Super God Gene 2629

Now you are reading Super God Gene Chapter 2629 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เจ้าจะลองดูกี่ครั้งก็ได้ตามที่เจ้าต้องการ แต่ร่างโคลนนี้อยู่ที่นี่มาหนึ่งเดือนแล้ว ถ้าในอีกสองสามเดือนเจ้ายังฆ่ามันไม่ได้ พวกเราจะส่งยอดฝีมือระดับเทพเจ้าที่แข็งแกร่งมาฆ่ามัน ดังนั้นจำเอาไว้ว่าเจ้ามีเวลาที่จำกัด” เอ็กซ์ควิสิทพูด

 

“นั่นควรจะมากพอแล้ว” หานเซิ่นพูดพร้อมกับพยักหน้า เขายังคงคิดเกี่ยวกับการต่อสู้กับซีโน่เจเนอิคตัวนั้น

 

หานเซิ่นคิดว่าพลังของตัวเองในตอนนี้ถือว่าพอใช้ได้แล้ว แต่ซีโน่เจเนอิคตัวนั้นสยบเขาได้อย่างสมบูรณ์ นอกจากความแตกต่างระหว่างพลังแล้ว มันยังมีความแตกต่างที่สำคัญในวิธีการของพวกเขา

 

ตอนนี้เมื่อเขามีเวลาได้คิดเกี่ยวกับมัน เขาก็รู้สึกตัวว่าตัวเองนั้นพ่ายแพ้อย่างหมดรูป

 

“มันเป็นเพียงแค่ร่างโคลน แต่มันก็ยังมีพลังที่น่ากลัวขนาดนั้น นี่ร่างจริงของมันจะแข็งแกร่งถึงขนาดไหนกัน?” หานเซิ่นสงสัยกับตัวเอง

 

เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อมองหน้ากัน พวกเธอหลอกหานเซิ่นได้สำเร็จ และตอนนี้พวกเธอแทบจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่

 

หานเซิ่นไม่รู้ว่าร่างโคลนที่เขาต่อสู้ด้วยนั้นแตกต่างไปจากร่างโคลนส่วนใหญ่ มันเป็นเหมือนกับซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อตตัวหนึ่ง ถึงแม้พลังของมันจะเป็นแค่ขั้นพริมิทีฟ แต่ประสบการณ์การต่อสู้ที่มันมีอยู่รวมถึงทักษะและจิตใจของมันถือว่าอยู่ในระดับสูงสุด มันไม่ได้แปลกอะไรที่หานเซิ่นจะพ่ายแพ้ต่อคู่ต่อสู้แบบนี้ แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าส่วนใหญ่ก็จะพ่ายแพ้อย่างยับเยินต่อซีโน่เจเนอิคตัวนี้

 

‘ปล่อยให้เขาได้ต่อสู้กับมันต่อไปอีกสักหน่อย ค่อยๆทำให้ความอวดดีของเขาหายไปทีละนิดๆ’ หลี่เคอเอ๋อยิ้มและคิดกับตัวเอง

 

บาดแผลของหานเซิ่นฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว หลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทมอบจีโฟลูอิดที่ผลิตขึ้นจากยีนซีโน่เจเนอิคให้กับเขา มันดีมากๆต่อการรักษาบาดแผลทางกายภาพ ด้วยการใช้จีโฟลูอิดร่วมด้วย ทำให้ความเสียหายทั้งหมดที่เขาได้รับนั้นหายไปในเจ็ดถึงแปดชั่วโมง

 

ตลอดหลายวันต่อมา หานเซิ่นจะเข้าไปในเจลเดม่อนฮอลล์เพื่อต่อสู้กับซีโน่เจเนอิคตัวนั้น เขาคิดแผนการหลายอย่างเพื่อจะโค้นล้มมัน แต่ความพยายามของเขากลับล้มเหลวทุกครั้ง

 

หานเซิ่นสามารถอยู่รอดภายในเจลเดม่อนฮอลล์ได้นานที่สุดคือสองนาที เมื่อถึงเวลานั้นเขาต้องเทเลพอร์ตหนีออกไป ไม่อย่างนั้นเขาก็จะถูกฆ่าตาย

