P.Plan เส้นทางลิขิต ปฏิวัติโลก 305

Now you are reading P.Plan เส้นทางลิขิต ปฏิวัติโลก Chapter 305 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Time< Three Hundred Fifth> คนขี้ขลาด, คนกล้าหาญกับคนคลั่งที่ไม่อาจหนีความจริง

วันที่ 10 ธันวาคม  ค.ศ. 2049 เวลา 15: 16 น. (-3H)

ช่องแคบเกาะน้ำแข็งกรีนแลนด์

“กับตันโซนห้องเครื่องถูกโจมตี ระดับพลังงานกำลังลดลง!” ลูกเรือบอกกัปตันที่มองภาพจากกล้องวงจรปิดภายในเรือที่ตอนนี้มีการต่อสู้กันระหว่างลูกเรือที่เป็นมนุษย์กับสัตว์ประหลาดสายพันธุ์ใหม่

“ยึดกลับมา!! ไม่ว่ายังไงก็ต้องยึดกลับมาให้ได้” กัปตันทุบเก้าอี้พร้อมกับรีบออกคำสั่งให้ส่งทหารไปยึดเตาพลังงานบนเรือ ตอนนี้ระดับพลังงานของเรือกำลังลดลงอย่างรวดเร็ว ขืนปล่อยเอาไว้ระบบทำความร้อนภายในเรือจะล้มเหลวและเครื่องจักรทั้งหมดจะถูกแช่แข็ง

“แบ่งหน่วยรักษาความปลอดภัยไปช่วย เราพอเกณฑ์ทหารช่างไปเสริมได้หรือเปล่า” 

“แต่ท่านครับ ตำแหน่งที่ข้าศึกบุกเข้าอยู่ใกล้กับโซนพยาบาล….” ลูกเรือเตือน พวกเขามีคนเจ็บที่ต้องอพยพมากกว่าทหารที่สามารถสู้จริงมีจำนวนน้อยกว่ามาก การเกณฑ์ทหารช่างในตอนนี้ถือว่าเป็นไปได้ยากเพราะอาจถูกทหารที่อพยพมาปฏิเสธไม่ให้ความร่วมมือ

“เรื่องนี้ฉันรับผิดชอบเอง เราได้แต่หวังว่าพวกเขาจะไม่เป็นไร” กัปตันส่ายหน้า เขาได้รับคำสั่งให้ดูแลคนที่อพยพมากับเรือในโซนพยาบาล แต่ความปลอดภัยของตัวเรือกับลูกเรือประจำมาก่อนเสมอ

เขาพร้อมทิ้งภารกิจและรับโทษเพื่อสงวนกำลังรบกลุ่มโจรสลัด ท่านรูฟฟ่าได้รับบาดเจ็บ ซึ่งกองเรือทั้งหมดล้วนเป็นหยาดเหงื่อของโจรสลัดรุ่นก่อนและตัวรูฟฟ่ายังทุ่มเททุกอย่าง พวกเขาจะไม่ปล่อยให้มีใครหน้าไหนทำลายกองเรืออันเล่อค่า 

“ท่านครับเราตรวจพบสัญญาความถี่ต่ำ!!” หน่วยข่าวกรองประจำเรือบอกกับกัปตันที่ทำหน้าสิ่วหน้าขวาน “เป็นสัญญาณสื่อสารคลื่นสั้น”

“รายงาน!”

หน่วยข่าวกรองรับรหัสคลื่นที่ได้และเอามาแปลงก่อนที่จะส่งให้กับกัปตันบนแท็บเล็ตจนทำให้เจ้าตัวถึงกับถอดหมวกกัปตันโจรสลัดมาเช็ดตรา

“วิธีนี้ดี!! ส่งคลื่นความถี่ต่ำออกไปให้กองเรือทุกลำทราบ!!”

“ครับกัปตัน!!” หน่วยข่าวกรองที่สีหน้าแฝงไปด้วยความหวังชูมือขึ้นฟ้าและส่งข้อความที่ว่าด้วยความถี่ที่ชัดเจนขึ้นให้กับกับเรือทุกลำทราบ

“ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอเพชรเม็ดงาม ฮ่าๆๆ พวกรัฐบาลก็มีพวกใจเด็ดเหมือนกัน” กัปตันกล่าวชื่นชมคนที่คิดค้นแผนการบ้าสุดโต้งจึงเปิดรายชื่อทหารแปรพักตร์จนไปถึงทหารเรืออาสาหน้าตาเฉิ่มๆคนหนึ่ง “ทีโมธี่ ฟิวเดอร์แมน…สีหน้าดูเจนสนามดี!!! ” 

เขาว่าจะรายงานเรื่องบุคลากรมีคุณภาพคนนี้ให้รูฟฟ่าทราบในภายหลัง

อีกด้านภายในเรือที่กำลังเกิดการต่อสู้ในหลายๆจุดจนเหมือนกับสงครามขนาดย่อม โจรสลัดกับสัตว์ประหลาดเข้าห้ำหันจนเกิดความสูญเสียทั้งสองฝ่าย

“มากันยั้วเยี้ยอย่างกับหนอน” โจรสลัดปาปังตอใส่สัตว์ประหลาดรูปร่างคล้ายกับสิงโตหกขา มีดสับเข้าลำคอคอแต่แผลยังตื่นทำให้ไม่ถึงตาย

“หัวขาดซ่ะ!!!” เขาพุ่งชนในระยะประชิดด้วยโล่ไม่ให้สิงโตประหลาดโจมตีสวนและใช้แรงดึงมีดปังตอที่ปักคอทำให้เลือดสาดกระจาย การกระทำนี้ทำให้สิงโตเสียศูนย์เขาจึงสับเข้าตำแหน่งเดิม ซึ่งครั้งนี้สามารถตัดหัวมันได้อย่างฉับพลัน

“บอส! ห้องเก็บเหล้ามัน!” โจรสลัดอีกคนชี้ไปที่ห้องเก็บเหล้าแช่เย็นที่เกิดระเบิดและมีสัตว์ประหลาดสิงโตแบบเดียวกันกระโดดออกมาเป็นฝูง

กลุ่มโจรสลัดถึงกับโกรธจัดที่แหล่งเหล้าถูกทำร้ายชูมีดปังตอเหนือหัว “ฆ่าพวกมันให้หมด!!!!”

“หัวหน้าใจเย็นก่อน เหล้ามันหาที่หลังได้ แต่เสียรูปขบวนเราจะไม่มีโอกาสดื่ม…..” โจรสลัดอีกคนตะโกน ขืนพวกเขาตายกันหมดคงไม่มีสิทธิ์กลับไปดื่มเหล้าที่บ้าน

“ที่บ้านเราจัดงานฉลองแล้วเหล้ากับเบียร์เพียบ”

“โทษที” หัวหน้าตบหัว พวกเขากำลังอยู่ในช่วงเฉลิมฉลองกลางวงเหล้าและเจอเหตุการณ์แบบนี้ และเหล้าของดีที่อุตส่าห์เก็บไว้ยังถูกทำลายทิ้ง…..

และ….เขาเห็นสัตว์ประหลาดรูปร่างคล้ายแมวน้ำกำลังซดเหล้าของพวกเขาพร้อมทำสีหน้ายิ้มเยาะเย้ยใส่

“ตาย……”

“เดียวก่อน!!!!” ทิมเอาปืนทุบหัวไหล่เรียกสติหัวหน้า เขารู้ว่ามันเป็นความรู้สึกเหมือนโดนดูถูกอย่างรุนแรง “พวกนี้ไม่ใช่สัตว์ธรรมดา พวกมันฉลาดมาก”

“ใช่ พวกเราเสียเปรียบจำนวนมันด้วย” 

 “ทิม?” หัวหน้าโจรสลัดชกปืนลูกซองสั้นยิงถาดบินที่ลอยเข้าหา

โดยถาดบินมาจากสัตว์ประหลาดที่ลอบโจมตีด้วยการแอบหลังสัตว์ประหลาดแมวน้ำ

แต่มันฉลาดมากที่แอบในเงามืดและพอลองใช้เลนส์อินฟราเรดส่องก็เห็นเป็นแค่หมอกสีขาวจำนวนมากไม่เห็นร่างกายจริง ดังนั้นถ้าไม่เข้าระยะจริงปืนลูกปรายคงสร้างความเสียหายให้มันไม่ได้

“พวกนี้ความฉลาดอาจพอๆกับมนุษย์” ทิมเปิดคอมพิวเตอร์ซึ่งมีข้อมูลการเปรียบเทียบสัตว์ประหลาดและมนุษย์โคลนที่ราชินี เจสสิก้ายูเรียลใช้ในสงครามกับสัตว์ประหลาดสายพันธุ์ใหม่พวกนี้ผลลัพธ์คือคนละเรื่อง

ความฉลาดของพวกทั้งสองกลุ่มพอๆกันแต่ไหวพริบต่างกันมาก สายพันธุ์ใหม่มีความเฉลียวฉลาดสูงซึ่งสามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง ตัวอย่างคือแบบยูเรียลมีการวางกับดักหรือการตีสนิท แต่นั้นเป็นการกระทำที่เหมือนถูกตั้งโปรแกรมเอาไว้ตั้งแต่แรกทำให้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาซึ่งหน้า แต่อย่างหลังมีการล่อลวงและยั่วยุอีกฝ่ายให้โกรธจากการสังเกตการณ์ และที่สำคัญคือมีการถอยหนีไปตั้งหลักอีกต่างหาก

สิ่งเหล่านี้เป็นความสามารถของสัตว์ที่สมองพัฒนาในระดับสูงอย่างมนุษย์ ทิมไม่รู้ยังมีสัตว์อีกกี่ชนิดบนโลกที่เฉลียวแบบมนุษย์ และที่เขาไม่รู้คือใต้ขบวนเรือที่พวกเขากำลังแล่นตัดน้ำแข็งได้มีสัตว์สายพันธุ์ใหม่ที่มีสิตปัญญาเทียบเท่ามนุษย์กำลังสอดส่องอยู่ห่างๆ

‘เมื่อกี้มันอะไร?’ เขามองเท้าหลังรู้สึกเหมือนมีอะไรสักอย่างกำลังแอบมอง แต่นี้ไม่ใช่สถานการณ์ที่ต้องมาสนใจกับเรื่องยุบยิบ

“ขอแค่เราไม่ประมาทคงไม่เป็นไร” ทิมกดคอมก่อนที่จะเปิดแผนการที่เขาคิดไว้ให้หัวหน้าโจรสลัดเห็น “ล่อมันให้มาร่วมที่นี้”

โจรสลัดคนอื่นที่ถืออาวุธหนักหันมามองคอมถึงกับให้ความสนใจ “เออ ลืมไปเลยว่าแกเข้ามาที่นี้ได้ยังไง” เขาตบหัว

พวกเขาจำได้ว่าขังพวกทิมเอาไว้ในโซนพยาบาล และระยะทางระหว่างโซนพยาบาลมาถึงทางเข้าออกถือว่าต้องวิ่งลงบันใดหลายชั้น และล่าสุดเขาต้องส่งคนกว่า 3 ใน 4 ส่วนเพื่อไปกู้เตาพลังงานคืนก่อนที่จะหนาวตาย 

จากที่ว่ามาทำให้ตามทางไม่มีคนเฝ้าทำให้สัตว์ประหลาดสามารถเจาะทางเดิน การที่ทิมมาที่นี้แสดงว่าฝ่ายหลังมีความสามารถไม่ใช่โชคช่วย (ส่วนพวกเขากำลังอาละวาดกับพวกสัตว์มันส์มือจนจำอะไรไม่ได้นอกจากเหล้ากับเลือด)และแผนน่าจะเวิร์ค

“หวังว่าจะได้ผล” ทิมเป่าปากขณะที่กำลังให้โจรสลัดแบกขึ้นหลัง เพราะขณะที่เขามาแจ้งแผนให้กับพวกสมองกล้ามไม่อ่านหนังสือจึงถูกสัตว์ประหลาดซุ่มยิงเข็มเข้าที่ขาอ่อนซ้าย ซึ่งมีคนช่วยล้างแผลป้องกันติดเชื้อให้แล้ว แต่เข็มแทงเข้าไปค่อนข้างลึกจนเขาเดินไม่ได้

“หมอๆจะไหวไหม?” มีคนถาม เพราะพวกหมอไม่ได้มีอาวุธหนักหรือยุทโธปกรณ์สำหรับวางแนวป้องกัน กำแพงเรือเองยังถูกเจาะด้วยกรงเล็บของสัตว์ประหลาด   และคนฉลาดอย่างทิมไม่อยู่แบบนี้ก็เหมือนกับขาดกองกำลังสำคัญ

“เห็นแบบนี้พวกเขามีความสามารถน่ะครับ” ทิมบอก เขาสังเกตหมอหลายๆคนช่วยกันขนของ, สร้างที่กำบัง, ผสมสารเคมีที่เขาต้องการและดำเนินตามแผนการทำให้รู้ว่าหลายๆคนล้วนมีความสามารถทางกายภาพสมเป็นทหาร (ซึ่งเขากลายเป็นคนอ่อนแอในหมู่หัวกะทิ) และหลายๆคนยังเข้าใจขั้นตอนการทำหน้าที่ตามแบบแผนอย่างมีประสิทธิภาพ อย่างสารเคมีกับการเชื่อมเหล็กยังทำสำเร็จในระยะเวลาอันสั้น

แค่เวลาไม่กี่นาทีอาวุธผลิตอย่างง่ายสำหรับป้องกันตัวก็พร้อมแล้ว และในมือของทิมมีสารเคมีที่ผสมเสร็จอย่างเร่งด่วนซึ่งสำคัญกับแผนการ

“หวังว่า…” ทิมหลับตาแผนการนี้ต้องลองเสี่ยง สำเร็จพวกเขาจะรอด แต่พลาดเรือลำนี้อาจจะจมและเขาจะซวย….กระนั้นโจรสลัดกลุ่มนี้ไม่ค่อยฉลาดสักเท่าไร ส่วนคนเก่งกับฉลาดถูกดึงไปป้องกันเกาะซุนสเซตหมด

“พูดอะไรเหรอ” โจรสลัดกล้ามโตที่แบกทีโมธี่ถาม

“อ่อ..แค่หวังว่าสำเร็จ….ผมไม่อยากตาย” เขาไม่กล้าตอบว่าตัวเองกำลังเอาเรือโจรสลัดสุดรักไปเสี่ยง

“ดวงอยู่กับพวกเรา!” โจรสลัดกล้ามโตหัวเราะและซดเหล้าในขวดที่พกติดตัว “อ๊า!! ที่นี้ไม่มีคนขี้ขลาด” เขาพูดทำให้โจรสลัดหลายๆคนหัวเราะชอบใจ

‘พวกสมองกล้ามพวกนี้จะทำให้ผมหัวใจวาย’ ทิมได้แต่พูดประชด พวกโจรสลัดพวกนี้เชื่อใจเขาที่วางแผนบ้าบอพึ่งดวง แต่เพราะโง่กับบ้าทำให้ยังไม่มีใครรู้ว่าเขาคิดจะทำอะไรกับเรือ ส่วนกัปตันที่อนุญาตให้รีบลงมือก็ทำไปเพราะต้องการลดความเสียหายกับตัวเรือและแผนการของทิมน่าจะเวิร์คกว่าการปล่อยให้โซนพยาบาลถูกทำลาย

“เดียวก่อน” ทิมสังเกตเห็นค่าอีเลเมนต์เพิ่มขึ้นโดยฉับพลันและตัวเลขมากมายที่ตรงกับวิชาภาคทฤษฎีล่าสุด “การเปิดประตูมิติ?”

เขาจำได้ว่าเรื่องเกี่ยวกับเปิดประตูมิติสำหรับการเดินทางข้ามผ่านจะจุดหนึ่งไปยังจุดหนึ่งยังเป็นที่ถกเถียงในวงการวิชาการ แต่ยูเรียลสามารถเปิดประตูมิติและเรียกสัตว์ประหลาดกับกองทัพจากที่ไหนก็ได้ของโลกจนมนุษย์ต้องรับมือด้วยเสาอีเลเมนต์

ที่จริงยังมีความลือถึงอมนุษย์สัตว์ที่สามารถทำสิ่งที่ใกล้เคียงกัน

“บ้าน่า” โจรสลัดกล้ามโตตะโกน เขามองนาฬิกาที่มีสัญลักษณ์สัญญาณเต็มแถบ “เสารบกวนทำงานอยู่ไม่น่าเป็นไปได้”

เขาพูดถูก ภายในตัวเรือมีการติดตั้งเสาอีเลเมนต์ขนาดย่อม ซึ่งเหมือนกับดาวเทียมที่ส่งผ่านคลื่นสนามแม่เหล็กสำหรับสื่อสาร ซึ่งกรณีนี้ภายในที่จะสร้างอาณาเขตไม่ให้มีการใช้ความสามารถอีเลเมนต์ใดๆทั้งสิ้น

“แต่ตัวเลข…..” โจรสลัดหญิงอีกคนบอกก่อนทีถอดหมวกออกเพื่อปั่นฝุ่นเผื่อกรณีเธอมองพลาด แต่หัวหน้าโจรสลัดตะโกนดัก

“เราไม่มีเวลามาสนใจเรื่องแค่นี้” เขาตะโกนะเพื่อบอกสิ่งที่พวกเขาต้องทำและคนอื่นก็เห็นด้วย สถานการณ์ตอนนี้คือศัตรูบุกเข้ามาในตัวเรือสร้างความเสียหายอย่างหนัก การมีประตูมิติในการ์ตูนจะโผล่ออกมาก็ไม่ได้ทำให้สถานการณ์แย่ลง

“บ็อบบอกกัปตันเดินเรื่องให้ระวังเรื่องประตูมิติ ส่วนเรื่องแผนการปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเรา” หัวหน้ากลุ่มบอกบ๊อบที่กำลังถือโล่กับปืนกลยิงสัตว์ประหลาดที่โจมตีสวนกลับมา

“เข้าใจแล้ว!!!” บ๊อบตะโกนก่อนที่จะหยิบแผ่นโล่จากด้านหลังมาตั้งไว้บนพื้นและวิ่งหนีเพื่อให้เป็นเป็นแนวขัดขวางการเคลื่อนไหวของสัตว์ประหลาด

“บอส กัปตันบอกว่าตอนนี้ที่สะพานเดินเรือมีตัวประหลาดโผล่ เขาบอกให้รีบทำตามแผน” บ๊อบที่สื่อสารกับกัปตันบอกกับหัวหน้า

“จนได้สิน่ะ” เขาชักดาบความร้อนสูงข้างกาย “พวกบ้าทั้งหลายได้เวลาอาละวาดสุดตีน!”

