STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา 35.2 ฝนตกแล้ว (2)

Now you are reading STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา Chapter 35.2 ฝนตกแล้ว (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 35 ฝนตกแล้ว (2)

เมืองหยินในค่ำคืนนี้ค่อนข้างวุ่นวายพอสมควร

ท้องฟ้ายังคงฝนตกอยู่เรื่อยๆ

แต่เมืองหยินกลับเกิดเหตุไฟไหม้ตามจุดต่างๆ ไปทั่วหลายแห่ง

กระทั่งหลิวหลงปรากฏตัวแล้วพาหน่วยตรวจการณ์ไปลาดตระเวนดูทั่วทุกทิศ เมืองหยินถึงค่อยๆ สงบลง

……

ณ กู่ย่วนเมืองหยิน

บ้านตระกูลหยวน

เวลานี้ไม่ได้มีแค่หยวนซั่วคนเดียวเท่านั้น แต่ยังมีผู้พิทักษ์รัตติกาลอีกสองคน หูฮ่าวหลี่เมิ่งก็อยู่ หลี่เมิ่งดูเหมือนจะอาการดีขึ้นพอสมควร เพียงแต่ใบหน้ายังดูซีดเซียวนัก

หูฮ่าวมองออกไปข้างนอกคอยสอดส่องเหตุการณ์วุ่นวายข้างนอกก่อนเปรยเสียงเบา “ผู้เฒ่าหยวน เราได้รายงานกองบัญชาการใหญ่ฝ่ายพิทักษ์รัตติกาลไปแล้ว ไม่นานก็จะมีคนมาสมทบ…แต่ตอนนี้ ทางที่ดีผู้เฒ่าหยวนอย่าออกไปเลย รออยู่ตรงนี้จะปลอดภัยกว่า!”

หูฮ่าวรู้และพอจะเข้าใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้อยากตั้งตัวเป็นศัตรูกับผู้พิทักษ์รัตติกาล และไม่ได้มาเพื่อจัดการหยวนซั่ว แต่มาเพื่อจัดการลูกศิษย์ของหยวนซั่ว

หากพูดในมุมมองของผู้พิทักษ์รัตติกาลแล้ว คนพวกนี้อาจหาญเหิมเกริม…สมควรฆ่าทิ้ง!

แต่ภารกิจของพวกเขาคือปกป้องหยวนซั่ว ดังนั้นหยวนซั่วสำคัญกว่าหลี่ฮ่าว เขาจะปล่อยให้หยวนซั่วตกอยู่ในอันตรายเพราะหลี่ฮ่าวไม่ได้

หยวนซั่วไม่ได้พูดอะไรแค่มองออกไปข้างนอก

ข้างนอกเริ่มสงบลงอย่างช้าๆ

“บังอาจนัก!”

หยวนซั่วปริปากพูดขึ้นกะทันหันแต่น้ำเสียงแฝงด้วยความเย็นชานิดๆ “พลังเหนือธรรมชาติก็อยู่ส่วนพลังเหนือธรรมชาติไป คนธรรมดาก็อยู่ส่วนคนธรรมดาไป โลกนี้ยังไงก็ยังมีกฎระเบียบอยู่! องค์กรนี้เหิมเกริมเกินไป ผู้พิทักษ์รัตติกาลรู้หรือเปล่าว่าเป็นองค์กรไหน”

เหิมเกริมเกินไปแล้ว!

เมืองหยินเล็กและห่างไกลความเจริญก็จริง แต่ก็เป็นเมืองที่อยู่ภายใต้การดูแลของทางการ ทว่าตอนนี้กลับถูกคนพวกนี้ใช้เป็นเครื่องมือข่มขู่ผู้พิทักษ์รัตติกาลกับกองตรวจการณ์

หูฮ่าวส่ายศีรษะ “เรื่องนี้ผมไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบ ผมเลยไม่ค่อยทราบ แต่ดูจากวิธีการบุ่มบ่ามไม่มีขอบเขตแบบนี้แล้วคงตามรอยยาก…คงไม่พ้นสามองค์กร หงเยวี่ย เฟยเทียน เหยียนลั๋วหรอก!”

