Supreme Magus 33 ผู้ล่ากับเหยื่อ

Now you are reading Supreme Magus Chapter 33 ผู้ล่ากับเหยื่อ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยาย Supreme Magus

ตอนที่ 33 ผู้ล่ากับเหยื่อ

ตอนที่ 33 ผู้ล่ากับเหยื่อ

ผู้คนที่อยู่ในห้องรอล้วนกระจายออกเป็นวงกว้างเพื่อให้มีที่ว่างสําหรับนักพรานที่เข้ามาใหม่ในขณะที่นานากับลิธก็รีบเชิญให้คนไข้คนก่อนลุกออกจากเตียงจะได้มีเตียงสําหรับรักษาคนไข้ที่เข้ามาใหม่

พวกเขาทุกคนล้วนรู้สึกสิ้นหวังเกินกว่าจะสนใจอายุกับรูปร่างเตี้ยเล็กของลิธและก่อนที่มีใครพูดอะไรออกมาผู้รักษาทั้งสองก็พูดประโยคเดียวกันว่า

“ปิดม่านเสียแล้วปล่อยให้ฉันจัดการเอง”

ทั้งสองใช้เวทย์ “Vinire Rad Tu” แต่กลับไม่ได้ใช้เพื่อหาต้นตอของอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นตรงหน้าแต่เพื่อตรวจสอบว่ายังพอมีความหวังที่จะช่วยพวกเขาได้หรือไม่

ลิธไม่มีเวลาแม้แต่จะเปิดใช้งาน Invigoration แต่ทันใดนั้นก็สังเกตเห็นได้ว่าคนไข้เพศหญิงเสียชีวิตแล้วเขาพยายามจะตรวจสอบอีกครั้งแต่ก็พบว่าทั้งมานาและพลังชีวิตล้วนไม่ตอบสนองต่อเวทย์แสงเลย

“ผมเสียใจด้วย” ลิธเอ่ยขึ้นมาขณะปิดตาให้กับหญิงสาวที่ตายแล้ว

“เธอเสียชีวิตแล้วตั้งแต่ก่อนที่พวกคุณจะมาถึง”

แต่ก่อนที่เขาจะทําความเคารพศพหญิงสาว นานาก็ตะโกนขึ้นมาว่า

“มาที่เตียงนี้! เร็วๆๆ ถ้าร่วมมือกันเรายังรักษาคนนี้ให้รอดได้!”

ลิธรีบวิ่งไปอีกเตียงทันที และไปประจําตําแหน่งที่ปลายเท้าของคนไข้เพศชายในขณะที่นานาก็ย้ายไปประจําตําแหน่งบริเวณศีรษะของคนไข้ทั้งสองล้วนต้องใช้พื้นที่เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการรักษามากที่สุด

นานาพูดถูก Invigoration ของเขายังสัมผัสการไหลเวียนของมานาได้ถึงแม้ว่าจะบางเบาก็ตามที่แผลของคนไข้ล็กมากจนเขาสงสัยว่าการรักษาด้วยเวทย์เทียมจะเพียงพอไหมจากนั้นเวทย์รักษาเทียมก็กระจายไปทั่วทั้งร่าง แล้วเน้นไปที่ส่วนที่บาดเจ็บซึ่งต้องใช้เวลาสองถึงสามวินาที่จึงจะเห็นผล และที่แย่ไปกว่านั้น การกระจายและเน้นไปที่ละจุดทําให้ตัวเวทย์สูญเสียประสิทธิภาพไปบางส่วนอีกด้วย

ลิธจึงใช้เวทย์แท้รักษาแทน ซึ่งมันเข้าไปรักษาแผลได้โดยตรง ต้องขอบคุณ Invigoration ท่าให้เขาสามารถระบุตาแหน่งและส่งมานาแสงเข้าไปรักษาได้อย่างแม่นย่าเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของเวทย์รักษา

“ความสามารถพิเศษของนานาไม่ใช่เวทย์แสง ถ้าเธอเรียกฉัน นั่นแปลว่าเธอหวังว่าเวทย์ส่วนตัวของฉันจะช่วยชีวิตเขาได้”

ลิธลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาชอบใช้เวลาในการคิดพิจารณาถึงความเสี่ยงและผลตอบแทนที่จะได้รับว่ามันคุ้มค่าพอหรือไม่เขาไม่ได้สนใจชีวิตความเป็นความตายของคนไข้ตรงหน้าน้อยลงเลยแต่ก็กลัวว่าความลับจะถูกเปิดเผยเสียมากกว่าเพราะนั่นจะหมายถึงเขาสูญสิ้นแล้วทุกสิ่ง

“ช่างเถอะ! จะช้าหรือเร็ว สุดท้ายแล้วฉันก็ต้องเปิดเผยเวทย์ของฉันอยู่ดีฉันจะเชื่อในตัวนานาและพรสวรรค์แห่งแสงละกัน”

ลิธเริ่มแสดงสัญญาณมืออย่างรวดเร็วผสมกับท่าประสานอินของนินจาที่เขาจําได้จากภาพยนตร์เก่าๆที่เคยดูเขาได้เตรียมสิ่งเหล่านี้ไว้หลังจากที่ได้คุยกับเคาท์ลาร์ค ไปเมื่อล่าสุด

“Vinire Eskla!”เวทย์แสงพลันไหลเข้าสู่เส้นเลือดของคนไข้พรานหนุ่มโดยตรงมันเข้าไปรักษาและห้ามเลือดให้หยุดไหล นานารักษาคนไข่ให้เข้าสู่สภาวะคงที่ลิธเองก็กลับไปใช้เวทย์เทียมเพื่อรักษาเขาต่อหลังจากนั้นเขาก็พิงกําแพงและลงไปกองกับพื้น เขาหมดแรงแล้วจริงๆไม่เคยต้องทําอะไรที่ใช้สมาธิและมานามากมายเป็นเวลานานขนาดนี้