“เฮ้!!!!”

โจรสลัดหลายต่อหลายคนมีกำลังใจฮึกเหิมล้วนชักอาวุธระยะประชิดที่ตัวเองถนัดมาโชว์กัน ทุกคนที่นี้ล้วนเชี่ยวชาญการต่อสู้ระยะประชิดและยิ่งเป็นการต่อสู้บนเรือที่โคลงเคลงพวกเขาเหล่าโจรสลัดไม่มีทางแพ้พวกสัตว์ประหลาดอย่างแน่นอน

“ช่วยทำเป็นไม่เห็นผมทีได้ไหม” ทิมยกมือและพูดเสียงเบา เขาไม่อยากไปเสี่ยงตีนแบบพวกบ้าสมองกล้าม

“เห้ย…ไม่ไปได้ไง นายเป็นคนวางแผนเชียว ทิมต้องมีสิทธิ์ได้รับเกียรติ” โจรสลัดกล้ามโตบอก “บอสรูฟฟ่าบอกว่าของรางวัลต้องแชร์กัน”

‘แต่ผมไม่ต้องการเอาชีวิตไปเสี่ยงกับรางวัล!!!’ ทิมได้แต่นึกได้ใจ สีหน้าของเขาที่ยิ้มแห้งๆในสายตาของเหล่าโจรสลัดเหมือนกับสีหน้าเขินอายของลูกเรือมือใหม่ที่ได้รับเกียรติให้แสดงฝีมืออย่างเต็มที่

“น้องใหม่อย่าอาย เดียวเราจะได้ไปอาละวาด ฝีมือดีจะได้เลื่อนขั้นเฟ้ย”

“ช่าย! ได้เหล้ากินเป็นลังทั้งสัปดาห์นี้อย่างสวรรค์อ่ะขอบอก”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

โจรสลัดหลายคนหัวเราะทั้งที่กำลังถอนกำลัง ไม่ใช่ทิมที่สงสัยในสมอง แม้แต่สัตว์ประหลาดเองยังบิดคอแสดงความงุนงง เพราะสิ่งที่โจรสลัดแสดงคือความปราศจากความกลัวตายโดยสิ้นเชิง

“ดูถ้าคงจะอะดรีนาลินสูบฉีดทั้งตัว” ทิมมองนาฬิกาที่แสดงการทำงานของร่างกายของคาร์เตอร์โจรสลัดกล้ามโตที่ชีพจรเต้นเร็วมาก และสีหน้าเหมือนกับคนที่เปี่ยมสุขดูยังไงก็เหมือนกับพวกเมาเหล้าไม่ก็โด๊ปยามาชัดๆ

‘พระเจ้าได้โปรดให้ลูกช้างรอดด้วยเถอะ’ ทิมไม่ใช่สาวกของพระเจ้าแต่เขาในตอนนี้ได้แต่อวยพรพระเจ้าให้ปกป้องชีวิตเขาที่กำลังเอาชีวิตน้อยๆไปวัดดวง

ตูม!

สัตว์ประหลาดถูกกับระเบิดที่ทิมติดตั้งระเบิดจนตัวขาด ตัวที่ยังรอดล้วนบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิดสำหรับกำจัดสัตว์ประหลาดจึงถูกกลุ่มโจรสลัดจัดการด้วยมีดปังตอ

ปัง!

“ตรงนั้นไง” ทิมชี้เนินสิ่งกีดขว้างที่ไฟลุกพร้อมกับสัตว์ประหลาดที่วิ่งว่อนพยายามดับไฟที่ลุกบนตัว

“เห้ยๆๆไฟมันเผามาถึงนี้” โจรสลัดใช้มือทุบสัตว์ประหลาดที่ไฟลุกทั่งตัวและประเดิมด้วยประแจใส่ที่หัวกับอกของมันจนมันขาดใจตายก่อนที่จะรีบดับไฟที่ไหม้บนชุดกันหนาว

“อย่าปัดครับ ไฟนั้นดับไม่ได้!” ทิมตะโกนก่อนที่เขาจะควักครีมในกระปุกและใช้ปาดบริเวณที่ไฟไหม้บนแขน

โจรสลัดมองไฟที่ดับเขาเห็นร่องรอยการไหม้ของไฟที่ลึกผ่านรอยฟันที่ถูกกัดจนถึงชุดด้านใน มิน่าเขาถึงรู้สึกร้อน ขืนปล่อยไว้อีกนิดไฟจะเผาเข้าเนื้อ

“นายคิดค้นเหรอ?” โจรสลัดที่แขนติดไฟถามขณะกำลังเอาวัสดุมาพันแขนส่วนที่เสื้อไหม้

“เป็นสูตรสารเคมีผสมนะครับ” ทิมชักปืนยิงลูกระเบิดก่อนที่จะยิงใส่กลุ่มสัตว์ประหลาดที่หันกลับมาหลังรู้ว่ามีศัตรูโจมตีจากทางด้านหลัง

ตูม!

กระสุนระเบิดกระจายหมอกสีเขียว และทันใดนั้นหมอกได้เกิดประกายไฟสีเขียวและลุกโชกช่วงเป็นไฟสีแดงฉาน สัตว์ประหลาดถูกไฟเผาลึกไปถึงกล้ามเนื้อจนเริ่มเห็นกระดูกสีขาวที่ไหม้เป็นสีดำ

พวกมันพยายามกลิ้งเพื่อดับไฟ บางตัวถึงขนาดวิ่งด้วยความเร็วสูงกระโจนลงน้ำทะเล แต่เสียงร้องโหยหวนกับไอน้ำสีขาวบ่งบอกว่าไฟยังไม่ดับ

นอกจากนั้นหมอกสีเขียวที่ติดไฟได้กลายเป็นสสารเหมือนกับเมือกเหนียวและติดไฟตามพื้นที่และร่างกายสัตว์ประหลาดจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้

“สารเคมีรุ่นผลิตจำนวนมากสำหรับกำจัดสัตว์ประหลาด” เขาอธิบาย นอกจากจะมีอาวุธเลเซอร์แล้วอเมริกาได้คิดค้นสารเคมีเผาไหม้รุนแรงสำหรับทหารราบด้วย และทิมได้แอบขโมยสูตรสำหรับทำสารเคมีกับตัวแก้เอาไว้เสร็จสรรพ

“ข้างในปล่อยภัยดีไหม” ทิมตะโกนถามคนที่อยู่อีกฝากของแนวกั้นไฟโดยยังเห็นแผ่นป้ายโซนพยาบาลที่กำลังไหม้จนดำตอตะโก

“ทิม…พวกเราปลอดภัยดี” หมอที่อยู่อีกฝากตอบและปาขวดเหล้าสามขวดเป็นจังหวะเพื่อเป็นรหัสผ่านว่าพวกเขาไม่ใช่ศัตรูปลอมตัวมาแต่อย่างใด

“คาร์เตอร์ก้มหัวหน่อย” ทิมบอกให้คาร์เตอร์กล้ามโตเพื่อที่เขาจะทำการดับไฟ

เมื่อโจรสลัดกล้ามโตก้มหัวเขาจึงหย่อนระเบิดดับไฟโดยให้กลิ้งไปที่แนวกั้นไฟอย่างช้าๆ

ตัวระเบิดปล่อยควันสีขาวที่ดูแล้วเหนียวขุ่นเหมือนกับครีม และควันสีขาวของระเบิดดับไฟจึงเริ่มควบคุมพายุไฟอันแสนรุนแรงได้อย่างอยู่หมัด

ตึง!

หมอกับทหารเจ็บอีกฝากช่วยกันเอาแท่งเหล็กกระทุงแนวกั้นจนถล่มและกวักมือให้กับทิมกับกลุ่มโจรสลัดที่กลับมาช่วย “เกือบไปแล้ว”

“ทิมนายเจ๋งมากเลย” คาร์เตอร์เขย่าทิมที่อยู่บนหลัง แต่หัวเขาชนกับคางทิมจนเลือดตกยางออก

“โอ๊ย….” ทิมลูบจมูกกับคางที่เลือดไหลเป็นทางยาว “เตือนก่อนเซ่” เขาชักอารมณ์ใส่

“โทษทีๆ” คาร์เตอร์กล่าวขอโทษและวางทิมที่ขี่หลังลงกับพื้น

ทิมหยิบแท่งเหล็กมาเป็นที่ค้ำ “รีบรวมตัวกันก่อน เรายังมีอีกหลายอย่างที่ต้องทำ”

“ไอหนูสั่งเราได้เลย เห้ยคาร์เตอร์หยิบเหล้าให้ฉันหน่อยสิ”

คำเรียกของโจรสลัดทำให้หมอกับคนเจ็บมองหน้ากัน….แต่เป็นตัวทิมที่พูดขึ้น “ขอโทษ บังเอิญ…..วัตถุดิบต้นของเจ้านี้มันคือแอลกอฮอล์”

คำพูดของทิมทำให้โจรสลัดตาค้างและมองไปยังลังเหล้ากับเบียร์ที่ตอนนี้ถูกวางกองกันด้วยภาชนะที่ว่างเปล่า และยังเห็นหมอกับอีกหลายๆคนกำลังผสมสารเคมีในถังเบียร์ขนาดใหญ่ แต่คนเหล่านั้นไม่สนใจกับน้ำตาลูกผู้ชายของเหล่าโจรสลัดที่เสียแอลกอฮอล์สุดที่รัก

ชีวิตพวกเขามาก่อนส่วนเรื่องเหล้า นักเคมีคนหนึ่งลองเอานิ้วจิ้มสารเคมีดมดูก่อนที่จะทำสีหน้าเหม็นและเช็ดคราบทิ้ง

ทิมเงียบสนิท เขาใช้ไม้ค้ำเดินแยกออก ‘ซวยแล้วไง’

“ย้าก!!!” โจรสลัดหลายคนตะโกนเหมือนคนบ้า บางคนถึงกับฉีกเสื้อกันหนาวที่สวมใส่โยนไปคนละทิศคนละทางและหันไปทางอีกด้านที่ฝูงสัตว์ประหลาดกำลังกรูกันเข้ามา

“พวกบ้าเลิกร้องไห้กันก่อน” โจรสลัดหญิงตะโกน “ที่บ้านเรายังมีเหล้าอีกเยอะ”

“…” คาร์เตอร์สมองกล้ามที่น้ำตาลูกผู้ชายกำหมัดก่อนที่จะหยิบปืนลูกซองดัดแปลงขนาดใหญ่กว่าปกติสองเท่ามาไว้ในมือ

“รู้สึกขวัญกำลังใจจะ….” ทิมไม่กล้าพูดต่อ เหมือนทุกคนจะแค้นสุดลิ่มทิ่มประตูและเลือกไประบายกับพวกสัตว์ประหลาดแทน

‘หวังว่าทุกคนจะไม่ชกฉันน่ะ’ ภายใต้สีหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจของทิมมีแต่ความหวาดกลัว และความน่าสมเพชที่มีต่อตัวเอง

โจรสลัดทุกคนส่งซิกให้ทิมและทิมที่กำลังเครียดจึงขบฟันและขมวดคิ้วชนกันทำให้ฝ่ายแรกนึกว่าทิมบอกว่าทุกคนพร้อมรบด้วยความมั่นใจ

“ไปกันเลย” ทิมพูดด้วยเสียงแข็งไม่เป็นธรรมชาติ แต่เสียงเขามีความแข็งกร้าวและความเข้มทำให้ทุกคนได้ขวัญกำลังใจ

“เฮ้!!!” นอกจากโจรสลัดแล้ว พวกหมอๆกับคนที่เจ็บตั้งแต่ตอนแรกต่างฮึมเหิมเต็มกำลังและคว้าอาวุธมากมายเท่าที่หามาได้ใช้คู่กับชุดเสริมกำลังเข้าปะทะกับฝูงสัตว์ประหลาดอย่างไม่กลัวตาย

ปึง!

แต่เป็นฝ่ายสัตว์ประหลาดที่ตกตะลึง เนื่องจากพวกมันหลายตัวที่อยู่แนวหน้าถูกมนุษย์ชนกระเด็นกระดอนไปคนละทิศคนละทางจนหลายๆตัวเริ่มหนี

ความเฉลียวฉลาดระดับมนุษย์ทำให้พวกมันรักตัวกลัวตายและไม่กล้าเสี่ยง

“มันได้ผล!” 

“ฆ่าพวกขี้ขลาด!!” แม้แต่หมอที่หน้าตาดูใจดียังแสดงสีหน้าโรคจิตและไล่แทงสัตว์ประหลาดโดยไม่กลัวถูกกัดแม้แต่น้อย

สิ่งที่อยู่ตรงหน้าทำให้ทิมกลัวจนใจจะขาด และกลัวยิ่งกว่าตอนที่หลายๆคนหันหน้ายิ้มโชว์ฟันหลายสีให้เขาเห็น

“แย่แล้ว” บรรยากาศที่พาไปทำให้ทิมรู้สึกปวดกระเพาะ…..

“แย่อะไรหรอ” คาร์เตอร์หันหลังมาถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“อ่อ….แย่ตรงที่ว่าตรงมีคนเหลือที่นี้คนหนึ่งเพื่อสั่งการระบบ….ฉันจึงไปกับพวกนายไม่ได้”

“โอ้ว! งั้นรึ นึกว่าจะหนีซ่ะอีก” คาร์เตอร์ที่สีหน้าเคร่งเครียดหัวเราะและเอามือเคาะหัวไหลทิม แต่เขาลืมไปว่าเขาถือปืนกระบอกโตน้ำหนักมากทำให้ไหล่ทิมs]joไปข้างหนึ่งและยกไม่ขึ้น…

“ฮ่า. .ฮ่า. .ฮ่า. .มันเจ็บน่ะ” ทิมบ่นออกมาก่อนที่จะรีบเดินกะเผลกไปบริเวณกำแพงที่มีรูเสียบส่งสัญญาณ

‘ซวยแล้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ’

‘ฉันซวยแล้ว!!!!’

ทิมที่ได้แต่นึกในใจทำได้แค่ส่งสายตาให้กับพวกคนบ้าที่ถูกบรรยากาศพาไปจนอะดรีนารีนไหลจนคลั่ง เขาไม่อยากอยู่ใกล้กับพวกนี้และไม่อยากให้รู้ว่าตัวเองคิดอะไรไม่อยู่ เพราะเขาคงถูกอัดจนตายเป็นแน่แท้

สิ่งที่เขาทำต่อจากนั้นคือการกดแป้นพิมพ์เฉยๆเป็นการหลอกเหล่าโจรสลัดกับพันธมิตรที่ส่งเสียงโฮ้ร้องด้วยความยินดีที่พวกเขามีสุดยอดผู้สั่งการแสนองอาจที่วางแผนขั้นต่อไปเพื่อชัยชนะ

กว่าที่ทิมจะทำใจได้และเริ่มทำงานจริงๆจังๆก็หลังจากนั้น 3 นาที และกว่าเขาจะพิมพ์ตัวอักษรให้ถูกต้องก็อีก 10 นาที

……………………

อีกด้านนิลกำลังมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวเพื่อรื้อฟื้นความหลังของโลกเก่า

“ดวงดาวบนท้องฟ้าของสองโลกต่างกันจริงๆ” นิลยิ้ม ไม่ว่าเขาจะมองยังไง หมู่ดาวระหว่างสองคนมีจุดแตกต่างกัน แต่ล้วนงดงามและงดงามเสมอมา

“ดาว….” ไอน์ที่อยู่บนอกนิลพยายามจะยกมือพยายามคว้าดวงดาวบนท้องฟ้าที่ส่องสกาวให้กับนิลผู้เป็นพ่อ

“ดาวไม่ใช่ของลูกน้า” นิลลูบหัวไอน์ “โตขึ้นแล้วก็อย่าไปขโมยดาวของใครเขาละ” เขาพยายามสอนไอน์ในฐานะคนเป็นแพ้ การสอนเขาอาจทุลักทุเลแต่เขาจะทำทุกอย่างเท่าที่เขาในตอนนี้พอจะทำได้

นิลกับไอน์มองดาวบนท้องฟ้าในโดมกระจกที่ซานะสร้างให้สองพ่อลูกไว้สำหรับดูดาว นอกจากหอดูดาวส่วนตัวยังมีสื่อสำหรับเด็กมากมายที่จัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ

สำหรับเด็กหญิงการได้ดูสารคดีต่อด้วยการเปิดโลกาทัศน์บนท้องฟ้าและได้เห็นความสวยงามยามค่ำคืนก็เป็นโต๊ะเรียนความรู้แสนสนุก

นิลถอยหายใจ ถ้าเขาสามารถที่จะหนีและใช้ชีวิตอย่างสงบสุขทั้งชีวิตไปกับการกักบริเวณเขาก็เลือก

เพื่ออนาคตของไอน์แล้วต่อให้ต้องช่วยซานะกับความโลภของหล่อนเขาก็จะช่วย…..และความจริงบีบให้เขากลายเป็นที่พึ่งพาของคนอื่น และศัตรูไม่มีทางปล่อยเขาไว้มีแต่ต้องสู้กับสู้

อันส์จิสรูฟฟ่าได้รับพลังมหาศาลหลังชิงตำแหน่งผู้คมกฎของยูเรียลและอิทธิพลของเธอส่งผลต่อโลกเดิมโดยตรง เขาอาจไม่ได้อยู่ในโลกเดิม แต่เขาว่าตามตรงคือผู้คุมของโลกใบนี้ทำให้สัมผัสได้ถึงตัวตนของอันส์จิสที่เพิ่มขึ้นทุกขณะ

อีกไม่นานหล่อนจะรุกรานโลกนี้ เพราะฉะนั้นการเพิ่มโอกาสชนะแม้แต่เปอร์เซ็นต์เดียวก็คือความหวังของเขาและลูกสาว

“เป็นห่วงความปลอดภัยหรือค่ะ” ซานะในชุดกิโมโนตัวใหญ่ที่เต็มไปด้วยเครื่องประดับเพชรนิลจินดาเดินเข้าหาสองพ่อลูก

“ตราบเท่าที่ดิฉันอยู่และคุณ..”