พอเอ่ยชื่อสามองค์กรนี้ออกมา หยวนซั่วก็ขมวดคิ้วแน่น

เป็นหนึ่งในสามองค์กรนี้หรือ

หากเป็นอย่างนั้น…ปัญหาของลูกศิษย์ของตนอาจจะใหญ่กว่าที่ตนคาดคิดเอาไว้

สามองค์กรนี้ก่อตั้งขึ้นก่อนผู้พิทักษ์รัตติกาลจะปรากฏตัวเสียอีก

ผู้พิทักษ์รัตติกาลก่อตั้งขึ้นเมื่อยี่สิบปีก่อน แต่สามองค์กรใหญ่นี้อาจจะเร็วกว่าสักนิด เพียงแต่ไม่เคยปรากฏตัวที่ใดเลย กระทั่งองค์กรผู้พิทักษ์รัตติกาลก่อตั้งขึ้นแล้ว ทางการถึงได้เบาะแสมาบ้างก่อนจะรู้ถึงการมีตัวตนอยู่ของสามองค์กรใหญ่นี้

เทียบกับองค์กรพลังเหนือธรรมชาติอื่นๆ แล้ว หงเยวี่ย เฟยเทียน เหยียนลั๋ว สามองค์กรนี้จะอยู่แถวหน้าของขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติ มีผู้ที่แข็งแกร่งมากกว่า เพียงปราดเดียวก็สามารถหยั่งรู้ความลับของใครหลายๆ คนได้อย่างน่าหวาดผวา

ความสามารถอยู่เหนือที่คาดเอาไว้มาก

หยวนซั่วไม่ได้พูดอะไรอีก

หากเป็นสามองค์กรนี้…ปัญหาในครั้งนี้คงไม่เล็กแล้วจริงๆ แต่อีกฝ่ายมาถึงเมืองหยินเพื่อจัดการหลี่ฮ่าว ต่อให้มีผู้ที่แข็งแกร่งมาด้วยก็ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมายอะไร

ไม่อย่างนั้นหากถูกผู้พิทักษ์รัตติกาลเอาเปรียบไปหนึ่งครั้ง ทำลายผู้ที่ฝีมือแข็งแกร่งไปหนึ่งคนกลับไม่ใช่ผลลัพธ์ที่สามองค์กรใหญ่ต้องการจะเห็นหรอก

หยวนซั่วไม่ได้มีความเคลื่อนไหวใด

เขากำลังรอ

ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เขาจะลงมือ หรือว่าไม่ลงมือแล้วดี ถ้าลงมือไป…ลงมือครั้งแรกก็ต้องได้ผลลัพธ์ที่ดี ไม่อย่างนั้นตีงูไม่ตาย อนาคตก็ยากจะต่อกรยากขึ้นไปอีก

ภายในห้อง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลสองคนก็มีสีหน้าย่ำแย่มากเช่นกัน

ผู้พิทักษ์รัตติกาลเป็นองค์กรพลังเหนือธรรมชาติของหน่วยทางการ แต่ตอนนี้กลับรู้สึกอัดอั้นตันใจเหลือเกิน พวกเขาแข็งแกร่งไม่พอ อีกทั้งภารกิจนี้ใช่ว่าพวกเขาจะรับมือได้ ตอนนี้ทำได้แค่คอยมองผู้พิทักษ์รัตติกาลถูกย่ำยีศักดิ์ศรี!

แม้เมืองหยินจะเล็ก แต่ก็เป็นเมืองที่มีประชากรนับล้าน

วันนี้กลับถูกปกคลุมอยู่ภายใต้อำนาจผู้อื่น

“ต้องกำจัดพวกมันให้สิ้นซากในสักวัน!”

