”
ทาเคชิขบฟัน “เวลานายมันสั้นลงเรื่อยๆ ถ้านายไม่สนใจตัวเองก็หัดสนใจความรู้สึกของนานะซังบ้างสิ”
“นานะ” นาระฟังชื่อนักเรียนหญิงที่มีชื่อคล้ายกับเขา “เธอ…เธอยังคงคิดจะเอาชนะใจฉันอยู่สินะ ทั้งที่ฉันบอกให้ตัดใจไปแล้วแท้ๆ”
ทาเคชิเห็นนาระทำตัวไร้หัวใจกับผู้หญิงที่แอบชอบตัวเองแล้วอยากชกสักหมัด แต่ก็ทำไม่ได้เพราะขัดต่อหลักของหมอ แต่สาเหตุหลักคือนาระเจ็บมามากจนคิดที่จะตาย แค่ตอนนี้มันไม่แขวนคอตายก็ดีจะตายห่า
“แล้วฉันอยู่ได้อีกนานเท่าไร” นาระลองถามทาเคชิ เพราะเขาเคยลองถามอลัน แต่อีกฝ่ายก็ให้คำตอบกับเขาที่ชัดเจนไม่ได้
“นายตายแล้ว” ทาเคชิพยักหน้า “เอาจริง แค่นายยังทำตัวกวนโอยตรงนี้แล้วไม่ชักตายไปก่อน ฉันว่าโคตร….ปาฏิหาริย์” เขาที่ผ่ากะโหลกนาระเอาข้อมูลไปเปรียบเทียบกับของเก่า
เขาพบว่าหมอที่ให้สารเคมีกับนาระถือว่าไม่ธรรมดาที่ใช้นาโนแมชชีนกับการจัดการดีเอ็นเอเพื่อรักษานาระ และยังมีการเสริมสมรรถนะภาพร่างกายที่ไม่มีใครในประเทศนี้ทำได้
เขาเก็บตัวอย่างเซลล์ของนาระกับข้อมูลการรักษาเพื่อไปยื่นเรื่องให้พวกนักวิชาการอวดดีดูสักหน่อย ดีไม่ดีเขาอาจขายให้รัฐบาลได้เม็ดเงินงามๆ
“คุณนาระ”
“โอ้ว! คาร์ลอส ว่าไงสบายดีไหม” นาระลุกขึ้นจับมือกับคาร์ลอสที่กล่าวทักทาย
“ครับ ผมต้องถามคุณดีกว่า ว่าสบายดีไหม”
“ยังอยู่ดี อาการพวกนี้ไม่ส่งผลกระทบตอนสู้ ไว้ใจฉันได้เลย” นาระเบ่งกล้ามที่มีกล้ามเนื้อแสดงให้เห็น ตัวเขาอาจจะขาวซีดแต่ว่าแข็งแรงดูกำย่ำกว่าแต่ก่อน “ถ้านายอยู่ที่นี้ แล้วโจดี้กับคาร์ล่าละ”
“สบายดีครับ พวกเธออยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลซากระ”
นาระที่ได้ยินยินลูบคาง “อ่อ… โอเค มีพี่น้องอยู่ด้วยกันย่อมปลอดภัยกว่าละน้า!” เขาคำนวณดูแล้ว พบว่าบ้านซากุระที่มีมนุษย์โคลนปลอดภัยกับโจกี้และคาร์ล่ากว่าที่ไหนๆ ทางมิตซึโฮะคงไม่ทำให้ทั้งสองคนลำบากสักเท่าไร และถ้าเข้าตาจนจริง ลองพยายามหาวิธีลักลอบพาทุกคนเข้าโลกของนิลในจังหวะสุดท้าย
หมอทาเคชิเปิดซองบุหรี่ให้นาระ “เครียดหนักขนาดนี้ สักหน่อยไหม?”
“อ้าว รู้ใจดีนิ” นาระรับบุหรี่มาคีบในปาก ปกติเขาไม่สูบบุหรี่เพราะไม่ดีต่อร่างกาย แต่ตอนนี้ขอสักม้วนเพื่อให้จิตแจ่มใส “ขอไฟหน่อย”
“ให้ได้งี้สิ” ทาเคชิจุดไฟให้นาระ เขาเป็นหมอที่รับงานเถื่อนจึงพบกับนาระและมักรับรักษาฝ่ายหลังเพราะได้เงินไม่ขาดช่วง
นาระหลีกเลี่ยงเหล้ากับบุหรี่แต่ไม่ได้หลีกเลี่ยงบาดแผล เขาไม่รู้ว่าทำไมนาระถึงเรียกชีวิตที่แขวนบนเส้นด้ายว่าสงบสุข แต่พอหมอนี้เครียดหนักจนเลือดออกในดวงตาจนแดงก่ำ ยาระงับแรงๆก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกดีเท่าบุหรี่กับเหล้าที่บางทีนาระแอบไปเสพที่อื่น
เปรี้ยง!
“หือ!!??” นาระที่เพิ่งสูบบุหรี่ลุกขึ้น เขาหันไปทางหน้าประตูโรงเรียน
“เกิดอะไรขึ้น” ทาเคชิสังเกตจากสีหน้าของนาระที่ซีเรียสมองไปทิศเดียวกัน
นาระส่ายหน้า “บอกทุกคนไปซ่อนตัวเดียวนี้เลย!!!” เขาวิ่งไปที่หน้าต่างชั้นสาม
คาร์ลอสถือกล้องส่องทางไกลมองหน้าประตู “อะไรว่ะนั้น” เขาวางกล้องส่องทางไกลและรีบไปแสตนบายที่ทางเข้าชั้นหนึ่ง “บอกทุกคนให้หนี! เร็ว!”