“บ้าที่สุด เพราะไอ้แกนมานาสีเขียวห่วยๆของฉัน! ถ้ามันกลายเป็นสีฟ้าแล้วฉันคงไม่ต้องหยุดกลางคันไปแบบนี้”

โชคดีที่นานาได้รับเครดิตไปทั้งหมดจากการรักษาคนไข้รายนี้สาเร็จ ทําให้ลิธรู้สึกโล่งใจที่ไม่ต้องตอบคําถามเรื่องเวทย์ใดๆ

หลังจากที่เธอรับเงินค่ารักษาสี่สิบเหรียญทองแดง ก็เอ่ยเตือนหัวหน้านายพรานว่า

“เขายังมีชีวิตอยู่ แต่ก็แทบจะไม่รอดแล้วฉันไม่รู้ว่าเขาจะผ่านพ้นวิกฤตตรงนี้ไปได้ไหมฉันไม่สามารถรับรองได้ว่าเขาจะฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่เขาบาดเจ็บหนักเกินไปและพวกเราก็พยายามอย่างเต็มที่แล้ว”

“สี่สิบเหรียญทองแดง ก็เกือบจะครึ่งของหนึ่งเหรียญเงิน นั่นคือที่แกพูดออกมาหรอ? คือให้หวังพึ่งปาฏิหาริย์และขอให้รอดงั้นเรอะ?” เขาตะโกนตอบกลับ

นานาเข้าใจดีว่าเขาไม่ได้โกรธเธอหรือลิธ แค่ต้องเสียเพื่อนไปคนหนึ่งแล้วยังต้องมาเสียอีกคนหนึ่งไปอีกพวกเขาทั้งสองล้วนเป็นเพื่อนที่ดีนั่นจึงทําให้เขายอมรับการสูญเสียที่จะเกิดขึ้นอีกไม่ได้

แต่เธอก็ไม่สนใจ หากพูดถึงความโกรธ นานาก็ไม่เคยเป็นรองใคร เธอยอมเป็นแพะรับบาปของคนชั่วช้มาตลอดทั้งชีวิตแล้ว

“ฟังฉันนะ ไอ้หนุ่ม และฟังให้ดีด้วย ฉันขอท้าเลยว่าเธอจะไม่มีทางเจอหมู่บ้านที่มีผู้รักษาที่สามารถร่ายเวทย์ขั้นสามถึงสองคนหรือแม้แต่คนเดียวก็ตาม!ถ้าเธอต้องการการรักษาที่มั่นใจว่าจะหายดีอย่างแน่นอน ไปหากริชน่ามาโนฮาเทพแห่งการรักษา!เขาอยู่ในสถาบันไวท์กริฟฟินห่างออกไปห้าร้อยกิโลเมตรเท่านั้น! แล้วก็ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้!”

ชายหนุ่มผู้ตกอยู่ในความโศกเศร้ารู้ดีว่าการเป็นปรปักษ์กับนักเวทย์ที่มีแววตาเปี่ยมไปด้วยพลังและเสียงดั่งสายลมกรรโชกนั้นเป็นการฆ่าตัวตายเปล่าๆนายพรานทั้งสองจึงทําได้เพียงยอมปฏิบัติตามนั้น

ในขณะที่นานากําลังทําความสะอาดคราบเลือดที่กระจัดกระจายทั่วห้อง ลิธที่ใช้ Invigorationจนสามารถฟื้นฟูกาลังบางส่วนกลับมาได้เขาก็ออกวิ่งตามเหล่านายพรานข้างนอก

“คุณนายพราน รอก่อนครับ!” พวกเขาอยู่ระหว่างทางไปโรงเตี้ยม หัวหน้านายพรานเองก็อยากจะระบายความหงุดหงิดใส่แมลงตัวจ้อยนี้ แต่เขาก็สงบจิตใจได้มากพอที่จะยอมรับได้ว่าเด็กคนนี้ไม่ได้ทําอะไรผิดทั้งๆที่พยายามช่วยเหลือน้องชายเอาไว้อีกทั้งเขาเองก็ยังกลัวนานาอีกด้วย

“ว่ายังไง หนุ่มน้อย ฉันชื่อ เอคาร์ท ลองแกรน และนี่คือน้องชายร่วมสาบานเฟลคไอโรเทีย”

“ผมชื่อลิธครับ”คนทั้งสามโค้งคํานับให้แก่กัน

“คนที่เธอช่วยชีวิตไว้คือน้องชายคนเล็กของฉันเอง โอทัม ลองแกรนถ้ามีอะไรให้ฉันช่วยเป็นการตอบแทน ก็บอกมาได้เลย”

“ช่วยบอกผมเรื่องสัตว์เวทย์ได้ไหมครับ?”

เอคาร์ทสั่นสะท้านไปครู่หนึ่ง เขาหลับตาลงนึกถึงความทรงจําอันน่าหวาดหวั่นที่แล่นเข้ามาจโจมจิตใจเขา แต่เขาเป็นนายพรานที่แข็งแกร่ง ผู้ที่ผ่านความเป็นความตายมานับไม่ถ้วนชั่วครู่ต่อมาเขาก็ปลุกความกล้าและจิตวิญญาณของตนเองกลับมาได้

“มันคือ ไบก์ ขนาดใหญ่มาก เธอรู้ไหมว่ามันคือตัวอะไร?”