หลี่เมิ่งแค่นเสียงเย็นเอ่ย!

ลูกวัวเกิดใหม่ไม่กลัวเสือ เธอพูดจาไม่เกรงกลัวใครและดูท่าจะใจกล้าไม่เบาเลย

หยวนซั่วไม่ปริเสียงสักแอะ หูฮ่าวกลับลอบถอนหายใจทีหนึ่ง คิดง่ายเกินไป ถ้ากำราบมันได้ผู้พิทักษ์รัตติกาลคงทำไปตั้งนานแล้ว เพราะทำไม่ได้ อีกอย่างร่องรอยการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายลึกลับมากถึงทำให้มีผลอย่างวันนี้

พลังเหนือธรรมชาติผงาดขึ้นเร็วเกินไป ผงาดขึ้นฉุกละหุกเกินไปจนทางการก็ตั้งรับไม่ทัน พลังเหนือธรรมชาติไม่ได้โผล่มากะทันหัน แต่เกิดจากแผนการที่มีการวางแผนมาแล้วล่วงหน้า ตรงจุดนี้ทางการเองก็ไม่ทันรวบรวมข้อมูลตั้งแต่แรก

พอรอถึงวันที่ทุกอย่างกระจ่างถึงทำได้แค่อาศัยอำนาจรากฐานอันยิ่งใหญ่ของทางการก่อตั้งหน่วยผู้พิทักษ์รัตติกาลขึ้นมา แบบนี้ถึงคุมสถานการณ์ตามเมืองต่างๆ ให้คงที่ลงได้

ทว่าบัดนี้เกิดความวุ่นวายไปทั่ว ผู้พิทักษ์รัตติกาลมีจำนวนจำกัด แล้วจะกำราบทั่วทุกทิศได้อย่างไร

ความจริงหูฮ่าวเริ่มกังวลในใจ ยี่สิบปีมานี้ผู้พิทักษ์รัตติกาลเป็นฝ่ายยอมมาโดยตลอด หากเป็นเช่นนี้ต่อไปองค์กรใหญ่ต่างๆ ก็จะเอาแต่ใจมากขึ้น บางจุดแม้แต่ผู้พิทักษ์รัตติกาลเองยังเสื่อมโทรมลงไปด้วย

ความสงบแบบนี้จะคงอยู่ไปได้อีกนานแค่ไหน

มณฑลหยินเยวี่ยในตอนนี้ยังถือว่าดี แต่ความวุ่นวายในเมืองหยินอย่างวันนี้จะขยายเวลาไปนานไหม

วินานี้ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ

ผู้พิทักษ์รัตติกาลทั้งสองโกรธเคือง ไม่พอใจ แต่ทำได้แค่มองและรอคอยอย่างเดียว พร้อมหวังว่าทางฐานบัญชาการใหญ่ของผู้พิทักษ์รัตติกาลจะส่งคนมา ถึงขั้นฝันว่าจะมีผู้ที่แข็งแกร่งของฐานบัญชาการใหญ่มาเพื่อสยบความวุ่นวาย ให้เป็นที่ยำเกรงในขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติบ้าง!

แต่…ความคาดหวังแบบนี้มีมาหลายปีแล้ว ทว่าเกิดขึ้นน้อยครั้งนัก

หยวนซั่วนั่งพิงเก้าอี้ข้างๆ โดยไม่พูดอะไร

ข้างๆ มือกลับลูบมีดเล่มหนึ่ง

เหตุผลที่หยวนซั่วโด่งดังได้ใช่ว่าจะอาศัยอาวุธอย่างเดียว เขาเป็นคนเก่งรอบด้านจึงถนัดทั้งอาวุธและมือเท้า

ตอนนี้เขากลับวางมีดเล่มหนึ่งอยู่ข้างกาย

ความจริงนี่เป็นมีดที่เพิ่งทำขึ้นมาใหม่ไม่นานมานี้

ไม่มีใครสนใจเลย ความจริงต่อให้เป็นสองคนที่อยู่ข้างๆ ก็ไม่มีใครสนใจทั้งนั้น ยิ่งไม่สนใจด้วยว่าด้ามจับของมีดนี้มีหินมีดเล็กๆ ประดับอยู่ ขนาดเจ็ดแปดเซนติเมตรและกว้างสองถึงสามเซนติเมตร

เล็กกว่าด้ามจับเสียอีก!