“ไม่หนีไปไหน ผมรู้” นิลพูดดักสิ่งที่จิ้งจอกสาวกำลังจะพูด “แต่ผมแค่ไม่อยากให้ไอน์ต้องใช้ชีวิตเหมือนนกในกรงไปทั้งชีวิต”

นิลเป็นห่วงอนาคตของไอน์ อย่างที่ซานะมั่นใจ เธอสามารถหาวิธียั่งยืนที่ทำให้อันส์จิสเซร่าไม่สามารถรุกรานมายังโลกใบนี้ได้ นั้นก็คือการกักบริเวณนิล

วิธีนี้ใช้ประโยชน์จากตำแหน่งผู้คุมกฎโลกของเซร่ากับนิลเองให้เป็นประโยชน์

โลกใบนี้ไม่ใช่โลกเดิม การได้ตำแหน่งพระเจ้าหรือแอดมินก็เหมือนกับบัลลังก์ที่ติดโซ่ตรวนทำให้เซร่าไม่สามารถเข้าแทรกแซงโลกใบอื่นได้ตรงๆแบบเดียวกับที่ยูเรียลต้องกระเสือกกระสนหาเพื่อวิธีโจมตี จนกระทั้งหล่อนเริ่มทิ้งตำแหน่งของตัวเองและโผล่เข้ามาช่วยนิลกับนาระ

ส่วนนิลเป็นเหมือนกับตัวตนที่เป็นแก่นกลางของโลกที่อิงจากความทรงจำของโลกที่ถูกทำลาย และหลังจากที่คีรีสสอนความสามารถบางอย่างให้กับนิล เขาจึงสามารถที่จะตรวจจับสิ่งแปลกปลอมที่หลุดเข้ามาในโลกนี้ได้อย่างหยาบๆ ถ้าเป็นคนปกติคงรู้ว่ามีคนแอบเข้ามาแต่ไม่รู้รายละเอียด แต่กับเซร่าที่เป็นอันส์จิสมีข้อมูลตัวตนที่พิเศษเป็นเอกลักษณ์กับพลังมหาศาล ไม่มีทางที่นิลจะไม่รู้ตัวและเขาจะไม่ยอมให้เซร่าบุกเข้ามาในโลกนี้ตราบเท่าที่เขาไม่อนุญาตเป็นอันขาด

แต่วิธีนี้มีข้อเสียคือการที่นิลต้องอยู่ในสภาพที่เขาต้องหลับตลอดเวลา เนื่องจากการตื่นจะทำให้เขารับรู้กับสิ่งต่างๆรอบตัวตลอดเวลา การรับข้อมูลจากการมองเห็น, การได้ยินเสียง, การดมกลิ่น, การรับรสและการสัมผัสสิ่งรอบตัวลดความสามารถในการรับรู้สิ่งแปลกปลอมจากภายนอก

เมื่อรับรู้ลดลงเซร่าสามารถหาช่องโหว่และเจาะเข้ามายังโลกใบนี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าสังเวชเพราะตัวเซร่าทรงพลังกว่านิลกับซานะมาก การที่ป้องกันไม่ให้เซร่าเข้ามาถือว่าเป็นอย่างหนักที่เหนื่อยเต็มกลืน

ดังนั้นซานะจึงสร้างพื้นที่พิเศษที่เหมือนกับกรงนกขังนิลกับไอน์เอาไว้ซึ่งพื้นที่นี้จะช่วยลดภาระในการรับรู้ของนิลลงทำให้สามารถเคลื่อนไหวได้ตามปกติ

แต่ไม่ว่าจะสวยหรูงดงามมันก็คือกรงนก นิลเหมือนกับถูกขังลืมไม่สามารถรับรู้สิ่งต่างๆจากโลกภายนอก และสิ่งที่เขารับรู้จะมีซานะคอยขัดกรองอีกที

อย่างหนังสือหลายเล่มที่อ่าน, สารคดีหลายเรื่องที่ดู และดาวบนท้องฟ้าก็เป็นสิ่งที่ซานะจัดแจ้งและคัดกรองไม่ให้นิลรับข้อมูลมากจนเกินไป

เขาจึงถูกขังโดยที่ซานะอนุญาตให้ไอน์คนเดียวเท่านั้นที่เข้าใกล้

‘วิล/วิลสัน, นาระ และโฮรุสจะเป็นยังไงบ้างน้า’ เขานั่งบนฝูกที่นอนนุ่มๆและดูสารคดีกับไอน์ต่อ

“ไดโนเสาร์” 

“จ้าๆๆ” นิลชี้ตามไอน์โดยมีซานะทำสีหน้าพึ่งพอใจอยู่ข้างกาย

จนในที่สุดเธอจึงเอยปาก “ดิฉันขอสัญญาว่าจะมอบอิสระให้กับไอน์ ขอสาบานในฐานะ…..”

เธอสังเกตนิลที่เหมือนไม่ใส่ใจกับการให้คำสัตย์สักเท่าไร จุดนี้ทำให้ซานะเศร้าใจ เธอไม่รู้สึกโกรธ เพราะสิ่งที่เธอทำล้วนทำให้นิลมองเธอในแง่ลบ

‘ฉันขอโทษ’ ซานะพูดด้วยน้ำตาคล้อเบ้า แต่เธอกางพัดเพื่อบังใบหน้าก่อนที่จะรีบเช็ดหยาดน้ำตาไม่ให้ใครก็ตามเห็นเธอในสภาพนี้

อีกด้านหนึ่งนาระกำลังง่วนอยู่กับการซ่อมชุดของเขาที่หวังลี้ทำพังให้กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง…..

“เหลือแค่นี้คงต้องบอกว่าสร้างใหม่” นาระมองเศษผ้าสีดำที่แข็งกรอบสลับกับโครงชุดเก่าสองตัว

ความจริงเขาต้องเริ่มสร้างชุดใหม่โดยอาศัยโครงเดิมของชุดสองตัวที่เขาเคยใส่ก่อนหน้าด้วยวัตถุดิบที่มีอยู่ โชคดีที่ซานะมีเครื่องจักรสำหรับผลิตไฟเบอร์ชุดเกราะโดยเฉพาะ

“ดีไซน์….ไม่เป็นไร…..ทุกอย่างพอใช้ได้” เขามองชุดคลุมสีดำที่มีลายแถบสีแดงกับสีเหลืองทับบนเนื้อผ้าสีดำ วัสดุต่างๆล้วนเป็นการนำอุปกรณ์ของคิสึเนะมาดัดแปลงแบบถูไถ

ตัวนาระเองไม่รู้วัสดุพื้นฐานในการสร้างชุดนี้นอกจากเสียจากว่าเออร์เรีย ชไนเดอร์ยกให้เขาอีกทอดหลังได้รับจากอลิซและอลันมีแบบแปลนพื้นฐานเหลือไว้ให้ เขาจึงทำได้แค่การหาวัสดุที่เหมาะสมกับการเคลื่อนไหวและสไตล์การต่อสู้ของเขาให้ใกล้เคียงที่สุด

“เนื้อผ้ามีความยืดหยุ่นสูง แต่ความคงทน” นาระปล่อยกระแสไฟฟ้าจากนิ้วไล่ตามเนื้อผ้า ชุดดีไซน์ด้วยวัสดุทนทานต่อไฟฟ้า แต่เขาไม่แน่ใจว่าเมื่อใช้พลังไฟฟ้าเต็มที่ชุดจะพังหรือเปล่า

‘ชุดพอใช้ได้ การออกหมัดก็โอเค’ เขานึกและลองชาร์จไฟฟ้าต่อยอากาศหลายต่อหลายหมัดและเบี่ยงตัวไปมาสลับกับฟุตเวิร์ค ‘ต่อไปก็ทดสอบจริง’

“พร้อมไหม?” โฮรุสควงทวนเล่มใหม่ที่พัฒนาต่อยอดจากของเดิมโดยการเพิ่มความหนาแน่นของโลหะกับน้ำหนัก

แบบเดียวกับนาระเขาเคาะอาวุธเพื่อเตรียมการในขั้นสุดท้ายด้วยการใช้งานจริง

“ขออีกแปบหนึ่ง” นาระสวมชุดเกราะกันกระสุนอีกชั้นและยึดด้วยซิปกับกระดุมแม่เหล็กทำให้รู้สึกไม่สบายตัวเวลาใส่จริง

“มาเลย”

นาระนั่งย่องๆเอามือกดพื้นและใช้แรงแขนกับขาดีดตัวเข้าหาโฮรุส

“ฮ่า!!!” โฮรุสตวัดทวนขึ้นทำให้นาระที่อยู่ในระยะทวนยกแขนสองข้างและทุบกับโคนทวนที่ปราศจากด้านคมเพื่อป้องกันการโจมตี

แต่นั้นทำให้การ์ดนาระแตก โฮรุสจึงฉวยโอกาสใช้แขนอีกสองข้างกดทวนเล่มเดิมให้ฟันลงเข้าบ่า 

นาระหมุนตัว ชุดเกราะกันกระสุนเสียดสีกับทวนในจังหวะที่ฟันเขาจึงสามารถเบี่ยงตัวหลบ 

เนื่องจากส่วนชายกระโปรงมีตัวถ่วงน้ำหนักช่วยเขาหมุนตัวหลบการโจมตี และทวนที่ต้องฟันโดยทั้งตัวถ่วงน้ำหนักที่แข็งมากกับชุดเกราะกันกระสุนทำให้สามารถเบี่ยงทิศทางของทวน

“ชุดฉัน…” นาระตีลังกา ขณะที่กำลังลอยตัวสังเกตเกราะกันกระสุนที่ถูกบาดลึกจนชายเสื้อตัวใหม่ถูกฟันเป็นรอยยาวและตัวถ่วงน้ำหนักแตกก้อนหนึ่ง “ขืนสู้แบบนี้…..” 

นาระลองเปรียบแล้วพบว่าโฮรุสเก่งกว่าที่สู้กับนิลอีก ความหนักหน่วงกับความเร็วเพิ่มขึ้น เขาไม่สามารถเข้าชนตรงๆแบบตอนสู้สัตว์ประหลาดหรือมนุษย์สวมเกราะเสริมพลัง

ทุกการโจมตีสามารถขยี้เหล็กกล้าได้เหมือนกับบีบกระดาษ แบบนี้คงไม่มีเกราะป้องกันที่ไหนสามารถป้องกันการโจมตีของโฮรุสได้

“เห้ย..” โฮรุสยกขาหน้าและใช้ขาหลังดีดตัวเอาขาหน้าชนนาระ แต่นาระยกขาสองข้างชนกับเท้าของโฮรุสและย่อตัวเพื่อลดแรงปะทะ

ปัง!

เสียงเท้าชนกันดังเหมือนกับเสียงฟ้าผ่า ตัวนาระถูกแรงปะทะกระเด็นหมุนตัวแบบลูกข่างกลางอากาศ เมื่อลงพื้นเขาใช้เท้าไถลไปตามพื้นเพื่อถ่ายแรงเฉื่อยในตัวออกไปจนหมด

ทางโฮรุสอ้าปากหายใจและกระทืบพื้นเพื่อพุ่งควบชนนาระ ระหว่างทางเขาคว้าดาบขึ้นมาสองเล่มและฟันนาระที่เพิ่งฟื้นตัวการการหมุนตัว

นาระสังเกตรอบตัวในช่วงที่หมุนเขาคว้าคว้าหอกกับดาบขึ้นและดีดตัวหมุดฟาดฟัน

เคร้ง!

อาวุธของโฮรุสกับนาระกระทบกันทำให้ดาบในมือนาระหัก แต่เขาสามารถเบนการโจมตีของโฮรุสออกจากเป้าซ้ำยังฉวยโอกาสใช้หอกแทงโฮรุสจากจุดบอด

เมื่อถูกโจมตีจากจุดบอด เขาจึงตัดสินใจปล่อยดาบจากมือใช้หลังมือปัดป้องหอก ซึ่งเปิดโอกาสให้นาระสามารถก้มตัวรับดาบที่โฮรุสทิ้ง และหมุนตัวฟันโดนตัวโฮรุสได้สำเร็จ

โฮรุสชะงักเพราะถูกฟันเข้าที่ลำตัว การโจมตีของนาระบาดไม่ลึกเพราะเขาเกร็งกล้ามเนื้อทำให้ใบดาบที่ไม่คมฟันได้แค่ชั้นกล้ามเนื้อ แต่ปัญหาที่ทำให้เขากังวลคือต่อจากนี้ 

เขามือชาเพราะใช้มือข้างนั้นปัดป้องหอกที่เสียบอย่างรวดเร็วทำให้หอกสีกับแขนจนมือเขาชา นอกจากเขาที่สามารถขยี้เหล็กกล้าม ตัวนาระสามารถส่งแรงขาที่ใช้กล้ามเนื้อต่างสปริงเพิ่มความเร็วในการโจมตีแม้แต่เขาก็ไม่อาจรับไหว

‘เจ้านี้เก่งกว่านิล’ ประสบการณ์ต่อสู้กับนาระทำให้โฮรุสเจอแต่ความแปลกใหม่ที่เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน

โฮรุสเป็นตัวตนที่เรียนรู้สิ่งต่างๆจากหนังสือหนังหาหลายต่อหลายเล่มในหอสมุด และสิ่งที่เขาชอบที่สุดคือศิลปะการต่อสู้แขนงต่างๆกับประวัติศาสตร์สงคราม

เขาจึงพบว่าวิธีการต่อสู้ของนาระมีความแตกต่างกับนิลมาก นิลมีการต่อสู้ตามแบบแผนและอาจมีการใช้ลูกเล่นแพร้วพราวเพื่อหลอกล่อศัตรู แต่โฮรุสที่อ่านขาดจะสามารถหาวิธีรับมือได้อย่างทันท่วงที และการต่อสู้จริงสามารถจบในเพียงการโจมตีเพียงครั้งเดียวทำให้เขาที่มีขนาดใหญ่กว่าได้เปรียบ (ปืนปกติยิงเขาไม่เข้า)  

แต่กับนาระเป็นคนที่มีรูปแบบการต่อสู้ที่แปลกประหลาด การต่อสู้ที่รวดเร็วและดุดันของนาระใช้ประโยชน์จากสรีระทางกายภาพที่พิเศษของตัวเองได้เป็นอย่างดี

การเคลื่อนไหวที่ขัดแย้งกับหลักสรีระวิทยาของสิ่งมีชีวิต ซึ่งความแตกต่างทางกายภาพทั้งมวลกล้ามเนื้อ, รูปแบบการมัดตัวของกล้ามเนื้อ, ระบบไหลเวียนโลหิตและโครงกระดูก กลายเป็นไพ่ตายลับที่ประมาทไม่ได้

การโจมตีของนาระรุนแรงกว่านิล แต่เขาเลือกโจมตีโดยหวังผลทำลายขีดความสามารถในการต่อสู้ของศัตรูแทน กระนั้นสำหรับสิ่งมีชีวิตปกติการโจมตีที่ว่าสามารถปลิดชีวิตศัตรูได้เหมือนกัน 

นาระจึงเหนือกว่านิลในเชิงการต่อสู้จริง (ไม่นับพลังพิเศษของนิลที่ยังไม่ทราบความสามารถที่แท้จริง) ร่างกายที่ซุกซ่อนกลไกที่เหมือนกับเครื่องจักรถือว่านรกมากสำหรับใครหลายๆคน

และยังสามารถเพิ่มความหลากหลาย บางทีนาระโจมตีเหมือนกับสัตว์ บางทีสลับไปโจมตีตามแบบแผนและเปลี่ยนเป็นเหมือนกับเครื่องจักร จนโฮรุสต้องปรับตัวตลอดเวลาที่สู้ และ…

ปึง!