 

เขามีเวลาแค่เศษเสี้ยวที่จะใช้มีดลมปราณ ถึงแม้ในตอนที่เขาใช้วิชาใต้นภา มันก็ดูเหมือนจะทำอะไรเจ้าซีโน่เจเนอิคไม่ได้ ไม่เพียงแค่เขาจะฆ่ามันไม่สำเร็จ แม้แต่จะสร้างบาดแผลก็ยังทำไม่ได้

 

“มันแข็งแกร่งเกินไปจริงๆ” หานเซิ่นอดไม่ได้ที่จะชื่นชมในความทรงพลังของคู่ต่อสู้ แต่ถึงเขาจะพ่ายแพ้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า หานเซิ่นก็ไม่เคยคิดจะยอมแพ้ ทันทีที่ร่างกายของเขาหายดี เขาก็จะกลับเข้าไปในเจลเดม่อนฮอลล์เพื่อต่อสู้ เขามุ่งมั่นที่จะหาหนทางฆ่ามันให้ได้

 

แต่ทุกครั้งที่เขาเข้าไป เขาจะกลับออกมาอย่างผิดหวัง ซีโน่เจเนอิคตัวนั้นแข็งแกร่งเกินกว่าจะคาดเดาได้ ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงไม่สามารถเข้าใจรูปแบบการโจมตีของมันได้

 

ยิ่งหานเซิ่นเข้าไปข้างในมากเท่าไหร่ หลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทก็เริ่มจะกังวลมากขึ้นเท่านั้น พวกเธอแค่ต้องการจะลดความภาคภูมิของหานเซิ่นลง แต่ถ้าเขายังคงทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ที่สุดแล้วหานเซิ่นก็อาจจะสูญเสียความมั่นใจไป

 

โชคดีที่พวกเธอสัมผัสได้ว่าหานเซิ่นไม่คิดจะยอมแพ้ ถึงแม้เขาจะพ่ายแพ้ซ้ำแล้วซ้ำเหล่า แต่หลังจากความล้มเหลวทุกครั้ง เขาจะเริ่มคิดเกี่ยวกับวิธีการที่จะชนะเจ้าซีโน่เจเนอิคในการต่อสู้ครั้งต่อไป จิตใจของเขาดูเหมือนจะหมกมุ่นอยู่กับการคิดหาวิธีที่จะเอาชนะศัตรู เขาไม่เคยเสียพลังสมองในการคิดเกี่ยวกับอะไรอย่างอื่น

 

นั่นทำให้เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อรู้สึกวางใจขึ้นมาหน่อย พวกเธอหวังว่าเวลาจะผ่านไปโดยเร็ว หลังจากนั้นหานเซิ่นก็จะไม่มีทางเลือกนอกจากยอมแพ้ พวกเธอคาดว่าแบบนั้นมันคงจะไม่ทำลายความมั่นใจของเขามากจนเกินไป

 

“ไม่… นั่นยังคงไม่ได้ผล” หานเซิ่นล้มเหลวอีกครั้ง เขาลากร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลกลับออกมาจากเจลเดม่อนฮอลล์

 

เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อไม่ได้อยู่ที่นั่นอีกต่อไปแล้ว เนื่องจากในตอนนี้หานเซิ่นจะใช้เวลาทั้งหมดไปกับการรักษาตัวหลังจากที่ได้รับบาดเจ็บกลับมา มันเป็นอะไรที่น่าเบื่อ พวกเธอจะกลับมาเพื่อเช็คหานเซิ่นเป็นครั้งคราว แต่พวกเธอไม่ได้อยู่ดูเขาตลอดเวลา

 

และเนื่องจากหานเซิ่นพ่ายแพ้ซ้ำไปซ้ำมา พวกเธอจึงได้เรียนรู้แค่วิธีการรับมือกับความล้มเหลว นั่นจะไม่ได้ช่วยอะไรพวกเธอมากนัก เนื่องจากมันไม่มีอะไรให้พวกเธอได้เรียนรู้ พวกเธอจึงหยุดให้ความสนใจความคิดของเขา

 