“เป็นเรื่องแล้วไง” ทาเคชิรีบเก็บอุปกรณ์ ภาพตรงหน้าเขาน่ากลัวมาก
สัตว์ประหลาด!
สัตว์ประหลาดโผล่จากหลังรถบรรทุกลำเลียงสำหรับบรรเทาผู้ประสบภัย
ผู้คนหน้าโรงเรียนส่งเสียงร้องหวาดกลัว สัตว์ประหลาดฉีกร่างผู้คนอย่างสยดสยอง และสถานการณ์เลวร้ายลงเมื่อทหารในชุดเกราะกำลังยิงประชาชนอย่างเลือดเย็น
“ช่วยด้วย!” แม่ลูกพยายามวิ่งหนี แต่คนแม่ถูกยิงทีฆ่า และถูกกัดที่แผ่นหลังทำให้เธอขยับตัวไม่ได้ เธอทำได้เพียงใช้ร่างกายเป็นโล่ปกป้องลูกสามคนของเธอ
ตูม!
นาระถีบหน้าทหารและทำการบิดคอจนเสียงกระดูกหักดัง เขาปกป้องแม่ลูกได้หวุดหวิด เขากวาดสาดตามองทหารกับสัตว์ประหลาด “บรรยากาศแบบเดียวกัน….. ใครปล่อยพวกมันเข้ามา”
ด้วยความช่วยเหลือของสัตว์ประหลาดรูปร่างคล้ายเสือเหล็กทำให้ทหารเหล่านี้กราดยิงนาระได้อย่างสบายใจ
นาระคว้าศพของทหารที่ถูกเขาหักคอเป็นโล่กันกระสุน ทันทีที่เสือเหล็กขยับศพจนกระจุย เขาบิดตัวคว้าที่คอของเสื้อและจับทุ่มโดยที่พยายามไม่ให้ถูกยิง
โผล๊ะ!
ทหารถูกคาร์ลอสยิงหัวแตกด้วยปืนไรเฟิล “ผมสนับสนุนคุณเอง ลุยเต็มที่!!!”
นาระได้ยินเสียงของคาร์ลอสทางวิทยุไร้สารที่คอเสื้อ “เฮอะ แอบแปะไว้ตอนไหนเนี่ย” เขาเอามือลูบกระดุมคอเสื้อที่เป็นวิทยุไร้สาร “แต่ของคุณที่ช่วย”
นาระใช้มือแทงเข้าที่ซอกคอของเสือเหล็ก นิ้วที่แหลมคงแทงเข้าไปในจุดที่บอบบางที่สุด เขาใช้นิ้วมือที่ถูกล็อกติดกับเหล็กหักคอในทันที
เสือเหล็กที่คอหักพยายามดิ้นรน แต่นาระอาศัยจังหวะนี้ใช้ตัวมันเป็นโล่ และทุบใส่ทหารกับเสือเหล็กตัวอื่นที่อาละวาด
“ห๊า……!” เขาพ่นลมหายใจและดึงนิ้วออกจากคอ เลือดสีแดงเข้มตัดกับเลือดสีแดงปนดำของเสือกับเลือดสีดำของเขาที่บาดจากเหล็กที่บาดนิ้ว
ทหารอีกสามคนถูกคาร์ลอสยิงทิ้งทำให้นาระได้มีเวลาพักหายใจ เขานั่งย่องๆด้วยอาการหอบ “แค่นี้ก็ไม่ไหวแล้วหรอ…..?”
เขากระพริบตาก่อนที่จะถุยบุหรี่ทิ้ง แต่สิ่งที่เรียกความสนใจคือ จุดที่บุหรี่ตกคือส่วนหัวของทหารที่หมวกแตกทำให้เขาสังเกตเห็นเค้าหน้าเค้าตา
ใบหน้าที่มีขาดลักษณะเด่นเหมือนหุ่นประดับ ดวงตาที่ถูกแทนทีด้วย กระจกสีดำปิดครึ่งหน้าที่พอแตกแล้วเห็นอวัยวะแปลกๆติดกับอุปกรณ์อีเล็กทรอนิกส์คุ้นหน้าคุ้นตา
“ให้ตายเถอะ!” นาระกระชากอุปกรณ์ดังกล่าวก่อนที่จะรีบโยนขึ้นฟ้า
ปี๊บ!
ตูม!