นาระบิดตัวเตะก้อนอิฐที่หลุดเพราะโฮรุสกระทืบพื้นสวนกลับไปหาคนที่ทำลายมันเหมือนกับกำลังจะแก้แค้น และนาระจงใจเตะใส่ใบหน้าเพื่อทำลายวิสัยทัศน์โดยเฉพาะ 

โฮรุสจึงบิดหัวไหล่เพื่อปัดอิฐออกโดยไม่ให้เขาเสียจังหวะ

นาระอาศัยแรงหมุนวิ่งเบี่ยงออก และหยุดอย่างฉับพลันพร้อมกับอาศัยแรงเฉื่อยหมุนตัวเสริมแรงไปยังแขนและส่งต่อไปยังหอกที่ตั้งใจปา

หอกไม่ถูกตัวโฮรุส ต้องบอกว่านาระจงใจปาพลาดเป้าเพื่อเรียกความส่งของโฮรุสเท่านั้น ต่อมาเขาหยิบกระบอกเหล็กข้างๆก่อนที่จะพุ่งตัวเข้าหาโฮรุส

โฮรุสที่ถูกเรียกความสนใจใช้ดาบฟันนาระที่ชักกระบอกเหล็กฟาดสวน และเมื่ออาวุธทั้งสองกระทบกันทำให้ดาบโฮรุสที่ได้รับความเสียหายก่อนหน้าทนการะปะทะไม่ไหวจนหัก ส่วนกระบอกเหล็กของนาระเองก็งอผิดรูปเช่นกัน

นาระเปลี่ยนวิธีจับกระบอกเหล็กจากเดิมที่กระบอกงอเข้าไปตามโค้งศอกเปลี่ยนทิศทางให้ส่วนที่งอหันออกจากลำตัวและใช้ส่วนนั้นฟาดโฮรุส “นายมันเทอะทะ”

“ไม่ต้องบอกฉันก็รู้!” โฮรุสถูกฟาดที่ขาและถูกนาระใช้กระบอกเหล็กงอเกี่ยวขาทำให้เขาขยับได้ไม่สะดวก ตามปกติสรีระของโฮรุสทำให้เขาสามารถพุ่งชนทะลวงศัตรูที่มีขนาดใหญ่กว่าหรือชนตัวเล็กหลายตัวให้แหลกไปคนละทิศคนละทาง

แต่เหมือนกับนาระที่ตัวเล็ก อารมณ์จึงเหมือนกับว่าเขากำลังสู้กับมดที่ขนาดเท่าคน และเขายังรู้สึกเจ็บแสบบริเวณที่ต้องได้กับการโจมตีเหมือนกับถูกมดพ่นกรดใส่

โฮรุสมีหกขา และทั้งหกขาล้วนสำคัญมากเวลาเคลื่อนไหว การเสียขาไปทำให้กว่าเขาจะตั้งตัวสำหรับการเคลื่อนไหวครั้งต่อไป การโจมตีระลอกใหม่ของนาระก็มาแล้ว

“ถ้าทางจะได้ผล….” นาระกำมือที่ปล่อยไฟฟ้าอ่อน การโจมตีเหมือนกับมดกัดแบบที่โฮรุสในตอนนี้รู้สึก แต่ถ้าใช้ให้ถูกจุดรอยกัดเล็กๆของมดก็ล้มช้างได้เหมือนกัน

“เจ็บแหะ” โฮรุสยังรู้สึกได้ถึงไฟฟ้าสถิตที่กำลังโจมตีประสาทของเขา และเหมือนกับว่าเริ่มจับดาบไม่ถนัดมือ “ฉันอ่องลงทุกครั้งที่ถูกนาระโจมตี แบบนี้ไม่ถูกโฉลกฉันเลย”

“เห้ๆๆ ทุกคนมีวิธีต่อสู้ต่างกัน ฝึกๆหน่อยเซ่” นาระท้าทาย เขารู้ว่าโฮรุสเป็นประเภทที่ยิ่งสู้ต่อไปเรื่อยๆจะเริ่มหนักหน่วงขึ้นจนถล่มอีกฝ่ายที่อ่อนกำลังลงด้วยพลังมหาศาลที่เหนือกว่า

“จะไปละน่ะ” นาระเอาดาบสีกับกระบอกเหล็กจนเกิดสะเก็ดไฟจนไฟฟ้าสถิตกระบอกเหล็กงอมีกระแสไฟฟ้าห่อหุ้มที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

โฮรุสพยายามจะโจมตีเพื่อลดความเสียหาย แต่เขาเจ็บแผลที่ถูกนาระฟันเข้าที่เอวและสังเกตเห็นกระแสไฟฟ้าจากแผลเชื่อมถึงกับฝ่ามือที่นาระซ่อนไว้

ตูม!

ปึง!

“อุ๊บ!” โฮรุสยกแขนสี่ข้างป้องกันกระบอกเหล็กไฟฟ้าที่นาระฟาดใส่ การโจมตีนี้ทำให้กระบอกเหล็กเบนอีกครั้ง แต่แขนสี่ข้างของโฮรุสระบมไปหมด “หืม!!!”

นาระที่ใช้ไฟฟ้ากระตุ้นการทำงานของระบบประสาทกับกล้ามเนื้อทำให้เขาสามารถดึงพละกำลังกับความเร็วที่ทัดเทียมโฮรุสได้ระยะเวลาสั้นๆ

ต่อให้มีขนาดร่างกายที่เล็กกว่าหรือดึงพลังได้เพียงระยะเวลาสั้น แต่เมื่อการโจมตีเข้าเป้าก็เหมือนกับคนตัวเล็กที่ยิงปืนชนะคนตัวใหญ่!!!

“ใช้ฉันเป็นคู่มือบาลานซ์ไฟฟ้าแกยังกล้าพูดแบบนี้อีก” โฮรุสเกร็งกล้ามเนื้อทั่วทั้งตัวจนเส้นเลือดบริเวณแขนกับขาที่ถูกไฟฟ้าช็อตแตก เขาฝืนเส้นประสาทกับเส้นเลือดที่ถูกไฟฟ้าดูดให้ขยับตามความคิดของตัวเอง

เขาทนไฟฟ้าได้ แต่การโจมตีของนาระมันกัดกร่อนร่างกายเขา และแผลที่โดนไฟฟ้านาระยังฟื้นตัวช้าลง

โฮรุสสะบัดแขนกับขาเพื่อใช้เลือดออกให้กลายเป็นหมอกเลือดเป็นการดักจับเส้นทางการโจมตีของนาระ เขาเร็วไม่เท่านาระและเขาเห็นว่าบางการโจมตียังเร็วกว่าการมองเห็นของเขาอีก ดังนั้นการที่สามารถสังเกตความผิดปกติของหมอกสีแดงในอากาศจะช่วยลดช่องว่างความเร็ว!!!

นาระที่เห็นตั้งใจใช้จังหวะที่โฮรุสโปรยหมอกเลือดโจมตี แต่ก่อนที่จะเข้าระยะพุ่งตัวเขาหยุดชะงัก “เกือบไปแล้วสิ”

“ฉลาดมาก” โฮรุสชม เขาไม่ใช่คนที่ยอมให้นาระใช้ไม้ตายจนถูกอัดอยู่ฝ่ายเดียว แน่นอนว่าวิธีการต่อสู้ของเขาแพ้ทางให้กับนาระเพราะทำให้ไม่สามารถถล่มศัตรูที่อ่อนแรงได้เต็มประสิทธิภาพ แต่การรังแกศัตรูที่อ่อนแรงไม่ใช่วิถีของเขา 

ร่างกายของโฮรุสลดขนาดลงและกลับมาเป็นร่างของเขาในเวอร์ชั่นมนุษย์เดินสองขา และเขายังเก็บแขนหกข้างจนเหมือนกับมนุษย์ธรรมดาที่มีสองแขนกับสองขา

แต่นั้นทำให้นาระเครียด เพราะเขาสังเกตเห็นกล้ามเนื้อที่หดตัวรัดแน่นกับร่างกายที่ผอมลง จังหวะที่นาระโจมตีโฮรุสที่หดตัวจะขยายกล้ามเนื้ออย่างฉับพลัน ความเร็วกับพละกำลังที่ระเบิดจะซัดนาระทีเดียวกระดูกหักหลายท่อนเลยทีเดียว

โฮรุสจะเสี่ยงสวนกลับด้วยการโจมตีที่ส่งผลร้ายต่อตัวเอง แต่เขาฟื้นฟูตัวเองได้ในภายหลัง แต่นาระที่ไม่มีอลันช่วยรักษาให้เหมือนแต่ก่อนคงจะสาหัส…. ซานะที่เห็นว่าเขาไร้ค่าคงปล่อยให้เขาเน่าตาย 

“งั้นมาต่อกันเลย” โฮรุสเปลี่ยนท่ายืนให้ท่อนขาขนานกับพื้นจนเหมือนกับการนั่งเก้าอี้อากาศ 

ทางนาระเองเพิ่มปริมาณกระแสไฟฟ้าเข้าไปที่อาวุธของเขา เนื่องจากตัวเองยังไม่ชินกับกระแสไฟฟ้าที่กระตุ้นร่างกายจนเสียหาย ดังนั้นวิธีเดียวกันคือการสะสะมพลังงานไฟฟ้าเข้าไปในอาวุธนอกกลาย

ว่าแล้วเขาจึงพุ่งตัวฟันในทันที

แต่โฮรุสที่นั่งเก้าอี้อากาศสามารถบิดตัวหลบได้อย่างง่ายดายทั้งที่ขากับเอวไม่ขยับบ่งบอกถึงกล้ามเนื้อที่หดตัวสามารถยืดขยายได้อย่างอิสระ และการโจมตีเร็วสูงของนาระได้เปิดช่องว่างให้กับโฮรุสใช้หมัดเสยคาง

หมัดที่พุ่งเร็วจนเหมือนกับหอกบาดแก้มของนาระที่บิดคอหลบ แต่จังหวะต่อมาคือศอกที่ฟันใส่คอเขา นาระจึงใช้เท้าเหยียบหัวเข่าที่นั่งเก้าอี้อากาศของโฮรุสเพื่อหลบการโจมตี

“เสร็จฉันละ!” โฮรุสย่อตัวและปล่อยให้เท้าของเข่าข้างที่ถูกนาระเหยียบไหลไปตามพื้นอย่างนุ่มนวม จังหวะนี้ทำให้นาระเสียสมดุลและถูกโฮรุสในร่างมนุษย์กระโดดหมุนตัวและจับกดด้วยความเร็วสูง

“แย่ละ!!!” เป็นตัวนาระที่คดีพลิกหน้าทิ่มแทน ร่างกายเขาทนไฟฟ้าที่กระตุ้นได้เพียงระยะเวลาสั้นๆ หลังกระตุ้นไปรอบหนึ่งร่างเขาจะหยุดไปชั่วขณะเพื่อรอเวลาให้ร่างกายคลายตัว และโฮรุสนั้นไม่กระจอก เขาสามารถอาศัยจังหวะชั่วพริบตาทะลวงจุดอ่อนนาระในช่วงเวลาที่นาระแข็งตัว

“อุ๊บ!” นาระถูกกระแทกพื้นจนกระอักเลือด แต่เขาไม่ปล่อยให้ตัวเองสิ้นฤทธิ์ง่ายๆ เขากำมือชาร์ตไฟฟ้าด้วยโลหะก้อนเล็กๆในมือชกใส่

โฮรุสยกแขนป้องกันหมัดไฟฟ้าจนมือเขาชาและหมัดของนาระยังเจาะชั้นกล้ามเนื้อที่อัดแน่นจนเกือบถึงกระดูก โชคยังดีที่เขาออกแรงทั้งหมดบิดแขนเพื่อปัดหมัดไฟฟ้าพลังทำลายร้างสูงก่อนที่จะสร้างความเสียหายกับกระดูกจนแขนขาด

“ได้การละ” นาระใช้จังหวะที่โฮรุสปัดหมัดดึงขากลับมาและถีบจนโฮรุสกระเด็นไปทางด้านหลัง

“อุ๊ก!” โฮรุสเอามือลูบท้อง เขาเจ็บแขนมาก บาดแผลดังกล่าวเหมือนกับถูกขูดเนื้อออก และเขาไม่สามารถคงสภาพในร่างมนุษย์จนกลับร่างครึ่งคนครึ่งม้าร่างใหญ่เหมือนเดิม

“อั๊ก!” ตัวนาระเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน การที่เขากระตุ้นร่างกายให้ดึงท่อนล่างให้ยกสูงและถีบโฮรุสมันทำให้กล้ามเนื้อเอวฉีก และเขาตอนนี้เจ็บเจียนตาย

“พอแค่นี้แหล่ะ” ซานะเคาะพัดและทำสีหน้าไม่พอใจมาก “นี้ถ้าไม่ใช่ว่าดิฉันหูตาไวละก็ แผนคงได้พังหมดพอดี”

“ซานะ…อู้ย!” นาระที่จะลุกเจ็บเอวจนลุกไม่ขึ้นต้องให้ซานะใช้หางรัดและยกร่างขึ้นกลางอากาศก่อนที่หล่อนจะหยิบเข็มแทงเอวนาระจนเขาร้องเสียงหลง

“อ๊าก!” นาระที่ร้องเหลือบมองซานะที่ตั้งใจแทงเข็มให้เขาเจ็บปวดทรมานเหมือนหล่อนต้องการจะระบาดอารมณ์ลงกับเขาทั้งหมด

“คุณด้วย” เธอโยนเข็มฉีดยากับผ้าพันแผลให้โฮรุส… “ลุกขึ้น ฉันมีเรื่องต้องให้คุณสองคนทำ” ว่าแล้วเธอจึงวางร่างของนาระลง

“ยืนได้แล้ว?” นาระรู้สึกแปลงใจกับเมื่อกี้ที่เขาเหมือนจะขยับไม่ได้เพราะกล้ามเนื้อฉีกออกจากกัน แต่คราวนี้เหมือนกับว่ากล้ามเนื้อจะประสานตัวทำให้เขาสามารถใช้กระแสไฟฟ้าควบคุมให้ยืนได้ตามปกติ

“ไม่คิดว่าตัวเองทำตัวงี่เง่าหรือค่ะ” ซานะกางพัดปิดบังใบหน้าที่มีสีหน้าเหมือนมองสิ่งปฏิกูล “ศัตรูของพวกเรากำลังแข็งแกร่งขึ้น แต่พวกคุณทำตัวเป็นเด็กน้อยทำลายตัวเองตามความชอบใจ………” เธอปาพัดใส่โฮรุสก่อนจะหยิบก้อนกระดาษปาใส่นาระ

เธอแตะอากาศทำให้เกิดรอยแยกปรากฏขึ้น “อันส์จิสเซร่ากำลังได้สิทธิ์ควบคุมโลกโดยสมบูรณ์ และดิฉันอย่างให้พวกคุณไปหยุดหล่อนก่อนที่จะสายเกินไป”

ซานะไม่เข้าใจว่าสองคนแรกเริ่มแค่ฝึกด้วยพลังที่ได้จากร่างกายใหม่ แต่ไปๆมาๆกลายเป็นการต่อสู้กะเอาถึงตายแบบไม่ยอมใคร ทั้งที่ตอนที่นิลสู้กับโฮรุสยังมีลิมิต แต่สองตัวนี้สู้กัน ทำดีแต่การทำลายทรัพย์สินของเธอเหมือนกับเด็ก

“มาโคโตะยังดีกว่าพวกแกเลย” เธอเอยถึงเด็กหญิงมาโคโตะที่เรียบร้อยและฟังที่เธอพูดมากกว่า และสิ่งที่สำคัญเธอมีเป้าหมายที่ชัดเจนและไม่ทำอะไรเรื่อยเปื่อยแบบผู้ใหญ่ไม่ได้ความพวกนี้……ยกเว้นคุณนิลที่กำลังเป็นพ่อที่แสนดี

“จะให้ทำอะไร” โฮรุสถามขณะพยายามหดร่างกายตัวเองให้กลับเป็นร่างมนุษย์อีกครั้ง แต่อาการบาดเจ็บทำให้เขาควบคุมร่างกายที่ได้ใหม่ไม่ดีเท่าที่ควร

“ที่ขั้วโลกเหนือ….” ซานะบอก “เซร่ามุ่งเป้าไปยังที่นั้นและฉันต้องการให้พวกคุณสองคนสร้างความเสียหายและลดสิทธิ์การควบคุมของหล่อนลง”

“และเธอจะควบคุมโลกแทน” นาระกอดอกพยักหน้า เขาคิดว่าซานะแบบโหดอำมหิตได้กลายเป็นแอดมินแล้ว เขารู้สึกสงสารยูเรียลที่สละตัวเองเพื่อช่วยเขาเอาซ่ะแล้ว

“เลิกพูดมากน่ารำคาญ ไปหยุดหล่อนซ่ะ” ซานะเริ่มมีน้ำโห หล่อนกางหางหกหางที่มีอาวุธงอกออกมา “หรือจะให้ฉันดัดแปลงพวกคุณแบบคุณหวังลี้ก่อนถึงจะทำตาม”

“เข้าใจแล้วๆ” นาระยกมือยอมแพ้ แต่เขายังคงเจ็บเอวไม่หาย แต่ซานะไม่เปิดโอกาสให้เขาบ่น หล่อนส่งที่รัดเอวให้กับนาระในทันที “รู้ใจกันจริง” เขาหัวเราะแห้งๆ

นาระหันซ้ายหันขวาเหมือนไม่เห็นเด็กหญิงที่ซานะเอยชื่อ “แล้วมาโคโตะละ”

“มาโคโตะจังไปก่อนพวกแกอีก หัดทำตัวให้มีคุณค่าบ้าง อายเด็กเขาไหม” ซานะกำหมัด เป็นเพราะเธอไปหามาโคโตะที่กำลังทำครัวกับฮาอิจิและเลือกสิ่งจำเป็นให้กับสองคนด้วยตัวเองจึงเสียเวลาปล่อยพวกสมองน้อยตีกัน!!!

ส่วนโฮรุสหลังฉีดยา เขาสนใจการต่อสู้บนสนามรบใหม่ แต่เขาเสียการควบคุมเพราะคลั่งในการต่อสู้…. “ไม่ว่ายังไงฉันก็เหมือนกับพวกสัตว์ประหลาดพวกนั้น”

เขาจำความได้ว่ากำลังอ่านหนังสือในร่างครึ่งคนครึ่งม้า และการรู้ตัวในโลกที่ถูกหยุดเวลาได้มอบความสามารถในการแปลงเป็นมนุษย์ เขาจึงคิดว่าตัวเองคงเป็นสัตว์ประหลาดชั้นต่ำเหมือนกับตัวอื่นๆที่ได้รับข้อมูลของมนุษย์จึงมีแนวคิดของมนุษย์ปะปนเข้ามา

แต่ไม่ว่าจะอ่านหนังสือกี่เล่ม หาวิธีให้เหมือนกับมนุษย์ยังไงเขาก็ไม่อาจควบคุมความกระหายในการฆ่าฟันได้สักที

“สู้กับพระเจ้างั้นรึ น่าสนใจดีนี่!!!” โฮรุสคำราม ต่างกับนาระที่บ่น เขาเลือกที่จะเผชิญหน้ากับศัตรูทุกคนเหมือนกับความต้องการดั้งเดิมที่เขาเกิดมา และความต้องการที่แท้จริงได้พาพวกเขาสองคนไปยังโลกเดิมอีกครั้ง!!!