หยวนซั่วลูบไล้มันไปมาพร้อมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะ ฉับพลันกล้ามเนื้อใต้ร่มผ้าเคลื่อนไหวไม่หยุด จากนั้นก็มีพลังบางอย่างกำลังพลุ่งพล่านในกาย

……

ณ เมืองหยิน

ไกลจากกองตรวจการณ์ไปไม่ถึงสามพันเมตร มีโบสถ์ใหญ่อยู่แห่งหนึ่ง

ณ ตอนนี้ภายในโบสถ์เป็นดั่งขุมนรก

เงียบสงัด!

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนถึงมีเสียงหัวเราะต่ำๆ ดังแว่วมาจากเงามืดที่อยู่ในซอกมุม “หลิวหลงออกมาแล้ว! หยวนซั่วอยู่ในกู่ย่วน สองคนที่ปกป้องเขาก็เฝ้าอยู่ตรงนั้นไม่กล้าขยับไปไหน!”

“ผู้พิทักษ์รัตติกาลมีแผนอะไรไหม”

“ตอนนี้ยังไม่มี แต่ไม่เป็นไร ผู้พิทักษ์รัตติกาลที่อยู่ทางมณฑลหยินเยวี่ย กองบัญชาการใหญ่มียอดฝีมืออยู่แค่ไม่กี่คน อีกอย่างต่างก็มีภารกิจของตัวเองและมีแผนการของตัวเอง สามารถตามแกะร่องรอยได้…ยิ่งกว่านั้น ผู้ที่แข็งแกร่งของกองบัญชาการใหญ่ผู้พิทักษ์รัตติกาลไม่ผลีผลามง่ายๆ หากครั้งนี้เรามียอดฝีมือมา บางทีอาจจะดึงความสนใจเขาได้ ตอนนี้…ฆ่าเราก็เท่ากับแตกหักกัน ผู้พิทักษ์รัตติกาลไม่มาเสี่ยงด้วยหรอก!”

ถ้าสามารถโจมตีฆ่ายอดฝีมือในองค์กรของพวกเขาได้ในคราวเดียว ต่อให้ผู้พิทักษ์รัตติกาลจะมีราคาที่ต้องจ่ายก็อาจจะยอมลงมือได้

แต่หาฆ่าคนระดับกลาง แต่ต้องแตกหักกับองค์กรที่แข็งแกร่ง สำหรับผู้พิทักษ์รัตติกาลแล้วมันไม่คุ้มเท่าไร

เสียงหัวเราะต่ำๆ จากเงามืดดังก้องขึ้น

น้ำเสียงแฝงด้วยความพึงพอใจและภาคภูมิใจ

การทำให้เมืองหยินตกอยู่ภายใต้เงามืดของพวกเขา เรื่องแบบนี้มันช่างน่าภูมิใจเสียเหลือเกิน

ต่อให้มีผู้พิทักษ์รัตติกาลแล้วอย่างไรเล่า

ก่อนมาจัดการคนธรรมดาคนหนึ่งครั้งนี้ ไม่ว่าอดีตตระกูลหลี่จะรุ่งเรืองแค่ไหน หลี่ฮ่าวในวันนี้ก็เป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง ทางเมืองหยินกลับคิดจะขัดขวางอีก ไม่ประมาณตนเอาซะเลย!