อุปกรณ์ทำลายตัวเองเกิดระเบิดกลางท้องฟ้า ทางนาระเกิดความสงสัยที่ทำไมระเบิดทำไมถึงไม่ระเบิดในทันที
“เพราะกระสุน EMP ” คาร์ลอสเปลี่ยนซองกระสุนไรเฟิล “ก็ว่าอยู่….” นี้ไม่ใช้ครั้งแรกที่คาร์ลอสเผชิญหน้ากับพวกฝังระเบิดฆ่าตัวตาย ดังนั้นบุ๊คแมนจึงประดิษฐ์กระสุนไรเฟิลรบกวนขึ้นโดยเฉพาะ จำนวนกระสุนอาจน้อย แต่ถ้ายิงทีละนัดเข้าหัวประหยัดได้มากโข
นาระที่รู้ว่าเป็นกระสุนดังกล่าวไล่ทุบหมวกของทหารดัดแปลงทุกคน กระสุนดีกว่าที่คาดไว้ นอกจากระเบิดเพียงลูกเดียวที่เกิดการระเบิดแล้ว ตัวอื่นๆไม่ระเบิด ส่วนพวกเสือเหล็กก็ค่อนข้างเหวอะ เพราะระเบิดขนาดจิ๊วฉีกร่างพวกมันทิ้ง
เสียงไซเรนตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุพร้อมกับหน่วยปราบจลาจลอาวุธครบมือ นาระรู้สึกโชคดีที่ตำรวจมาทันเวลา ก่อนที่จะเกิดความเสียหายมากไปกว่านี้
เขาอุ้มแม่ลูกที่ได้รับบาดเจ็บเข้าโรงเรียน ทางคาร์ลอสรีบออกมาช่วยนาระขนย้ายคนเจ็บ
หลังจากทุกคนช่วยคนละไม้คนละมือ นาระกับทุกคนมองซากสัตว์ประหลาดที่ชินโนสุเกะแอบลักลอบขนลงห้องใต้ดิน
นาระเปิดระบบสื่อสารกับอลันและทำการใช้มือถือแสกนศพของสัตว์ประหลาด
“ครู พวกเราปิดทางเดินทั้งหมดแล้ว” ลีในชุดป้องกันบอกกับนาระที่มีเพียงนาระคนเดียวที่ไม่สวมชุดป้องกัน
“โอเค….. พวกนายระวังตัวให้ดีนะ ฉันจะเฝ้าซากนี้เอง”
““ครับ”” ลีกับชินโนสุเกะตอบรับ พวกเขากลัวว่าซพที่ว่าจะคืนชีพแบบซอมบี้ และคนที่สามารถรับมือได้มีแค่นาระคนเดียว
หน้าที่ของพวกเขาคือการปิดทางเดินและค่อยสอดส่องเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ผ่านมา เพราะมนุษย์ดัดแปลงสามารถปลอมตัวเข้ามาในหมู่เจ้าหน้าที่สร้างความเสียหายหนักกับประชาชน พวกเขาจึงต้องปกป้องตัวเอง
Comments
P.Plan เส้นทางลิขิต ปฏิวัติโลก 233
Time< Two Hundred Thirty Third>
สุขภาพเสื่อมโทรม
วันที่ 30 พฤศจิกายน ค.ศ. 2049 เวลา 19: 31 น. (+9H)
โรงเรียน
“แล้วเกิดอะไรขึ้นกับคาร์ลอสคนเดิม?”
คาร์ลอสที่ได้ยินคำถามถอนหายใจด้วยความเสียดาย “เขา…เขาตายหลังจากนั้นไม่นาน” เขานึกถึงวันที่คาร์ลอสกับคาร์ลอสเวก้าทะเลาะกันในเรื่องการเดินทาง จนสุดท้ายได้เป็นเพื่อนร่วมรบกัน แต่คาร์ลอสคนเดิมตายก่อนที่พวกเขาจะพบนาระ….
“เขาเป็นสมาชิกที่เก่าแก่ที่สุดคนหนึ่ง…..การเสียเขาไปมัน…มัน…แย่กับกลุ่มของเรา” คาร์ลอสจำวันที่โจดี้ร้องไห้จนต้องให้คาร์ล่าคอยปลอบโยน เขาไม่เคยเห็นเธอเสียใจมากขนาดนั้นมาก่อน และสำหรับคนอื่นที่ยังมีชีวิตอยู่ การเสียเพื่อนไปแม้แต่คนเดียวก็มากพอที่จะกระทบกับการตัดสินใจของกลุ่ม
“เพราะงั้น พวกคุณจึงตามหาครูนาระสินะ” มิยามิอ่านขาด เธอลองคำนวณเวลาที่พวกคาร์ลอสออกเดินทางรอบโลก และพบว่าเวลาใกล้เคียงกับตอนที่ครูนาระ ‘ขอลาออก’ พอดิบพอดี
“เราไม่มีทางเลือก เจถูกลักพาตัว และเราต้องรีบช่วยออกมา”
“แต่สายเกินไป” มิยามิเปิดหน้าจอแท็บเล็ตที่เป็นหน้าของราชินีเจสสิก้าแห่งซุนสเซต “เธอถูกล้างสมอง?…”
“ครับ” คาร์ลอสพยักหน้า “เจอาจเป็นคนยึดความรู้สึกกับอุดมการณ์เป็นความสำคัญ แต่เธอโกหกใครไม่เป็นและอ่านใจง่าย” เขา,ฟลิบ,บุ๊คแมน,ราชิดิ,โจดี้กับคาร์ล่าอยู่กับเจทำให้รู้สึกนิสัยใจคอของเธอเป็นอย่างดี แต่เจในปัจจุบันนอกจากหน้าตาแล้วไม่เหลือเค้าเดิมแม้แต่เศษเสี้ยวเดียว
มิยามิมองหน้ากับคนอื่นๆ ต่างคนต่างเข้าใจสถานการณ์ ขนาดพวกทหารที่มีพร้อมทุกอย่างยังทำได้แค่ประคองสถานการณ์ ส่วนพวกเธอที่อาศัยการคุ้มครองจากรัฐบาลมันคนละลีคกัน
“แต่พวกยูเรียลเปิดประตูวาร์ปได้ใช่มะ พวกเราคงนั่งเฉยๆแบบนี้ไม่ได้!” ลีแสดงความคิดเห็น รัฐบาลพยายามปิดข่าวเรื่องนี้เพื่อไม่ให้ประชาชนตกอยู่ในความโกลาหล แต่การไม่ทำอะไรเลยและรออีกฝ่ายบุกเข้ามาก็ไม่ต่างจากการรอความตาย
“ลีเราทำได้แค่เฝ้าระวัง นายคิดว่าจะมีคนแจกอาวุธให้เราฟรีเพราะเราคิดจะเข้าร่วมสงครามหรือไง?” ชินโนะสุเกะเอ็ด แค่อาวุธที่ใช้ในสงครามกองทัพผสมยังต้องพยายามประหยัดใช้ แค่มีมีดให้คนละเล่มก็รวยแล้ว
“แล้วโรแกนละ หมอนั้นค้าอาวุธนิ?”