โลกที่เต็มเปี่ยมไปด้วยไฟสงคราม สถานที่กำลังร่ำร้องเรียกหาโฮรุส

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

P.Plan เส้นทางลิขิต ปฏิวัติโลก 305

Now you are reading P.Plan เส้นทางลิขิต ปฏิวัติโลก Chapter 305 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Time< Three Hundred Fifth> คนขี้ขลาด, คนกล้าหาญกับคนคลั่งที่ไม่อาจหนีความจริง

วันที่ 10 ธันวาคม  ค.ศ. 2049 เวลา 15: 16 น. (-3H)

ช่องแคบเกาะน้ำแข็งกรีนแลนด์

“กับตันโซนห้องเครื่องถูกโจมตี ระดับพลังงานกำลังลดลง!” ลูกเรือบอกกัปตันที่มองภาพจากกล้องวงจรปิดภายในเรือที่ตอนนี้มีการต่อสู้กันระหว่างลูกเรือที่เป็นมนุษย์กับสัตว์ประหลาดสายพันธุ์ใหม่

“ยึดกลับมา!! ไม่ว่ายังไงก็ต้องยึดกลับมาให้ได้” กัปตันทุบเก้าอี้พร้อมกับรีบออกคำสั่งให้ส่งทหารไปยึดเตาพลังงานบนเรือ ตอนนี้ระดับพลังงานของเรือกำลังลดลงอย่างรวดเร็ว ขืนปล่อยเอาไว้ระบบทำความร้อนภายในเรือจะล้มเหลวและเครื่องจักรทั้งหมดจะถูกแช่แข็ง

“แบ่งหน่วยรักษาความปลอดภัยไปช่วย เราพอเกณฑ์ทหารช่างไปเสริมได้หรือเปล่า” 

“แต่ท่านครับ ตำแหน่งที่ข้าศึกบุกเข้าอยู่ใกล้กับโซนพยาบาล….” ลูกเรือเตือน พวกเขามีคนเจ็บที่ต้องอพยพมากกว่าทหารที่สามารถสู้จริงมีจำนวนน้อยกว่ามาก การเกณฑ์ทหารช่างในตอนนี้ถือว่าเป็นไปได้ยากเพราะอาจถูกทหารที่อพยพมาปฏิเสธไม่ให้ความร่วมมือ

“เรื่องนี้ฉันรับผิดชอบเอง เราได้แต่หวังว่าพวกเขาจะไม่เป็นไร” กัปตันส่ายหน้า เขาได้รับคำสั่งให้ดูแลคนที่อพยพมากับเรือในโซนพยาบาล แต่ความปลอดภัยของตัวเรือกับลูกเรือประจำมาก่อนเสมอ

เขาพร้อมทิ้งภารกิจและรับโทษเพื่อสงวนกำลังรบกลุ่มโจรสลัด ท่านรูฟฟ่าได้รับบาดเจ็บ ซึ่งกองเรือทั้งหมดล้วนเป็นหยาดเหงื่อของโจรสลัดรุ่นก่อนและตัวรูฟฟ่ายังทุ่มเททุกอย่าง พวกเขาจะไม่ปล่อยให้มีใครหน้าไหนทำลายกองเรืออันเล่อค่า 

“ท่านครับเราตรวจพบสัญญาความถี่ต่ำ!!” หน่วยข่าวกรองประจำเรือบอกกับกัปตันที่ทำหน้าสิ่วหน้าขวาน “เป็นสัญญาณสื่อสารคลื่นสั้น”

“รายงาน!”

หน่วยข่าวกรองรับรหัสคลื่นที่ได้และเอามาแปลงก่อนที่จะส่งให้กับกัปตันบนแท็บเล็ตจนทำให้เจ้าตัวถึงกับถอดหมวกกัปตันโจรสลัดมาเช็ดตรา

“วิธีนี้ดี!! ส่งคลื่นความถี่ต่ำออกไปให้กองเรือทุกลำทราบ!!”

“ครับกัปตัน!!” หน่วยข่าวกรองที่สีหน้าแฝงไปด้วยความหวังชูมือขึ้นฟ้าและส่งข้อความที่ว่าด้วยความถี่ที่ชัดเจนขึ้นให้กับกับเรือทุกลำทราบ

“ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอเพชรเม็ดงาม ฮ่าๆๆ พวกรัฐบาลก็มีพวกใจเด็ดเหมือนกัน” กัปตันกล่าวชื่นชมคนที่คิดค้นแผนการบ้าสุดโต้งจึงเปิดรายชื่อทหารแปรพักตร์จนไปถึงทหารเรืออาสาหน้าตาเฉิ่มๆคนหนึ่ง “ทีโมธี่ ฟิวเดอร์แมน…สีหน้าดูเจนสนามดี!!! ” 

เขาว่าจะรายงานเรื่องบุคลากรมีคุณภาพคนนี้ให้รูฟฟ่าทราบในภายหลัง

อีกด้านภายในเรือที่กำลังเกิดการต่อสู้ในหลายๆจุดจนเหมือนกับสงครามขนาดย่อม โจรสลัดกับสัตว์ประหลาดเข้าห้ำหันจนเกิดความสูญเสียทั้งสองฝ่าย

“มากันยั้วเยี้ยอย่างกับหนอน” โจรสลัดปาปังตอใส่สัตว์ประหลาดรูปร่างคล้ายกับสิงโตหกขา มีดสับเข้าลำคอคอแต่แผลยังตื่นทำให้ไม่ถึงตาย

“หัวขาดซ่ะ!!!” เขาพุ่งชนในระยะประชิดด้วยโล่ไม่ให้สิงโตประหลาดโจมตีสวนและใช้แรงดึงมีดปังตอที่ปักคอทำให้เลือดสาดกระจาย การกระทำนี้ทำให้สิงโตเสียศูนย์เขาจึงสับเข้าตำแหน่งเดิม ซึ่งครั้งนี้สามารถตัดหัวมันได้อย่างฉับพลัน

“บอส! ห้องเก็บเหล้ามัน!” โจรสลัดอีกคนชี้ไปที่ห้องเก็บเหล้าแช่เย็นที่เกิดระเบิดและมีสัตว์ประหลาดสิงโตแบบเดียวกันกระโดดออกมาเป็นฝูง

กลุ่มโจรสลัดถึงกับโกรธจัดที่แหล่งเหล้าถูกทำร้ายชูมีดปังตอเหนือหัว “ฆ่าพวกมันให้หมด!!!!”

“หัวหน้าใจเย็นก่อน เหล้ามันหาที่หลังได้ แต่เสียรูปขบวนเราจะไม่มีโอกาสดื่ม…..” โจรสลัดอีกคนตะโกน ขืนพวกเขาตายกันหมดคงไม่มีสิทธิ์กลับไปดื่มเหล้าที่บ้าน

“ที่บ้านเราจัดงานฉลองแล้วเหล้ากับเบียร์เพียบ”

“โทษที” หัวหน้าตบหัว พวกเขากำลังอยู่ในช่วงเฉลิมฉลองกลางวงเหล้าและเจอเหตุการณ์แบบนี้ และเหล้าของดีที่อุตส่าห์เก็บไว้ยังถูกทำลายทิ้ง…..

และ….เขาเห็นสัตว์ประหลาดรูปร่างคล้ายแมวน้ำกำลังซดเหล้าของพวกเขาพร้อมทำสีหน้ายิ้มเยาะเย้ยใส่

“ตาย……”

“เดียวก่อน!!!!” ทิมเอาปืนทุบหัวไหล่เรียกสติหัวหน้า เขารู้ว่ามันเป็นความรู้สึกเหมือนโดนดูถูกอย่างรุนแรง “พวกนี้ไม่ใช่สัตว์ธรรมดา พวกมันฉลาดมาก”

“ใช่ พวกเราเสียเปรียบจำนวนมันด้วย” 

 “ทิม?” หัวหน้าโจรสลัดชกปืนลูกซองสั้นยิงถาดบินที่ลอยเข้าหา

โดยถาดบินมาจากสัตว์ประหลาดที่ลอบโจมตีด้วยการแอบหลังสัตว์ประหลาดแมวน้ำ

แต่มันฉลาดมากที่แอบในเงามืดและพอลองใช้เลนส์อินฟราเรดส่องก็เห็นเป็นแค่หมอกสีขาวจำนวนมากไม่เห็นร่างกายจริง ดังนั้นถ้าไม่เข้าระยะจริงปืนลูกปรายคงสร้างความเสียหายให้มันไม่ได้

“พวกนี้ความฉลาดอาจพอๆกับมนุษย์” ทิมเปิดคอมพิวเตอร์ซึ่งมีข้อมูลการเปรียบเทียบสัตว์ประหลาดและมนุษย์โคลนที่ราชินี เจสสิก้ายูเรียลใช้ในสงครามกับสัตว์ประหลาดสายพันธุ์ใหม่พวกนี้ผลลัพธ์คือคนละเรื่อง

ความฉลาดของพวกทั้งสองกลุ่มพอๆกันแต่ไหวพริบต่างกันมาก สายพันธุ์ใหม่มีความเฉลียวฉลาดสูงซึ่งสามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง ตัวอย่างคือแบบยูเรียลมีการวางกับดักหรือการตีสนิท แต่นั้นเป็นการกระทำที่เหมือนถูกตั้งโปรแกรมเอาไว้ตั้งแต่แรกทำให้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาซึ่งหน้า แต่อย่างหลังมีการล่อลวงและยั่วยุอีกฝ่ายให้โกรธจากการสังเกตการณ์ และที่สำคัญคือมีการถอยหนีไปตั้งหลักอีกต่างหาก

สิ่งเหล่านี้เป็นความสามารถของสัตว์ที่สมองพัฒนาในระดับสูงอย่างมนุษย์ ทิมไม่รู้ยังมีสัตว์อีกกี่ชนิดบนโลกที่เฉลียวแบบมนุษย์ และที่เขาไม่รู้คือใต้ขบวนเรือที่พวกเขากำลังแล่นตัดน้ำแข็งได้มีสัตว์สายพันธุ์ใหม่ที่มีสิตปัญญาเทียบเท่ามนุษย์กำลังสอดส่องอยู่ห่างๆ

‘เมื่อกี้มันอะไร?’ เขามองเท้าหลังรู้สึกเหมือนมีอะไรสักอย่างกำลังแอบมอง แต่นี้ไม่ใช่สถานการณ์ที่ต้องมาสนใจกับเรื่องยุบยิบ

“ขอแค่เราไม่ประมาทคงไม่เป็นไร” ทิมกดคอมก่อนที่จะเปิดแผนการที่เขาคิดไว้ให้หัวหน้าโจรสลัดเห็น “ล่อมันให้มาร่วมที่นี้”

โจรสลัดคนอื่นที่ถืออาวุธหนักหันมามองคอมถึงกับให้ความสนใจ “เออ ลืมไปเลยว่าแกเข้ามาที่นี้ได้ยังไง” เขาตบหัว

พวกเขาจำได้ว่าขังพวกทิมเอาไว้ในโซนพยาบาล และระยะทางระหว่างโซนพยาบาลมาถึงทางเข้าออกถือว่าต้องวิ่งลงบันใดหลายชั้น และล่าสุดเขาต้องส่งคนกว่า 3 ใน 4 ส่วนเพื่อไปกู้เตาพลังงานคืนก่อนที่จะหนาวตาย 

จากที่ว่ามาทำให้ตามทางไม่มีคนเฝ้าทำให้สัตว์ประหลาดสามารถเจาะทางเดิน การที่ทิมมาที่นี้แสดงว่าฝ่ายหลังมีความสามารถไม่ใช่โชคช่วย (ส่วนพวกเขากำลังอาละวาดกับพวกสัตว์มันส์มือจนจำอะไรไม่ได้นอกจากเหล้ากับเลือด)และแผนน่าจะเวิร์ค

“หวังว่าจะได้ผล” ทิมเป่าปากขณะที่กำลังให้โจรสลัดแบกขึ้นหลัง เพราะขณะที่เขามาแจ้งแผนให้กับพวกสมองกล้ามไม่อ่านหนังสือจึงถูกสัตว์ประหลาดซุ่มยิงเข็มเข้าที่ขาอ่อนซ้าย ซึ่งมีคนช่วยล้างแผลป้องกันติดเชื้อให้แล้ว แต่เข็มแทงเข้าไปค่อนข้างลึกจนเขาเดินไม่ได้

“หมอๆจะไหวไหม?” มีคนถาม เพราะพวกหมอไม่ได้มีอาวุธหนักหรือยุทโธปกรณ์สำหรับวางแนวป้องกัน กำแพงเรือเองยังถูกเจาะด้วยกรงเล็บของสัตว์ประหลาด   และคนฉลาดอย่างทิมไม่อยู่แบบนี้ก็เหมือนกับขาดกองกำลังสำคัญ

“เห็นแบบนี้พวกเขามีความสามารถน่ะครับ” ทิมบอก เขาสังเกตหมอหลายๆคนช่วยกันขนของ, สร้างที่กำบัง, ผสมสารเคมีที่เขาต้องการและดำเนินตามแผนการทำให้รู้ว่าหลายๆคนล้วนมีความสามารถทางกายภาพสมเป็นทหาร (ซึ่งเขากลายเป็นคนอ่อนแอในหมู่หัวกะทิ) และหลายๆคนยังเข้าใจขั้นตอนการทำหน้าที่ตามแบบแผนอย่างมีประสิทธิภาพ อย่างสารเคมีกับการเชื่อมเหล็กยังทำสำเร็จในระยะเวลาอันสั้น

แค่เวลาไม่กี่นาทีอาวุธผลิตอย่างง่ายสำหรับป้องกันตัวก็พร้อมแล้ว และในมือของทิมมีสารเคมีที่ผสมเสร็จอย่างเร่งด่วนซึ่งสำคัญกับแผนการ

“หวังว่า…” ทิมหลับตาแผนการนี้ต้องลองเสี่ยง สำเร็จพวกเขาจะรอด แต่พลาดเรือลำนี้อาจจะจมและเขาจะซวย….กระนั้นโจรสลัดกลุ่มนี้ไม่ค่อยฉลาดสักเท่าไร ส่วนคนเก่งกับฉลาดถูกดึงไปป้องกันเกาะซุนสเซตหมด

“พูดอะไรเหรอ” โจรสลัดกล้ามโตที่แบกทีโมธี่ถาม

“อ่อ..แค่หวังว่าสำเร็จ….ผมไม่อยากตาย” เขาไม่กล้าตอบว่าตัวเองกำลังเอาเรือโจรสลัดสุดรักไปเสี่ยง

“ดวงอยู่กับพวกเรา!” โจรสลัดกล้ามโตหัวเราะและซดเหล้าในขวดที่พกติดตัว “อ๊า!! ที่นี้ไม่มีคนขี้ขลาด” เขาพูดทำให้โจรสลัดหลายๆคนหัวเราะชอบใจ

‘พวกสมองกล้ามพวกนี้จะทำให้ผมหัวใจวาย’ ทิมได้แต่พูดประชด พวกโจรสลัดพวกนี้เชื่อใจเขาที่วางแผนบ้าบอพึ่งดวง แต่เพราะโง่กับบ้าทำให้ยังไม่มีใครรู้ว่าเขาคิดจะทำอะไรกับเรือ ส่วนกัปตันที่อนุญาตให้รีบลงมือก็ทำไปเพราะต้องการลดความเสียหายกับตัวเรือและแผนการของทิมน่าจะเวิร์คกว่าการปล่อยให้โซนพยาบาลถูกทำลาย

“เดียวก่อน” ทิมสังเกตเห็นค่าอีเลเมนต์เพิ่มขึ้นโดยฉับพลันและตัวเลขมากมายที่ตรงกับวิชาภาคทฤษฎีล่าสุด “การเปิดประตูมิติ?”

เขาจำได้ว่าเรื่องเกี่ยวกับเปิดประตูมิติสำหรับการเดินทางข้ามผ่านจะจุดหนึ่งไปยังจุดหนึ่งยังเป็นที่ถกเถียงในวงการวิชาการ แต่ยูเรียลสามารถเปิดประตูมิติและเรียกสัตว์ประหลาดกับกองทัพจากที่ไหนก็ได้ของโลกจนมนุษย์ต้องรับมือด้วยเสาอีเลเมนต์

ที่จริงยังมีความลือถึงอมนุษย์สัตว์ที่สามารถทำสิ่งที่ใกล้เคียงกัน

“บ้าน่า” โจรสลัดกล้ามโตตะโกน เขามองนาฬิกาที่มีสัญลักษณ์สัญญาณเต็มแถบ “เสารบกวนทำงานอยู่ไม่น่าเป็นไปได้”

เขาพูดถูก ภายในตัวเรือมีการติดตั้งเสาอีเลเมนต์ขนาดย่อม ซึ่งเหมือนกับดาวเทียมที่ส่งผ่านคลื่นสนามแม่เหล็กสำหรับสื่อสาร ซึ่งกรณีนี้ภายในที่จะสร้างอาณาเขตไม่ให้มีการใช้ความสามารถอีเลเมนต์ใดๆทั้งสิ้น

“แต่ตัวเลข…..” โจรสลัดหญิงอีกคนบอกก่อนทีถอดหมวกออกเพื่อปั่นฝุ่นเผื่อกรณีเธอมองพลาด แต่หัวหน้าโจรสลัดตะโกนดัก

“เราไม่มีเวลามาสนใจเรื่องแค่นี้” เขาตะโกนะเพื่อบอกสิ่งที่พวกเขาต้องทำและคนอื่นก็เห็นด้วย สถานการณ์ตอนนี้คือศัตรูบุกเข้ามาในตัวเรือสร้างความเสียหายอย่างหนัก การมีประตูมิติในการ์ตูนจะโผล่ออกมาก็ไม่ได้ทำให้สถานการณ์แย่ลง

“บ็อบบอกกัปตันเดินเรื่องให้ระวังเรื่องประตูมิติ ส่วนเรื่องแผนการปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเรา” หัวหน้ากลุ่มบอกบ๊อบที่กำลังถือโล่กับปืนกลยิงสัตว์ประหลาดที่โจมตีสวนกลับมา

“เข้าใจแล้ว!!!” บ๊อบตะโกนก่อนที่จะหยิบแผ่นโล่จากด้านหลังมาตั้งไว้บนพื้นและวิ่งหนีเพื่อให้เป็นเป็นแนวขัดขวางการเคลื่อนไหวของสัตว์ประหลาด

“บอส กัปตันบอกว่าตอนนี้ที่สะพานเดินเรือมีตัวประหลาดโผล่ เขาบอกให้รีบทำตามแผน” บ๊อบที่สื่อสารกับกัปตันบอกกับหัวหน้า

“จนได้สิน่ะ” เขาชักดาบความร้อนสูงข้างกาย “พวกบ้าทั้งหลายได้เวลาอาละวาดสุดตีน!”