ลิธพยักหน้า จากตําราสัตว์เวทย์ในโซลสพีเดีย ไบก์คือหมีที่วิวัฒนาการเป็นสัตว์เวทย์พวกมันเข้ากันได้ดีกับเวทย์ดิน ที่หาได้ยากคือบางตัวก็เข้ากับเวทย์ไฟได้อีกด้วย

“เมื่อเดือนที่แล้ว มีสัตว์ร้ายบ้าคลั่งมาโจมตีฟาร์มที่อยู่ทางตะวันออกของป่าทรอนตอนแรกมันก็ฆ่าวัวไปบางตัวจากนั้นก็กลับเข้าป่าไปแต่แล้วก็มีพวกชั่วของบารอนเนสราธมาตั้งค่าหัวไบก์เป็นจํานวนเงินมหาศาลโดยหวังว่าจะมีใครมาล้างแค้นลูกชายเธอได้เธอเชื่อว่าเขาตกเป็นเหยื่อของสัตว์ร้ายตัวนี้”

“ราธหรอ” ลิธครุ่นคิด “ชื่อนี้ฟังดูคุ้นๆ”

“ไอ้โรคจิตที่พยายามจะขโมยกระต่ายของเธอไปไง” โซลัสเอ่ยทวนความจําเขา

“และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราว หลังจากที่สัตว์ร้ายได้ลิ้มรสเนื้อของเหล่านายพรานที่ถูกหลอกล่อด้วยเงินมากมาย ไบก์ก็ติดใจในรสชาติเนื้อมนุษย์นับตั้งแต่นั้นมันก็เริ่มไล่ล่าคนที่สะกดตามรอยด้วยกับดักที่ซับซ้อนกว่าเราจะรู้ว่ามันฉลาดแค่ไหนก็สายไปเสียแล้ว พวกเราหนีไปได้เพราะมันกําลังเพลิดเพลินกับอาหารที่จับไว้อยู่”

ลิธโค้งค่านับให้อีกครั้ง

“ขอบคุณครับ ผมอาศัยอยู่ใกล้ๆป่านี้ และข้อมูลของคุณก็อาจจะช่วยชีวิตครอบครัวผมได้ถือว่าคุณตอบแทนผมแล้ว”

และก่อนที่เขาจะหันตัวจากไป เอคาร์ทก็จับไหล่เอาไว้

“ฉันอยู่ในวงการนายพรานมานาน จนเห็นความเป็นนักล่าที่แฝงตัวอยู่ในผู้คนได้ฟังคําแนะนําฉันให้ดีนะ เด็กน้อย อย่าได้ตามล่ามัน สัตว์ร้ายตัวนั้นผิดธรรมชาติไปมากมันไม่เพียงแค่ฉลาดและมีไหวพริบเท่านั้น มันยังมีความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ กด้วย”

“ไม่ว่าเธอจะวิ่งเร็วแค่ไหน มันสามารถเคลื่อนที่แว้บไปแว้บมาได้เหมือนภูตผีฉันรู้ว่ามันฟังดูไร้สาระแต่ฉันเชื่อว่ามันเป็นวิญญาณอาฆาตแน่ๆ”

ลิธขอบคุณเขาอีกครั้งก่อนจะกลับไปช่วยย้ายโอทัมไปยังโรงเตี้ยมแห่งหนึ่งและทําความสะอาดคราบเลือดในบ้านของนานาเมื่อเขาทําสิ่งต่างๆจนเสร็จสิ้นนานาก็ยื่น งินยี่สิบเหรียญทองแดงให้กับเขานั่นคือครึ่งหนึ่งของค่ารักษา

“กลับบ้านไปพักผ่อนเสีย เธอมีพรสวรรค์ในด้านเวทย์แสง แต่เห็นได้ชัดว่าเวทย์นก็กินแรงเธอไปมากจริงๆใช้มันเฉพาะในกรณีฉุกเฉินเท่านั้นนะ”

ลิธพยักหน้าตอบรับ แต่ก่อนจะกลับบ้าน เขาต้องไปซื้อของบางอย่างก่อนเขาได้คุยเรื่องนี้กับโซลัสอยู่ตลอดว่า การไม่เตรียมตัวให้ดีก่อนเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายและยังไม่มีแผนสํารองมากกว่าหนึ่งแผนด้วยถือเป็นอะไรที่โง่เขลามาก

หลังจากที่เขาเตือนเซเลียแล้ว ก็ใช้เวลาทั้งวันไปกับการพักผ่อนและใช้Accumulation ในสถานการณ์ที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายนั้น แม้แต่พลังเพียงเล็กน้อยก็อาจจะสร้างความแตกต่างขึ้นมาได้

ค่าคืนนั้นลิธหลับไปในรอบสองเดือน เขาต้องการเตรียมตัวเองให้อยู่ในสภาวะที่พร้อมที่สุดและไม่เสี่ยงกับอะไรที่ไม่จําเป็น เขาตื่นก่อนฟ้าสว่างและทิ้งข้อความไว้ให้กับครอบครัว

จากนั้นก็สวมใส่ชุดหนังสําหรับล่าสัตว์ใหม่เอี่ยม พร้อมด้วยสนับแขนโลหะสนับแข่งเกราะอกซึ่งเป็นแนวป้องกันสุดท้ายในกรณีที่แผนทุกอย่างไม่เป็นผลเมื่อออกมาข้างนอกและตรวจสอบว่าไม่มีคนอยู่รอบๆเขาก็ร่ายเวทย์ Soaring Hawkแล้วเหาะเหินบินไป

ป่าทรอนกว้างใหญ่เกินไปที่จะเดินด้วยเท้า ลิธใช้Life Vision และการรับรู้มานาของโซลัสเพื่อมองหาเหยื่อขณะบินอยู่เหนือต้นไม้ทั้งหลายไม่นานก็พบไบก์ซึ่งมันเองก็ไม่ได้พยายามจะซ่อนตัวเลย ลิธสามารถแกะรอยได้จากรอยข่วนของหมีบนต้นไม้และหินต่างๆจนพบว่ามันกําลังกินกวางอยู่