ทุกคนนึกถึงเพื่อนที่ชื่อโรแกนที่เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนและเพราะสงครามทำให้ติดที่ฟิลิปปินส์มาที่นี้ไม่ได้
“เพราะเตเดสคุงติดอยู่ที่ฟิลิปปินส์ แค่คุยกันยังยาก กระสุนสักนัดยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ” มิยามิด่าที่เจ้าบ้าลีคิดก่อเรื่องให้โรแกน เตเดสซวย
โรแกน เตเดสเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนจากฟิลิปปินส์ที่พ่อเป็นอดีตขุนศึกทำอาชีพพ่อค้าอาวุธ แค่ลอบขนอาวุธก็เจอปัญหาแล้ว ยิ่งในช่วงสงครามที่อาวุธทั้งหมดถูกใช้ในการสงครามปกป้องเผ่าพันธุ์มนุษย์ ขโมยของมีสิทธิ์ถูกประหารชีวิต
คาร์ลอสที่ได้ยินกระดิกคิ้ว “ผมคิดว่าการลักลอบขนอาวุธทำได้”
““““อะไรนะ!””””
ทุกคนมองคาร์ลอสที่หลับตานึกเรื่องสำคัญก่อนที่เขาจะลืมตาขึ้นและอธิบาย “มีคิสึเนะคนหนึ่งสามารถเปิดประตูมิติสำหรับเดินทางข้ามทวีป แต่วิธีนี้คงไม่ดีเท่าไร” เขาอธิบายเหตุผลว่าทำไมวิธีนี้ไม่ดี
ความสามารถในการเปิดประตูมิติสามารถสร้างความได้เปรียบในการรบจากการจู่โจมฉับพลันในจุดอับของข้าศึกหรือใช้ในเชิงลำเลียงยุทโธปกรณ์ แต่ในทางกลับกันข้าศึกอาจใช้โอกาสนี้จู่โจมกลับเช่นกัน ที่สำคัญที่สุดคือพวกเขาอยู่ในพื้นที่ชุมชนหนาแน่น ถ้าเกิดมีมนุษย์โคลนกับสัตว์ประหลาดของยูเรียลหลุดมาแค่ตัวเดียว ความเสียหายที่เกิดขึ้นมากเกินคณา
และถ้าอยากให้ปลอดภัยก็ต้องติดต่อกับรัฐบาล ซึ่งพวกเขาถ้าไม่ถูกฆ่าปิดปากก็จะถูกกักบริเวณ…..แถมทามะมิคงเด็ดหัวเขาที่คิดใช้งานซานะอย่างแน่นอน
“งั้น…..พวกเราต้องเตรียมตัว ช่วงนี้คงต้องเหนื่อยกันหน่อยใช่ไหมพวกเรา!!!” ชินโนสุเกะทำการดราฟแผนรักษาความปลอดภัยกับสิ่งที่ไม่คาดฝัน และถ้าพวกเขาเกิดจำเป็นขึ้นมาจะได้ช่วยครูนาระหรืออย่างน้อยก็ช่วยแบ่งเบาภาระให้มากที่สุดในส่วนของพวกเขา
คาร์ลอสได้ยินก็รู้สึกยินดี จากสถานการณ์ที่โรงเรียน นาระได้รับความนิยมในระดับหนึ่ง และชื่อเสียงก็ค่อนไปทางดี ถ้าโรงเรียนที่ว่าสามารถใช้เป็นปราการก็จะดีมาก
“แต่พวกเราไม่มีทรัพยากร” ลีส่ายหน้า “ขนาดครอบครัวฉันรวยยังลำบาก” สาเหตุที่ลีต้องการให้โรแกนช่วย เพราะทางการควบคุมสินค้าเข้าออกเข้มงวด ตอนกำลังพูดตรงนี้ยังรู้สึกร้อนๆหนาวๆว่าจะถูกลักพาตัว
คาร์ลอสสังเกตทุกคน เขาคิดว่ารัฐบาลคงยังไม่กล้าลงมือกับพวกเขาจนกว่าจะเข้าตาจนจริงๆ การจับกุมประชาชนโดยไร้เหตุผลจะถูกวิพากษ์วิจารณ์และการยัดคดีในยุคนี้ประเทศนี้ไม่ใช่วิธีที่ฉลาดสักเท่าไร
แต่เขาไม่แน่ใจกับความปลอดภัยเลยหยิบวีซ่ากับพาสปอร์ตปลอมที่ทามะมิทำให้ขึ้นมาลูบ อย่างน้อยโจดี้กับคาร์ล่ามีครอบครัวค่อยให้ความช่วยเหลือ คาร์ลอสเลยสบายใจไปเปาะหนึ่ง
เขาตัดสินใจไปที่โรงเรียนเพื่อทำการติดตั้งอุปกรณ์กับปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับการเป็นฐานทัพทางการทหารปลอมๆ
ชินโนสุเกะตบมือเรียกความสนใจของทุกคน “คืนนี้ไม่ต้องนอน เราต้องเตรียมความพร้อม!” ทุกคนกำมือและยกแขนสุดกำลัง
“โอ้ว!!!!”