………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา 35.2 ฝนตกแล้ว (2)

Now you are reading STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา Chapter 35.2 ฝนตกแล้ว (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 35 ฝนตกแล้ว (2)

เมืองหยินในค่ำคืนนี้ค่อนข้างวุ่นวายพอสมควร

ท้องฟ้ายังคงฝนตกอยู่เรื่อยๆ

แต่เมืองหยินกลับเกิดเหตุไฟไหม้ตามจุดต่างๆ ไปทั่วหลายแห่ง

กระทั่งหลิวหลงปรากฏตัวแล้วพาหน่วยตรวจการณ์ไปลาดตระเวนดูทั่วทุกทิศ เมืองหยินถึงค่อยๆ สงบลง

……

ณ กู่ย่วนเมืองหยิน

บ้านตระกูลหยวน

เวลานี้ไม่ได้มีแค่หยวนซั่วคนเดียวเท่านั้น แต่ยังมีผู้พิทักษ์รัตติกาลอีกสองคน หูฮ่าวหลี่เมิ่งก็อยู่ หลี่เมิ่งดูเหมือนจะอาการดีขึ้นพอสมควร เพียงแต่ใบหน้ายังดูซีดเซียวนัก

หูฮ่าวมองออกไปข้างนอกคอยสอดส่องเหตุการณ์วุ่นวายข้างนอกก่อนเปรยเสียงเบา “ผู้เฒ่าหยวน เราได้รายงานกองบัญชาการใหญ่ฝ่ายพิทักษ์รัตติกาลไปแล้ว ไม่นานก็จะมีคนมาสมทบ…แต่ตอนนี้ ทางที่ดีผู้เฒ่าหยวนอย่าออกไปเลย รออยู่ตรงนี้จะปลอดภัยกว่า!”

หูฮ่าวรู้และพอจะเข้าใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้อยากตั้งตัวเป็นศัตรูกับผู้พิทักษ์รัตติกาล และไม่ได้มาเพื่อจัดการหยวนซั่ว แต่มาเพื่อจัดการลูกศิษย์ของหยวนซั่ว

หากพูดในมุมมองของผู้พิทักษ์รัตติกาลแล้ว คนพวกนี้อาจหาญเหิมเกริม…สมควรฆ่าทิ้ง!

แต่ภารกิจของพวกเขาคือปกป้องหยวนซั่ว ดังนั้นหยวนซั่วสำคัญกว่าหลี่ฮ่าว เขาจะปล่อยให้หยวนซั่วตกอยู่ในอันตรายเพราะหลี่ฮ่าวไม่ได้

หยวนซั่วไม่ได้พูดอะไรแค่มองออกไปข้างนอก

ข้างนอกเริ่มสงบลงอย่างช้าๆ

“บังอาจนัก!”

หยวนซั่วปริปากพูดขึ้นกะทันหันแต่น้ำเสียงแฝงด้วยความเย็นชานิดๆ “พลังเหนือธรรมชาติก็อยู่ส่วนพลังเหนือธรรมชาติไป คนธรรมดาก็อยู่ส่วนคนธรรมดาไป โลกนี้ยังไงก็ยังมีกฎระเบียบอยู่! องค์กรนี้เหิมเกริมเกินไป ผู้พิทักษ์รัตติกาลรู้หรือเปล่าว่าเป็นองค์กรไหน”

เหิมเกริมเกินไปแล้ว!

เมืองหยินเล็กและห่างไกลความเจริญก็จริง แต่ก็เป็นเมืองที่อยู่ภายใต้การดูแลของทางการ ทว่าตอนนี้กลับถูกคนพวกนี้ใช้เป็นเครื่องมือข่มขู่ผู้พิทักษ์รัตติกาลกับกองตรวจการณ์

หูฮ่าวส่ายศีรษะ “เรื่องนี้ผมไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบ ผมเลยไม่ค่อยทราบ แต่ดูจากวิธีการบุ่มบ่ามไม่มีขอบเขตแบบนี้แล้วคงตามรอยยาก…คงไม่พ้นสามองค์กร หงเยวี่ย เฟยเทียน เหยียนลั๋วหรอก!”