“เฮ้!!!!”

โจรสลัดหลายต่อหลายคนมีกำลังใจฮึกเหิมล้วนชักอาวุธระยะประชิดที่ตัวเองถนัดมาโชว์กัน ทุกคนที่นี้ล้วนเชี่ยวชาญการต่อสู้ระยะประชิดและยิ่งเป็นการต่อสู้บนเรือที่โคลงเคลงพวกเขาเหล่าโจรสลัดไม่มีทางแพ้พวกสัตว์ประหลาดอย่างแน่นอน

“ช่วยทำเป็นไม่เห็นผมทีได้ไหม” ทิมยกมือและพูดเสียงเบา เขาไม่อยากไปเสี่ยงตีนแบบพวกบ้าสมองกล้าม

“เห้ย…ไม่ไปได้ไง นายเป็นคนวางแผนเชียว ทิมต้องมีสิทธิ์ได้รับเกียรติ” โจรสลัดกล้ามโตบอก “บอสรูฟฟ่าบอกว่าของรางวัลต้องแชร์กัน”

‘แต่ผมไม่ต้องการเอาชีวิตไปเสี่ยงกับรางวัล!!!’ ทิมได้แต่นึกได้ใจ สีหน้าของเขาที่ยิ้มแห้งๆในสายตาของเหล่าโจรสลัดเหมือนกับสีหน้าเขินอายของลูกเรือมือใหม่ที่ได้รับเกียรติให้แสดงฝีมืออย่างเต็มที่

“น้องใหม่อย่าอาย เดียวเราจะได้ไปอาละวาด ฝีมือดีจะได้เลื่อนขั้นเฟ้ย”

“ช่าย! ได้เหล้ากินเป็นลังทั้งสัปดาห์นี้อย่างสวรรค์อ่ะขอบอก”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

โจรสลัดหลายคนหัวเราะทั้งที่กำลังถอนกำลัง ไม่ใช่ทิมที่สงสัยในสมอง แม้แต่สัตว์ประหลาดเองยังบิดคอแสดงความงุนงง เพราะสิ่งที่โจรสลัดแสดงคือความปราศจากความกลัวตายโดยสิ้นเชิง

“ดูถ้าคงจะอะดรีนาลินสูบฉีดทั้งตัว” ทิมมองนาฬิกาที่แสดงการทำงานของร่างกายของคาร์เตอร์โจรสลัดกล้ามโตที่ชีพจรเต้นเร็วมาก และสีหน้าเหมือนกับคนที่เปี่ยมสุขดูยังไงก็เหมือนกับพวกเมาเหล้าไม่ก็โด๊ปยามาชัดๆ

‘พระเจ้าได้โปรดให้ลูกช้างรอดด้วยเถอะ’ ทิมไม่ใช่สาวกของพระเจ้าแต่เขาในตอนนี้ได้แต่อวยพรพระเจ้าให้ปกป้องชีวิตเขาที่กำลังเอาชีวิตน้อยๆไปวัดดวง

ตูม!

สัตว์ประหลาดถูกกับระเบิดที่ทิมติดตั้งระเบิดจนตัวขาด ตัวที่ยังรอดล้วนบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิดสำหรับกำจัดสัตว์ประหลาดจึงถูกกลุ่มโจรสลัดจัดการด้วยมีดปังตอ

ปัง!

“ตรงนั้นไง” ทิมชี้เนินสิ่งกีดขว้างที่ไฟลุกพร้อมกับสัตว์ประหลาดที่วิ่งว่อนพยายามดับไฟที่ลุกบนตัว

“เห้ยๆๆไฟมันเผามาถึงนี้” โจรสลัดใช้มือทุบสัตว์ประหลาดที่ไฟลุกทั่งตัวและประเดิมด้วยประแจใส่ที่หัวกับอกของมันจนมันขาดใจตายก่อนที่จะรีบดับไฟที่ไหม้บนชุดกันหนาว

“อย่าปัดครับ ไฟนั้นดับไม่ได้!” ทิมตะโกนก่อนที่เขาจะควักครีมในกระปุกและใช้ปาดบริเวณที่ไฟไหม้บนแขน

โจรสลัดมองไฟที่ดับเขาเห็นร่องรอยการไหม้ของไฟที่ลึกผ่านรอยฟันที่ถูกกัดจนถึงชุดด้านใน มิน่าเขาถึงรู้สึกร้อน ขืนปล่อยไว้อีกนิดไฟจะเผาเข้าเนื้อ

“นายคิดค้นเหรอ?” โจรสลัดที่แขนติดไฟถามขณะกำลังเอาวัสดุมาพันแขนส่วนที่เสื้อไหม้

“เป็นสูตรสารเคมีผสมนะครับ” ทิมชักปืนยิงลูกระเบิดก่อนที่จะยิงใส่กลุ่มสัตว์ประหลาดที่หันกลับมาหลังรู้ว่ามีศัตรูโจมตีจากทางด้านหลัง

ตูม!

กระสุนระเบิดกระจายหมอกสีเขียว และทันใดนั้นหมอกได้เกิดประกายไฟสีเขียวและลุกโชกช่วงเป็นไฟสีแดงฉาน สัตว์ประหลาดถูกไฟเผาลึกไปถึงกล้ามเนื้อจนเริ่มเห็นกระดูกสีขาวที่ไหม้เป็นสีดำ

พวกมันพยายามกลิ้งเพื่อดับไฟ บางตัวถึงขนาดวิ่งด้วยความเร็วสูงกระโจนลงน้ำทะเล แต่เสียงร้องโหยหวนกับไอน้ำสีขาวบ่งบอกว่าไฟยังไม่ดับ

นอกจากนั้นหมอกสีเขียวที่ติดไฟได้กลายเป็นสสารเหมือนกับเมือกเหนียวและติดไฟตามพื้นที่และร่างกายสัตว์ประหลาดจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้

“สารเคมีรุ่นผลิตจำนวนมากสำหรับกำจัดสัตว์ประหลาด” เขาอธิบาย นอกจากจะมีอาวุธเลเซอร์แล้วอเมริกาได้คิดค้นสารเคมีเผาไหม้รุนแรงสำหรับทหารราบด้วย และทิมได้แอบขโมยสูตรสำหรับทำสารเคมีกับตัวแก้เอาไว้เสร็จสรรพ

“ข้างในปล่อยภัยดีไหม” ทิมตะโกนถามคนที่อยู่อีกฝากของแนวกั้นไฟโดยยังเห็นแผ่นป้ายโซนพยาบาลที่กำลังไหม้จนดำตอตะโก

“ทิม…พวกเราปลอดภัยดี” หมอที่อยู่อีกฝากตอบและปาขวดเหล้าสามขวดเป็นจังหวะเพื่อเป็นรหัสผ่านว่าพวกเขาไม่ใช่ศัตรูปลอมตัวมาแต่อย่างใด

“คาร์เตอร์ก้มหัวหน่อย” ทิมบอกให้คาร์เตอร์กล้ามโตเพื่อที่เขาจะทำการดับไฟ

เมื่อโจรสลัดกล้ามโตก้มหัวเขาจึงหย่อนระเบิดดับไฟโดยให้กลิ้งไปที่แนวกั้นไฟอย่างช้าๆ

ตัวระเบิดปล่อยควันสีขาวที่ดูแล้วเหนียวขุ่นเหมือนกับครีม และควันสีขาวของระเบิดดับไฟจึงเริ่มควบคุมพายุไฟอันแสนรุนแรงได้อย่างอยู่หมัด

ตึง!

หมอกับทหารเจ็บอีกฝากช่วยกันเอาแท่งเหล็กกระทุงแนวกั้นจนถล่มและกวักมือให้กับทิมกับกลุ่มโจรสลัดที่กลับมาช่วย “เกือบไปแล้ว”

“ทิมนายเจ๋งมากเลย” คาร์เตอร์เขย่าทิมที่อยู่บนหลัง แต่หัวเขาชนกับคางทิมจนเลือดตกยางออก

“โอ๊ย….” ทิมลูบจมูกกับคางที่เลือดไหลเป็นทางยาว “เตือนก่อนเซ่” เขาชักอารมณ์ใส่

“โทษทีๆ” คาร์เตอร์กล่าวขอโทษและวางทิมที่ขี่หลังลงกับพื้น

ทิมหยิบแท่งเหล็กมาเป็นที่ค้ำ “รีบรวมตัวกันก่อน เรายังมีอีกหลายอย่างที่ต้องทำ”

“ไอหนูสั่งเราได้เลย เห้ยคาร์เตอร์หยิบเหล้าให้ฉันหน่อยสิ”

คำเรียกของโจรสลัดทำให้หมอกับคนเจ็บมองหน้ากัน….แต่เป็นตัวทิมที่พูดขึ้น “ขอโทษ บังเอิญ…..วัตถุดิบต้นของเจ้านี้มันคือแอลกอฮอล์”

คำพูดของทิมทำให้โจรสลัดตาค้างและมองไปยังลังเหล้ากับเบียร์ที่ตอนนี้ถูกวางกองกันด้วยภาชนะที่ว่างเปล่า และยังเห็นหมอกับอีกหลายๆคนกำลังผสมสารเคมีในถังเบียร์ขนาดใหญ่ แต่คนเหล่านั้นไม่สนใจกับน้ำตาลูกผู้ชายของเหล่าโจรสลัดที่เสียแอลกอฮอล์สุดที่รัก

ชีวิตพวกเขามาก่อนส่วนเรื่องเหล้า นักเคมีคนหนึ่งลองเอานิ้วจิ้มสารเคมีดมดูก่อนที่จะทำสีหน้าเหม็นและเช็ดคราบทิ้ง

ทิมเงียบสนิท เขาใช้ไม้ค้ำเดินแยกออก ‘ซวยแล้วไง’

“ย้าก!!!” โจรสลัดหลายคนตะโกนเหมือนคนบ้า บางคนถึงกับฉีกเสื้อกันหนาวที่สวมใส่โยนไปคนละทิศคนละทางและหันไปทางอีกด้านที่ฝูงสัตว์ประหลาดกำลังกรูกันเข้ามา

“พวกบ้าเลิกร้องไห้กันก่อน” โจรสลัดหญิงตะโกน “ที่บ้านเรายังมีเหล้าอีกเยอะ”

“…” คาร์เตอร์สมองกล้ามที่น้ำตาลูกผู้ชายกำหมัดก่อนที่จะหยิบปืนลูกซองดัดแปลงขนาดใหญ่กว่าปกติสองเท่ามาไว้ในมือ

“รู้สึกขวัญกำลังใจจะ….” ทิมไม่กล้าพูดต่อ เหมือนทุกคนจะแค้นสุดลิ่มทิ่มประตูและเลือกไประบายกับพวกสัตว์ประหลาดแทน

‘หวังว่าทุกคนจะไม่ชกฉันน่ะ’ ภายใต้สีหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจของทิมมีแต่ความหวาดกลัว และความน่าสมเพชที่มีต่อตัวเอง

โจรสลัดทุกคนส่งซิกให้ทิมและทิมที่กำลังเครียดจึงขบฟันและขมวดคิ้วชนกันทำให้ฝ่ายแรกนึกว่าทิมบอกว่าทุกคนพร้อมรบด้วยความมั่นใจ

“ไปกันเลย” ทิมพูดด้วยเสียงแข็งไม่เป็นธรรมชาติ แต่เสียงเขามีความแข็งกร้าวและความเข้มทำให้ทุกคนได้ขวัญกำลังใจ

“เฮ้!!!” นอกจากโจรสลัดแล้ว พวกหมอๆกับคนที่เจ็บตั้งแต่ตอนแรกต่างฮึมเหิมเต็มกำลังและคว้าอาวุธมากมายเท่าที่หามาได้ใช้คู่กับชุดเสริมกำลังเข้าปะทะกับฝูงสัตว์ประหลาดอย่างไม่กลัวตาย

ปึง!

แต่เป็นฝ่ายสัตว์ประหลาดที่ตกตะลึง เนื่องจากพวกมันหลายตัวที่อยู่แนวหน้าถูกมนุษย์ชนกระเด็นกระดอนไปคนละทิศคนละทางจนหลายๆตัวเริ่มหนี

ความเฉลียวฉลาดระดับมนุษย์ทำให้พวกมันรักตัวกลัวตายและไม่กล้าเสี่ยง

“มันได้ผล!” 

“ฆ่าพวกขี้ขลาด!!” แม้แต่หมอที่หน้าตาดูใจดียังแสดงสีหน้าโรคจิตและไล่แทงสัตว์ประหลาดโดยไม่กลัวถูกกัดแม้แต่น้อย

สิ่งที่อยู่ตรงหน้าทำให้ทิมกลัวจนใจจะขาด และกลัวยิ่งกว่าตอนที่หลายๆคนหันหน้ายิ้มโชว์ฟันหลายสีให้เขาเห็น

“แย่แล้ว” บรรยากาศที่พาไปทำให้ทิมรู้สึกปวดกระเพาะ…..

“แย่อะไรหรอ” คาร์เตอร์หันหลังมาถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“อ่อ….แย่ตรงที่ว่าตรงมีคนเหลือที่นี้คนหนึ่งเพื่อสั่งการระบบ….ฉันจึงไปกับพวกนายไม่ได้”

“โอ้ว! งั้นรึ นึกว่าจะหนีซ่ะอีก” คาร์เตอร์ที่สีหน้าเคร่งเครียดหัวเราะและเอามือเคาะหัวไหลทิม แต่เขาลืมไปว่าเขาถือปืนกระบอกโตน้ำหนักมากทำให้ไหล่ทิมs]joไปข้างหนึ่งและยกไม่ขึ้น…

“ฮ่า. .ฮ่า. .ฮ่า. .มันเจ็บน่ะ” ทิมบ่นออกมาก่อนที่จะรีบเดินกะเผลกไปบริเวณกำแพงที่มีรูเสียบส่งสัญญาณ

‘ซวยแล้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ’

‘ฉันซวยแล้ว!!!!’

ทิมที่ได้แต่นึกในใจทำได้แค่ส่งสายตาให้กับพวกคนบ้าที่ถูกบรรยากาศพาไปจนอะดรีนารีนไหลจนคลั่ง เขาไม่อยากอยู่ใกล้กับพวกนี้และไม่อยากให้รู้ว่าตัวเองคิดอะไรไม่อยู่ เพราะเขาคงถูกอัดจนตายเป็นแน่แท้

สิ่งที่เขาทำต่อจากนั้นคือการกดแป้นพิมพ์เฉยๆเป็นการหลอกเหล่าโจรสลัดกับพันธมิตรที่ส่งเสียงโฮ้ร้องด้วยความยินดีที่พวกเขามีสุดยอดผู้สั่งการแสนองอาจที่วางแผนขั้นต่อไปเพื่อชัยชนะ

กว่าที่ทิมจะทำใจได้และเริ่มทำงานจริงๆจังๆก็หลังจากนั้น 3 นาที และกว่าเขาจะพิมพ์ตัวอักษรให้ถูกต้องก็อีก 10 นาที

……………………

อีกด้านนิลกำลังมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวเพื่อรื้อฟื้นความหลังของโลกเก่า

“ดวงดาวบนท้องฟ้าของสองโลกต่างกันจริงๆ” นิลยิ้ม ไม่ว่าเขาจะมองยังไง หมู่ดาวระหว่างสองคนมีจุดแตกต่างกัน แต่ล้วนงดงามและงดงามเสมอมา

“ดาว….” ไอน์ที่อยู่บนอกนิลพยายามจะยกมือพยายามคว้าดวงดาวบนท้องฟ้าที่ส่องสกาวให้กับนิลผู้เป็นพ่อ

“ดาวไม่ใช่ของลูกน้า” นิลลูบหัวไอน์ “โตขึ้นแล้วก็อย่าไปขโมยดาวของใครเขาละ” เขาพยายามสอนไอน์ในฐานะคนเป็นแพ้ การสอนเขาอาจทุลักทุเลแต่เขาจะทำทุกอย่างเท่าที่เขาในตอนนี้พอจะทำได้

นิลกับไอน์มองดาวบนท้องฟ้าในโดมกระจกที่ซานะสร้างให้สองพ่อลูกไว้สำหรับดูดาว นอกจากหอดูดาวส่วนตัวยังมีสื่อสำหรับเด็กมากมายที่จัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ

สำหรับเด็กหญิงการได้ดูสารคดีต่อด้วยการเปิดโลกาทัศน์บนท้องฟ้าและได้เห็นความสวยงามยามค่ำคืนก็เป็นโต๊ะเรียนความรู้แสนสนุก

นิลถอยหายใจ ถ้าเขาสามารถที่จะหนีและใช้ชีวิตอย่างสงบสุขทั้งชีวิตไปกับการกักบริเวณเขาก็เลือก

เพื่ออนาคตของไอน์แล้วต่อให้ต้องช่วยซานะกับความโลภของหล่อนเขาก็จะช่วย…..และความจริงบีบให้เขากลายเป็นที่พึ่งพาของคนอื่น และศัตรูไม่มีทางปล่อยเขาไว้มีแต่ต้องสู้กับสู้

อันส์จิสรูฟฟ่าได้รับพลังมหาศาลหลังชิงตำแหน่งผู้คมกฎของยูเรียลและอิทธิพลของเธอส่งผลต่อโลกเดิมโดยตรง เขาอาจไม่ได้อยู่ในโลกเดิม แต่เขาว่าตามตรงคือผู้คุมของโลกใบนี้ทำให้สัมผัสได้ถึงตัวตนของอันส์จิสที่เพิ่มขึ้นทุกขณะ

อีกไม่นานหล่อนจะรุกรานโลกนี้ เพราะฉะนั้นการเพิ่มโอกาสชนะแม้แต่เปอร์เซ็นต์เดียวก็คือความหวังของเขาและลูกสาว

“เป็นห่วงความปลอดภัยหรือค่ะ” ซานะในชุดกิโมโนตัวใหญ่ที่เต็มไปด้วยเครื่องประดับเพชรนิลจินดาเดินเข้าหาสองพ่อลูก

“ตราบเท่าที่ดิฉันอยู่และคุณ..”