‘ดูเหมือนว่าการจะจัดการซีโน่เจเนอิคตัวนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่เดี๋ยวก่อนนะ ตอนนี้กุนซือไวท์น่าจะส่งข่าวกลับมาแล้ว! เราจำเป็นต้องเข้าไปในคอร์แอเรีย’ หานเซิ่นคิดเกี่ยวกับคัมภีร์นภาอำพัน และเขาก็รู้สึกตัวว่ามันถึงเวลาที่ต้องพักเบรคจากการต่อสู้

 

ในครั้งต่อไปที่เขาได้เห็นหลี่เคอเอ๋อ หานเซิ่นก็บอกเธอถึงความจำเป็นที่ต้องกลับเข้าไปในคอร์แอเรียอีกครั้ง หลี่เคอเอ๋อรีบตอบตกลงที่จะพาเขาไป

 

เธอและเอ็กซ์ควิสิทเริ่มจะกังวลเกี่ยวกับการต่อสู้อย่างต่อเนื่องของหานเซิ่น พวกเธอกังวลว่าการพ่ายแพ้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดอาจจะสร้างความเสียหายกับความมั่นใจของเขามากเกินไป ตอนนี้เมื่อหานเซิ่นบอกว่าอยากจะเข้าไปในคอร์แอเรีย พวกเธอก็คิดว่านี่ถือเป็นเรื่องดี

 

หลี่เคอเอ๋อพาหานเซิ่นกลับไปที่โอเอซิสเพื่อที่เขาจะได้เข้าไปในคอร์แอเรีย

 

กู่ชิงเฉิงมารอก่อนแล้ว ในตอนที่หานเซิ่นเห็นกู่ชิงเฉิง เขาก็รีบถามขึ้นว่า “เธอได้รับข่าวจากกุนซือไวท์แล้วหรือยัง?”

 

“นี่คือสิ่งที่กุนซือไวท์บอกให้ฉันนำมามอบให้กับนาย” กู่ชิงเฉิงส่งสมุดบันทึกให้กับหานเซิ่นพร้อมกับคัมภีร์นภาอำพันต้นฉบับ

 

หานเซิ่นเก็บคัมภีร์นภาอำพันไปและเปิดสมุดบันทึกเพื่อดูเนื้อหาข้างใน ในสมุดบันทึกเต็มไปด้วยตัวอักษรที่งดงาม ซึ่งเห็นได้ชัดมันว่าถูกเขียนด้วยมือ สมุดบันทึกนั้นมีอยู่ทั้งหมดหนึ่งร้อยหน้า และพวกมันถูกเขียนเอาไว้จนเกือบทั้งเล่ม มันมีเพียงแค่สองสามหน้าเท่านั้นที่ว่างเปล่า เห็นได้ชัดว่ากุนซือไวท์ใช้ความพยายามอย่างมากกับเรื่องนี้

 

“กุนซือไวท์นี้เป็นคนจิตใจดีจริงๆ” หานเซิ่นคิดว่ามีผู้คนไม่มากนักที่จะมีจิตใจที่กว้างขวางเหมือนอย่างกุนซือไวท์

 

แทนที่จะออกไปจากคอร์แอเรีย หานเซิ่นอยู่ที่นั่นต่อเพื่ออ่านสมุดบันทึกของกุนซือไวท์ เขาไม่อยากจะถูกจับตามองโดยหลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทขณะที่อ่านมัน

 

เนื้อหาของสมุดบันทึกนั้นคือรายละเอียดการวิเคราะห์เกี่ยวกับคัมภีร์นภาอำพันของกุนซือไวท์ รวมถึงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นหลังจากที่ใช้มัน

 

ขณะที่หานเซิ่นอ่านเนื้อหาในสมุดบันทึก เขาก็ได้เรียนรู้อะไรมากมาย และนั่นไม่ใช่แค่เกี่ยวกับคัมภีร์นภาอำพันเท่านั้น เขาเริ่มจะเข้าใจศาสตร์ตงเสวียนและวิชาโลหิตชีพจรในระดับที่สูงขึ้น

 