พอเอ่ยชื่อสามองค์กรนี้ออกมา หยวนซั่วก็ขมวดคิ้วแน่น

เป็นหนึ่งในสามองค์กรนี้หรือ

หากเป็นอย่างนั้น…ปัญหาของลูกศิษย์ของตนอาจจะใหญ่กว่าที่ตนคาดคิดเอาไว้

สามองค์กรนี้ก่อตั้งขึ้นก่อนผู้พิทักษ์รัตติกาลจะปรากฏตัวเสียอีก

ผู้พิทักษ์รัตติกาลก่อตั้งขึ้นเมื่อยี่สิบปีก่อน แต่สามองค์กรใหญ่นี้อาจจะเร็วกว่าสักนิด เพียงแต่ไม่เคยปรากฏตัวที่ใดเลย กระทั่งองค์กรผู้พิทักษ์รัตติกาลก่อตั้งขึ้นแล้ว ทางการถึงได้เบาะแสมาบ้างก่อนจะรู้ถึงการมีตัวตนอยู่ของสามองค์กรใหญ่นี้

เทียบกับองค์กรพลังเหนือธรรมชาติอื่นๆ แล้ว หงเยวี่ย เฟยเทียน เหยียนลั๋ว สามองค์กรนี้จะอยู่แถวหน้าของขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติ มีผู้ที่แข็งแกร่งมากกว่า เพียงปราดเดียวก็สามารถหยั่งรู้ความลับของใครหลายๆ คนได้อย่างน่าหวาดผวา

ความสามารถอยู่เหนือที่คาดเอาไว้มาก

หยวนซั่วไม่ได้พูดอะไรอีก

หากเป็นสามองค์กรนี้…ปัญหาในครั้งนี้คงไม่เล็กแล้วจริงๆ แต่อีกฝ่ายมาถึงเมืองหยินเพื่อจัดการหลี่ฮ่าว ต่อให้มีผู้ที่แข็งแกร่งมาด้วยก็ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมายอะไร

ไม่อย่างนั้นหากถูกผู้พิทักษ์รัตติกาลเอาเปรียบไปหนึ่งครั้ง ทำลายผู้ที่ฝีมือแข็งแกร่งไปหนึ่งคนกลับไม่ใช่ผลลัพธ์ที่สามองค์กรใหญ่ต้องการจะเห็นหรอก

หยวนซั่วไม่ได้มีความเคลื่อนไหวใด

เขากำลังรอ

ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เขาจะลงมือ หรือว่าไม่ลงมือแล้วดี ถ้าลงมือไป…ลงมือครั้งแรกก็ต้องได้ผลลัพธ์ที่ดี ไม่อย่างนั้นตีงูไม่ตาย อนาคตก็ยากจะต่อกรยากขึ้นไปอีก

ภายในห้อง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลสองคนก็มีสีหน้าย่ำแย่มากเช่นกัน

ผู้พิทักษ์รัตติกาลเป็นองค์กรพลังเหนือธรรมชาติของหน่วยทางการ แต่ตอนนี้กลับรู้สึกอัดอั้นตันใจเหลือเกิน พวกเขาแข็งแกร่งไม่พอ อีกทั้งภารกิจนี้ใช่ว่าพวกเขาจะรับมือได้ ตอนนี้ทำได้แค่คอยมองผู้พิทักษ์รัตติกาลถูกย่ำยีศักดิ์ศรี!

แม้เมืองหยินจะเล็ก แต่ก็เป็นเมืองที่มีประชากรนับล้าน

วันนี้กลับถูกปกคลุมอยู่ภายใต้อำนาจผู้อื่น

“ต้องกำจัดพวกมันให้สิ้นซากในสักวัน!”