“ไม่หนีไปไหน ผมรู้” นิลพูดดักสิ่งที่จิ้งจอกสาวกำลังจะพูด “แต่ผมแค่ไม่อยากให้ไอน์ต้องใช้ชีวิตเหมือนนกในกรงไปทั้งชีวิต”

นิลเป็นห่วงอนาคตของไอน์ อย่างที่ซานะมั่นใจ เธอสามารถหาวิธียั่งยืนที่ทำให้อันส์จิสเซร่าไม่สามารถรุกรานมายังโลกใบนี้ได้ นั้นก็คือการกักบริเวณนิล

วิธีนี้ใช้ประโยชน์จากตำแหน่งผู้คุมกฎโลกของเซร่ากับนิลเองให้เป็นประโยชน์

โลกใบนี้ไม่ใช่โลกเดิม การได้ตำแหน่งพระเจ้าหรือแอดมินก็เหมือนกับบัลลังก์ที่ติดโซ่ตรวนทำให้เซร่าไม่สามารถเข้าแทรกแซงโลกใบอื่นได้ตรงๆแบบเดียวกับที่ยูเรียลต้องกระเสือกกระสนหาเพื่อวิธีโจมตี จนกระทั้งหล่อนเริ่มทิ้งตำแหน่งของตัวเองและโผล่เข้ามาช่วยนิลกับนาระ

ส่วนนิลเป็นเหมือนกับตัวตนที่เป็นแก่นกลางของโลกที่อิงจากความทรงจำของโลกที่ถูกทำลาย และหลังจากที่คีรีสสอนความสามารถบางอย่างให้กับนิล เขาจึงสามารถที่จะตรวจจับสิ่งแปลกปลอมที่หลุดเข้ามาในโลกนี้ได้อย่างหยาบๆ ถ้าเป็นคนปกติคงรู้ว่ามีคนแอบเข้ามาแต่ไม่รู้รายละเอียด แต่กับเซร่าที่เป็นอันส์จิสมีข้อมูลตัวตนที่พิเศษเป็นเอกลักษณ์กับพลังมหาศาล ไม่มีทางที่นิลจะไม่รู้ตัวและเขาจะไม่ยอมให้เซร่าบุกเข้ามาในโลกนี้ตราบเท่าที่เขาไม่อนุญาตเป็นอันขาด

แต่วิธีนี้มีข้อเสียคือการที่นิลต้องอยู่ในสภาพที่เขาต้องหลับตลอดเวลา เนื่องจากการตื่นจะทำให้เขารับรู้กับสิ่งต่างๆรอบตัวตลอดเวลา การรับข้อมูลจากการมองเห็น, การได้ยินเสียง, การดมกลิ่น, การรับรสและการสัมผัสสิ่งรอบตัวลดความสามารถในการรับรู้สิ่งแปลกปลอมจากภายนอก

เมื่อรับรู้ลดลงเซร่าสามารถหาช่องโหว่และเจาะเข้ามายังโลกใบนี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าสังเวชเพราะตัวเซร่าทรงพลังกว่านิลกับซานะมาก การที่ป้องกันไม่ให้เซร่าเข้ามาถือว่าเป็นอย่างหนักที่เหนื่อยเต็มกลืน

ดังนั้นซานะจึงสร้างพื้นที่พิเศษที่เหมือนกับกรงนกขังนิลกับไอน์เอาไว้ซึ่งพื้นที่นี้จะช่วยลดภาระในการรับรู้ของนิลลงทำให้สามารถเคลื่อนไหวได้ตามปกติ

แต่ไม่ว่าจะสวยหรูงดงามมันก็คือกรงนก นิลเหมือนกับถูกขังลืมไม่สามารถรับรู้สิ่งต่างๆจากโลกภายนอก และสิ่งที่เขารับรู้จะมีซานะคอยขัดกรองอีกที

อย่างหนังสือหลายเล่มที่อ่าน, สารคดีหลายเรื่องที่ดู และดาวบนท้องฟ้าก็เป็นสิ่งที่ซานะจัดแจ้งและคัดกรองไม่ให้นิลรับข้อมูลมากจนเกินไป

เขาจึงถูกขังโดยที่ซานะอนุญาตให้ไอน์คนเดียวเท่านั้นที่เข้าใกล้

‘วิล/วิลสัน, นาระ และโฮรุสจะเป็นยังไงบ้างน้า’ เขานั่งบนฝูกที่นอนนุ่มๆและดูสารคดีกับไอน์ต่อ

“ไดโนเสาร์” 

“จ้าๆๆ” นิลชี้ตามไอน์โดยมีซานะทำสีหน้าพึ่งพอใจอยู่ข้างกาย

จนในที่สุดเธอจึงเอยปาก “ดิฉันขอสัญญาว่าจะมอบอิสระให้กับไอน์ ขอสาบานในฐานะ…..”

เธอสังเกตนิลที่เหมือนไม่ใส่ใจกับการให้คำสัตย์สักเท่าไร จุดนี้ทำให้ซานะเศร้าใจ เธอไม่รู้สึกโกรธ เพราะสิ่งที่เธอทำล้วนทำให้นิลมองเธอในแง่ลบ

‘ฉันขอโทษ’ ซานะพูดด้วยน้ำตาคล้อเบ้า แต่เธอกางพัดเพื่อบังใบหน้าก่อนที่จะรีบเช็ดหยาดน้ำตาไม่ให้ใครก็ตามเห็นเธอในสภาพนี้

อีกด้านหนึ่งนาระกำลังง่วนอยู่กับการซ่อมชุดของเขาที่หวังลี้ทำพังให้กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง…..

“เหลือแค่นี้คงต้องบอกว่าสร้างใหม่” นาระมองเศษผ้าสีดำที่แข็งกรอบสลับกับโครงชุดเก่าสองตัว

ความจริงเขาต้องเริ่มสร้างชุดใหม่โดยอาศัยโครงเดิมของชุดสองตัวที่เขาเคยใส่ก่อนหน้าด้วยวัตถุดิบที่มีอยู่ โชคดีที่ซานะมีเครื่องจักรสำหรับผลิตไฟเบอร์ชุดเกราะโดยเฉพาะ

“ดีไซน์….ไม่เป็นไร…..ทุกอย่างพอใช้ได้” เขามองชุดคลุมสีดำที่มีลายแถบสีแดงกับสีเหลืองทับบนเนื้อผ้าสีดำ วัสดุต่างๆล้วนเป็นการนำอุปกรณ์ของคิสึเนะมาดัดแปลงแบบถูไถ

ตัวนาระเองไม่รู้วัสดุพื้นฐานในการสร้างชุดนี้นอกจากเสียจากว่าเออร์เรีย ชไนเดอร์ยกให้เขาอีกทอดหลังได้รับจากอลิซและอลันมีแบบแปลนพื้นฐานเหลือไว้ให้ เขาจึงทำได้แค่การหาวัสดุที่เหมาะสมกับการเคลื่อนไหวและสไตล์การต่อสู้ของเขาให้ใกล้เคียงที่สุด

“เนื้อผ้ามีความยืดหยุ่นสูง แต่ความคงทน” นาระปล่อยกระแสไฟฟ้าจากนิ้วไล่ตามเนื้อผ้า ชุดดีไซน์ด้วยวัสดุทนทานต่อไฟฟ้า แต่เขาไม่แน่ใจว่าเมื่อใช้พลังไฟฟ้าเต็มที่ชุดจะพังหรือเปล่า

‘ชุดพอใช้ได้ การออกหมัดก็โอเค’ เขานึกและลองชาร์จไฟฟ้าต่อยอากาศหลายต่อหลายหมัดและเบี่ยงตัวไปมาสลับกับฟุตเวิร์ค ‘ต่อไปก็ทดสอบจริง’

“พร้อมไหม?” โฮรุสควงทวนเล่มใหม่ที่พัฒนาต่อยอดจากของเดิมโดยการเพิ่มความหนาแน่นของโลหะกับน้ำหนัก

แบบเดียวกับนาระเขาเคาะอาวุธเพื่อเตรียมการในขั้นสุดท้ายด้วยการใช้งานจริง

“ขออีกแปบหนึ่ง” นาระสวมชุดเกราะกันกระสุนอีกชั้นและยึดด้วยซิปกับกระดุมแม่เหล็กทำให้รู้สึกไม่สบายตัวเวลาใส่จริง

“มาเลย”

นาระนั่งย่องๆเอามือกดพื้นและใช้แรงแขนกับขาดีดตัวเข้าหาโฮรุส

“ฮ่า!!!” โฮรุสตวัดทวนขึ้นทำให้นาระที่อยู่ในระยะทวนยกแขนสองข้างและทุบกับโคนทวนที่ปราศจากด้านคมเพื่อป้องกันการโจมตี

แต่นั้นทำให้การ์ดนาระแตก โฮรุสจึงฉวยโอกาสใช้แขนอีกสองข้างกดทวนเล่มเดิมให้ฟันลงเข้าบ่า 

นาระหมุนตัว ชุดเกราะกันกระสุนเสียดสีกับทวนในจังหวะที่ฟันเขาจึงสามารถเบี่ยงตัวหลบ 

เนื่องจากส่วนชายกระโปรงมีตัวถ่วงน้ำหนักช่วยเขาหมุนตัวหลบการโจมตี และทวนที่ต้องฟันโดยทั้งตัวถ่วงน้ำหนักที่แข็งมากกับชุดเกราะกันกระสุนทำให้สามารถเบี่ยงทิศทางของทวน

“ชุดฉัน…” นาระตีลังกา ขณะที่กำลังลอยตัวสังเกตเกราะกันกระสุนที่ถูกบาดลึกจนชายเสื้อตัวใหม่ถูกฟันเป็นรอยยาวและตัวถ่วงน้ำหนักแตกก้อนหนึ่ง “ขืนสู้แบบนี้…..” 

นาระลองเปรียบแล้วพบว่าโฮรุสเก่งกว่าที่สู้กับนิลอีก ความหนักหน่วงกับความเร็วเพิ่มขึ้น เขาไม่สามารถเข้าชนตรงๆแบบตอนสู้สัตว์ประหลาดหรือมนุษย์สวมเกราะเสริมพลัง

ทุกการโจมตีสามารถขยี้เหล็กกล้าได้เหมือนกับบีบกระดาษ แบบนี้คงไม่มีเกราะป้องกันที่ไหนสามารถป้องกันการโจมตีของโฮรุสได้

“เห้ย..” โฮรุสยกขาหน้าและใช้ขาหลังดีดตัวเอาขาหน้าชนนาระ แต่นาระยกขาสองข้างชนกับเท้าของโฮรุสและย่อตัวเพื่อลดแรงปะทะ

ปัง!

เสียงเท้าชนกันดังเหมือนกับเสียงฟ้าผ่า ตัวนาระถูกแรงปะทะกระเด็นหมุนตัวแบบลูกข่างกลางอากาศ เมื่อลงพื้นเขาใช้เท้าไถลไปตามพื้นเพื่อถ่ายแรงเฉื่อยในตัวออกไปจนหมด

ทางโฮรุสอ้าปากหายใจและกระทืบพื้นเพื่อพุ่งควบชนนาระ ระหว่างทางเขาคว้าดาบขึ้นมาสองเล่มและฟันนาระที่เพิ่งฟื้นตัวการการหมุนตัว

นาระสังเกตรอบตัวในช่วงที่หมุนเขาคว้าคว้าหอกกับดาบขึ้นและดีดตัวหมุดฟาดฟัน

เคร้ง!

อาวุธของโฮรุสกับนาระกระทบกันทำให้ดาบในมือนาระหัก แต่เขาสามารถเบนการโจมตีของโฮรุสออกจากเป้าซ้ำยังฉวยโอกาสใช้หอกแทงโฮรุสจากจุดบอด

เมื่อถูกโจมตีจากจุดบอด เขาจึงตัดสินใจปล่อยดาบจากมือใช้หลังมือปัดป้องหอก ซึ่งเปิดโอกาสให้นาระสามารถก้มตัวรับดาบที่โฮรุสทิ้ง และหมุนตัวฟันโดนตัวโฮรุสได้สำเร็จ

โฮรุสชะงักเพราะถูกฟันเข้าที่ลำตัว การโจมตีของนาระบาดไม่ลึกเพราะเขาเกร็งกล้ามเนื้อทำให้ใบดาบที่ไม่คมฟันได้แค่ชั้นกล้ามเนื้อ แต่ปัญหาที่ทำให้เขากังวลคือต่อจากนี้ 

เขามือชาเพราะใช้มือข้างนั้นปัดป้องหอกที่เสียบอย่างรวดเร็วทำให้หอกสีกับแขนจนมือเขาชา นอกจากเขาที่สามารถขยี้เหล็กกล้าม ตัวนาระสามารถส่งแรงขาที่ใช้กล้ามเนื้อต่างสปริงเพิ่มความเร็วในการโจมตีแม้แต่เขาก็ไม่อาจรับไหว

‘เจ้านี้เก่งกว่านิล’ ประสบการณ์ต่อสู้กับนาระทำให้โฮรุสเจอแต่ความแปลกใหม่ที่เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน

โฮรุสเป็นตัวตนที่เรียนรู้สิ่งต่างๆจากหนังสือหนังหาหลายต่อหลายเล่มในหอสมุด และสิ่งที่เขาชอบที่สุดคือศิลปะการต่อสู้แขนงต่างๆกับประวัติศาสตร์สงคราม

เขาจึงพบว่าวิธีการต่อสู้ของนาระมีความแตกต่างกับนิลมาก นิลมีการต่อสู้ตามแบบแผนและอาจมีการใช้ลูกเล่นแพร้วพราวเพื่อหลอกล่อศัตรู แต่โฮรุสที่อ่านขาดจะสามารถหาวิธีรับมือได้อย่างทันท่วงที และการต่อสู้จริงสามารถจบในเพียงการโจมตีเพียงครั้งเดียวทำให้เขาที่มีขนาดใหญ่กว่าได้เปรียบ (ปืนปกติยิงเขาไม่เข้า)  

แต่กับนาระเป็นคนที่มีรูปแบบการต่อสู้ที่แปลกประหลาด การต่อสู้ที่รวดเร็วและดุดันของนาระใช้ประโยชน์จากสรีระทางกายภาพที่พิเศษของตัวเองได้เป็นอย่างดี

การเคลื่อนไหวที่ขัดแย้งกับหลักสรีระวิทยาของสิ่งมีชีวิต ซึ่งความแตกต่างทางกายภาพทั้งมวลกล้ามเนื้อ, รูปแบบการมัดตัวของกล้ามเนื้อ, ระบบไหลเวียนโลหิตและโครงกระดูก กลายเป็นไพ่ตายลับที่ประมาทไม่ได้

การโจมตีของนาระรุนแรงกว่านิล แต่เขาเลือกโจมตีโดยหวังผลทำลายขีดความสามารถในการต่อสู้ของศัตรูแทน กระนั้นสำหรับสิ่งมีชีวิตปกติการโจมตีที่ว่าสามารถปลิดชีวิตศัตรูได้เหมือนกัน 

นาระจึงเหนือกว่านิลในเชิงการต่อสู้จริง (ไม่นับพลังพิเศษของนิลที่ยังไม่ทราบความสามารถที่แท้จริง) ร่างกายที่ซุกซ่อนกลไกที่เหมือนกับเครื่องจักรถือว่านรกมากสำหรับใครหลายๆคน

และยังสามารถเพิ่มความหลากหลาย บางทีนาระโจมตีเหมือนกับสัตว์ บางทีสลับไปโจมตีตามแบบแผนและเปลี่ยนเป็นเหมือนกับเครื่องจักร จนโฮรุสต้องปรับตัวตลอดเวลาที่สู้ และ…

ปึง!