“กุนซือไวท์เป็นปรมาจารย์ของจริง เราเทียบกับเขาไม่ได้เลย” หานเซิ่นพึมพำขณะที่ส่ายหัวและปิดสมุดบันทึกลง

 

จริงๆแล้วการเอ่ยชมของหานเซิ่นไม่ได้ถูกต้องซะทีเดียว หนทางที่แต่ละคนเลือกเดินนั้นแตกต่างกันออกไป กุนซือไวท์มุ่งเน้นไปที่การสะสมความรู้ เขารู้อะไรมากมาย ซึ่งทำให้เขาอยู่ในระดับที่สูงกว่าหานเซิ่นในเรื่องของการแสวงหาปัญญา แต่นั่นเป็นเพราะหานเซิ่นไม่ใช่คนที่สนใจการสะสมความรู้รอบด้านเหมือนอย่างกุนซือไวท์ ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่กุนซือไวท์จะเหนือกว่าเขาในเรื่องนี้ การเปรียบเทียบคนสองคนด้วยความรู้เพียงอย่างเดียวจึงไม่ยุติธรรมเท่าไหร่นัก

 

หานเซิ่นจดจำทุกสิ่งที่ถูกเขียนเอาไว้ในสมุดเรียบร้อยแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่อยากจะทำลายมัน เพราะยังไงซะกุนซือไวท์ก็อุตส่าห์สละเวลาของเขาเพื่อเขียนพวกมันทั้งหมด

 

“นำสิ่งนี้กลับไปที่ดาวอุปราคาและบอกให้ซีโร่เก็บมันเอาไว้” หานเซิ่นพูดขณะที่ส่งสมุดบันทึกคืนให้กับกู่ชิงเฉิง

 

หลังจากที่กู่ชิงเฉิงจากไปแล้ว หานเซิ่นก็พยายามจะแจกแจงเนื้อหาในสมุดบันทึก ยิ่งเขาคิดเกี่ยวกับมันมากเท่าไหร่ เขาก็รู้สึกหวั่นไหวมากเท่านั้น จากการวิเคราะห์ของกุนซือไวท์ ถ้าหานเซิ่นฝึกคัมภีร์นภาอำพันได้สำเร็จ มันจะกลายเป็นพลังที่น่ากลัวมากๆ

 

“นี่การฝึกวิชาโลหิตชีพจรอย่างกลับตาลปัตรเป็นไปได้จริงๆหรอเนี่ย?”
หานเซิ่นแปลกใจ ถ้าสิ่งที่กุนซือไวท์บอกเขาเกี่ยวกับคัมภีร์นภาอำพันเป็นความจริง มันก็จะเป็นอะไรที่น่าสะพรึงกลัว

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Super God Gene 2629

Now you are reading Super God Gene Chapter 2629 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากที่พวกเขาทั้งสองกลับมาจากการต่อสู้ภายในเมืองราชาขาว หัวใจของหานเซิ่นก็ยังคงไม่สงบสุข ทั้งเมืองราชาดำและเมืองราชาขาวทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจราวกับว่ากำลังถูกจับตามองโดยบางสิ่งบางอย่าง

 

แต่ทางปราสาทนภาไม่มีพลังพอจะควบคุมสถานหยกขาว ถ้าใครบางคนมีอำนาจที่จะควบคุมสถานที่แห่งนั้นได้ นั่นก็จะเป็นอะไรที่น่ากลัวมากๆ

 

หานเซิ่นและไผ่เดียวดายร่วมมือกันเพื่อฆ่าซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าในเมืองราชาขาว ข่าวนี้แพร่กระจายไปทั่วปราสาทนภาราวกับไฟป่า วันถัดมาเมื่อหานเซิ่นตัดสินใจไปที่เมืองราชาดำ เขาก็พบว่าเอ็กซ์ควิสิทมายืนอยู่บนเกาะหยกน้อยของเขา

 

“ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่?” หานเซิ่นรู้ว่านี่เป็นข่าวร้าย เขาลืมเกี่ยวกับข้อตกลงกับเอ็กซ์ควิสิทไปซะสนิทเลย เขาจึงไม่ได้คิดในตอนที่ตอบรับคำเชิญของไผ่เดียวดาย

 