โจดี้ที่กำลังแช่น้ำร้อนมองพวกพี่สาวที่ช่วยคาร์ล่าทำความสะอาดร่างกาย หญิงสาวพิการได้รับการดูแลอย่างทะนุถนอม สำหรับคาร์ล่า นอกจากจะได้ครอบครัวเพิ่มแล้ว พี่สาวร่างโคลนทุกคนสามารถปรับคลื่นสมองทำให้สามารถโทรจิตกับคาร์ล่าทำให้เธอยิ้มแย้มอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
“อุ่นกำลังดี….” โจดี้แหวกตัวไปตามคลื่นน้ำและไปการนั่งนิ่งๆใต้น้ำทำให้ยิ่งรู้สึกดีขึ้นไปอีก
“ผิวพรรณของเธอทั้งสองคนบ่งบอกว่าเจออะไรมามากนัก” มาซากะแตะผิวโจดี้และลองเปรียบเทียบกับของเธอ “เป็นผู้หญิงก็ควรจะบำรุงตัวเองสักหน่อย”
โจดี้ที่หลับตาขมวดคิ้ว “ก็…ไม่อยากยืมเงินราชิดิ….” เธอเล่าเรื่องของคนตะวันออกกลางฐานะมีอันจะกินให้พี่น้องฟัง หล่อนคงอยากให้เธอหัดขอความช่วยเหลือคนอื่นเพื่อความงดงาม
“อย่างน้อยก็ควรพัก เธอกับคาร์ล่าไม่ใช่คนที่เข้าร่วมสงคราม เรื่องพวกนี้ให้คนเก่งเฉพาะทางจัดการจะดีกว่านะ การอวยพรอยู่เบื้องหลังก็เป็นสิ่งจำเป็นของคนที่จับอาวุธอยู่เบื้องหน้า”
‘โจดี้……ฉันไม่อยากเป็นตัวถ่วง’ ความคิดของคาร์ล่าที่ส่งต่อให้โจดี้ถูกแชร์ให้กับทุกคน จนร่างโคลนต่างพากันหัวเราะ
“ไม่เกี่ยวกับคำว่าภาระ แต่ทุกคนคือครอบครัวและเป็นคนสำคัญ”
“เรื่องปกติ พวกเราปกป้องคนในครอบครัว”
“ดิฉันว่า ราชิดิคงไม่สนใจเรื่องยิบย่อยพรรคนี้หรอก ก็เพื่อนกันนินะ”
อดีตร่างโคลนนิชิกิต่างแสดงความคิดเห็นของตัวเอง และช่วยกันปลอบคาร์ล่าที่มีความรู้สึกด้อยกว่าทุกคนในที่แห่งนี้
“ความพิกลพิการเองก็มีประโยชน์ในแบบของมัน” ผู้หญิงที่ปิดบังเรือนร่างด้วยผ้าเช็ดตัวเดินเข้ามาในห้องน้ำ
“คุณชาร์ล็อต!!!” คาตากานะทำความเคารพ ซากุระ ชาร์ล็อตที่เป็นหนึ่งในพี่น้องที่ร่างโคลนรุ่นโฮชิโนะต่างพากันยอมรับ
ชาร์ล็อตถอดผ้าเช็ดตัว เนื้อตัวเธอเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นมากมาย แต่ที่เด่นที่สุดคือรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ที่ท้องน้อยที่เหมือนกับลำตัวถูกฉีกออกจนถึงแผ่นหลัง
เธอส่งความคิดของเธอให้กับคาร์ล่าโดยตรง
‘ทุกคนมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน อย่างตัวเธอที่พิกลพิการ แต่มีบางสิ่งที่แม้แต่ฉันกับพี่น้องทุกคนไม่มี’
‘แต่ว่า หนูในตอนนี้ทำประโยชน์ให้ใครไม่ได้เลย’ คาร์ล่าร้องไห้เสียใจ แต่ชาร์ล็อตก็ทำการปลอบโยน
“เธอแค่ยังหามันไม่เจอเท่านั้นเอง การใจร้อนไม่ใช่เรื่อง เพราะจะทำให้เสียการ”
ชาร์ล็อตเล่าเรื่องสมัยที่เธอยังเป็นร่างโคลนที่รับใช้ตระกูลนิชิกิอย่างซื่อสัตย์ จนกระทั้งวันหนึ่งเธอได้ความเป็นเอกเทศและหลุดจากบ่วงที่คล้องเอาไว้ตั้งแต่เกิด
เธอที่มีความคิดเป็นของตัวเองเจอคนมากมายที่ทำเรื่องผิดพลาดเพราะความร้อนรน และต้องเห็นพี่น้องคนอื่นที่เสียไปเพราะไม่อาจทนรับกับอิสรภาพที่เพิ่งได้รับครั้งแรกในชีวิต
และหนึ่งในนั้นคือ นิชิกิ โฮชิโนะคนที่สองแห่งสการ์เล็ต………
“โง่จริง….” ชาร์ล็อตแสดงสีหน้าเสียใจ เธอยังจำวันที่ต้องเสียพี่น้องคนนี้ไป แต่สิ่งที่ทำให้เหตุการณ์ยิ่งแย่ลงไปอีก เพราะ คนที่ฆ่าโฮชิโนะคนนั้นคือนาระ….ที่การกระทำเพื่อปกป้องนักเรียนของตัวเอง, เพื่อปกป้องนานะ และเพื่อปกป้องร่างโคลนคนอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
‘ทำไม!? ทำไม!? ทำไม!? ทำไมฉันต้องเป็นตัวปลอม!!!’
‘โฮชิโนะหยุดนะ! ???? กรี๊ด!!!!’
ชาร์ล็อตนึกถึงเรื่องในอดีต ตอนที่โฮชิโนะเสียสติ และสร้างบาดแผลถึงตาย แต่โชคดีที่เธอรอดชีวิตอย่างหวุดหวิดด้วยความช่วยเหลือของทุกคน…..
‘ความทรงจำของคุณ!? แผลนั่น….’
คาร์ล่ามองเห็นความทรงจำของชาร์ล็อตที่หลุดมากับการสื่อสาร เธอมองเห็นแววตาที่บ้าคลั่งของผู้หญิงที่มีหน้าตาเหมือนกับเธอที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือด และรู้สึกได้ถึงความหวาดกลัวกับความเจ็บปวดของชาร์ล็อต
‘แต่น้องสาวยังคงอยู่กับฉันตลอดไป’ แผลที่ท้องของเธอคือหลักฐานของครอบครัว เธอมองพี่น้องทุกคนที่พยักหน้า เพราะเธอเสียอวัยวะส่วนนั้นไปทั้งหมด และทุกคนได้ทำการแบ่งเลือดเนื้อให้กับเธอเพื่อช่วยชีวิตของเธอเอาไว้จนเป็นสำเร็จ
“หมอเก่งจัง” โจดี้กล่าวชื่นชมหลังจากที่ได้รับความทรงจำที่คาร์ล่าแชร์มา หมอที่เก่งที่สุดของกลุ่มคือบุ๊คแมน และอีกคนที่เธอรู้จักก็เป็นคนที่เธอเคยได้ยินแค่ชื่อไม่เคยพบหน้าแม้แต่ครั้งเดียว
ขณะเดียวกัน
นาระลูบหน้าผากที่เรียบเนียน “ว้าว! สุดยอดไปเลย” เขาเคาะหน้าผากที่กลับมาปกติอีกครั้งหลังจากที่ต้องรู้สึกแสลงๆเพราะมีโลหะปักคาหน้าผาก
“แค่ทำให้เนียนไปกับกะโหลก ระวังอย่าไปกระทบกระทั้ง” หมอพูดก่อนที่จะเลือกตัวยาให้นาระใช้ “ยาตัวนี้ทานทุกครั้งที่รู้สึกคัน แต่ยาทานเกินไม่งั้นจะเกิดอาการแพ้ คราวนี้ตัวนายจะเน่าเอา”
หมอเตือนนาระที่ร่างกายผิดปกติกว่าครั้งล่าสุดจนอดถามไม่ได้ “เอ็งฝืนมากขนาดนี้ได้ไง ดีที่หมอที่ดูแลนายก่อนหน้านี้เป็นระดับเทพ ถ้าแค่ฉันนายจะนอนเป็นผักไปแล้ว”
นาระหัวเราะ “โทษที บังเอิญเรื่องไม่ยาว” แต่หมอเปิดคลิปดังของนาระให้เจ้าตัวดู
“รู้กันหมดแล้ว แต่ฟังฉันนะ แกลุยทีหนึ่งก็ต้องเข้าโรงหมอทีหนึ่ง ไม่คิดว่าชีวิตแบบนี้มันแย่มากนักหรอ?”
“นายรู้คำตอบอยู่แล้วนิ” นาระกระดิกคิ้ว “ไม่ต้องเป็นหัวฉันนัก ทหารหน้าที่คือทำศึก หมอหน้าที่คือรักษาคนไข้”
“ไปไกลๆเลย ฉันเป็นคนมีจรรยาบรรณ” หมอเคาะที่เขี่ยบุหรี่และคิดจะใช้เคาะหัวนาระสักเปรี้ยง
นาระถอนหายใจ “ทาเคชิ เวลาฉันเหลืออยู่ไม่มาก ฉันจึงพยายามทำทุกอย่างในช่วงเวลาที่เหลืออยู่”
ทาเคชิขบฟัน “เวลานายมันสั้นลงเรื่อยๆ ถ้านายไม่สนใจตัวเองก็หัดสนใจความรู้สึกของนานะซังบ้างสิ”
“นานะ” นาระฟังชื่อนักเรียนหญิงที่มีชื่อคล้ายกับเขา “เธอ…เธอยังคงคิดจะเอาชนะใจฉันอยู่สินะ ทั้งที่ฉันบอกให้ตัดใจไปแล้วแท้ๆ”
ทาเคชิเห็นนาระทำตัวไร้หัวใจกับผู้หญิงที่แอบชอบตัวเองแล้วอยากชกสักหมัด แต่ก็ทำไม่ได้เพราะขัดต่อหลักของหมอ แต่สาเหตุหลักคือนาระเจ็บมามากจนคิดที่จะตาย แค่ตอนนี้มันไม่แขวนคอตายก็ดีจะตายห่า
“แล้วฉันอยู่ได้อีกนานเท่าไร” นาระลองถามทาเคชิ เพราะเขาเคยลองถามอลัน แต่อีกฝ่ายก็ให้คำตอบกับเขาที่ชัดเจนไม่ได้
“นายตายแล้ว” ทาเคชิพยักหน้า “เอาจริง แค่นายยังทำตัวกวนโอยตรงนี้แล้วไม่ชักตายไปก่อน ฉันว่าโคตร….ปาฏิหาริย์” เขาที่ผ่ากะโหลกนาระเอาข้อมูลไปเปรียบเทียบกับของเก่า
เขาพบว่าหมอที่ให้สารเคมีกับนาระถือว่าไม่ธรรมดาที่ใช้นาโนแมชชีนกับการจัดการดีเอ็นเอเพื่อรักษานาระ และยังมีการเสริมสมรรถนะภาพร่างกายที่ไม่มีใครในประเทศนี้ทำได้