“ทั้งฉลาดทั้งเจ้าเล่ห์ แล้วยังกินต่อได้อีกหรอเนี่ย? มันน่าจะอิ่มไปตั้งหลายรอบแล้วนี่นา”ลิธสงสัย

“ถึงยังไงก็ต้องมาลองดูกันว่าฉันจะฆ่ามันได้ง่ายๆไหม”

ไบก์อยู่บนพื้นในขณะที่ลิธอยู่กลางอากาศระยะห่างของทั้งสองอยู่ที่ประมาณสามสิบเมตรซึ่งอยู่ในระยะของเวทย์วิญญาณลิธสร้างคลื่นมานาออกไปเป็นปริมาณมากหวังจะหักคอไบก์ภายในการโจมตีเดียว

แต่ประสาทการรับรู้ของไบก์เฉียบแหลม ถึงมันไม่อาจสัมผัสถึงการมีอยู่ของนักล่าคนใหม่แต่มันก็รู้สึกถึงความผิดปกติได้มันหลอมรวมร่างเข้ากับเวทย์ดินจากนั้นก็มีเวทย์สองสายพุ่งเข้ามาปะทะกัน พลังเวทย์วิญญาณของลิธถูกจํากัดลงจนทําได้เพียง เกาคอมันเท่านั้น

“บัดซบ! อีกแล้วหรอ นี่มันเหมือนตอนสู้กับไรเลย”

“ดูเหมือนว่าสัตว์เวทย์จะสามารถใช้เวทย์ฟิวชั้นได้ในระดับหนึ่ง” โซลัสออกความเห็น

“และที่แย่ยิ่งไปกว่านั้น เวทย์ฟิวชั้นนั่นดันทําลายเวทย์วิญญาณของฉันได้มันสามารถหยุดการไหลเวียนมานาจนใช้งานไม่ได้ นั่นแปลว่าฉันต้องใช้การโจมตีโดยตรงเท่านั้น…”

เมื่อแผนแรกล้มเหลวไป ลิธจึงซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ขณะเคลื่อนตัวให้ห่างจากไบก์การร่ายเวทย์กลางอากาศเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานเกินไปอีกทั้งยังต้องเก็บเป็นความลับไม่ให้เหยื่อรู้อีกด้วยว่าเขาบินได้

เมื่อเขาลงมาอยู่บนพื้นแล้ว ก็อ้อมไปทางไบก์ด้วยการใช้ Float เพื่อไม่ให้เกิดเสียงและใช้ออร่ามืดเพื่อกําจัดกลิ่นกับออร่าของเขาเองจนกระทั่งลิธพบกับไบก์อีกครั้งมันก็ยังคงสูดดมกลิ่นในอากาศและมองไปรอบๆ

ลิธขยับตัวไปด้านหลังของมัน ก่อนจะปล่อยสายฟ้าขนาดใหญ่ใส่ไบก์ที่อยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งยืนอยู่สายฟ้านั่นไม่ส่งผลอะไรนอกจากทําให้สัตว์เวทย์โกรธขึ้นมาจนขนฟูฟอง

“ไอ้บ้าเอ๊ย! ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเวทย์ดินมันกันสายฟ้าได้” ไบก์ครามออกไปอย่างท้าทายมันยืนขึ้นอย่างเต็มที่ร่างกายสูงใหญ่อย่างน้อยสี่เมตรหนักเกือบหนึ่งตันขนสีน้ำตาลเข้มเหลือบเขียว และดวงตาสีเขียวที่กําลังจ้องมองลิธด้วยความเกรี้ยวกราด

“ตัวใหญ่เป็นบ้าเลย!” ลิธสร้างสายลมอันรุนแรงขึ้นมาหวังจะใช้ประโยชน์จากตำแหน่งการยืนที่ไม่มั่นคงเพื่อโค่นไบก์และป้องกันไม่ให้มันพุ่งมาโจมตีใส่

จากนั้นไบก์ก็ร่ายเวทย์ดินมากขึ้น ทําให้กรงเล็บของมันจิกลงไปในดินลึกขึ้นมันย่อขนาดลงจากสี่เมตรจนเหลือ1.6 เมตรเท่านั้น

“ช่างเป็นเอิร์ธฟิวชั้นที่งดงามอะไรอย่างนี้!” โซลัสรู้สึกชื่นชมออกมาแต่ลธยังคงเฉยๆแถมยังกลัวมากกว่าเดิมอีก

“ใช่เลย เห็นได้ชัดว่าฉันยังเป็นแค่มือใหม่เมื่อเทียบกับมัน Ice Spears!”

ทันใดนั้นหอกน้ำแข็งจํานวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นมาท่ามกลางอากาศอันเบาบางล้อมรอบไบก์เอาไว้หอกแต่ละเล่มยาวสองเมตร หนาสิบเซนติเมตรทั้งหมดล้วนแหลมคม

แน่นอนว่าเป็นเวทย์สังหารของลิธหอกทั้งหมดร่วงลงมาราวกับห่าฝน แต่ไบก์กลับไม่แสดงท่าที่หวาดกลัวออกมาเลยมันคํารามขึ้นมาอีกครั้งเขย่งขาเล็กน้อยแล้วใช้เท้าหน้ากระทืบพื้นเพื่อสร้างโดมป้องกันจากก้อนหินก้อนดิน

หอกทุกเล่มล้วนพุ่งปะทะกับบาร์เรียร์ จนไม่อาจสร้างความเสียหายให้กับไบก์ได้เลย

ทั้งลิธทั้งโซลัสต่างก็สาปแช่งมัน

“บัดซบ! สัตว์เวทย์มันก็ใช้เวทย์แท้ได้เหมือนกัน!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Supreme Magus 33 ผู้ล่ากับเหยื่อ