ตอนนี้เมื่อทุกคนรู้ว่าเขาร่วมมือกับไผ่เดียวดายฆ่าซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้า เอ็กซ์ควิสิทก็คงจะคิดว่าเขาหายดีแล้ว

 

มันเป็นอย่างที่หานเซิ่นคิด เอ็กซ์ควิสิทมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าและพูด
“การฆ่าซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าไม่ใช่งานของคนบาดเจ็บ ดูเหมือนว่าเจ้าจะหายดีแล้วสินะ”

 

ถึงแม้หานเซิ่นต้องการจะปฏิเสธและพูดว่าตัวเองยังคงไม่หายดี แต่เขาก็รู้ว่าเอ็กซ์ควิสิทคงจะไม่เชื่อเขาอีกต่อไป

 

หานเซิ่นเงียบไป หลังจากนั้นเขาก็พยักหน้าและพูด “ข้าเกือบจะหายดีแล้ว ถ้าเจ้ารีบร้อนมากขนาดนี้ นัดวันเวลามา”

 

“การกำหนดวันเวลานั้นเป็นการขอให้ล่าช้ายิ่งขึ้นไปอีก ทำไมไม่ตอนนี้เลย?” เอ็กซ์ควิสิทไม่อยากจะรอคอยอีกต่อไป เธอกังวลว่าถ้าเรื่องนี้ยังคงยืดเยื้อต่อไป เธอก็จะไม่มีวันได้ตัวเขา

 

“เอาสิ ที่ไหน?” หานเซิ่นถาม เขารู้ว่าไม่ช้าก็เร็วเวลานี้ก็ต้องมาถึง

 

“สนามประลองการต่อสู้” เห็นได้ชัดว่าเอ็กซ์ควิสิทต้องการให้ทุกคนในปราสาทนภาได้เห็น เมื่อทุกคนรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ หานเซิ่นก็ไม่สามารถถ่วงเวลาไปมากกว่านี้ได้อีก

 

“เอางั้นก็ได้” หานเซิ่นตอบตกลง หลังจากนั้นเขาก็ไปที่สนามประลองพร้อมกับเอ็กซ์ควิสิท

 

ไม่นานหลังจากที่หานเซิ่นและเอ็กซ์ควิสิทไปถึง ข่าวเรื่องการประลองก็แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ทุกคนในปราสาทนภาได้ยินสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น และไม่นานทุกเกาะรอบสนามประลองก็เต็มไปด้วยผู้ชม

 

ทุกคนรู้ว่าทำไมเอ็กซ์ควิสิทถึงอยู่ที่ปราสาทนภาต่อ เมื่อมันมีรายงานว่าหานเซิ่นไปที่สนามประลองพร้อมกับเอ็กซ์ควิสิท มันก็ชัดเจนว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น

 

“เจ้าคิดว่าอาจารย์หานจะเอาชนะเอ็กซ์ควิสิทได้ไหม?”
“แน่นอนอยู่แล้ว อาจารย์หานมีพรสวรรค์ระดับสิบเอ็ดเปลือก เอ็กซ์ควิสิทมีพรสวรรค์แค่ระดับเก้าเปลือกเท่านั้น”
“มันมีอะไรมากกว่าที่ตาเห็น ก็อตสปิริตทัชวิวัฒนาการภายใต้อิทธิพลของหานเซิ่น ดังนั้นมันอาจจะเป็นความผิดพลาด”
“พวกเราไม่ได้รู้เกี่ยวกับเกณฑ์การประเมินพรสวรรค์ของก็อตสปิริตทัชมากนัก แต่ทว่าทุกคนรู้ถึงความสุดยอดของเผ่าเวรี่ไฮ ถึงแม้อาจารย์หานจะไม่ได้อ่อนแอ แต่เขาพึ่งพาสมบัติซีโน่เจเนอิคมากเกินไป ในตอนนี้เขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้สมบัติซีโน่เจเนอิค นั่นถือเป็นข่าวร้ายสำหรับอาจารย์หาน”
“เหลวไหล! อาจารย์หานไม่จำเป็นต้องพึ่งสมบัติ เขาเอาชนะทุกคนที่อยู่ในระดับเดียวกัน”

 

เมื่อหานเหยียนและพี่น้องยวิ๋นได้ยินข่าว พวกเธอก็รีบมาที่สนามประลอง ยวิ๋นซู่อีกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้
“ถ้าหานเซิ่นแพ้ นั่นหมายความว่าเขาต้องไปที่เผ่าเวรี่ไฮอย่างนั้นหรอ?”