เขาเก็บตัวอย่างเซลล์ของนาระกับข้อมูลการรักษาเพื่อไปยื่นเรื่องให้พวกนักวิชาการอวดดีดูสักหน่อย ดีไม่ดีเขาอาจขายให้รัฐบาลได้เม็ดเงินงามๆ
“คุณนาระ”
“โอ้ว! คาร์ลอส ว่าไงสบายดีไหม” นาระลุกขึ้นจับมือกับคาร์ลอสที่กล่าวทักทาย
“ครับ ผมต้องถามคุณดีกว่า ว่าสบายดีไหม”
“ยังอยู่ดี อาการพวกนี้ไม่ส่งผลกระทบตอนสู้ ไว้ใจฉันได้เลย” นาระเบ่งกล้ามที่มีกล้ามเนื้อแสดงให้เห็น ตัวเขาอาจจะขาวซีดแต่ว่าแข็งแรงดูกำย่ำกว่าแต่ก่อน “ถ้านายอยู่ที่นี้ แล้วโจดี้กับคาร์ล่าละ”
“สบายดีครับ พวกเธออยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลซากระ”
นาระที่ได้ยินยินลูบคาง “อ่อ… โอเค มีพี่น้องอยู่ด้วยกันย่อมปลอดภัยกว่าละน้า!” เขาคำนวณดูแล้ว พบว่าบ้านซากุระที่มีมนุษย์โคลนปลอดภัยกับโจกี้และคาร์ล่ากว่าที่ไหนๆ ทางมิตซึโฮะคงไม่ทำให้ทั้งสองคนลำบากสักเท่าไร และถ้าเข้าตาจนจริง ลองพยายามหาวิธีลักลอบพาทุกคนเข้าโลกของนิลในจังหวะสุดท้าย
หมอทาเคชิเปิดซองบุหรี่ให้นาระ “เครียดหนักขนาดนี้ สักหน่อยไหม?”
“อ้าว รู้ใจดีนิ” นาระรับบุหรี่มาคีบในปาก ปกติเขาไม่สูบบุหรี่เพราะไม่ดีต่อร่างกาย แต่ตอนนี้ขอสักม้วนเพื่อให้จิตแจ่มใส “ขอไฟหน่อย”
“ให้ได้งี้สิ” ทาเคชิจุดไฟให้นาระ เขาเป็นหมอที่รับงานเถื่อนจึงพบกับนาระและมักรับรักษาฝ่ายหลังเพราะได้เงินไม่ขาดช่วง
นาระหลีกเลี่ยงเหล้ากับบุหรี่แต่ไม่ได้หลีกเลี่ยงบาดแผล เขาไม่รู้ว่าทำไมนาระถึงเรียกชีวิตที่แขวนบนเส้นด้ายว่าสงบสุข แต่พอหมอนี้เครียดหนักจนเลือดออกในดวงตาจนแดงก่ำ ยาระงับแรงๆก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกดีเท่าบุหรี่กับเหล้าที่บางทีนาระแอบไปเสพที่อื่น
เปรี้ยง!
“หือ!!??” นาระที่เพิ่งสูบบุหรี่ลุกขึ้น เขาหันไปทางหน้าประตูโรงเรียน
“เกิดอะไรขึ้น” ทาเคชิสังเกตจากสีหน้าของนาระที่ซีเรียสมองไปทิศเดียวกัน
นาระส่ายหน้า “บอกทุกคนไปซ่อนตัวเดียวนี้เลย!!!” เขาวิ่งไปที่หน้าต่างชั้นสาม
คาร์ลอสถือกล้องส่องทางไกลมองหน้าประตู “อะไรว่ะนั้น” เขาวางกล้องส่องทางไกลและรีบไปแสตนบายที่ทางเข้าชั้นหนึ่ง “บอกทุกคนให้หนี! เร็ว!”
“เป็นเรื่องแล้วไง” ทาเคชิรีบเก็บอุปกรณ์ ภาพตรงหน้าเขาน่ากลัวมาก
สัตว์ประหลาด!
สัตว์ประหลาดโผล่จากหลังรถบรรทุกลำเลียงสำหรับบรรเทาผู้ประสบภัย
ผู้คนหน้าโรงเรียนส่งเสียงร้องหวาดกลัว สัตว์ประหลาดฉีกร่างผู้คนอย่างสยดสยอง และสถานการณ์เลวร้ายลงเมื่อทหารในชุดเกราะกำลังยิงประชาชนอย่างเลือดเย็น
“ช่วยด้วย!” แม่ลูกพยายามวิ่งหนี แต่คนแม่ถูกยิงทีฆ่า และถูกกัดที่แผ่นหลังทำให้เธอขยับตัวไม่ได้ เธอทำได้เพียงใช้ร่างกายเป็นโล่ปกป้องลูกสามคนของเธอ
ตูม!
นาระถีบหน้าทหารและทำการบิดคอจนเสียงกระดูกหักดัง เขาปกป้องแม่ลูกได้หวุดหวิด เขากวาดสาดตามองทหารกับสัตว์ประหลาด “บรรยากาศแบบเดียวกัน….. ใครปล่อยพวกมันเข้ามา”
ด้วยความช่วยเหลือของสัตว์ประหลาดรูปร่างคล้ายเสือเหล็กทำให้ทหารเหล่านี้กราดยิงนาระได้อย่างสบายใจ
นาระคว้าศพของทหารที่ถูกเขาหักคอเป็นโล่กันกระสุน ทันทีที่เสือเหล็กขยับศพจนกระจุย เขาบิดตัวคว้าที่คอของเสื้อและจับทุ่มโดยที่พยายามไม่ให้ถูกยิง
โผล๊ะ!