Now you are reading Supreme Magus Chapter 33 ผู้ล่ากับเหยื่อ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยาย Supreme Magus

ตอนที่ 33 ผู้ล่ากับเหยื่อ

ตอนที่ 33 ผู้ล่ากับเหยื่อ

ผู้คนที่อยู่ในห้องรอล้วนกระจายออกเป็นวงกว้างเพื่อให้มีที่ว่างสําหรับนักพรานที่เข้ามาใหม่ในขณะที่นานากับลิธก็รีบเชิญให้คนไข้คนก่อนลุกออกจากเตียงจะได้มีเตียงสําหรับรักษาคนไข้ที่เข้ามาใหม่

พวกเขาทุกคนล้วนรู้สึกสิ้นหวังเกินกว่าจะสนใจอายุกับรูปร่างเตี้ยเล็กของลิธและก่อนที่มีใครพูดอะไรออกมาผู้รักษาทั้งสองก็พูดประโยคเดียวกันว่า

“ปิดม่านเสียแล้วปล่อยให้ฉันจัดการเอง”

ทั้งสองใช้เวทย์ “Vinire Rad Tu” แต่กลับไม่ได้ใช้เพื่อหาต้นตอของอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นตรงหน้าแต่เพื่อตรวจสอบว่ายังพอมีความหวังที่จะช่วยพวกเขาได้หรือไม่

ลิธไม่มีเวลาแม้แต่จะเปิดใช้งาน Invigoration แต่ทันใดนั้นก็สังเกตเห็นได้ว่าคนไข้เพศหญิงเสียชีวิตแล้วเขาพยายามจะตรวจสอบอีกครั้งแต่ก็พบว่าทั้งมานาและพลังชีวิตล้วนไม่ตอบสนองต่อเวทย์แสงเลย

“ผมเสียใจด้วย” ลิธเอ่ยขึ้นมาขณะปิดตาให้กับหญิงสาวที่ตายแล้ว

“เธอเสียชีวิตแล้วตั้งแต่ก่อนที่พวกคุณจะมาถึง”

แต่ก่อนที่เขาจะทําความเคารพศพหญิงสาว นานาก็ตะโกนขึ้นมาว่า

“มาที่เตียงนี้! เร็วๆๆ ถ้าร่วมมือกันเรายังรักษาคนนี้ให้รอดได้!”

ลิธรีบวิ่งไปอีกเตียงทันที และไปประจําตําแหน่งที่ปลายเท้าของคนไข้เพศชายในขณะที่นานาก็ย้ายไปประจําตําแหน่งบริเวณศีรษะของคนไข้ทั้งสองล้วนต้องใช้พื้นที่เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการรักษามากที่สุด

นานาพูดถูก Invigoration ของเขายังสัมผัสการไหลเวียนของมานาได้ถึงแม้ว่าจะบางเบาก็ตามที่แผลของคนไข้ล็กมากจนเขาสงสัยว่าการรักษาด้วยเวทย์เทียมจะเพียงพอไหมจากนั้นเวทย์รักษาเทียมก็กระจายไปทั่วทั้งร่าง แล้วเน้นไปที่ส่วนที่บาดเจ็บซึ่งต้องใช้เวลาสองถึงสามวินาที่จึงจะเห็นผล และที่แย่ไปกว่านั้น การกระจายและเน้นไปที่ละจุดทําให้ตัวเวทย์สูญเสียประสิทธิภาพไปบางส่วนอีกด้วย

ลิธจึงใช้เวทย์แท้รักษาแทน ซึ่งมันเข้าไปรักษาแผลได้โดยตรง ต้องขอบคุณ Invigoration ท่าให้เขาสามารถระบุตาแหน่งและส่งมานาแสงเข้าไปรักษาได้อย่างแม่นย่าเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของเวทย์รักษา

“ความสามารถพิเศษของนานาไม่ใช่เวทย์แสง ถ้าเธอเรียกฉัน นั่นแปลว่าเธอหวังว่าเวทย์ส่วนตัวของฉันจะช่วยชีวิตเขาได้”

ลิธลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาชอบใช้เวลาในการคิดพิจารณาถึงความเสี่ยงและผลตอบแทนที่จะได้รับว่ามันคุ้มค่าพอหรือไม่เขาไม่ได้สนใจชีวิตความเป็นความตายของคนไข้ตรงหน้าน้อยลงเลยแต่ก็กลัวว่าความลับจะถูกเปิดเผยเสียมากกว่าเพราะนั่นจะหมายถึงเขาสูญสิ้นแล้วทุกสิ่ง

“ช่างเถอะ! จะช้าหรือเร็ว สุดท้ายแล้วฉันก็ต้องเปิดเผยเวทย์ของฉันอยู่ดีฉันจะเชื่อในตัวนานาและพรสวรรค์แห่งแสงละกัน”

ลิธเริ่มแสดงสัญญาณมืออย่างรวดเร็วผสมกับท่าประสานอินของนินจาที่เขาจําได้จากภาพยนตร์เก่าๆที่เคยดูเขาได้เตรียมสิ่งเหล่านี้ไว้หลังจากที่ได้คุยกับเคาท์ลาร์ค ไปเมื่อล่าสุด

“Vinire Eskla!”เวทย์แสงพลันไหลเข้าสู่เส้นเลือดของคนไข้พรานหนุ่มโดยตรงมันเข้าไปรักษาและห้ามเลือดให้หยุดไหล นานารักษาคนไข่ให้เข้าสู่สภาวะคงที่ลิธเองก็กลับไปใช้เวทย์เทียมเพื่อรักษาเขาต่อหลังจากนั้นเขาก็พิงกําแพงและลงไปกองกับพื้น เขาหมดแรงแล้วจริงๆไม่เคยต้องทําอะไรที่ใช้สมาธิและมานามากมายเป็นเวลานานขนาดนี้