 

หานเหยียนส่ายหัวด้วยสีหน้าจริงจัง “ไม่ต้องกังวล พี่ชายจะไม่แพ้”

 

“แต่ถ้าเขาแพ้ขึ้นมาล่ะ? คนเผ่าเวรี่ไฮไม่ใช่จะเอาชนะได้ง่ายๆ…” ยวิ๋นซู่อียังคงกังวล

 

หานเหยียนมองยวิ๋นซู่อีและเธอก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา

 

หานเหยียนสามารถบอกได้ว่ายวิ๋นซู่อีชอบพี่ชายของเธอ ในช่วงที่เธอฝึกฝนกับยวิ๋นฉางคง เธอได้รู้ว่ายวิ๋นซู่อีเป็นผู้หญิงที่ดี
“น่าเสียดายที่พี่ชายมีเหยียนหรันแล้ว และพวกเขาก็มีความสัมพันธ์ที่ดี” หานเหยียนส่ายหัว เธอรู้สึกเสียใจกับยวิ๋นซู่อี

 

ภายในปราสาท ผู้หญิงคนหนึ่งหันไปพูดกับผู้นำปราสาทนภา
“ถ้าหานเซิ่นพ่ายแพ้ เจ้าคิดจะปล่อยให้เขาไปที่เผ่าเวรี่ไฮอย่างนั้นหรอ?”

 

“ถ้าเขาพ่ายแพ้ แน่นอนว่าเขาต้องไป” ผู้นำปราสาทนภาพูด

 

“ข้าคิดว่าเจ้าคงจะรู้ถึงความสำคัญของหานเซิ่นต่อความเจริญรุ่งเรืองของปราสาทนภา” ผู้หญิงคนนั้นพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว

 

“นั่นเป็นเหตุผลที่เผ่าเวรี่ไฮต้องการตัวเขามากขนาดนั้น เจ้าคิดว่าคนใหญ่คนโตของเผ่าเวรี่ไฮจะอนุญาตให้เอ็กซ์ควิสิทยอมปล่อยไผ่เดียวดายไปง่ายๆหรือยังไง?” ผู้นำปราสาทนภายิ้ม

 

“ถ้าเผ่าเวรี่ไฮรู้ว่าหานเซิ่นอวยพรให้กับผู้คนได้ นั่นจะไม่เลวร้ายยิ่งกว่าเดิมหรอกหรอ? แผนการของพวกเราจะเป็นอะไรที่ยากยิ่งกว่าเดิม” ผู้หญิงคนนั้นพูด

 

เมื่อได้ยินแบบนั้น ผู้นำปราสาทนภาก็ขมวดคิ้ว หลังจากผ่านไปสักพักเขาก็พูดขึ้นมา “เขาเข้าไปในระบบบิ๊กไซเลนซ์เป็นเวลานานแล้ว พวกเราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา พวกเราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เขาจะกลับมา แต่ถ้าไม่มีเขา ข้าไม่คิดว่าแผนการนี้จะดำเนินต่อไปได้”

 

“ข้าได้ส่งกลุ่มคนเข้าไปในระบบบิ๊กไซเลนซ์ แต่สถานที่อย่างระบบบิ๊กไซเลนซ์นั้นแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะหาคนๆหนึ่ง และในหนึ่งร้อยคนที่ไปนั้นจะมีแค่หนึ่งคนที่กลับออกมาได้” ผู้หญิงคนนั้นถอนหายใจ

 

“รออีกหน่อย ถ้าเขาไม่กลับมาจริงๆ อย่างนั้นพวกเราก็ต้องหันไปพึ่งพาอวี้ซ่านซิน” ผู้นำปราสาทนภาพูด

 