ทหารถูกคาร์ลอสยิงหัวแตกด้วยปืนไรเฟิล “ผมสนับสนุนคุณเอง ลุยเต็มที่!!!”
นาระได้ยินเสียงของคาร์ลอสทางวิทยุไร้สารที่คอเสื้อ “เฮอะ แอบแปะไว้ตอนไหนเนี่ย” เขาเอามือลูบกระดุมคอเสื้อที่เป็นวิทยุไร้สาร “แต่ของคุณที่ช่วย”
นาระใช้มือแทงเข้าที่ซอกคอของเสือเหล็ก นิ้วที่แหลมคงแทงเข้าไปในจุดที่บอบบางที่สุด เขาใช้นิ้วมือที่ถูกล็อกติดกับเหล็กหักคอในทันที
เสือเหล็กที่คอหักพยายามดิ้นรน แต่นาระอาศัยจังหวะนี้ใช้ตัวมันเป็นโล่ และทุบใส่ทหารกับเสือเหล็กตัวอื่นที่อาละวาด
“ห๊า……!” เขาพ่นลมหายใจและดึงนิ้วออกจากคอ เลือดสีแดงเข้มตัดกับเลือดสีแดงปนดำของเสือกับเลือดสีดำของเขาที่บาดจากเหล็กที่บาดนิ้ว
ทหารอีกสามคนถูกคาร์ลอสยิงทิ้งทำให้นาระได้มีเวลาพักหายใจ เขานั่งย่องๆด้วยอาการหอบ “แค่นี้ก็ไม่ไหวแล้วหรอ…..?”
เขากระพริบตาก่อนที่จะถุยบุหรี่ทิ้ง แต่สิ่งที่เรียกความสนใจคือ จุดที่บุหรี่ตกคือส่วนหัวของทหารที่หมวกแตกทำให้เขาสังเกตเห็นเค้าหน้าเค้าตา
ใบหน้าที่มีขาดลักษณะเด่นเหมือนหุ่นประดับ ดวงตาที่ถูกแทนทีด้วย กระจกสีดำปิดครึ่งหน้าที่พอแตกแล้วเห็นอวัยวะแปลกๆติดกับอุปกรณ์อีเล็กทรอนิกส์คุ้นหน้าคุ้นตา
“ให้ตายเถอะ!” นาระกระชากอุปกรณ์ดังกล่าวก่อนที่จะรีบโยนขึ้นฟ้า
ปี๊บ!
ตูม!
อุปกรณ์ทำลายตัวเองเกิดระเบิดกลางท้องฟ้า ทางนาระเกิดความสงสัยที่ทำไมระเบิดทำไมถึงไม่ระเบิดในทันที
“เพราะกระสุน EMP ” คาร์ลอสเปลี่ยนซองกระสุนไรเฟิล “ก็ว่าอยู่….” นี้ไม่ใช้ครั้งแรกที่คาร์ลอสเผชิญหน้ากับพวกฝังระเบิดฆ่าตัวตาย ดังนั้นบุ๊คแมนจึงประดิษฐ์กระสุนไรเฟิลรบกวนขึ้นโดยเฉพาะ จำนวนกระสุนอาจน้อย แต่ถ้ายิงทีละนัดเข้าหัวประหยัดได้มากโข
นาระที่รู้ว่าเป็นกระสุนดังกล่าวไล่ทุบหมวกของทหารดัดแปลงทุกคน กระสุนดีกว่าที่คาดไว้ นอกจากระเบิดเพียงลูกเดียวที่เกิดการระเบิดแล้ว ตัวอื่นๆไม่ระเบิด ส่วนพวกเสือเหล็กก็ค่อนข้างเหวอะ เพราะระเบิดขนาดจิ๊วฉีกร่างพวกมันทิ้ง
เสียงไซเรนตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุพร้อมกับหน่วยปราบจลาจลอาวุธครบมือ นาระรู้สึกโชคดีที่ตำรวจมาทันเวลา ก่อนที่จะเกิดความเสียหายมากไปกว่านี้
เขาอุ้มแม่ลูกที่ได้รับบาดเจ็บเข้าโรงเรียน ทางคาร์ลอสรีบออกมาช่วยนาระขนย้ายคนเจ็บ
หลังจากทุกคนช่วยคนละไม้คนละมือ นาระกับทุกคนมองซากสัตว์ประหลาดที่ชินโนสุเกะแอบลักลอบขนลงห้องใต้ดิน
นาระเปิดระบบสื่อสารกับอลันและทำการใช้มือถือแสกนศพของสัตว์ประหลาด
“ครู พวกเราปิดทางเดินทั้งหมดแล้ว” ลีในชุดป้องกันบอกกับนาระที่มีเพียงนาระคนเดียวที่ไม่สวมชุดป้องกัน
“โอเค….. พวกนายระวังตัวให้ดีนะ ฉันจะเฝ้าซากนี้เอง”
““ครับ”” ลีกับชินโนสุเกะตอบรับ พวกเขากลัวว่าซพที่ว่าจะคืนชีพแบบซอมบี้ และคนที่สามารถรับมือได้มีแค่นาระคนเดียว
หน้าที่ของพวกเขาคือการปิดทางเดินและค่อยสอดส่องเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ผ่านมา เพราะมนุษย์ดัดแปลงสามารถปลอมตัวเข้ามาในหมู่เจ้าหน้าที่สร้างความเสียหายหนักกับประชาชน พวกเขาจึงต้องปกป้องตัวเอง
Comments