“บ้าที่สุด เพราะไอ้แกนมานาสีเขียวห่วยๆของฉัน! ถ้ามันกลายเป็นสีฟ้าแล้วฉันคงไม่ต้องหยุดกลางคันไปแบบนี้”

โชคดีที่นานาได้รับเครดิตไปทั้งหมดจากการรักษาคนไข้รายนี้สาเร็จ ทําให้ลิธรู้สึกโล่งใจที่ไม่ต้องตอบคําถามเรื่องเวทย์ใดๆ

หลังจากที่เธอรับเงินค่ารักษาสี่สิบเหรียญทองแดง ก็เอ่ยเตือนหัวหน้านายพรานว่า

“เขายังมีชีวิตอยู่ แต่ก็แทบจะไม่รอดแล้วฉันไม่รู้ว่าเขาจะผ่านพ้นวิกฤตตรงนี้ไปได้ไหมฉันไม่สามารถรับรองได้ว่าเขาจะฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่เขาบาดเจ็บหนักเกินไปและพวกเราก็พยายามอย่างเต็มที่แล้ว”

“สี่สิบเหรียญทองแดง ก็เกือบจะครึ่งของหนึ่งเหรียญเงิน นั่นคือที่แกพูดออกมาหรอ? คือให้หวังพึ่งปาฏิหาริย์และขอให้รอดงั้นเรอะ?” เขาตะโกนตอบกลับ

นานาเข้าใจดีว่าเขาไม่ได้โกรธเธอหรือลิธ แค่ต้องเสียเพื่อนไปคนหนึ่งแล้วยังต้องมาเสียอีกคนหนึ่งไปอีกพวกเขาทั้งสองล้วนเป็นเพื่อนที่ดีนั่นจึงทําให้เขายอมรับการสูญเสียที่จะเกิดขึ้นอีกไม่ได้

แต่เธอก็ไม่สนใจ หากพูดถึงความโกรธ นานาก็ไม่เคยเป็นรองใคร เธอยอมเป็นแพะรับบาปของคนชั่วช้มาตลอดทั้งชีวิตแล้ว

“ฟังฉันนะ ไอ้หนุ่ม และฟังให้ดีด้วย ฉันขอท้าเลยว่าเธอจะไม่มีทางเจอหมู่บ้านที่มีผู้รักษาที่สามารถร่ายเวทย์ขั้นสามถึงสองคนหรือแม้แต่คนเดียวก็ตาม!ถ้าเธอต้องการการรักษาที่มั่นใจว่าจะหายดีอย่างแน่นอน ไปหากริชน่ามาโนฮาเทพแห่งการรักษา!เขาอยู่ในสถาบันไวท์กริฟฟินห่างออกไปห้าร้อยกิโลเมตรเท่านั้น! แล้วก็ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้!”

ชายหนุ่มผู้ตกอยู่ในความโศกเศร้ารู้ดีว่าการเป็นปรปักษ์กับนักเวทย์ที่มีแววตาเปี่ยมไปด้วยพลังและเสียงดั่งสายลมกรรโชกนั้นเป็นการฆ่าตัวตายเปล่าๆนายพรานทั้งสองจึงทําได้เพียงยอมปฏิบัติตามนั้น

ในขณะที่นานากําลังทําความสะอาดคราบเลือดที่กระจัดกระจายทั่วห้อง ลิธที่ใช้ Invigorationจนสามารถฟื้นฟูกาลังบางส่วนกลับมาได้เขาก็ออกวิ่งตามเหล่านายพรานข้างนอก

“คุณนายพราน รอก่อนครับ!” พวกเขาอยู่ระหว่างทางไปโรงเตี้ยม หัวหน้านายพรานเองก็อยากจะระบายความหงุดหงิดใส่แมลงตัวจ้อยนี้ แต่เขาก็สงบจิตใจได้มากพอที่จะยอมรับได้ว่าเด็กคนนี้ไม่ได้ทําอะไรผิดทั้งๆที่พยายามช่วยเหลือน้องชายเอาไว้อีกทั้งเขาเองก็ยังกลัวนานาอีกด้วย

“ว่ายังไง หนุ่มน้อย ฉันชื่อ เอคาร์ท ลองแกรน และนี่คือน้องชายร่วมสาบานเฟลคไอโรเทีย”

“ผมชื่อลิธครับ”คนทั้งสามโค้งคํานับให้แก่กัน

“คนที่เธอช่วยชีวิตไว้คือน้องชายคนเล็กของฉันเอง โอทัม ลองแกรนถ้ามีอะไรให้ฉันช่วยเป็นการตอบแทน ก็บอกมาได้เลย”

“ช่วยบอกผมเรื่องสัตว์เวทย์ได้ไหมครับ?”

เอคาร์ทสั่นสะท้านไปครู่หนึ่ง เขาหลับตาลงนึกถึงความทรงจําอันน่าหวาดหวั่นที่แล่นเข้ามาจโจมจิตใจเขา แต่เขาเป็นนายพรานที่แข็งแกร่ง ผู้ที่ผ่านความเป็นความตายมานับไม่ถ้วนชั่วครู่ต่อมาเขาก็ปลุกความกล้าและจิตวิญญาณของตนเองกลับมาได้

“มันคือ ไบก์ ขนาดใหญ่มาก เธอรู้ไหมว่ามันคือตัวอะไร?”