ผู้หญิงคนนั้นพยักหน้าและไม่พูดอะไรอีก

 

ผู้นำปราสาทนภาจับจ้องไปที่สนามประลอง เขาไม่ได้พูดอะไร แต่เขาคิดกับตัวเอง ‘บางทีเขาอาจจะพอมีโอกาส ถึงเขาจะมีโอกาสไม่มาก แต่มันก็ยังดีกว่าการลงทุกอย่างไปกับสิ่งเดียว’

 

ภายในสนามประลอง เอ็กซ์ควิสิทพูดอย่างไร้ความรู้สึก “ตามข้อตกลงของพวกเรา เจ้าต้องใช้แค่ร่างกายและวิชาจีโนในการต่อสู้เท่านั้น ถ้าเจ้าชนะ ข้าจะจากไปและไม่ปล่อยให้เผ่าเวรี่ไฮมายุ่งอะไรกับเจ้าอีก”

 

“ถ้าข้าแพ้ ข้าจะตามเจ้าไปที่เผ่าเวรี่ไฮ ข้าจะฟังคำสั่งของเจ้า” หานเซิ่นพูด

 

“ดี” เอ็กซ์ควิสิทพยักหน้า หลังจากนั้นดวงตาที่สามของเธอก็ค่อยๆเปิดออกอย่างช้าๆและเผยให้เห็นดวงตาไท่เก๊กของเธอ

 

“นางเพิ่งจะขึ้นไปบนเวที แต่นางก็ใช้เนตรเวรี่ไฮซะแล้ว ดูเหมือนว่าเอ็กซ์ควิสิทจะเอาจริง”
“มันเป็นเรื่องยากที่จะได้เห็นเผ่าเวรี่ไฮต่อสู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขายังเป็นแค่ระดับราชัน และมันยากยิ่งกว่าที่จะได้เห็นพวกเขาใช้เนตรเวรี่ไฮ”
“นั่นพิสูจน์ว่าเอ็กซ์ควิสิทต้องการตัวหานเซิ่นไปเข้าร่วมเผ่าเวรี่ไฮ”
“ถ้าเป็นข้า ข้าจะยอมติดตามนางและทำตามทุกอย่างที่นางบอก การพัฒนาของข้าจะรวดเร็วขึ้นมากด้วยการช่วยเหลือจากเผ่าเวรี่ไฮ และข้าก็ยังถูกอ้อมล้อมด้วยผู้หญิงที่งดงาม แบบนั้นทำไมเขาถึงไม่อยากไป? ข้าสงสัยเหลือเกินว่าไผ่เดียวดายและหานเซิ่นคิดอะไรอยู่”
“นั่นเป็นเหตุผลที่เจ้าเป็นแค่ศิษย์ปลายแถว หานเซิ่นและไผ่เดียวดายนั้นเป็นอัจฉริยะ”

 

หานเซิ่นมองคู่ต่อสู้อย่างตั้งใจ พวกเขาทั้งคู่เป็นระดับราชันขั้นที่เก้าเหมือนกัน หานเซิ่นไม่ได้เกรงกลัวสิ่งมีชีวิตไหนในระดับเดียวกัน แต่เอ็กซ์ควิสิทมาจากเผ่าเวรี่ไฮ เธอมีวิชาจีโนลับนับไม่ถ้วน ดังนั้นเขาต้องระวังตัวให้มาก

 

ในจังหวะที่เธอเปิดเนตรเวรี่ไฮ เอ็กซ์ควิสิทกลายเป็นเหมือนกับเครื่องจักรอีกครั้ง

 

เธอแค่ยืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่พูดอะไร ทันใดนั้นมิติรอบๆก็เริ่มจะบิดเบี้ยวด้วยพลังงานประหลาดบางอย่าง

 

“นี่คือพลังที่แท้จริงของเจ้า?” หานเซิ่นหลี่ตาลงเล็กน้อย เขาเห็นมิติรอบตัวอีกฝ่ายยังคงบิดเบี้ยวไปมา ในตอนนี้ถึงแม้เอ็กซ์ควิสิทจะอยู่ตรงหน้าเขา เขาก็แทบจะมองไม่เห็นเธอ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+