หลี่เมิ่งแค่นเสียงเย็นเอ่ย!

ลูกวัวเกิดใหม่ไม่กลัวเสือ เธอพูดจาไม่เกรงกลัวใครและดูท่าจะใจกล้าไม่เบาเลย

หยวนซั่วไม่ปริเสียงสักแอะ หูฮ่าวกลับลอบถอนหายใจทีหนึ่ง คิดง่ายเกินไป ถ้ากำราบมันได้ผู้พิทักษ์รัตติกาลคงทำไปตั้งนานแล้ว เพราะทำไม่ได้ อีกอย่างร่องรอยการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายลึกลับมากถึงทำให้มีผลอย่างวันนี้

พลังเหนือธรรมชาติผงาดขึ้นเร็วเกินไป ผงาดขึ้นฉุกละหุกเกินไปจนทางการก็ตั้งรับไม่ทัน พลังเหนือธรรมชาติไม่ได้โผล่มากะทันหัน แต่เกิดจากแผนการที่มีการวางแผนมาแล้วล่วงหน้า ตรงจุดนี้ทางการเองก็ไม่ทันรวบรวมข้อมูลตั้งแต่แรก

พอรอถึงวันที่ทุกอย่างกระจ่างถึงทำได้แค่อาศัยอำนาจรากฐานอันยิ่งใหญ่ของทางการก่อตั้งหน่วยผู้พิทักษ์รัตติกาลขึ้นมา แบบนี้ถึงคุมสถานการณ์ตามเมืองต่างๆ ให้คงที่ลงได้

ทว่าบัดนี้เกิดความวุ่นวายไปทั่ว ผู้พิทักษ์รัตติกาลมีจำนวนจำกัด แล้วจะกำราบทั่วทุกทิศได้อย่างไร

ความจริงหูฮ่าวเริ่มกังวลในใจ ยี่สิบปีมานี้ผู้พิทักษ์รัตติกาลเป็นฝ่ายยอมมาโดยตลอด หากเป็นเช่นนี้ต่อไปองค์กรใหญ่ต่างๆ ก็จะเอาแต่ใจมากขึ้น บางจุดแม้แต่ผู้พิทักษ์รัตติกาลเองยังเสื่อมโทรมลงไปด้วย

ความสงบแบบนี้จะคงอยู่ไปได้อีกนานแค่ไหน

มณฑลหยินเยวี่ยในตอนนี้ยังถือว่าดี แต่ความวุ่นวายในเมืองหยินอย่างวันนี้จะขยายเวลาไปนานไหม

วินานี้ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ

ผู้พิทักษ์รัตติกาลทั้งสองโกรธเคือง ไม่พอใจ แต่ทำได้แค่มองและรอคอยอย่างเดียว พร้อมหวังว่าทางฐานบัญชาการใหญ่ของผู้พิทักษ์รัตติกาลจะส่งคนมา ถึงขั้นฝันว่าจะมีผู้ที่แข็งแกร่งของฐานบัญชาการใหญ่มาเพื่อสยบความวุ่นวาย ให้เป็นที่ยำเกรงในขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติบ้าง!

แต่…ความคาดหวังแบบนี้มีมาหลายปีแล้ว ทว่าเกิดขึ้นน้อยครั้งนัก

หยวนซั่วนั่งพิงเก้าอี้ข้างๆ โดยไม่พูดอะไร

ข้างๆ มือกลับลูบมีดเล่มหนึ่ง

เหตุผลที่หยวนซั่วโด่งดังได้ใช่ว่าจะอาศัยอาวุธอย่างเดียว เขาเป็นคนเก่งรอบด้านจึงถนัดทั้งอาวุธและมือเท้า

ตอนนี้เขากลับวางมีดเล่มหนึ่งอยู่ข้างกาย

ความจริงนี่เป็นมีดที่เพิ่งทำขึ้นมาใหม่ไม่นานมานี้

ไม่มีใครสนใจเลย ความจริงต่อให้เป็นสองคนที่อยู่ข้างๆ ก็ไม่มีใครสนใจทั้งนั้น ยิ่งไม่สนใจด้วยว่าด้ามจับของมีดนี้มีหินมีดเล็กๆ ประดับอยู่ ขนาดเจ็ดแปดเซนติเมตรและกว้างสองถึงสามเซนติเมตร

เล็กกว่าด้ามจับเสียอีก!