ลิธพยักหน้า จากตําราสัตว์เวทย์ในโซลสพีเดีย ไบก์คือหมีที่วิวัฒนาการเป็นสัตว์เวทย์พวกมันเข้ากันได้ดีกับเวทย์ดิน ที่หาได้ยากคือบางตัวก็เข้ากับเวทย์ไฟได้อีกด้วย

“เมื่อเดือนที่แล้ว มีสัตว์ร้ายบ้าคลั่งมาโจมตีฟาร์มที่อยู่ทางตะวันออกของป่าทรอนตอนแรกมันก็ฆ่าวัวไปบางตัวจากนั้นก็กลับเข้าป่าไปแต่แล้วก็มีพวกชั่วของบารอนเนสราธมาตั้งค่าหัวไบก์เป็นจํานวนเงินมหาศาลโดยหวังว่าจะมีใครมาล้างแค้นลูกชายเธอได้เธอเชื่อว่าเขาตกเป็นเหยื่อของสัตว์ร้ายตัวนี้”

“ราธหรอ” ลิธครุ่นคิด “ชื่อนี้ฟังดูคุ้นๆ”

“ไอ้โรคจิตที่พยายามจะขโมยกระต่ายของเธอไปไง” โซลัสเอ่ยทวนความจําเขา

“และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราว หลังจากที่สัตว์ร้ายได้ลิ้มรสเนื้อของเหล่านายพรานที่ถูกหลอกล่อด้วยเงินมากมาย ไบก์ก็ติดใจในรสชาติเนื้อมนุษย์นับตั้งแต่นั้นมันก็เริ่มไล่ล่าคนที่สะกดตามรอยด้วยกับดักที่ซับซ้อนกว่าเราจะรู้ว่ามันฉลาดแค่ไหนก็สายไปเสียแล้ว พวกเราหนีไปได้เพราะมันกําลังเพลิดเพลินกับอาหารที่จับไว้อยู่”

ลิธโค้งค่านับให้อีกครั้ง

“ขอบคุณครับ ผมอาศัยอยู่ใกล้ๆป่านี้ และข้อมูลของคุณก็อาจจะช่วยชีวิตครอบครัวผมได้ถือว่าคุณตอบแทนผมแล้ว”

และก่อนที่เขาจะหันตัวจากไป เอคาร์ทก็จับไหล่เอาไว้

“ฉันอยู่ในวงการนายพรานมานาน จนเห็นความเป็นนักล่าที่แฝงตัวอยู่ในผู้คนได้ฟังคําแนะนําฉันให้ดีนะ เด็กน้อย อย่าได้ตามล่ามัน สัตว์ร้ายตัวนั้นผิดธรรมชาติไปมากมันไม่เพียงแค่ฉลาดและมีไหวพริบเท่านั้น มันยังมีความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ กด้วย”

“ไม่ว่าเธอจะวิ่งเร็วแค่ไหน มันสามารถเคลื่อนที่แว้บไปแว้บมาได้เหมือนภูตผีฉันรู้ว่ามันฟังดูไร้สาระแต่ฉันเชื่อว่ามันเป็นวิญญาณอาฆาตแน่ๆ”

ลิธขอบคุณเขาอีกครั้งก่อนจะกลับไปช่วยย้ายโอทัมไปยังโรงเตี้ยมแห่งหนึ่งและทําความสะอาดคราบเลือดในบ้านของนานาเมื่อเขาทําสิ่งต่างๆจนเสร็จสิ้นนานาก็ยื่น งินยี่สิบเหรียญทองแดงให้กับเขานั่นคือครึ่งหนึ่งของค่ารักษา

“กลับบ้านไปพักผ่อนเสีย เธอมีพรสวรรค์ในด้านเวทย์แสง แต่เห็นได้ชัดว่าเวทย์นก็กินแรงเธอไปมากจริงๆใช้มันเฉพาะในกรณีฉุกเฉินเท่านั้นนะ”

ลิธพยักหน้าตอบรับ แต่ก่อนจะกลับบ้าน เขาต้องไปซื้อของบางอย่างก่อนเขาได้คุยเรื่องนี้กับโซลัสอยู่ตลอดว่า การไม่เตรียมตัวให้ดีก่อนเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายและยังไม่มีแผนสํารองมากกว่าหนึ่งแผนด้วยถือเป็นอะไรที่โง่เขลามาก

หลังจากที่เขาเตือนเซเลียแล้ว ก็ใช้เวลาทั้งวันไปกับการพักผ่อนและใช้Accumulation ในสถานการณ์ที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายนั้น แม้แต่พลังเพียงเล็กน้อยก็อาจจะสร้างความแตกต่างขึ้นมาได้

ค่าคืนนั้นลิธหลับไปในรอบสองเดือน เขาต้องการเตรียมตัวเองให้อยู่ในสภาวะที่พร้อมที่สุดและไม่เสี่ยงกับอะไรที่ไม่จําเป็น เขาตื่นก่อนฟ้าสว่างและทิ้งข้อความไว้ให้กับครอบครัว

จากนั้นก็สวมใส่ชุดหนังสําหรับล่าสัตว์ใหม่เอี่ยม พร้อมด้วยสนับแขนโลหะสนับแข่งเกราะอกซึ่งเป็นแนวป้องกันสุดท้ายในกรณีที่แผนทุกอย่างไม่เป็นผลเมื่อออกมาข้างนอกและตรวจสอบว่าไม่มีคนอยู่รอบๆเขาก็ร่ายเวทย์ Soaring Hawkแล้วเหาะเหินบินไป

ป่าทรอนกว้างใหญ่เกินไปที่จะเดินด้วยเท้า ลิธใช้Life Vision และการรับรู้มานาของโซลัสเพื่อมองหาเหยื่อขณะบินอยู่เหนือต้นไม้ทั้งหลายไม่นานก็พบไบก์ซึ่งมันเองก็ไม่ได้พยายามจะซ่อนตัวเลย ลิธสามารถแกะรอยได้จากรอยข่วนของหมีบนต้นไม้และหินต่างๆจนพบว่ามันกําลังกินกวางอยู่

“ทั้งฉลาดทั้งเจ้าเล่ห์ แล้วยังกินต่อได้อีกหรอเนี่ย? มันน่าจะอิ่มไปตั้งหลายรอบแล้วนี่นา”ลิธสงสัย

“ถึงยังไงก็ต้องมาลองดูกันว่าฉันจะฆ่ามันได้ง่ายๆไหม”

ไบก์อยู่บนพื้นในขณะที่ลิธอยู่กลางอากาศระยะห่างของทั้งสองอยู่ที่ประมาณสามสิบเมตรซึ่งอยู่ในระยะของเวทย์วิญญาณลิธสร้างคลื่นมานาออกไปเป็นปริมาณมากหวังจะหักคอไบก์ภายในการโจมตีเดียว

แต่ประสาทการรับรู้ของไบก์เฉียบแหลม ถึงมันไม่อาจสัมผัสถึงการมีอยู่ของนักล่าคนใหม่แต่มันก็รู้สึกถึงความผิดปกติได้มันหลอมรวมร่างเข้ากับเวทย์ดินจากนั้นก็มีเวทย์สองสายพุ่งเข้ามาปะทะกัน พลังเวทย์วิญญาณของลิธถูกจํากัดลงจนทําได้เพียง เกาคอมันเท่านั้น

“บัดซบ! อีกแล้วหรอ นี่มันเหมือนตอนสู้กับไรเลย”

“ดูเหมือนว่าสัตว์เวทย์จะสามารถใช้เวทย์ฟิวชั้นได้ในระดับหนึ่ง” โซลัสออกความเห็น

“และที่แย่ยิ่งไปกว่านั้น เวทย์ฟิวชั้นนั่นดันทําลายเวทย์วิญญาณของฉันได้มันสามารถหยุดการไหลเวียนมานาจนใช้งานไม่ได้ นั่นแปลว่าฉันต้องใช้การโจมตีโดยตรงเท่านั้น…”

เมื่อแผนแรกล้มเหลวไป ลิธจึงซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ขณะเคลื่อนตัวให้ห่างจากไบก์การร่ายเวทย์กลางอากาศเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานเกินไปอีกทั้งยังต้องเก็บเป็นความลับไม่ให้เหยื่อรู้อีกด้วยว่าเขาบินได้

เมื่อเขาลงมาอยู่บนพื้นแล้ว ก็อ้อมไปทางไบก์ด้วยการใช้ Float เพื่อไม่ให้เกิดเสียงและใช้ออร่ามืดเพื่อกําจัดกลิ่นกับออร่าของเขาเองจนกระทั่งลิธพบกับไบก์อีกครั้งมันก็ยังคงสูดดมกลิ่นในอากาศและมองไปรอบๆ

ลิธขยับตัวไปด้านหลังของมัน ก่อนจะปล่อยสายฟ้าขนาดใหญ่ใส่ไบก์ที่อยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งยืนอยู่สายฟ้านั่นไม่ส่งผลอะไรนอกจากทําให้สัตว์เวทย์โกรธขึ้นมาจนขนฟูฟอง

“ไอ้บ้าเอ๊ย! ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเวทย์ดินมันกันสายฟ้าได้” ไบก์ครามออกไปอย่างท้าทายมันยืนขึ้นอย่างเต็มที่ร่างกายสูงใหญ่อย่างน้อยสี่เมตรหนักเกือบหนึ่งตันขนสีน้ำตาลเข้มเหลือบเขียว และดวงตาสีเขียวที่กําลังจ้องมองลิธด้วยความเกรี้ยวกราด

“ตัวใหญ่เป็นบ้าเลย!” ลิธสร้างสายลมอันรุนแรงขึ้นมาหวังจะใช้ประโยชน์จากตำแหน่งการยืนที่ไม่มั่นคงเพื่อโค่นไบก์และป้องกันไม่ให้มันพุ่งมาโจมตีใส่

จากนั้นไบก์ก็ร่ายเวทย์ดินมากขึ้น ทําให้กรงเล็บของมันจิกลงไปในดินลึกขึ้นมันย่อขนาดลงจากสี่เมตรจนเหลือ1.6 เมตรเท่านั้น

“ช่างเป็นเอิร์ธฟิวชั้นที่งดงามอะไรอย่างนี้!” โซลัสรู้สึกชื่นชมออกมาแต่ลธยังคงเฉยๆแถมยังกลัวมากกว่าเดิมอีก

“ใช่เลย เห็นได้ชัดว่าฉันยังเป็นแค่มือใหม่เมื่อเทียบกับมัน Ice Spears!”

ทันใดนั้นหอกน้ำแข็งจํานวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นมาท่ามกลางอากาศอันเบาบางล้อมรอบไบก์เอาไว้หอกแต่ละเล่มยาวสองเมตร หนาสิบเซนติเมตรทั้งหมดล้วนแหลมคม

แน่นอนว่าเป็นเวทย์สังหารของลิธหอกทั้งหมดร่วงลงมาราวกับห่าฝน แต่ไบก์กลับไม่แสดงท่าที่หวาดกลัวออกมาเลยมันคํารามขึ้นมาอีกครั้งเขย่งขาเล็กน้อยแล้วใช้เท้าหน้ากระทืบพื้นเพื่อสร้างโดมป้องกันจากก้อนหินก้อนดิน

หอกทุกเล่มล้วนพุ่งปะทะกับบาร์เรียร์ จนไม่อาจสร้างความเสียหายให้กับไบก์ได้เลย

ทั้งลิธทั้งโซลัสต่างก็สาปแช่งมัน

“บัดซบ! สัตว์เวทย์มันก็ใช้เวทย์แท้ได้เหมือนกัน!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+