นาระบิดตัวเตะก้อนอิฐที่หลุดเพราะโฮรุสกระทืบพื้นสวนกลับไปหาคนที่ทำลายมันเหมือนกับกำลังจะแก้แค้น และนาระจงใจเตะใส่ใบหน้าเพื่อทำลายวิสัยทัศน์โดยเฉพาะ 

โฮรุสจึงบิดหัวไหล่เพื่อปัดอิฐออกโดยไม่ให้เขาเสียจังหวะ

นาระอาศัยแรงหมุนวิ่งเบี่ยงออก และหยุดอย่างฉับพลันพร้อมกับอาศัยแรงเฉื่อยหมุนตัวเสริมแรงไปยังแขนและส่งต่อไปยังหอกที่ตั้งใจปา

หอกไม่ถูกตัวโฮรุส ต้องบอกว่านาระจงใจปาพลาดเป้าเพื่อเรียกความส่งของโฮรุสเท่านั้น ต่อมาเขาหยิบกระบอกเหล็กข้างๆก่อนที่จะพุ่งตัวเข้าหาโฮรุส

โฮรุสที่ถูกเรียกความสนใจใช้ดาบฟันนาระที่ชักกระบอกเหล็กฟาดสวน และเมื่ออาวุธทั้งสองกระทบกันทำให้ดาบโฮรุสที่ได้รับความเสียหายก่อนหน้าทนการะปะทะไม่ไหวจนหัก ส่วนกระบอกเหล็กของนาระเองก็งอผิดรูปเช่นกัน

นาระเปลี่ยนวิธีจับกระบอกเหล็กจากเดิมที่กระบอกงอเข้าไปตามโค้งศอกเปลี่ยนทิศทางให้ส่วนที่งอหันออกจากลำตัวและใช้ส่วนนั้นฟาดโฮรุส “นายมันเทอะทะ”

“ไม่ต้องบอกฉันก็รู้!” โฮรุสถูกฟาดที่ขาและถูกนาระใช้กระบอกเหล็กงอเกี่ยวขาทำให้เขาขยับได้ไม่สะดวก ตามปกติสรีระของโฮรุสทำให้เขาสามารถพุ่งชนทะลวงศัตรูที่มีขนาดใหญ่กว่าหรือชนตัวเล็กหลายตัวให้แหลกไปคนละทิศคนละทาง

แต่เหมือนกับนาระที่ตัวเล็ก อารมณ์จึงเหมือนกับว่าเขากำลังสู้กับมดที่ขนาดเท่าคน และเขายังรู้สึกเจ็บแสบบริเวณที่ต้องได้กับการโจมตีเหมือนกับถูกมดพ่นกรดใส่

โฮรุสมีหกขา และทั้งหกขาล้วนสำคัญมากเวลาเคลื่อนไหว การเสียขาไปทำให้กว่าเขาจะตั้งตัวสำหรับการเคลื่อนไหวครั้งต่อไป การโจมตีระลอกใหม่ของนาระก็มาแล้ว

“ถ้าทางจะได้ผล….” นาระกำมือที่ปล่อยไฟฟ้าอ่อน การโจมตีเหมือนกับมดกัดแบบที่โฮรุสในตอนนี้รู้สึก แต่ถ้าใช้ให้ถูกจุดรอยกัดเล็กๆของมดก็ล้มช้างได้เหมือนกัน

“เจ็บแหะ” โฮรุสยังรู้สึกได้ถึงไฟฟ้าสถิตที่กำลังโจมตีประสาทของเขา และเหมือนกับว่าเริ่มจับดาบไม่ถนัดมือ “ฉันอ่องลงทุกครั้งที่ถูกนาระโจมตี แบบนี้ไม่ถูกโฉลกฉันเลย”

“เห้ๆๆ ทุกคนมีวิธีต่อสู้ต่างกัน ฝึกๆหน่อยเซ่” นาระท้าทาย เขารู้ว่าโฮรุสเป็นประเภทที่ยิ่งสู้ต่อไปเรื่อยๆจะเริ่มหนักหน่วงขึ้นจนถล่มอีกฝ่ายที่อ่อนกำลังลงด้วยพลังมหาศาลที่เหนือกว่า

“จะไปละน่ะ” นาระเอาดาบสีกับกระบอกเหล็กจนเกิดสะเก็ดไฟจนไฟฟ้าสถิตกระบอกเหล็กงอมีกระแสไฟฟ้าห่อหุ้มที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

โฮรุสพยายามจะโจมตีเพื่อลดความเสียหาย แต่เขาเจ็บแผลที่ถูกนาระฟันเข้าที่เอวและสังเกตเห็นกระแสไฟฟ้าจากแผลเชื่อมถึงกับฝ่ามือที่นาระซ่อนไว้

ตูม!

ปึง!

“อุ๊บ!” โฮรุสยกแขนสี่ข้างป้องกันกระบอกเหล็กไฟฟ้าที่นาระฟาดใส่ การโจมตีนี้ทำให้กระบอกเหล็กเบนอีกครั้ง แต่แขนสี่ข้างของโฮรุสระบมไปหมด “หืม!!!”

นาระที่ใช้ไฟฟ้ากระตุ้นการทำงานของระบบประสาทกับกล้ามเนื้อทำให้เขาสามารถดึงพละกำลังกับความเร็วที่ทัดเทียมโฮรุสได้ระยะเวลาสั้นๆ

ต่อให้มีขนาดร่างกายที่เล็กกว่าหรือดึงพลังได้เพียงระยะเวลาสั้น แต่เมื่อการโจมตีเข้าเป้าก็เหมือนกับคนตัวเล็กที่ยิงปืนชนะคนตัวใหญ่!!!

“ใช้ฉันเป็นคู่มือบาลานซ์ไฟฟ้าแกยังกล้าพูดแบบนี้อีก” โฮรุสเกร็งกล้ามเนื้อทั่วทั้งตัวจนเส้นเลือดบริเวณแขนกับขาที่ถูกไฟฟ้าช็อตแตก เขาฝืนเส้นประสาทกับเส้นเลือดที่ถูกไฟฟ้าดูดให้ขยับตามความคิดของตัวเอง

เขาทนไฟฟ้าได้ แต่การโจมตีของนาระมันกัดกร่อนร่างกายเขา และแผลที่โดนไฟฟ้านาระยังฟื้นตัวช้าลง

โฮรุสสะบัดแขนกับขาเพื่อใช้เลือดออกให้กลายเป็นหมอกเลือดเป็นการดักจับเส้นทางการโจมตีของนาระ เขาเร็วไม่เท่านาระและเขาเห็นว่าบางการโจมตียังเร็วกว่าการมองเห็นของเขาอีก ดังนั้นการที่สามารถสังเกตความผิดปกติของหมอกสีแดงในอากาศจะช่วยลดช่องว่างความเร็ว!!!

นาระที่เห็นตั้งใจใช้จังหวะที่โฮรุสโปรยหมอกเลือดโจมตี แต่ก่อนที่จะเข้าระยะพุ่งตัวเขาหยุดชะงัก “เกือบไปแล้วสิ”

“ฉลาดมาก” โฮรุสชม เขาไม่ใช่คนที่ยอมให้นาระใช้ไม้ตายจนถูกอัดอยู่ฝ่ายเดียว แน่นอนว่าวิธีการต่อสู้ของเขาแพ้ทางให้กับนาระเพราะทำให้ไม่สามารถถล่มศัตรูที่อ่อนแรงได้เต็มประสิทธิภาพ แต่การรังแกศัตรูที่อ่อนแรงไม่ใช่วิถีของเขา 

ร่างกายของโฮรุสลดขนาดลงและกลับมาเป็นร่างของเขาในเวอร์ชั่นมนุษย์เดินสองขา และเขายังเก็บแขนหกข้างจนเหมือนกับมนุษย์ธรรมดาที่มีสองแขนกับสองขา

แต่นั้นทำให้นาระเครียด เพราะเขาสังเกตเห็นกล้ามเนื้อที่หดตัวรัดแน่นกับร่างกายที่ผอมลง จังหวะที่นาระโจมตีโฮรุสที่หดตัวจะขยายกล้ามเนื้ออย่างฉับพลัน ความเร็วกับพละกำลังที่ระเบิดจะซัดนาระทีเดียวกระดูกหักหลายท่อนเลยทีเดียว

โฮรุสจะเสี่ยงสวนกลับด้วยการโจมตีที่ส่งผลร้ายต่อตัวเอง แต่เขาฟื้นฟูตัวเองได้ในภายหลัง แต่นาระที่ไม่มีอลันช่วยรักษาให้เหมือนแต่ก่อนคงจะสาหัส…. ซานะที่เห็นว่าเขาไร้ค่าคงปล่อยให้เขาเน่าตาย 

“งั้นมาต่อกันเลย” โฮรุสเปลี่ยนท่ายืนให้ท่อนขาขนานกับพื้นจนเหมือนกับการนั่งเก้าอี้อากาศ 

ทางนาระเองเพิ่มปริมาณกระแสไฟฟ้าเข้าไปที่อาวุธของเขา เนื่องจากตัวเองยังไม่ชินกับกระแสไฟฟ้าที่กระตุ้นร่างกายจนเสียหาย ดังนั้นวิธีเดียวกันคือการสะสะมพลังงานไฟฟ้าเข้าไปในอาวุธนอกกลาย

ว่าแล้วเขาจึงพุ่งตัวฟันในทันที

แต่โฮรุสที่นั่งเก้าอี้อากาศสามารถบิดตัวหลบได้อย่างง่ายดายทั้งที่ขากับเอวไม่ขยับบ่งบอกถึงกล้ามเนื้อที่หดตัวสามารถยืดขยายได้อย่างอิสระ และการโจมตีเร็วสูงของนาระได้เปิดช่องว่างให้กับโฮรุสใช้หมัดเสยคาง

หมัดที่พุ่งเร็วจนเหมือนกับหอกบาดแก้มของนาระที่บิดคอหลบ แต่จังหวะต่อมาคือศอกที่ฟันใส่คอเขา นาระจึงใช้เท้าเหยียบหัวเข่าที่นั่งเก้าอี้อากาศของโฮรุสเพื่อหลบการโจมตี

“เสร็จฉันละ!” โฮรุสย่อตัวและปล่อยให้เท้าของเข่าข้างที่ถูกนาระเหยียบไหลไปตามพื้นอย่างนุ่มนวม จังหวะนี้ทำให้นาระเสียสมดุลและถูกโฮรุสในร่างมนุษย์กระโดดหมุนตัวและจับกดด้วยความเร็วสูง

“แย่ละ!!!” เป็นตัวนาระที่คดีพลิกหน้าทิ่มแทน ร่างกายเขาทนไฟฟ้าที่กระตุ้นได้เพียงระยะเวลาสั้นๆ หลังกระตุ้นไปรอบหนึ่งร่างเขาจะหยุดไปชั่วขณะเพื่อรอเวลาให้ร่างกายคลายตัว และโฮรุสนั้นไม่กระจอก เขาสามารถอาศัยจังหวะชั่วพริบตาทะลวงจุดอ่อนนาระในช่วงเวลาที่นาระแข็งตัว

“อุ๊บ!” นาระถูกกระแทกพื้นจนกระอักเลือด แต่เขาไม่ปล่อยให้ตัวเองสิ้นฤทธิ์ง่ายๆ เขากำมือชาร์ตไฟฟ้าด้วยโลหะก้อนเล็กๆในมือชกใส่

โฮรุสยกแขนป้องกันหมัดไฟฟ้าจนมือเขาชาและหมัดของนาระยังเจาะชั้นกล้ามเนื้อที่อัดแน่นจนเกือบถึงกระดูก โชคยังดีที่เขาออกแรงทั้งหมดบิดแขนเพื่อปัดหมัดไฟฟ้าพลังทำลายร้างสูงก่อนที่จะสร้างความเสียหายกับกระดูกจนแขนขาด

“ได้การละ” นาระใช้จังหวะที่โฮรุสปัดหมัดดึงขากลับมาและถีบจนโฮรุสกระเด็นไปทางด้านหลัง

“อุ๊ก!” โฮรุสเอามือลูบท้อง เขาเจ็บแขนมาก บาดแผลดังกล่าวเหมือนกับถูกขูดเนื้อออก และเขาไม่สามารถคงสภาพในร่างมนุษย์จนกลับร่างครึ่งคนครึ่งม้าร่างใหญ่เหมือนเดิม

“อั๊ก!” ตัวนาระเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน การที่เขากระตุ้นร่างกายให้ดึงท่อนล่างให้ยกสูงและถีบโฮรุสมันทำให้กล้ามเนื้อเอวฉีก และเขาตอนนี้เจ็บเจียนตาย

“พอแค่นี้แหล่ะ” ซานะเคาะพัดและทำสีหน้าไม่พอใจมาก “นี้ถ้าไม่ใช่ว่าดิฉันหูตาไวละก็ แผนคงได้พังหมดพอดี”

“ซานะ…อู้ย!” นาระที่จะลุกเจ็บเอวจนลุกไม่ขึ้นต้องให้ซานะใช้หางรัดและยกร่างขึ้นกลางอากาศก่อนที่หล่อนจะหยิบเข็มแทงเอวนาระจนเขาร้องเสียงหลง

“อ๊าก!” นาระที่ร้องเหลือบมองซานะที่ตั้งใจแทงเข็มให้เขาเจ็บปวดทรมานเหมือนหล่อนต้องการจะระบาดอารมณ์ลงกับเขาทั้งหมด

“คุณด้วย” เธอโยนเข็มฉีดยากับผ้าพันแผลให้โฮรุส… “ลุกขึ้น ฉันมีเรื่องต้องให้คุณสองคนทำ” ว่าแล้วเธอจึงวางร่างของนาระลง

“ยืนได้แล้ว?” นาระรู้สึกแปลงใจกับเมื่อกี้ที่เขาเหมือนจะขยับไม่ได้เพราะกล้ามเนื้อฉีกออกจากกัน แต่คราวนี้เหมือนกับว่ากล้ามเนื้อจะประสานตัวทำให้เขาสามารถใช้กระแสไฟฟ้าควบคุมให้ยืนได้ตามปกติ

“ไม่คิดว่าตัวเองทำตัวงี่เง่าหรือค่ะ” ซานะกางพัดปิดบังใบหน้าที่มีสีหน้าเหมือนมองสิ่งปฏิกูล “ศัตรูของพวกเรากำลังแข็งแกร่งขึ้น แต่พวกคุณทำตัวเป็นเด็กน้อยทำลายตัวเองตามความชอบใจ………” เธอปาพัดใส่โฮรุสก่อนจะหยิบก้อนกระดาษปาใส่นาระ

เธอแตะอากาศทำให้เกิดรอยแยกปรากฏขึ้น “อันส์จิสเซร่ากำลังได้สิทธิ์ควบคุมโลกโดยสมบูรณ์ และดิฉันอย่างให้พวกคุณไปหยุดหล่อนก่อนที่จะสายเกินไป”

ซานะไม่เข้าใจว่าสองคนแรกเริ่มแค่ฝึกด้วยพลังที่ได้จากร่างกายใหม่ แต่ไปๆมาๆกลายเป็นการต่อสู้กะเอาถึงตายแบบไม่ยอมใคร ทั้งที่ตอนที่นิลสู้กับโฮรุสยังมีลิมิต แต่สองตัวนี้สู้กัน ทำดีแต่การทำลายทรัพย์สินของเธอเหมือนกับเด็ก

“มาโคโตะยังดีกว่าพวกแกเลย” เธอเอยถึงเด็กหญิงมาโคโตะที่เรียบร้อยและฟังที่เธอพูดมากกว่า และสิ่งที่สำคัญเธอมีเป้าหมายที่ชัดเจนและไม่ทำอะไรเรื่อยเปื่อยแบบผู้ใหญ่ไม่ได้ความพวกนี้……ยกเว้นคุณนิลที่กำลังเป็นพ่อที่แสนดี

“จะให้ทำอะไร” โฮรุสถามขณะพยายามหดร่างกายตัวเองให้กลับเป็นร่างมนุษย์อีกครั้ง แต่อาการบาดเจ็บทำให้เขาควบคุมร่างกายที่ได้ใหม่ไม่ดีเท่าที่ควร

“ที่ขั้วโลกเหนือ….” ซานะบอก “เซร่ามุ่งเป้าไปยังที่นั้นและฉันต้องการให้พวกคุณสองคนสร้างความเสียหายและลดสิทธิ์การควบคุมของหล่อนลง”

“และเธอจะควบคุมโลกแทน” นาระกอดอกพยักหน้า เขาคิดว่าซานะแบบโหดอำมหิตได้กลายเป็นแอดมินแล้ว เขารู้สึกสงสารยูเรียลที่สละตัวเองเพื่อช่วยเขาเอาซ่ะแล้ว

“เลิกพูดมากน่ารำคาญ ไปหยุดหล่อนซ่ะ” ซานะเริ่มมีน้ำโห หล่อนกางหางหกหางที่มีอาวุธงอกออกมา “หรือจะให้ฉันดัดแปลงพวกคุณแบบคุณหวังลี้ก่อนถึงจะทำตาม”

“เข้าใจแล้วๆ” นาระยกมือยอมแพ้ แต่เขายังคงเจ็บเอวไม่หาย แต่ซานะไม่เปิดโอกาสให้เขาบ่น หล่อนส่งที่รัดเอวให้กับนาระในทันที “รู้ใจกันจริง” เขาหัวเราะแห้งๆ

นาระหันซ้ายหันขวาเหมือนไม่เห็นเด็กหญิงที่ซานะเอยชื่อ “แล้วมาโคโตะละ”

“มาโคโตะจังไปก่อนพวกแกอีก หัดทำตัวให้มีคุณค่าบ้าง อายเด็กเขาไหม” ซานะกำหมัด เป็นเพราะเธอไปหามาโคโตะที่กำลังทำครัวกับฮาอิจิและเลือกสิ่งจำเป็นให้กับสองคนด้วยตัวเองจึงเสียเวลาปล่อยพวกสมองน้อยตีกัน!!!

ส่วนโฮรุสหลังฉีดยา เขาสนใจการต่อสู้บนสนามรบใหม่ แต่เขาเสียการควบคุมเพราะคลั่งในการต่อสู้…. “ไม่ว่ายังไงฉันก็เหมือนกับพวกสัตว์ประหลาดพวกนั้น”

เขาจำความได้ว่ากำลังอ่านหนังสือในร่างครึ่งคนครึ่งม้า และการรู้ตัวในโลกที่ถูกหยุดเวลาได้มอบความสามารถในการแปลงเป็นมนุษย์ เขาจึงคิดว่าตัวเองคงเป็นสัตว์ประหลาดชั้นต่ำเหมือนกับตัวอื่นๆที่ได้รับข้อมูลของมนุษย์จึงมีแนวคิดของมนุษย์ปะปนเข้ามา

แต่ไม่ว่าจะอ่านหนังสือกี่เล่ม หาวิธีให้เหมือนกับมนุษย์ยังไงเขาก็ไม่อาจควบคุมความกระหายในการฆ่าฟันได้สักที

“สู้กับพระเจ้างั้นรึ น่าสนใจดีนี่!!!” โฮรุสคำราม ต่างกับนาระที่บ่น เขาเลือกที่จะเผชิญหน้ากับศัตรูทุกคนเหมือนกับความต้องการดั้งเดิมที่เขาเกิดมา และความต้องการที่แท้จริงได้พาพวกเขาสองคนไปยังโลกเดิมอีกครั้ง!!!

โลกที่เต็มเปี่ยมไปด้วยไฟสงคราม สถานที่กำลังร่ำร้องเรียกหาโฮรุส

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+