หยวนซั่วลูบไล้มันไปมาพร้อมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะ ฉับพลันกล้ามเนื้อใต้ร่มผ้าเคลื่อนไหวไม่หยุด จากนั้นก็มีพลังบางอย่างกำลังพลุ่งพล่านในกาย

……

ณ เมืองหยิน

ไกลจากกองตรวจการณ์ไปไม่ถึงสามพันเมตร มีโบสถ์ใหญ่อยู่แห่งหนึ่ง

ณ ตอนนี้ภายในโบสถ์เป็นดั่งขุมนรก

เงียบสงัด!

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนถึงมีเสียงหัวเราะต่ำๆ ดังแว่วมาจากเงามืดที่อยู่ในซอกมุม “หลิวหลงออกมาแล้ว! หยวนซั่วอยู่ในกู่ย่วน สองคนที่ปกป้องเขาก็เฝ้าอยู่ตรงนั้นไม่กล้าขยับไปไหน!”

“ผู้พิทักษ์รัตติกาลมีแผนอะไรไหม”

“ตอนนี้ยังไม่มี แต่ไม่เป็นไร ผู้พิทักษ์รัตติกาลที่อยู่ทางมณฑลหยินเยวี่ย กองบัญชาการใหญ่มียอดฝีมืออยู่แค่ไม่กี่คน อีกอย่างต่างก็มีภารกิจของตัวเองและมีแผนการของตัวเอง สามารถตามแกะร่องรอยได้…ยิ่งกว่านั้น ผู้ที่แข็งแกร่งของกองบัญชาการใหญ่ผู้พิทักษ์รัตติกาลไม่ผลีผลามง่ายๆ หากครั้งนี้เรามียอดฝีมือมา บางทีอาจจะดึงความสนใจเขาได้ ตอนนี้…ฆ่าเราก็เท่ากับแตกหักกัน ผู้พิทักษ์รัตติกาลไม่มาเสี่ยงด้วยหรอก!”

ถ้าสามารถโจมตีฆ่ายอดฝีมือในองค์กรของพวกเขาได้ในคราวเดียว ต่อให้ผู้พิทักษ์รัตติกาลจะมีราคาที่ต้องจ่ายก็อาจจะยอมลงมือได้

แต่หาฆ่าคนระดับกลาง แต่ต้องแตกหักกับองค์กรที่แข็งแกร่ง สำหรับผู้พิทักษ์รัตติกาลแล้วมันไม่คุ้มเท่าไร

เสียงหัวเราะต่ำๆ จากเงามืดดังก้องขึ้น

น้ำเสียงแฝงด้วยความพึงพอใจและภาคภูมิใจ

การทำให้เมืองหยินตกอยู่ภายใต้เงามืดของพวกเขา เรื่องแบบนี้มันช่างน่าภูมิใจเสียเหลือเกิน

ต่อให้มีผู้พิทักษ์รัตติกาลแล้วอย่างไรเล่า

ก่อนมาจัดการคนธรรมดาคนหนึ่งครั้งนี้ ไม่ว่าอดีตตระกูลหลี่จะรุ่งเรืองแค่ไหน หลี่ฮ่าวในวันนี้ก็เป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง ทางเมืองหยินกลับคิดจะขัดขวางอีก ไม่ประมาณตนเอาซะเลย!

………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด